ผมอายุ 28 ทำงานพนักงานบริษัทเอกชน เป็นลูกคนเดียวของครอบครัว เงินเดือน 20,000
แฟนอายุ 27 ทำงานพนักงานรัฐวิสาหกิจ เป็นลูกคนที่ 2 ในจำนวนพี่น้อง 3 คน เงินเดือน 20,000
ผมคบกับแฟนคนแรกมา 4 ปี เราก็มีอะไรกันบ้างเวลาเจอกัน ป้องกันโดยการกินยาคุม แต่สุดท้ายก็ท้อง ผมรับผิดชอบด้วยการขอเธอแต่งงานแล้วมาอยู่บ้านผม จนลูกคลอด จนตอนนี้ลูกผมอายุ 2 ขวบครึ่ง
ตลอดเวลาที่มาอยู่บ้านผม แม่ของผมท่านไม่ชอบเธอมากๆ ตื่น 11 โมง นอนตี 1 งานบ้านไม่จับ สนใจแต่งานตัวเอง กับข้าวทำไม่เป็น ชอบซื้อกินเอาสะดวกผมพยายามพูดกับเธอหลายครั้ง เธอก็บ่นว่าอย่าบังคับอะไรที่ทำให้เขารู้สึกไม่มีชีวิตของตัวเองดิ มันอึดอัด ฉันไม่น่ามีอะไรกับแกเลย ไม่น่าแต่งงานกับแกเลย
ตลอดเวลาตั้งแต่ลูกคลอดมาจนตอนนี้ 2 ปีครึ่ง ผมขอเธอมีอะไรด้วย และจะป้องกันทั้งเธอและผม ผมคิดว่าเธอคงกลัวท้อง เธอปฏิเสธผมทุกครั้ง แค่อาทิตย์ละ 1 วัน เธอยังให้ผมไม่ได้ ผู้ชายก็มีความต้องการนะครับ จนเมื่อเร็วๆนี้ ผมลองถามเธอว่า ขอไปเที่ยวอาบอบนวดได้มั้ย เธอก็บอกว่า ก็ไปดิ มีเงินก็ไปแต่ค่าใช้จ่ายลูกก็ต้องช่วยออกเท่าเดิมนะ (อันนี้ผมรู้อยู่แล้วครับ ถ้าไม่มีเงินคงไม่ไปหรอก) และอยู่บ้านผมมาได้ไม่ถึง 2 ปี เขามีความคิดที่จะแยกออกไปแล้ว ล่าสุดเมื่อหลังสงกรานต์ นางไปจองคอนโดแถวที่ทำงาน ไม่บอกไม่กล่าวใครสักคน ไม่มีใครรู้ ทุกวันนี้อยู่บ้านผม จ-พฤ ส่วน ศ-อาทิตย์กลับไปนอนบ้านตัวเอง เป็นแบบนี้มาเป็นปีแล้วครับ
จนกระทั่ง เมื่อต้นเดือนที่แล้ว มีน้องผู้หญิงคนนึง ปัจจุบันน้องอายุ 20 เขาเคยอยู่แถวบ้านผมหลายปี น่าจะเกือบสิบปี เราปั่นจักรยาน ตีแบต ไปวิ่งด้วยกันแทบทุกวัน ตอนนั้นก็เกิดความรู้สึกดีๆขึ้นมา แต่ด้วยเราทั้งคู่ยังเรียนกันอยู่ และบ้านใกล้กัน ก็ไม่อยากให้ทางบ้านรู้ ต้องเก็บความรู้สึกนั้นไว้ จนเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เขาย้ายออกไป กลับไปโคราชบ้านเกิด ส่วนบ้านนี้ปล่อยเช่า ทำผมใจหายมาก เพราะตอนนั้นด้วยชีวิตโสดๆ และผมคาดหวังไว้มาก อย่างน้อยตอนนั้นเราก็ได้ให้เฟสบุ๊ค ให้ไลน์กัน แรกๆก็คุยกันบ่อยจนนานไปความห่างก็ทำให้เราทั้งคู่มีคนเข้ามาและมีแฟนกันทั้งคู่ เรายังคงกดไลค์ เม้นรูป เม้นโพสต์กันตามปกติ ตามสมควร ผ่านมา 5 ปี เราต่างมีครอบครัว มีลูก (แฟนน้องเขาก็คนโคราชบ้านเดียวกับน้องเขา) แต่มันน่าแปลก ที่เกิดจากพลาดด้วยกันทั้งคู่ ผมบอกน้องว่ายังไงเขาก็ลูกเรา เขาเกิดมาแล้ว ดูแลเขาให้ดีที่สุด พี่จะเป็นพี่ชายที่น้องปรึกษาได้ทุกเรื่องเสมอนะ
และเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม เป็นวันเกิดผม เขามาแฮปปี้เบิร์ธเดย์ทั้งในเฟสบุ๊คและในไลน์ และบอกผมว่า ทางบ้านเขาไม่ชอบแฟนเขา เพราะงานการไม่ทำ วันๆเล่นแต่เกมส์ และก็อยู่บ้านตัวเองมากกว่าบ้านฝ่ายหญิง พวกค่าผ้าอ้อมค่านมลูก ทางแม่ฝ่ายชายก็ส่งมาบ้างไม่ส่งบ้าง โชคยังดีที่บ้านน้องเขาเปิดธุรกิจพวกคาร์แคร์ รายได้วันเป็นพันๆ ยังพอผ่านไปได้ ทางแม่ของน้องเขาบอกทางแม่ฝ่ายชายว่า เรื่องค่าใช้จ่ายถ้ามันลำบากมากก็ไม่ต้องส่ง แต่ก็ไม่กีดกันถ้าลูกชายเขาจะมาหาลูกบ้าง ทางน้องผู้หญิงบอกกับผมตรงๆว่า เขาหมดความรู้สึกรักผู้ชายคนนี้ไปแล้ว เขาให้โอกาสปรับปรุงตัวหลายครั้ง แต่ก็ทำตัวทำนิสัยเดิมๆ จนน้องเขาตัดสินใจเลี้ยงลูกคนเดียว (Single Mom)
เป็นจุดเริ่มต้นในการคุยระบายความในใจของทั้งผมและน้องว่าเจออะไรกันมาบ้าง บางทีก็ร้องไห้และพูดกับผมว่า ทำไมเราสองคนไม่ได้ลงเอยด้วยกันนะพี่ ชีวิตหนูทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย ทางผมก็รับฟังและก็อยากจะบอกน้องเหมือนกันว่า พี่ก็ไม่คิดว่าจะเจออะไรแบบนี้เหมือนกัน ทางพ่อแม่ผมท่านบอกว่า ถ้าแฟนผมเขาอยากออกไปก็ให้เขาไปเถอะ ไม่ต้องไปรั้งเขา ส่วนเรื่องลูกถ้าเขาจะเอาไปก็ให้เขาเอาไป เราก็มีหน้าที่ช่วยเขาเรื่องค่าเล่าเรียน เพราะเราคงเอาลูกมาไม่ได้ เพราะไม่ได้จดทะเบียนกัน
ผมปรึกษาพ่อกับแม่ว่า ถ้าอนาคตเป็นไปได้ ผมจะหาผู้หญิงที่รักครอบครัวของเรา รู้จักปรับตัว ขยันทำงานบ้าน ทำอาหารเป็น และที่สำคัญ เป็นแม่ที่ดีของลูก พ่อกับแม่ก็แซวว่า เจอคนนี้คนเดียวเข้าไป ยังไม่เข็ดอีกหรอ แล้วหาใหม่น่ะ ถ้ามันแย่กว่าเก่า จะทำยังไง ถ้ายังไม่เคลียร์กับทางบ้านนั้นก็อย่าเพิ่งทำอะไร เพราะไม่งั้นถ้าผมไปคุยกับใคร ทางบ้านนั้นจะมาว่าทางฝ่ายผมผิดได้ แล้วบังเอิ๊ญ เป็นช่วงเดียวกับที่น้องผู้หญิงลงมากรุงเทพกับพ่อแม่น้องชายและลูก มาติดตามค่าเช่าบ้าน เพราะไม่จ่ายมา 2 เดือนติดแล้ว ทำให้ผมได้พบกับน้องเขาอีกครั้ง เหมือนไฟในตัวกำลังถูกจุดให้ติด เขาก็มาเล่นกับลูกผม ผมก็เล่นกับลูกเขา สักพักเขาก็ขอตัวกลับ ผมก็ส่งยิ้มให้น้องเขา และไม่รู้เกิดอะไรขึ้น คืนเดียวกันของวันนั้น น้องมาบอกกับผมว่า เขาไปบอกแม่เขาว่าเขาอยากเปิดใจคุยกับผม ผมตกใจปนดีใจ แต่แม่น้องเขาก็บอกมาว่า จะทำอะไรก็ทำให้มันถูกต้องแล้วกัน แม่ไม่ได้ห้ามหนูสองคนนะ และกลัวทางฝ่ายผมรับไม่ได้ที่น้องผู้หญิงมีลูกติดก็เลยออกตัวว่าจะเลี้ยงลูกที่โคราชเอง ส่วนน้องผู้หญิงถ้าทางบ้านผมเคลียร์และโอเคก็มาอยู่ได้ แต่ประเด็นคือผมยังไม่ได้บอกทางพ่อแม่ผมน่ะสิครับ เพราะยังไม่ได้คุยกับทางบ้านนั้น(บ้านแม่ของลูก)ลงตัวเลย
