BNK48 - จูเน่ สาวมากฝัน ส่งพลังบวก สร้างความสุข!!! โดย Dailynews

https://www.dailynews.co.th/entertainment/665030

จูเน่ BNK48 สาวมากฝัน ส่งพลังบวก สร้างความสุข

9 กันยายน 2561


หนึ่งในสมาชิก BNK48 รุ่น 2 ที่มีความโดดเด่นไม่แพ้ใคร รับรองว่าต้องมีชื่อของ จูเน่-เพลินพิชญา โกมลารชุน ติดโผอยู่แน่ ๆ จนใคร ๆ ยกให้เธอเป็นเมมเบอร์ตัวท็อป วันนี้ “ดาวต่างมุม” ได้โอกาสเหมาะ เจาะลึกถึงชีวิตและมุมมองความคิดของเธอ ซึ่งต้องบอกว่า น่าสนใจไม่น้อยจริง ๆ

อะไรคือแรงบันดาลใจที่ทำให้มาสมัคร BNK48 รุ่น 2?

“จริง ๆ แล้วหนูไม่ได้ตั้งใจสมัครตั้งแต่แรกค่ะ แต่มีคนรู้จักเขาถามหนูว่าลองดูไหม หนูคิดว่ามันคงไม่มีอะไรเสียหายก็เลยสมัครดูค่ะ ในมุมมองตอนแรกคิดว่า BNK ไม่ได้มีอะไรพิเศษมาก แต่พอติดเข้าไปแล้ว มุมมองหลายอย่างมันก็เปลี่ยนค่ะ จากที่มองว่า BNK เป็นวงเล็ก ๆ ธรรมดา เต้นง่าย ๆ แต่ในรายละเอียดมันยากกว่าที่คิด มาก ๆ นี่คือวงที่ให้พลังด้านบวกกับคนได้เยอะมาก อาจจะเป็นวงที่เข้าถึงยากหน่อย แต่ก็สร้างความสุขให้แก่ผู้คน ซึ่งหนูก็อยากสร้างความสุขให้คนอื่นค่ะ”

รุ่น 1 เขาทำไว้ดีพอสมควร รุ่น 2 รู้สึกกดดันไหม?

“มันคงต้องมีการเปรียบเทียบกันเป็นธรรมดาค่ะ แต่ไม่อยากเรียกว่ากดดัน เรียกว่าเป็นแรงผลักดันมากกว่า เพราะการกดดันมันจะทำให้เครียดหรือกังวล แต่หนูเป็นคนสบาย ๆ เรามีเป้าหมายของเรา เราใช้ชีวิตทุกวัน เราพัฒนา มีความสุขไปกับมันดีกว่ามานั่งเครียด มันเลยเป็นแรงผลักดันให้หนูต้องทำให้ดีและใส่ใจในรายละเอียดมากขึ้น เช่น รุ่น 1 ตรงนี้เขาดีกว่า เราก็มาเก็บรายละเอียดในสิ่งที่เราบกพร่อง อยากทำให้มันดีขึ้น เพราะสักวันเราอาจจะไปยืนเคียงข้างรุ่น 1 ได้ หรืออาจจะแซงก็ได้ อยากทำให้ BNK48 เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกเลยค่ะ”

BNK48 เปลี่ยนชีวิตของเรามากน้อยแค่ไหน?

“เปลี่ยนมากเลยค่ะ คนรอบตัวหนูพูดเยอะเหมือนกัน ที่เปลี่ยนเยอะที่สุดคือมุมมอง ทำให้หนูได้รู้จักโลกอีกด้านหนึ่ง โลกของ BNK โลกของคนที่ชื่นชอบเพลงสไตล์นี้ เพราะหนูไม่ได้ติดตามหรืออินกับฝั่งนี้มาก่อนเลย BNK สร้างหนูอีกคนขึ้นมา สร้างแรงบันดาลใจให้หนูที่ทำให้คนอื่นมีความสุข ได้มิตรภาพดี ๆ การใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่น แล้วก็มุมมองที่มีต่อสายญี่ปุ่นหรือเจป๊อป เพราะหนูไม่ได้อินมาก่อน”

เคยคิดไปเป็นดาราหรือศิลปินเดี่ยวบ้างไหม?

