💫🕛💫 "หลงกาล" Episode-45 : ภาคอวสาน ตอนที่ 4 💫🕛💫

กระทู้คำถาม


หมู่บ้านชาวเขาเผ่าลาหู่ (มูเซอ) ห่างจากหมู่บ้านอาข่าไปประมาณ 20 กิโลเมตร

บรรจง กับเพื่อนอีกสองคนคืออาบือและอาเจอะ เดินทางออกจากประตูผีแห่งหมู่บ้านอาข่าตั้งแต่หกโมงเช้า มุ่งหน้ามาสู่ที่นี่เพื่อสืบหาข่าวคราวน้องสาวของสถาพรตามที่พูดคุยกันไว้ ทั้งสามหนุ่มอาข่ามาถึงบริเวณใกล้ทางเข้าหมู่บ้านในเวลาเกือบแปดโมงโดยเตรียมเสื้อผ้าแบบที่ชาวลาหู่สวมใส่กระเป๋าเป้มาด้วย เมื่อใกล้จะถึงทางเข้าหมู่บ้านทั้งสามคนก็เปลี่ยนเสื้อผ้าปลอมตัวเป็นชาวลาหู่ เก็บเสื้อผ้าชุดคนอาข่าใส่เป้ไว้

อาเจอะมีเพื่อนสนิทชาวลาหู่อยู่คนหนึ่ง เขาจึงเดินนำหน้าพาอีกสองคนไปที่บ้านเพื่อนคนนั้น ขณะเดินไปก็ต้องคอยสำรวจดูด้วยว่าข้างหน้ามีพวกทหารคอยตรวจตราอยู่บ้างหรือไม่ ถ้ามีก็จะได้หลบ เนื่องจากทุกคนอยู่ในสถานะ "คนเถื่อน" ไม่มีไอดีการ์ด หากถูกจับก็จะต้องเดือดร้อนกันแน่นอน

โชคดี วันนี้เป็นวันอาทิตย์ พวกทหารจึงหยุดงานพักผ่อนกันโดยมาก แต่ก็ยังมีทหารส่วนหนึ่งคอยยืนยามอยู่บ้างเล็กน้อยในบางแห่ง ซึ่งเมื่อสามหนุ่มอาข่ามองเห็นแต่ไกลก็รีบหลบเดินอ้อมไปอีกทางหนึ่ง ลัดเลาะเลียบริมลำธารไป ไม่นานก็ถึงบ้านเพื่อนของอาเจอะซึ่งเป็นกระต๊อบสร้างด้วยไม้ไผ่ มีกระต๊อบอีกหลังหนึ่งอยู่ไม่ห่างกันนัก ไม่มีรั้วกั้น ยกพื้นสูงประมาณช่วงตัวคน ใต้ถุนมีหมูดำสองสามตัวเดินหากินไปตามเรื่องตามราวของมัน มีไก่สี่ห้าตัวเดินหากินอยู่ข้างนอก

อาเจอะบอกให้เพื่อนสองคนยืนอยู่หน้ากระต๊อบ ส่วนตัวเองก้าวเข้าไปใกล้ๆ แล้วร้องเรียกเพื่อนเป็นภาษาลาหู่

"จะติ จะติ อยู่ไหม จะติ"

"ใครน่ะ ?" เสียงตะโกนถามมาจากข้างในกระต๊อบ

"เราเอง จะเจ๋อ" เขาบอกชื่อที่เป็นภาษาลาหู่

ประตูกระต๊อบถูกเลื่อนเปิด ชายหนุ่มผิวเนื้อดำแดงในชุดชาวลาหู่เดินออกมา เมื่อเห็นหน้าอาเจอะก็ทำท่าดีใจระคนกับแปลกใจ

"จะเจ๋อ มาได้ยังไงนี่ ?"

"ตั้งใจมาหาสูนั่นแหละ"

"เหรอ ? สูมาคนเดียว หรือว่ามากับใคร ?"

"เรามากับเพื่อนอีกสองคน สูคงไม่ว่าอะไรนะ"

"จะว่าอะไรเล่า เพื่อนสูก็คือเพื่อนเราด้วยสิ ขึ้นมาข้างบนนี่กันเลย มาๆ เรากำลังจะกินข้าวอยู่พอดี"

"ไม่เป็นการรบกวนนะ ?"

