ที่จริงมันมีหลายครั้งที่เราเห็นกันตามสื่อโซเชียล พวกของเก่าๆที่พาเราย้อนนึงถึงวันวาน.... ล่าสุดผมวันนี้ กำลังตามหาคนๆนึงอยู่ ฟังดูอาจคล้ายนวนิยายของนายเฉิ่มจอมวางมาดคนนึงนะครับ... แต่ก็ใช่ครับ ยอบรับ! ฮ่าๆ ...ไม่รู้ว่าเธอจะเป็นไงบ้าง นึกถึงช่วงเวลาตอนนั้น ถ้าเป็นซีรีส์นี่ผมน่าจะเป็น นาย คิม ตอน ม.ปลาย ที่แอบชอบยัย ซอ แต่วางมาดเยอะเพราะคิดว่าเค้าคงไม่ชอบเรา และเท่าที่จำได้ คือเรารุกตลอด และก็มาวางฟอร์มพอเจอหน้ากัน มันเลยทำให้ความสัมพันธ์ตอนนั้นเหมือนอะไรซักอย่าง อะไร..ที่ไม่สามารถตั้งชื่อให้มันได้ จนมีช่วงที่เหมือนเราจะแสดงออกไปอ้อมๆว่ารู้สึกยังไง แต่ยัย ซอ พูดมาคำนึงว่า "นายหมายความว่ายังไง..." และเทพเจ้าทั้ง 7 เอ๋ย ช่างดลบันดาลให้นาย คิม ตอบกลับไปว่า "ก็จะมีอะไรเล่า ลืมๆไปซะเถอะ" เจ้าเวรเจ้ากรรม แล้วมันก็คือการตัดจบที่.....
มาถามทำไม...คือถ้าผมเจอเธอแล้วควรจะรุกเต็มสูบ เอาแบบเล่าทุกอย่างตอนที่ความรู้สึกมันเริ่มก่อตัวและอยู่ในจุดพีคเพื่อเพิ่มความกล้าในการที่จะบอกเธอตรงๆ กับ ค่อยเป็นค่อยไป เพื่อผลลัพธ์ ที่โอเคทั้งสองฝ่าย ไม่ว่ามันจะจบลงที่ตรงไหน... พูดๆมาเหมือนเธอโสดอยู่เลยโนะ ฮ่าๆๆๆๆ ที่จริงก็นะ มนุษย์เอ๋ยบางทีรู้หนทางที่จะจัดการกับตัวเองดีอยู่แล้ว แต่ก็อยากจะฟังความเห็นคนอื่นๆบ้าง ครั้นจะฟังคนรอบตัว เราก็เดาได้หมด แรงผลักดันให้เราออกไปใช้ชีวิต มันมาจากแรงบันดาลใจ ที่ไม่ว่าจะเป็นสิ่งเก่าหรือใหม่ มันไม่สำคัญ เท่ากับว่ามันจะเติมเชื้อไฟ ให้เราออกจากเขตปลอดภัยของตัวเอง เพื่อมองหาสิ่งใหม่ๆได้แค่ไหนมากกว่า
คิมเอง.
เคยกลับไปหัวใจเต้นแรง กับเรื่องราวในอดีตกันมั้ยครับ
มาถามทำไม...คือถ้าผมเจอเธอแล้วควรจะรุกเต็มสูบ เอาแบบเล่าทุกอย่างตอนที่ความรู้สึกมันเริ่มก่อตัวและอยู่ในจุดพีคเพื่อเพิ่มความกล้าในการที่จะบอกเธอตรงๆ กับ ค่อยเป็นค่อยไป เพื่อผลลัพธ์ ที่โอเคทั้งสองฝ่าย ไม่ว่ามันจะจบลงที่ตรงไหน... พูดๆมาเหมือนเธอโสดอยู่เลยโนะ ฮ่าๆๆๆๆ ที่จริงก็นะ มนุษย์เอ๋ยบางทีรู้หนทางที่จะจัดการกับตัวเองดีอยู่แล้ว แต่ก็อยากจะฟังความเห็นคนอื่นๆบ้าง ครั้นจะฟังคนรอบตัว เราก็เดาได้หมด แรงผลักดันให้เราออกไปใช้ชีวิต มันมาจากแรงบันดาลใจ ที่ไม่ว่าจะเป็นสิ่งเก่าหรือใหม่ มันไม่สำคัญ เท่ากับว่ามันจะเติมเชื้อไฟ ให้เราออกจากเขตปลอดภัยของตัวเอง เพื่อมองหาสิ่งใหม่ๆได้แค่ไหนมากกว่า
คิมเอง.