“ความฝันของหนูมีหลายอย่างค่ะ แต่หนึ่งในความฝันที่หนูอยากจะเป็นและคิดว่าน่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือการเป็นนักแสดง หลายคนพูดกับหนูว่าทำไมมาอยู่ BNK ทำไมไม่เป็นนักแสดงหรือดารา เพราะหน้าตาดูเหมือนดารา แบบว่าพิมพ์นิยม หนูเลยคิดว่าถ้าหน้าตาพิมพ์นิยมเหมือนดารา ก็แสดงว่าหน้าตาเหมือนคนอื่นหรือเปล่า หนูชอบความแตกต่างค่ะ ชอบความโดดเด่นเป็นตัวของตัวเอง ไม่ซ้ำใคร ถามว่าหนูยังอยากเป็นนักแสดงอยู่ไหม ถ้ามีโอกาสก็ยังอยากเป็นค่ะ แต่มันก็ไม่ได้มีข้อจำกัดนะว่าอยู่ BNK จะแสดงหนังหรือเป็นดารามีชื่อเสียงไม่ได้ คือ BNK รวมหลายอย่างเอาไว้ในคนเดียว เส้นทางตรงนี้มันกว้างมาก ๆ มีหลายโอกาสที่เข้ามา หวังว่าสักวันหนูก็คงได้แสดงเหมือนกัน มีความสุขที่อยู่ตรงนี้ค่ะ”

ใน BNK48 ก็มีการแข่งขันในวงอีก รู้สึกอย่างไร?

“มันเป็นความสัมพันธ์ที่แปลกอยู่เหมือนกันค่ะ ในวงมันก็มีความสัมพันธ์ทั้ง 2 แบบ คือเป็นเพื่อนกันและเป็นคู่แข่งขัน หนูไม่อยากเรียกว่าเป็นศัตรู ถึงแม้ในความเป็นจริงเราอาจเป็นศัตรูกัน เพราะสุดท้ายแล้วถึงเวลาต่างคนก็ต่างเอาตัวรอดเหมือนกัน แต่หนูว่าถึงแม้จะมีการให้เราแข่งกันมากแค่ไหน ความเป็นเพื่อนมันช่วยเหลือกันได้ค่ะ แม้ว่าจะต้องแข่งกันติดเซ็มบัตสึ แต่เบื้องหลังเราอาจจะช่วยเหลือกันอยู่ ตอนแรกหนูเป็นคนที่เหมือนอยากจะเอาตัวรอดคนเดียวด้วยซ้ำ แต่พอมาอยู่ตรงนี้ ทำให้หนูรู้ว่าหนูไปคนเดียวไม่ได้ เราเป็น BNK48 เราต้องไปเป็นทีม ถ้าโดนครูว่า เราไม่ได้โดนว่าคนเดียว แต่โดนว่าเป็นทีม ดังนั้นเราควรจะช่วยเหลือกันเอาไว้”

ที่บอกว่าเหมือนอยากจะเอาตัวรอดคนเดียวเป็นอย่างไร?

“คือมุมมองหนูมันเปลี่ยนไป อย่างตอนแรกที่เข้าคลาสเรียนเต้น เราก็แค่เต้นตามที่ครูบอก แล้วพอเราเต้นได้ เราก็โอเคสบายแล้วเพื่อน ๆ ยังเต้นไม่ได้ ก็โอเคฉันเก่งเต้นได้แล้วไง อะไรแบบนี้ แต่สุดท้ายแล้วเวลาขึ้นบนเวทีหรือออกไปทำงานเป็นกลุ่ม เราต้องไปด้วยกัน เวลาเพื่อนทำผิด หนูจะมายืนยิ้มว่าไม่เป็นไรฉันทำถูก แบบนี้มันไม่ได้ ครูเขาจะว่ารวม ๆ ว่าทำไมไม่เตือนเพื่อน ทำไมไม่ไปด้วยกัน สุดท้ายแล้วคนที่ดูเราเขาจะเหมารวมเลยว่าทำออกมาได้ไม่พร้อมเพรียง ทำได้ไม่ดี ก็เลยอยากจะทำให้ดีเป็นทีมมากกว่าค่ะ”

รุ่น 2 มีชื่อเสียงอย่างรวดเร็วมาก ใช้ชีวิตยากขึ้นไหม?