"รบกวนอะไรเล่า เพื่อนกันแท้ๆ ขึ้นมาๆ" หนุ่มจะติกวักมือเร่งเร้า อาเจอะหรือจะเจ๋อจึงหันไปพยักหน้ากับบรรจงและอาบือ

"ไปเพื่อน ขึ้นเรือนของเขากัน" แล้วอาเจอะก็เดินนำหน้า เดินขึ้นบันไดซึ่งเป็นไม้แป้นเรียงต่อกันเป็นแผ่นกระดานลงมาจากหัวบันได มีไม้เป็นท่อนๆ พาดขวางห่างกันเป็นระยะๆ ให้ก้าวเหยียบขึ้นไป ไม่มีราวบันไดหรือที่จับ ดังนั้นการเดินขึ้นไปต้องขึ้นอย่างระมัดระวัง มิฉะนั้นอาจจะเหยียบพลาดพลัดตกลงมาได้ง่ายๆ บันไดกระต๊อบของชาวลาหู่เป็นแบบนี้หลายหลัง สำหรับพวกเขาไม่มีปัญหา เดินขึ้นเดินลงได้อย่างคล่องแคล่วทั้งคนหนุ่มคนแก่ แต่สำหรับคนต่างถิ่นต้องระมัดระวังมากทีเดียว

หลังจากทำความรู้จักกันแล้ว ทั้งสี่คนจึงรับประทานอาหารเช้าด้วยกันไปพลางคุยกันไปพลาง จะติอยู่บ้านคนเดียวไม่มีใครอื่น มีแต่แมวสีขาวตัวเดียวอยู่เป็นเพื่อนให้ไม่เหงา ตัวโตอ้วนน่ารักทีเดียว คอยคลอเคลียเจ้าของอยู่ตลอดเวลา

อาเจอะบอกถึงจุดประสงค์ของการมาของพวกตน และถามถึงสาวสวยจากในเมืองหลวงซึ่งมากับพวกทหารว่า จะติได้พบเห็นบ้างหรือไม่

"มีผู้หญิงมากับพวกทหารเหมือนกันนะ ประมาณสี่ห้าคน" เจ้าของบ้านตอบ

"แต่ต้องมีคนสวยที่สุดอยู่คนหนึ่งน่ะ"บรรจงกล่าว เขาพอจะพูดภาษาลาหู่ได้อยู่บ้าง

"เออ...ใช่ๆ มีคนสวยมากๆ อยู่คนหนึ่ง" จะติพยักหน้า "ผู้หญิงคนนี้ เป็นทั้งหมอ เป็นทั้งครูนะ เขามาช่วยสอนภาษาไทยให้พวกเราด้วย และช่วยรักษาโรคด้วย เคยเห็นเขาทำยาเองด้วยน่ะ เอายาน้ำอะไรก็ไม่รู้หลายๆอย่างใส่ในหลอดแก้วหลายอัน ใหญ่ก็มีเล็กก็มี เอามาผสมกันเขย่าๆ มีกล้องส่องด้วย"

"กล้องจุลทรรศใช่ไหม ?" บรรจงถาม

"เราก็ไม่รู้นะ คงใช่มั้ง"

"แล้วเขามาตรวจชาวบ้านวันไหนบ้าง ?"

"วันอาทิตย์น่ะ วันนี้ก็วันอาทิตย์ พวกสูมาถูกวันพอดี"

"ยังงั้น พวกเราก็มีโอกาสได้เห็นเขาสิ"

"แน่นอน เดี๋ยวสักสิบโมง พวกชาวบ้านก็จะไปที่สถานีอนามัย เขาจะตรวจสุขภาพกันที่นั่นทุกวันอาทิตย์"

"สูพาพวกเราไปได้ไหม ?"

"ไม่ดีมั้ง" จะติส่ายหน้า "พวกสูไม่มีบัตรประชาชนกันนี่ อันตรายนะถ้าไป"

"ไม่ๆๆ พวกเราไม่เข้าไปหาเขาหรอก เราจะแอบดูอยู่ข้างนอก และให้สู ถ่ายรูปเขามาให้หน่อย ได้ไหม ?"