ผมเลยตัดสินใจที่จะคุยๆกับน้องเขาไปเรื่อยๆ รักษาระยะห่างกันไว้ก่อน ให้เคลียร์เรื่องทางนี้จบสักพักแล้วจะบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่ ซึ่งผมคิดว่าท่านไม่น่ามีปัญหาอะไรอยู่แล้ว เพราะท่านชอบสะใภ้ที่ขยัน มีความรับผิดชอบ อ่อนน้อม ซึ่งน้องผู้หญิงคนนี้มีหมด อาจไม่ครบ แต่ดีกว่าแม่ของลูกผมในทุกๆด้านแน่นอน รวมไปถึงหน้าตา สวยใช้ได้เลยครับ แต่ผมมีความรู้สึกว่าผมกำลังเอาเปรียบ เห็นแก่ตัวกับน้องเขาน่ะสิครับ น้องเขารอผม แต่ผมยังไม่เคลียร์เรื่องทางนี้ให้จบ ทุกวันนี้ น้องเขาก็เดือนนึงลงมาหาผมที่กรุงเทพสักครั้ง ก็นัดกับน้องและเพื่อนน้องเขาไปทานข้าวกันตอนเย็น ไม่ไปกันสองคนเลย เพราะผมรู้ว่ามันดูไม่ดี แต่ก็พยายามวางตัวให้ดี ไม่จับมือถือแขนอะไรที่มันเกินเลย น้องเขาก็เข้าใจ แค่ก่อนนอนวิดีโอคอลมาบอกฝันดี ทักคุยในแชทกันบ้างระหว่างวัน ให้ความรู้สึกดีๆ มีให้กันตลอดไป...
จะบอกว่าผมกับน้องเขา รอเวลาที่จะเริ่มต้นกันอย่างเต็มตัว ก็ได้นะครับ
การคบกับผู้หญิงอีกคน ทั้งๆที่มีครอบครัวอยู่แล้ว (ด้วยเหตุผลบางประการ) แบบนี้ผิดมากมั้ย
แฟนอายุ 27 ทำงานพนักงานรัฐวิสาหกิจ เป็นลูกคนที่ 2 ในจำนวนพี่น้อง 3 คน เงินเดือน 20,000
ผมคบกับแฟนคนแรกมา 4 ปี เราก็มีอะไรกันบ้างเวลาเจอกัน ป้องกันโดยการกินยาคุม แต่สุดท้ายก็ท้อง ผมรับผิดชอบด้วยการขอเธอแต่งงานแล้วมาอยู่บ้านผม จนลูกคลอด จนตอนนี้ลูกผมอายุ 2 ขวบครึ่ง
ตลอดเวลาที่มาอยู่บ้านผม แม่ของผมท่านไม่ชอบเธอมากๆ ตื่น 11 โมง นอนตี 1 งานบ้านไม่จับ สนใจแต่งานตัวเอง กับข้าวทำไม่เป็น ชอบซื้อกินเอาสะดวกผมพยายามพูดกับเธอหลายครั้ง เธอก็บ่นว่าอย่าบังคับอะไรที่ทำให้เขารู้สึกไม่มีชีวิตของตัวเองดิ มันอึดอัด ฉันไม่น่ามีอะไรกับแกเลย ไม่น่าแต่งงานกับแกเลย
ตลอดเวลาตั้งแต่ลูกคลอดมาจนตอนนี้ 2 ปีครึ่ง ผมขอเธอมีอะไรด้วย และจะป้องกันทั้งเธอและผม ผมคิดว่าเธอคงกลัวท้อง เธอปฏิเสธผมทุกครั้ง แค่อาทิตย์ละ 1 วัน เธอยังให้ผมไม่ได้ ผู้ชายก็มีความต้องการนะครับ จนเมื่อเร็วๆนี้ ผมลองถามเธอว่า ขอไปเที่ยวอาบอบนวดได้มั้ย เธอก็บอกว่า ก็ไปดิ มีเงินก็ไปแต่ค่าใช้จ่ายลูกก็ต้องช่วยออกเท่าเดิมนะ (อันนี้ผมรู้อยู่แล้วครับ ถ้าไม่มีเงินคงไม่ไปหรอก) และอยู่บ้านผมมาได้ไม่ถึง 2 ปี เขามีความคิดที่จะแยกออกไปแล้ว ล่าสุดเมื่อหลังสงกรานต์ นางไปจองคอนโดแถวที่ทำงาน ไม่บอกไม่กล่าวใครสักคน ไม่มีใครรู้ ทุกวันนี้อยู่บ้านผม จ-พฤ ส่วน ศ-อาทิตย์กลับไปนอนบ้านตัวเอง เป็นแบบนี้มาเป็นปีแล้วครับ