“โอ้โห ยากอยู่นะ (หัวเราะ) แต่ก่อนไม่มีคนรู้จักหนูขนาดนี้ ตอนนี้ไปที่ไหนเราก็ต้องระมัดระวังทุกอย่างเลย ไม่ว่าจะเดินไปเซเว่น หน้าสดไม่ได้แล้วค่ะ เพราะเดี๋ยวพี่พนักงานจะทักว่า เอ๊ะ น้องจูเน่หรือเปล่าครับ ล่าสุดหนูซ้อนมอเตอร์ไซค์ เขาก็หันมาคุยกับหนู อ้าว วันนี้ไปซ้อมเหรอครับ คือจะบอกว่าคนทั่วไปก็รู้จักหนู ต่อไปนี้เวลาอยู่ในที่สาธารณะหนูไม่สามารถรู้ได้เลยว่าใครรู้จักหนูบ้าง เขาอาจจะไม่ได้เป็นแฟนคลับ แต่เขาก็รู้จักหนู หนูจึงควรระมัดระวังตัวและต้องทำดีเสมอต้นเสมอปลายไปด้วยค่ะ ปกติหนูชิล ไปไหนก็ไป ทำอะไรก็ทำลุย ๆ ไม่ค่อยแคร์สายตาคนอื่นเท่าไร ถ้าอยู่คนเดียวหนูก็เดินเล่นปกติธรรมดา แต่ตอนนี้ถึงแม้หนูจะอยู่คนเดียว ก็จะมีคนมาคอยจับจ้อง หนูรู้สึกว่าหนูขาดไพรเวทโซนของหนูไป มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียนะ มุมหนึ่งรู้สึกดีที่มีคนรู้จักหนู เข้ามาทักทาย มุมหนึ่งก็เรื่องของความปลอดภัยด้วย ไม่รู้ว่าใครประสงค์ร้ายกับเราหรือเปล่า ต้องระวังตัวเป็นพิเศษค่ะ”

มันคุ้มไหมกับการสูญเสียความเป็นส่วนตัวไป?

“จริง ๆ แล้ว หนูรักอิสระมากนะคะ ไม่ชอบให้ใครมาบังคับ การที่หนูมาอยู่ตรงนี้ซึ่งมีกฎข้อบังคับมากมาย เพื่อนหนูยังงงเลยว่าหนูโอเคได้ยังไง (หัวเราะ) พ่อแม่หนูบังคับหนูเยอะมาก ไม่เคยสำเร็จเลยค่ะ แต่ BNK บังคับสำเร็จ เพราะหนูมองว่าตรงนี้มันเป็นโอกาสที่ดีมาก ถึงแม้มันจะใช้เวลาสัญญามันก็ 5-6 ปี หนูว่ามันคุ้มที่จะเสี่ยง เพราะว่ามันไม่ได้เอาทั้งชีวิตของเราไป หลังจาก 5-6 ปีแล้ว เราจะไปทำอะไรก็แล้วแต่เราเลย แต่ช่วงนี้มันเป็นช่วงที่มีโอกาสมากมาย หนูอยากคว้ามันเอาไว้ อยากทำให้ดีที่สุด เต็มที่กับช่วงเวลาตรงนี้ มันเป็นประสบการณ์ที่สนุกและรู้สึกดีค่ะ”

แล้วแบ่งเวลาทำงานกับการเรียนอย่างไร?

