🇸🇬 สิงคโปร์นั้นโก้จริงๆ ทะแลดแท่ดแท้แทแดแด่แดด 🎶 สวัสดีจ้าทุกคน คือเจ้าของกระทู้ไปเที่ยวสิงคโปร์เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เลยอยากจะมาแบ่งปันกัน เป็นการไปเที่ยวกับเพื่อนแบบไม่ง้อทัวร์ เผื่อใครมาดูจะดำเนินรอยตามก็ได้นะ ว่าแล้วก็ลากกระเป๋าตามเรามาเลย!!!
การเตรียมตัว : เตรียมพาสปอร์ต ไม่ต้องใช้วีซ่า หาตั๋วจองที่พัก แลกเงินให้พร้อม ซึ่งเรท 1 ดอลล่าสิงคโปร์ ก็จะประมาณ 25 บาทไทย เนี่ย ทั้งเนื้อทั้งตัวมีอยู่ 400 ดอลฯ ก็รอดนะ 555 ส่วนอินเทอร์เน็ต ซื้อ Sim2fly ไป ง่ายดี ใส่ซิม เปิดดาต้าโรมมิ่งแค่นี้ก็ใช้ได้ เร็วดี ไม่มีสะดุด
สายการบินที่บินคือ Lion air ลำนี้นี่ละจ้า เครื่องออกประมาณ 8 โมง เลือกเช้าๆก็ดีจะได้มีเวลาเที่ยวเยอะๆ
ปีกแดงๆ ฟ้าใสๆ
ถึงแย้วววว จากกทม. ไปสิงคโปร์ก็จะประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง เวลาจะเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง รับกระเป๋าเสร็จสรรพก็มุ่งหน้าไปยังตม.กันเล๊ยยย
สนามบินชางงีคือใหญ่มากกก แต่มีป้ายบอกตลอด เดินๆไปตามป้าย ลงบันไดมาก็จะเจอส่วน Immigration เอาละ ทำหน้าปกติ สบตาตม.ผู้น่ารัก ยื่นพาสปอร์ตสแกนนิ้ว ยิ้มสวยๆ ละเดินออกมา ไม่ถึงกับต้องฟูลเทิร์น แค่นี้ก็ผ่านตม.ละ ก็ไม่ได้โหดอย่างที่ใครว่ากันนี่นา
พ้นตม.มาก็ตามหารถไฟเข้าเมืองกัน เดินตามป้ายไปเรื่อยๆ มองหาป้าย train to city เข้าไว้
ไปเรื่อยๆ
และแล้วก็มาถึงชานชาลาซึ่งจะพาเราไปยังสถานี expo อ่อ อย่าลืม มาสิงคโปร์ควรมีบัตรเบ่ง Ez•link ซึ่งสะดวกสบายมาก จะขึ้นรถไฟใต้ดิน รถมง รถเมล์ก็แตะบัตร แล้วชายตามองชาวบ้านร้านตลาดที่ต่อคิวซื้อตั๋วรายเที่ยวเบาๆ จากนั้นไปขึ้นรถ ขาออกแตะบัตรอีกที จบ!! จะซื้อเองหรือยืมใครมาก็ได้ แล้วก็มาเติมเงินที่ตู้ ซึ่งตู้จะเรื่องมากนิดนึง ต้องเหรียญนั้น แบงค์นี้ แบงค์ใหญ่ไม่รับต้องแลก วุ่นวาย เบื้องต้นแนะนำเติมไว้ 10 ดอลฯ กำลังดี
นี่คือหน้าตาบัตรเบ่งของเรา ปล.ยืมเค้ามาแล้วมาเติมเงิน อิอิ
จากสถานี expo เราจะไปยัง chinatown เดี๋ยวนี้ก็มี downtown line ที่วิ่งปรู๊ดถึงเลย ไม่ต้องเปลี่ยนขบวนอีก ซึ่งเปิดใช้งานไปเมื่อ ตค. ปีที่แล้วนี่เอง
คณะเราเลือกพักแถว chinatown ใกล้ MRT ซึ่งสะดวกต่อการเดินทางมากๆ อันเนื่องมาจากประตูออกของรถไฟใต้ดินมีหลายทาง เราก็มาเลือกทางออกไปถนน Pagoda ซึ่งจริงๆก็ไกลจากโรงแรมนิดหน่อย แต่ก็ทำให้เราได้เห็นกับย่าน china town ของสิงคโปร์ในยามกลางวัน คึกคักเชียวค่ะคุณ