"ถ่ายรูป ?" จะติทำหน้าเด๋อด๋า "เราถ่ายไม่เป็น"

"ง่ายมาก เดี๋ยวเราสอนให้สู แป๊บเดียว สูก็ทำเองได้แล้ว" บรรจงพูดจบแล้วควักกล้องถ่ายรูปขนาดประมาณการ์ดเอทีเอ็มซึ่งนิยมใช้กันในช่วงปลายศตวรรษที่ 20 จนถึงต้นศตวรรษที่ 21 ออกมาสาธิตการใช้งาน

"สูดูนี่นะ กดแถบยาวๆแบนๆ ตรงด้านข้างนี้ กล้องก็จะเปิด มีแสงสว่างออกมา และพร้อมที่จะถ่ายรูปได้ทันที เวลาจะถ่ายรูป ก็แค่เอากล้องส่องไปที่คนหรืออะไรก็ช่างที่สูต้องการถ่าย อยากจะให้เห็นใกล้ๆ ก็เอานิ้วมือสองนิ้ว นี่ๆใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ ชิดกัน แล้วแยกห่างจากกัน  สูก็จะเห็นภาพนั้นในระยะใกล้ นี่ไง คอยดูนะ" บรรจงหันกล้องมหัศจรรย์ในสายตาของจะติยกส่องไปทางยอดไม้ต้นหนึ่งซึ่งอยู่ไกลลิบแล้วซูมขยายภาพให้เขาดู "นี่ไงเห็นไหม แม่นกกำลังกกไข่อยู่ในรังบนยอดไม้ต้นโน้น"

"โอ้...โห! ไกลถึงเพียงนั้น มันเข้าไปใกล้ได้ถึงขนาดนี้เชียว" จะติมองภาพที่ปรากฏในจอด้วยความทึ่ง เพราะเมื่อมองจากสายตาเปล่าๆ เขามองไม่เห็นเลย เห็นแต่ต้นไม้สูงใหญ่ซึ่งอยู่ไกลลิบ

"นี่ยังธรรมดา...สูอยากดูภาพนี้แบบเต็มๆตา ก็เรียกมันออกมานอกกล้องได้!"

"ฮะ! ทำได้ด้วยเหรอ ?" จะติทำตาโต "มันจะออกมานอกกล้องมาให้ดูได้ไง"

"ก็คอยดูสิ นี่...เห็นภาพลูกศรแดงที่โผล่ออกนอกรูปสี่เหลี่ยมนี่ไหม ? ตรงนี้แหละ" บรรจงชี้ให้เขาดูที่จอด้านล่าง "สูลองเอานิ้วของสูแตะดูสิ"

จะติลองเอานิ้วชี้แตะรูปลูกศรนั้น ทันใดนั้นเองก็มีแสงสว่างเป็นลำพุ่งออกมาจากช่องด้านบนกล้องที่บรรจงถืออยู่ แล้วแสงนั้นก็บานกว้างออก หยุดอยู่กลางอากาศห่างในระยะสายตาคนถือและคนที่อยู่ข้างๆพอดี ก่อตัวเป็นภาพสามมิติลอยตัวอยู่ เห็นเป็นแม่นกนอนกกไข่อยู่ในรังใหญ่เบ้อเริ่ม

"หูย........"  เขาทำปากจู๋ เบิ่งตามองภาพตรงหน้านัยน์ตาแทบถลน

บรรจงยิ้มด้วยความขบขันกับท่าทางของเพื่อน  กดปุ่มปิดเครื่องที่ด้านข้างกล้อง  ภาพสามมิติก็หายวับไปต่อหน้าต่อตา จากนั้นเขาจึงให้จะติซ้อมการใช้งานดู ไม่นานหนุ่มลาหู่ก็เล่นเป็น

"อยากได้จังเลยว่ะ เยี่ยมจริงๆ" เขาพลิกกล้องในมือไปมา จ้องดูมันด้วยความเสน่หา

"ไม่แน่นา...ถ้าสู ไปพบคุณผู้หญิงคนนั้น และเขาเป็นน้องสาวของลูกพี่เรา สูถ่ายรูปเขาไปให้ลูกพี่เราดู แล้วลองขอเขาดูสิ ลูกพี่เราใจดี อาจจะยกกล้องนี้ให้นายเอาไปใช้เลยก็ได้!"

"โฮ้ยย เราไม่รู้จักเขามาก่อน ไม่เหมือนสู เราจะกล้าเอ่ยปากขอกะเขาได้ไง" จะติพูดแล้วส่ายหน้า

"เอาน่า...เราจะช่วยพูดให้สูเอง สูทำงานให้สำเร็จก็แล้วกัน"

"สำเร็จ....ไม่ยากหรอกเรื่องถ่ายรูป เราจะขอคุณหมอผู้หญิงคนนั้นว่าขอถ่ายรูปด้วยหน่อย จะเอาไว้เป็นที่ระลึก ต้องได้แน่นอน เราเห็นคนลาหู่ของเราถ่ายรูปกับเขามาหลายคนแล้ว"