“ตอนนี้เพิ่งเปิดเทอมได้ไม่นานค่ะ เข้าไปปี 1 เลย ช่วงแรกยอมรับว่าเครียดเหมือนกัน เพราะหลายอย่างมันก็ยาก หนูยังไม่รู้ว่าจะต้องเจออะไรบ้าง ทั้งกับ BNK และมหาวิทยาลัย แต่พอได้เริ่มเรียน ดูตารางสอน เลิกเรียนก็ไปซ้อมได้ แต่จะมีบางงานที่ชนกับเวลาเรียน ก็คุยกับอาจารย์เป็นพิเศษค่ะ แต่ก็ไม่ได้มีสิทธิพิเศษอะไร ก็ต้องตามงาน ส่งงานเหมือนคนอื่น ซึ่งต้องพยายามมากกว่าคนอื่น 2 เท่า เพราะหนูเรียนสถาปัตย์ด้วย งานก็จะเยอะมาก หนูคิดว่ามันคงจะยากขึ้นไปเรื่อย ๆ ค่ะ คงจะเหนื่อยหน่อย แต่คิดว่าคงไม่เกินความสามารถของหนู หนูไม่กังวลว่าจะต้องเรียน 5-6 ปีกว่าจะจบ หนูโอเคที่จะเรียนไปเรื่อย ๆ ถ้าได้ทำงานด้วย เพราะหนูอยากทำทั้งคู่ พยายามทำให้ดีที่สุดทั้ง 2 ด้าน เพราะหนูไม่อยากเสียโอกาสด้านไหนไป”

เพื่อนใหม่ในคณะตื่นเต้นไหมที่ได้เป็นเพื่อนกับจูเน่ BNK48?

“แรก ๆ เพื่อนจะเงียบ ๆ ค่ะเพื่อนจะทำเป็นไม่รู้จักเรา (หัวเราะ) พอไปเรื่อย ๆ เขาก็เริ่มมาคุยกับหนูว่า BNK เป็นยังไง ซ้อมหนักไหม เขาคอยช่วยตลอดนะ ถามว่ามีกลุ่มหรือยัง มาอยู่ด้วยกันไหม หนูก็ไม่อยากให้เพื่อนมองว่าเราสูงส่งอะไร เพราะหนูก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ในเรื่องความสามารถ หนูก็ยังสู้เพื่อนหลายคนไม่ได้ แต่หนูก็อยากทำหน้าที่ในส่วนของหนูให้ดีที่สุด เราไม่อยากเป็นตัวถ่วงให้กลุ่มของเขา”

รู้สึกอย่างไรที่ถูกมองว่าเป็นตัวท็อปของรุ่น 2?

“หนูอาจมีผู้ติดตามในอินสตาแกรมค่อนข้างสูง เป็นที่พูดถึงอยู่บ้างค่ะ แน่นอนมันดีใจอยู่แล้วที่ได้ถูกเลือกเป็นตัวท็อป แต่ขณะเดียวกันมันก็มีทั้งความกดดัน ทั้งอยากจะทำให้ดีกว่านี้ เพราะเรายังไม่คู่ควรกับจุดนี้ ถ้าบอกว่าท็อปฟอลโลเวอร์หนูเข้าใจได้ แต่ถ้าพูดรวม ๆ ว่าเราเป็นตัวท็อป เราจะรู้สึกว่าศักยภาพของเรายังสู้พี่ ๆ ไม่ได้ หรือยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร เลยอยากจะทำให้ดีกว่านี้ อยากจะทำให้มันคู่ควรกับที่คนเขาติดตาม”

หน้าตาสวยขนาดนี้ มีคนมาจีบเยอะไหม?

“มันก็มีบ้างตามโซเชียลค่ะ เห็นว่าสวยเลยมาหยอด ๆ แค่นั้น หนูไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้ตอบ ไม่ได้สนใจ ก่อนหน้านี้ในโรงเรียนก็มีรุ่นน้องมาชอบ เป็นผู้หญิงมาชอบก็เยอะนะ แนว ๆ ปลื้มเรา เห็นเราแต่งตัวน่ารัก ซึ่งก่อนเข้า BNK หนูก็ไม่ได้มีแฟนนะ อาจมีตามประสาวัยรุ่นปกติก็มีชอบมีคุยบ้างกุ๊กกิ๊กทั่วไป แต่เราจะอยู่กับเพื่อนมากกว่า ด้วยความที่ลุคของหนูดูหยิ่ง จะเป็นคนนิ่ง ๆ หน่อย คือถ้าพูดก็พูดเยอะมาก แต่กับคนอื่นจะวางฟอร์มก่อน เพราะไม่ค่อยชอบเข้าหาคนอื่น ดังนั้นถ้าเขาไม่อยากเข้าหาเราจริง เขาจะไม่กล้าคุยกับเรา เลยคิดว่าหรือเราควรจะเฟรนด์ลี่มากกว่านี้ คงต้องอยู่ตรงกลาง ๆ จะให้หนูหยิ่งเกินไปคงไม่เหมาะสมเท่าไร เพราะถึงแม้คุณจะเป็นคนหยิ่งแค่ไหน แต่ถ้าต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องทำความรู้จัก คุณก็ต้องออกจากโซนของตัวเอง ในขณะเดียวกันถ้าจะให้หนูไปเฟรนด์ลี่มาก มันก็ไม่ใช่หนูไง เลยพยายามให้พอดีค่ะ”

มองเรื่องการห้ามมีแฟนอย่างไรบ้าง?