จนกระทั่ง เมื่อต้นเดือนที่แล้ว มีน้องผู้หญิงคนนึง ปัจจุบันน้องอายุ 20 เขาเคยอยู่แถวบ้านผมหลายปี น่าจะเกือบสิบปี เราปั่นจักรยาน ตีแบต ไปวิ่งด้วยกันแทบทุกวัน ตอนนั้นก็เกิดความรู้สึกดีๆขึ้นมา แต่ด้วยเราทั้งคู่ยังเรียนกันอยู่ และบ้านใกล้กัน ก็ไม่อยากให้ทางบ้านรู้ ต้องเก็บความรู้สึกนั้นไว้ จนเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เขาย้ายออกไป กลับไปโคราชบ้านเกิด ส่วนบ้านนี้ปล่อยเช่า ทำผมใจหายมาก เพราะตอนนั้นด้วยชีวิตโสดๆ และผมคาดหวังไว้มาก อย่างน้อยตอนนั้นเราก็ได้ให้เฟสบุ๊ค ให้ไลน์กัน แรกๆก็คุยกันบ่อยจนนานไปความห่างก็ทำให้เราทั้งคู่มีคนเข้ามาและมีแฟนกันทั้งคู่ เรายังคงกดไลค์ เม้นรูป เม้นโพสต์กันตามปกติ ตามสมควร ผ่านมา 5 ปี เราต่างมีครอบครัว มีลูก (แฟนน้องเขาก็คนโคราชบ้านเดียวกับน้องเขา) แต่มันน่าแปลก ที่เกิดจากพลาดด้วยกันทั้งคู่ ผมบอกน้องว่ายังไงเขาก็ลูกเรา เขาเกิดมาแล้ว ดูแลเขาให้ดีที่สุด พี่จะเป็นพี่ชายที่น้องปรึกษาได้ทุกเรื่องเสมอนะ
และเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคม เป็นวันเกิดผม เขามาแฮปปี้เบิร์ธเดย์ทั้งในเฟสบุ๊คและในไลน์ และบอกผมว่า ทางบ้านเขาไม่ชอบแฟนเขา เพราะงานการไม่ทำ วันๆเล่นแต่เกมส์ และก็อยู่บ้านตัวเองมากกว่าบ้านฝ่ายหญิง พวกค่าผ้าอ้อมค่านมลูก ทางแม่ฝ่ายชายก็ส่งมาบ้างไม่ส่งบ้าง โชคยังดีที่บ้านน้องเขาเปิดธุรกิจพวกคาร์แคร์ รายได้วันเป็นพันๆ ยังพอผ่านไปได้ ทางแม่ของน้องเขาบอกทางแม่ฝ่ายชายว่า เรื่องค่าใช้จ่ายถ้ามันลำบากมากก็ไม่ต้องส่ง แต่ก็ไม่กีดกันถ้าลูกชายเขาจะมาหาลูกบ้าง ทางน้องผู้หญิงบอกกับผมตรงๆว่า เขาหมดความรู้สึกรักผู้ชายคนนี้ไปแล้ว เขาให้โอกาสปรับปรุงตัวหลายครั้ง แต่ก็ทำตัวทำนิสัยเดิมๆ จนน้องเขาตัดสินใจเลี้ยงลูกคนเดียว (Single Mom)
เป็นจุดเริ่มต้นในการคุยระบายความในใจของทั้งผมและน้องว่าเจออะไรกันมาบ้าง บางทีก็ร้องไห้และพูดกับผมว่า ทำไมเราสองคนไม่ได้ลงเอยด้วยกันนะพี่ ชีวิตหนูทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย ทางผมก็รับฟังและก็อยากจะบอกน้องเหมือนกันว่า พี่ก็ไม่คิดว่าจะเจออะไรแบบนี้เหมือนกัน ทางพ่อแม่ผมท่านบอกว่า ถ้าแฟนผมเขาอยากออกไปก็ให้เขาไปเถอะ ไม่ต้องไปรั้งเขา ส่วนเรื่องลูกถ้าเขาจะเอาไปก็ให้เขาเอาไป เราก็มีหน้าที่ช่วยเขาเรื่องค่าเล่าเรียน เพราะเราคงเอาลูกมาไม่ได้ เพราะไม่ได้จดทะเบียนกัน