"เยี่ยมเลย จะติ"

"งั้นประเดี๋ยวเรา จะชวนไอ้จะอือ น้องชายเราที่อยู่บ้านข้างๆ นี้ไปด้วยกัน เวลาไปถึงที่ใกล้เต็นท์ทหาร พวกสูก็รออยู่ข้างนอก ซ่อนตัวให้ดีอย่าให้ใครเห็น เรากับไอ้จะอือจะเข้าไปหาคุณหมอผู้หญิง ให้เขาตรวจร่างกาย แล้วขอถ่ายรูปกับเขา พอได้แล้วเราก็จะกลับออกมา"

"ดีๆๆ ตกลงทำตามนี้"

"งั้นพวกสูรออยู่นี่ก่อน เราจะไปหาไอ้จะอือ ชวนมันก่อน มันชอบคุณหมอผู้หญิง มันต้องไปกับพวกเราแน่นอน"

"ทำไมต้องให้มันไปด้วย ?"

"ไอ้จะอือมันพูดไทยชัดไง มันเรียนหนังสือจบมัธยม ฝึกพูดมามาก เราหัวสมองไม่ดี เรียนไม่จบ ก็เลยพูดไม่ชัดน่ะ"

"อ้อ...เข้าใจแล้ว" บรรจงพยักหน้าหงึก "ไปเถอะเพื่อน พวกเรารอสู พร้อมแล้วก็ค่อยไปกัน"

จะติพยักหน้าตอบ ก่อนเดินลงบันไดไป...

**********************************************************************


สถานีอนามัย กลางหมู่บ้านลาหู่....

มันเป็นเหมือนโรงพยาบาลดีๆนี่เอง ประกอบด้วยอาคารสองชั้น ชั้นบนเป็นห้องปฏิบัติการทางเคมี และห้องพักของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ชั้นล่างมีห้องตรวจสุขภาพห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องใหญ่ มีห้องพยาบาล กับห้องสำหรับคนไข้นอนรอรับการรักษาตัวอีกหลายห้อง

เวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเตรียมพร้อมแล้วจึงเปิดประตู แล้วผู้ช่วยพยาบาลสาวชาวลาหู่คนหนึ่งก็เดินออกไปที่หน้าประตู ในมือถือสมุดรายชื่อชาวลาหู่แต่ละคนซึ่งทำการลงชื่อลงทะเบียนจากด้านนอกไว้แล้ว ขานชื่อพวกเขาซึ่งนั่งรออยู่บนม้านั่งซึ่งจัดเรียงเป็นแถวๆ หน้าประตูทางเข้า พอผู้ที่ถูกเรียกชื่อลุกขึ้นเดินมาหาก็จะถูกสั่งให้วางฝ่ามือทาบเครื่องสแกนลายมือเพื่อตรวจดูว่าได้ขึ้นทะเบียนเป็นประชาชนถูกต้องเรียบร้อยแล้วหรือไม่ เมื่อผู้นั้นผ่านการตรวจ ก็จะได้รับอนุญาตให้เข้าไปรับการตรวจร่างกายทีละคน โดยมีหมอรออยู่ 3 คน เป็นชาย 2 หญิง 1 ถ้ามีผู้ใดไม่ผ่านการตรวจ คือไม่มีชื่ออยู่ในฐานข้อมูล ผู้ช่วยพยาบาลก็จะเรียกทหารซึ่งยืนคุมอยู่ใกล้ๆให้เข้ามาจับตัวคนๆนั้นไปสอบสวนทันที!

แท้ที่จริง ที่นี่ คือฐานปฏิบัติการลับแห่งหนึ่งของพวกทหารนั่นเอง ภายใต้ภาพลักษณ์ของสถานีอนามัย แต่อาคารชั้นบนซึ่งมีห้องปฏิบัติการนั้น มีการทดลองสร้างยาชนิดต่างๆ รวมทั้งการทดลองผลิตยาเสพติดชนิดใหม่ๆ และอาวุธเคมีชีวภาพต่างๆ อีกมากมาย!

ตอนที่ชาวลาหู่มาถึงก่อนเวลาสิบโมงและทำการลงทะเบียนกันนั้น มีโต๊ะลงทะะเบียนตั้งอยู่ 3 ที่ แต่ละที่ระบุชื่อคุณหมอทั้งสามคนที่จะทำการตรวจสุขภาพเป็นภาษาไทย จะติ กับจะอือ สองพี่น้อง เลือกลงทะเบียนขอรับการตรวจสุขภาพที่โต๊ะซึ่งมีชื่อคุณหมอผู้หญิงเขียนไว้บนป้ายติดหน้าโต๊ะมองเห็นได้อย่างชัดเจน ศ.จ.แพทย์หญิง รัชนี !