“หนูรู้ว่ามันเป็นสัญญาใจที่ทาง AKB เขาสร้างมา เขาไม่อยากให้ไอดอลมีคนรัก หนูมองว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาตินะที่เราจะรักใครสักคน หนูว่ามันเป็นคนละเรื่องกัน คนที่รักก็อยู่ในส่วนคนรัก การทำงานก็คือการทำงาน แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้ว มันไม่ค่อยมีเวลาหรอก ถ้าพูดถึงไลฟ์สไตล์นะคะ อย่างเวลาทำงานในเธียเตอร์เสร็จก็ 4-5 ทุ่มถึงได้กลับบ้าน ตอนเช้าตื่นไปเรียน ตอนบ่ายไปทำงาน ตอนเย็นมาซ้อม มันไม่มีโอกาสได้ไปเจอคนรักเลยด้วยซ้ำ แต่ถ้ามันมี ความสัมพันธ์มันอาจจะจางลงไป อย่างหนูก็มีนะ คนที่เป็นแรงบันดาลใจ เป็นแรงผลักดันให้ชีวิต แต่หนูไม่ได้เรียกเขาว่าแฟน สำหรับหนูเขาคือไอดอล เป็นรุ่นพี่ เป็นคนที่มีอิทธิพลกับชีวิตของเรา ทำให้เรารู้สึกว่าเราอยากจะทำงาน ทำทุกอย่างในชีวิตประมาณนี้ค่ะ เขาเหมือนให้พลังบวกกับหนูแล้วหนูส่งต่อให้แฟนคลับได้ด้วย ซึ่งเราก็เลือกแล้วว่าเราจะมาเป็น BNK มันเหมือนเราต้องตัดชีวิตส่วนตัวของเรา ตัดความสัมพันธ์หลาย ๆอย่าง คือถ้าอยากจะมีแฟนหรือเป็นคนธรรมดาเมื่อไรก็มีได้หลังจากไม่ได้เป็น BNK แล้ว”

สุดท้ายนี้อยากฝากอะไรถึงแฟนคลับบ้าง?

“อยากขอบคุณแฟนคลับจากใจจริง ๆ มันเป็นความสัมพันธ์ที่ทั้งแปลก ทั้งรู้สึกดี ที่มีคนมากมายซึ่งเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่มีความรู้สึกดี ๆ ให้กัน เป็นแรงบันดาลใจให้กัน หนูว่ามันเป็นความสัมพันธ์ที่ดี อยากให้อยู่ด้วยกันไปนาน ๆ นะคะ อยากฝากถึงหลายคนที่มองว่า BNK48 เข้าถึงยาก จริง ๆ แล้วเราไม่ได้เป็นวงสายน่ารักหรือขายความสดใสอย่างเดียว อยากให้คุณลองเปิดใจและเปิดรับพวกเรา อยากให้ลองมาดูการแสดง ดูการพูดคุยของพวกเราจริง ๆ ว่าเราก็เป็นคนธรรมดาทั่วไปนี่แหละที่แค่มีความฝันและอยากพัฒนาวง BNK48 ให้ดีขึ้น ขณะเดียวกันก็อยากให้เด็กไทยเป็นที่รู้จักด้วยค่ะ”

โลกบางมุม เราต้องเข้าไปอยู่เองถึงจะรู้ว่าเป็นเช่นไร จูเน่ ก็เช่นกัน ต้องใกล้ชิดแล้วจะรู้ว่า มุมมองความคิดของเธอ...เฉียบ! ไม่เบา.

https://www.dailynews.co.th/entertainment/665030








แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่