ผมปรึกษาพ่อกับแม่ว่า ถ้าอนาคตเป็นไปได้ ผมจะหาผู้หญิงที่รักครอบครัวของเรา รู้จักปรับตัว ขยันทำงานบ้าน ทำอาหารเป็น และที่สำคัญ เป็นแม่ที่ดีของลูก พ่อกับแม่ก็แซวว่า เจอคนนี้คนเดียวเข้าไป ยังไม่เข็ดอีกหรอ แล้วหาใหม่น่ะ ถ้ามันแย่กว่าเก่า จะทำยังไง ถ้ายังไม่เคลียร์กับทางบ้านนั้นก็อย่าเพิ่งทำอะไร เพราะไม่งั้นถ้าผมไปคุยกับใคร ทางบ้านนั้นจะมาว่าทางฝ่ายผมผิดได้ แล้วบังเอิ๊ญ เป็นช่วงเดียวกับที่น้องผู้หญิงลงมากรุงเทพกับพ่อแม่น้องชายและลูก มาติดตามค่าเช่าบ้าน เพราะไม่จ่ายมา 2 เดือนติดแล้ว ทำให้ผมได้พบกับน้องเขาอีกครั้ง เหมือนไฟในตัวกำลังถูกจุดให้ติด เขาก็มาเล่นกับลูกผม ผมก็เล่นกับลูกเขา สักพักเขาก็ขอตัวกลับ ผมก็ส่งยิ้มให้น้องเขา และไม่รู้เกิดอะไรขึ้น คืนเดียวกันของวันนั้น น้องมาบอกกับผมว่า เขาไปบอกแม่เขาว่าเขาอยากเปิดใจคุยกับผม ผมตกใจปนดีใจ แต่แม่น้องเขาก็บอกมาว่า จะทำอะไรก็ทำให้มันถูกต้องแล้วกัน แม่ไม่ได้ห้ามหนูสองคนนะ และกลัวทางฝ่ายผมรับไม่ได้ที่น้องผู้หญิงมีลูกติดก็เลยออกตัวว่าจะเลี้ยงลูกที่โคราชเอง ส่วนน้องผู้หญิงถ้าทางบ้านผมเคลียร์และโอเคก็มาอยู่ได้ แต่ประเด็นคือผมยังไม่ได้บอกทางพ่อแม่ผมน่ะสิครับ เพราะยังไม่ได้คุยกับทางบ้านนั้น(บ้านแม่ของลูก)ลงตัวเลย
ผมเลยตัดสินใจที่จะคุยๆกับน้องเขาไปเรื่อยๆ รักษาระยะห่างกันไว้ก่อน ให้เคลียร์เรื่องทางนี้จบสักพักแล้วจะบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่ ซึ่งผมคิดว่าท่านไม่น่ามีปัญหาอะไรอยู่แล้ว เพราะท่านชอบสะใภ้ที่ขยัน มีความรับผิดชอบ อ่อนน้อม ซึ่งน้องผู้หญิงคนนี้มีหมด อาจไม่ครบ แต่ดีกว่าแม่ของลูกผมในทุกๆด้านแน่นอน รวมไปถึงหน้าตา สวยใช้ได้เลยครับ แต่ผมมีความรู้สึกว่าผมกำลังเอาเปรียบ เห็นแก่ตัวกับน้องเขาน่ะสิครับ น้องเขารอผม แต่ผมยังไม่เคลียร์เรื่องทางนี้ให้จบ ทุกวันนี้ น้องเขาก็เดือนนึงลงมาหาผมที่กรุงเทพสักครั้ง ก็นัดกับน้องและเพื่อนน้องเขาไปทานข้าวกันตอนเย็น ไม่ไปกันสองคนเลย เพราะผมรู้ว่ามันดูไม่ดี แต่ก็พยายามวางตัวให้ดี ไม่จับมือถือแขนอะไรที่มันเกินเลย น้องเขาก็เข้าใจ แค่ก่อนนอนวิดีโอคอลมาบอกฝันดี ทักคุยในแชทกันบ้างระหว่างวัน ให้ความรู้สึกดีๆ มีให้กันตลอดไป...
จะบอกว่าผมกับน้องเขา รอเวลาที่จะเริ่มต้นกันอย่างเต็มตัว ก็ได้นะครับ