การตรวจสุขภาพชาวลาหู่แต่ละรายๆ สำหรับคุณหมอทั้งสามคนดำเนินไปเรื่อยๆ ด้วยความเรียบร้อย ไม่มีเหตุการณ์อะไรผิดปกติ ในที่สุดก็ถึงคิวของจะอือ

"นาย จะอือ  จาแฮ พบ คุณหมอรัชนี ที่ห้องหมายเลข สาม ค่ะ" ผู้ช่วยพยาบาลชาวลาหู่ขานชื่อตามด้วยคำสั่งด้วยภาษาของตน

น้องชายของเพื่อนบรรจงลุกขึ้นจากม้านั่ง เดินตรงไปยังห้องเบอร์ 3 ทันที

หลังจากเข้าไปในห้องตรวจ เขาถูกคุณหมอสาวสวยซักถามประวัติเป็นเวลาประมาณห้านาที จากนั้นจึงเริ่มตรวจสุขภาพ ผลการตรวจออกมาว่าเขามีสุขภาพที่ดีเยี่ยม ไม่มีปัญหาอะไร

"เอาละ เรียบร้อยดี สุขภาพร่างกายของจะอือดีมากจ้ะ" คุณหมอกล่าวยิ้มๆ

"ขอบคุณคุณหมอมากครับ" จะอือยกมือไหว้ขณะกล่าวขอบคุณ

"ไม่เป็นไรจ้ะ หมอยินดีตรวจให้พวกเราทุกคน" หล่อนรับไหว้ แล้วพยักหน้าบอก "ไปได้แล้วจ้ะ ให้คนอื่นมาตรวจต่อนะ"

"้เดี๋ยวก่อนครับ คุณหมอ" จะอือรีบยกมือทัดทานไว้ "ขอเวลาผมแป๊บนึง ได้ไหมครับ ?"

"มีอะไรหรือ จะอือ ?" คุณหมอสาวเลิกคิ้วขึ้นและถามอย่างแปลกใจ "อย่านานนะ คนรอตรวจอีกเยอะนะจ๊ะ"

"คือ...ผม อยากขอถ่ายรูปคุณหมอ สักรูปหนึ่ง ได้ไหมครับ ?"

"จะถ่ายไปทำไมจ๊ะ ?" หล่อนถามและยิ้ม

"เอ่อ...คือ คุณหมอ เป็นคนสวย!" ไอ้หนุ่มชาวเขาเริ่มหยอด

"เห้อ! จะอือนี่! จะเอารูปหมอไปทำอะไร ฮะ ???"

"ปะ เปล่าครับผม..แค่ อยากได้ไว้เป็นที่ระลึกน่ะครับ" จะอือตอบแล้วยยิ้มแหยๆ

คุณหมอรัชนีมองหน้าหนุ่มลาหู่ด้วยความสงสัย "ไม่ใช่แค่นั้นมั้ง จะอือ...มีใครสั่งให้เธอมาถ่ายรูปหมอหรือเปล่า ?"

เจอคำถามจี้จุดสำคัญเข้า หนุ่มลาหู่ก็มีอาการอ้ำอึ้ง และรีบตอบโดยไม่ให้ผู้ถามต้องรอนาน

"อ้า...ที่จริง ก็มี ครับผม รวมทั้ง ผมเอง ก็อยากได้รูปคุณหมอไว้ด้วยจริงๆนะครับ"

"เฮอะ!" หล่อนแค่นเสียงแล้วหัวเราะ "เธอนี่ลวดลายนะ เอ้า! ให้ถ่ายรูปก็ได้ แต่ต้องบอกหมอมาก่อน ใครใช้ให้เธอมาหาหมอเพื่อจะถ่ายรูป ?"

"อ่า...."

"ไม่ต้องอ่าไม่ต้องอ้าอะไรทั้งสิ้น! บอกมาเสียดีๆ ไม่งั้น ไม่ให้ถ่าย! แถมหมอจะะเรียกทหารให้มาจับตัวเธอไปสอบสวน ข้อหาทำตัวเป็นสายลับสอดแนม!!" หล่อนพูดขู่และซ่อนยิ้มไว้ในหน้า

"โอ๊ยย....บอกครับบอก! อย่าเรียกทหารมานะครับ!"

(ต่อครับ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่