รู้สึกชังน้ำหน้าคนในครอบครัว

เคยรู้สึกชังน้ำหน้าคนในครอบครัวไหมคะ

ไม่เชิงว่าจะชังจนเกลียดไปขนาดนั้น แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนในครอบครัว มันก็ยังรักอยู่ดี

สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้ระบายของเรา ไม่รู้ว่าจะปรึกษาใครเลยต้องขอพี่ๆชาวpantip ช่วยรับฟังหน่อยค่ะ
สาเหตุที่เราตั้งกระทู้แบบนี้ มันมีสาเหตุมาจากพี่สาวของเราเองค่ะ ขอเกริ่นก่อนว่าพี่สาวกับเรามีพ่อละพ่อ พูดอย่างเข้าใจก็คือ พี่สาวเราเป็นลูกติดของแม่ แล้วมาแต่งงานกับพ่อเราอีกที จึงมีเราที่เป็นน้องสาว (แต่แม่ปิดเรื่องนี้เป็นความลับมาทั้งชีวิตจนถึงเวลาที่พ่อเสียค่ะ ว่าพี่ไม่ใช่ลูกจริง ๆ ของพ่อ แต่เราก็รู้เรื่องนี้มาทั้งชีวิตเหมือนกันเพราะเคยไปเจอใบหย่าของแม่กับแฟนเก่าแม่ และนามสกุลเก่าของพี่ในทะเบียนบ้านเล่มเก่าก็เหมือนนามสกุลแฟนเก่าแม่ แต่เราก็เลือกที่จะไม่พูด จนกว่าแม่จะพูดออกมาเอง แต่เราก็รู้สึกว่าแม่โกหกเรามาทั้งชีวิตเหมือนกัน ) ปกติแล้วพี่เราจะเป็นคนเงียบ ๆ ค่ะ ไม่ค่อยพูดซักเท่าไหร่ สีหน้าก็ไม่แสดงออก เราจึงไม่รู้ว่าพี่เขาคิดอะไรอยู่ อารมณ์เป็นแบบไหน ต่างจากเราที่แสดงอารมณ์ ความรู้สึกออกมาชัดเจน แล้วก็ร่าเริงกว่า เรากับพี่เลยไม่ค่อยได้คุยกันเพราะนิสัยที่ต่างกันมากๆ เวลาคุยกัน  มักจะถามคำ ตอบคำ อยู่เสมอ แต่น้ำเสียงของพี่นั่น จะเป็นการพูดที่กระแทกเสียง ห้วน ขวานผ่าซาก เหมือนเกลียดเรา บางทีคำพูดธรรมดา ๆ มันทำให้เราเจ็บจึกมาก ๆและรู้สึกผิดที่ไปถาม แม้จะเป็นคำถามธรรมดา ๆ อย่าง ไปจ่ายเงินค่าเน็ตที่ห้างมั้ย แต่ไม่ได้เอาบิลมา เขาจะเสิร์ชชื่อเอาได้ไหม คำตอบก็คือ จะไปก็ไปตอนนี้ใบเสร็จอยู่บ้านก็กลับไปเอาสิ ลองนึกถึงคำพูดแบบนึ้แต่กระแทกเสียงใส่สิคะ เราเลยปรึกษาแม่ว่า ทำไม พี่ถึงพูดแบบนี้ คำแต่ละคำมันดูห้วนมาก ๆ เลย ถามแต่ละทีรู้สึกผิดมาก ๆ และเจตนาของคำพูดเราต่อแม่คือ แม่ช่วยพูดให้พี่พูดแบบไม่ต้องห้วน ไม่ต้องกระแทกเสียงใส่น้องได้ไหม พูดธรรมดา ๆ ก็ได้ แต่แม่กลับพูดต่อว่าเรา ช่างพี่สิลูก พี่ก็เป็นของพี่แบบนั้น อย่าถือสาเลย เลยก็คิดในใจ ไม่คิดจะบอกพี่ให้ปรับปรุงคำพูดหน่อยเหรอ เราเลยเงียบไว้ดีกว่าพูดมากไป จะผิดใจกัน แล้วแม่ก็พูดว่าสาเหตุที่พี่เป็นแบบนี้ เพราะเก็บกดมาจากพ่อของเรา พ่อของเราเคยใช้คำพูดแบบนี้กับพี่สาวเรามาก่อนด้วยความที่พ่อเราไม่เคยมีลูกมาก่อน เลยไม่รู้ว่าต้องใช้คำพูดแบบไหน เราก็ อ๋อ โอเค เป็นแบบนั้นเองเหรอ ไม่เคยรู้เลย จากนั้นแม่ก็พูดว่า ลูกต้องไถ่บาปให้พ่อที่ทำแบบนี้กับพี่นะ ลูกไม่รู้หรอกว่าพี่รู้สึกยังไงตอนที่พ่อทำแบบนี้กับพี่ เราก็เกิดความสับสนในใจขึ้นมา อะไร ไถ่บาปอะไร เราไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน ทำไมเราต้องมาไถ่บาปทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรให้พี่เลย แต่ด้วยความที่รักแม่ กับพี่สาว เราเลยรับบาปนั้นไว้ก็ได้ เพราะแม่คิดว่าบาปนั้นมันแก้ได้ด้วยเรา เราก็จะไถ่ให้ หลังจากนั้นมา เราก็ใช้ชีวิตปกติ แล้วพี่ก็เหมือนเดิม คำพูดเหมือนเดิม แต่มีอยู่ครั้งหนึ่ง เราก็ไม่ไหวเหมือนกัน ก็กระแทกเสียงกลับไปบ้าง แม่ก็มาว่าเราว่า ทำไมเป็นคนแบบนี้ กระแทกเสียงใส่พี่ทำไม แล้วแม่ก็โอ๋พี่ใหญ่เลย ความชังน้ำหน้าพี่สาวในใจของเรามันก็เริ่มผุดขึ้นมาน้อย ๆ เราก็พยายามปล่อยวาง เพราะเรากระแทกเสียงในพี่ครั้งเดียว ทำให้แม่โกรธเราไป 3 วัน จนเราต้องไปขอโทษแม่ที่พูดแบบนั้น แม่ก็บอก ขอโทษ ทำไม ไม่ได้โกรธ (แล้วที่แม่ไม่คุยกับเรา 3 วันนี่เรียกอะไร) เราก็บอกขอโทษ ตอนนั้นมันเครียด ๆ เลยไม่ได้คิด แม่ก็บอกว่าเครียดอะไร พี่เครียดมาทั้งชีวิต มากกว่าลูก ทำไมลูกถึงทำแบบนี้ เรารับผิดแต่โดยดี แต่ในใจเราก็คิดว่า เราไม่ใช่คนเหรอวะ มีจิตใจไม่ได้หรือไง แม่ก็เริ่มบอกว่าพ่อน่ะ ไม่ได้แค่ทำกับพี่แบบนี้ กับแม่ก็ทำ พ่อทำอะไรให้แม่เสียใจ ไม่เคยขอโทษแม่เลย เราก็บอกว่า หนูรับผิดแทนพ่อก็ได้ หนูขอโทษนะแม่ แม่ไม่ตอบอะไรเรา เราก็กลับไปนอนห้องตัวเองด้วยคำถามในใจมากมาย แต่ที่คาใจมากที่สุดคือ เวลาพี่หรือแม่พูดแรงๆใส่เรา ก็ไม่เคยมีใครมาขอโทษเราบ้าง แล้วใครจะมาไถ่บาปให้เราต่อล่ะ แล้วเรื่องที่ปิดเป็นความลับทั้งชีวิตล่ะ ไม่เคยมีมครมาขอโทษที่ไม่บอกเรามาทั้งชีวิตเลย เราเริ่มชังน้ำหน้าพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ จนไม่อยากจะมองหน้า แล้วเวลาจะปรึกษาอะไรเราก็ไม่อยากปรึกษาแม่ เพราะคำปรึกษานั้นมันค่อนข้างที่จะออกไปทางตำหนิเรามากกว่า แล้วล่าสุดนี้เราก็โดนแม่โกรธเพราะเราถาม เรื่องเกิดจาก เราจะเปิดประตูห้องแม่ แต่ห้องแม่ล็อคไว้ ตอนแม่ออกมา เราก็ถามว่าพึ่งตื่นเหรอแม่ หมายถึง เห็นห้องนอนล็อคไว้ เข้าไปงีบมาเหรอ คำตอบที่ได้มาคือ ก็ตื่นตั้งแต่เช้าแล้ว หุงข้าว ไปตักบาตร แล้วก็มาเนี่ย! เราก็แก้คำถามว่า ไม่ใช่ เห็นห้องล็อคนึกว่ากลับไปงีบมาซะอีก แม่ก็เหมือนเดิมค่ะ คำตอบเดิม กระเทกเสียงหนักกว่าเดิม เราเลยเดินออกมาเงียบ ๆ ไม่พูดอะไรต่อ ตอนนี้ก็ไม่คุย ไม่มองหน้าเราเลย บางทีก็มีความรู้สึกว่า อยากตามไปอยู่กับพ่อให้มันจบ ๆ ไปซะก็ดี แต่พ่ออยากให้เราเรียนก่อน เพราะพ่ออยากเห็นเราเรียนจบมาก แต่ก็มาเสียซะก่อน เลยทำให้ช่างใจ ใช้ชีวิตต่อ บางทีขับรถก็อยากจะขับให้ชนกับรถอีกคันซะให้เสร็จ แต่ก็นั้นแหละค่ะ พ่อขอไว้ เราก็กลับมาคิดว่าไม่แปลกที่เราจะสนิทกับพ่อมากกว่าแม่ เพราะพ่อค่อนข้างยิ้มง่าย การพูดจาไม่หนัก แต่ตั้งแต่พ่อเสียไป มันทำให้เราเหงา เราไม่อยากคุยกับใคร นอกจากเพื่อน ๆ ของเราเลย

ขอบคุณเพื่อน ๆ ชาว pantip ที่รับฟังนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่