ตึกรามบ้านช่อง
แดงดีแท้ๆ
และแล้วก็มาถึงที่ซุกหัวนอนของเราในสิงคโปร์แย้ววว Hotel mono นั่นเอง สีขาวดำ เท่ค่อดๆ สำหรับการเดินทาง ลง MRT chinatown แล้วเลือกทางออก E chinatown point จะใกล้สุดนะคะ ออกจากสถานีแล้วเดินข้ามถนนตรงสี่แยกไปยังถนน Mosque เดินต่ออีกหน่อยก็ถึง
อ่ะ ถือว่าเป็นโรงแรมที่ดีงาม ราคาอาจจะสูงไปหน่อย ไม่มีอาหารเช้า แต่ทดแทนด้วยเตียงและหมอนนุ่มๆ ห้องน้ำในตัว สบู่ แชมพู หอม และสตาฟโอเค ก็ถือว่าคุ้มอยู่ อีกอย่าง มาเที่ยวแบบนี้ใครเค้าจะสนอาหารโรงแรมกัน เค้าก็ต้องออกไปกินข้างนอกแหละ
ก่อนจะไปแฮ่นก็ต้องเตรียมบัตรเข้าชมสถานที่เที่ยวให้พร้อม ก็ตรงไปที่ตึก people’s park centre ย้ำ!! Centre!! อย่าไปผิดเด้อ เพราะมีตึกใกล้ๆกันชื่อ people’s park complex เดี๋ยวจะได้งงกันละ อ่ะข้ามสะพานลอยจากตรง chinatownpoint เพื่อมายังตึก people’s park centre กัน
นี่จ้า มาซื้อบัตรต่างๆ ที่นี่เลย ถูกกว่าเป็น 10 ดอลฯ แถมมีแพคเกจด้วย ที่สำคัญ คนขายเป็นคนไทย สบายเลย จำพิกัดร้านไม่ได้ แต่ว่ามีป้ายหน้าร้านชัดอยู่ พอข้ามสะพานลอยเดินเข้าห้างปุ๊บ ให้เดินไปตรงกลางห้างที่มีบันไดเลื่อนเยอะๆ เงยหน้ามองหาป้ายหน้าตาแบบนี้ แล้วเดินเข้าไปเลยค่า
หิวละ จริงๆ กว่าเครื่องจะลงผ่านนู่นนี่นั้นก็บ่ายโมงกว่าๆแล้ว หิวจริงอะไรจริง เราเลยแบ่งภาคกันไปจองบัตรกรุ๊ปนึง อีกกรุ๊ปมาจองที่กิน ซึ่งจะเป็นอะไรไปไม่ด๊ายยย นอกจาก ซงฟาบักกุเต๋นี่เองงงง อยู่ชั้นแรกของห้าง chinatown point ปล.คิวยาวมาก T___T แข็งใจไว้นะ เค้าจะเอาเมนูมาให้เราสั่งก่อน พอได้ที่นั่งไม่นานก็เอามาเสิร์ฟ
มาแย้วววววว ขอบอกอร่อยทุกอย่าง
แหละนี่นางเอกของเรา บักกุเต๋บ้านเค้าไม่ใส่ไรเยอะ แค่นี้ง่ายๆ อร่อยๆ หมูนุ่มร่อนจากกระดูก ซุปร้อนๆกลิ่นพริกไทยแตะจมูกนิดๆ ซุปเติมได้ตลอดนะ แต่อยากเติมซี่โครงมากกว่า ได้ไม๊? 555
อิ่มแล้วใช้ไม๊ ถ้างั้นเธอจงฟังชั้น... ไป Singapore flyer กัน ซึ่งก็ง่ายอีกแล้ว นั่ง MRT จาก chinatown มาลงสถานี Promanade เดินต่อไปอีกนิดหน่อย ซึ่งคณะเราดันโชคดีเดินไปเจอคนที่ทำงานอยู่ที่นี่ เค้าก็พาไปจนถึงที่เลยจ้า โอ้ย เวรี่ สเปเชี่ยว!!!
ใกล้ๆอีกหน่อย ฟ้าสวยมากกก ร้อนมากเช่นกัน
บัตรขึ้นชิงช้าสวรรค์หรรษา Singapore flyer นี้ไม่มีที่ See wheel นะ ต้องมาซื้อเอง 33 ดอลฯ
นี่หน้าตาแคปซูลที่เราจะขึ้น แอร์เย็นฉ่ำ สบายยย
ว้าวววว วิวบนนี้สวยป่ะหล่ะ (ไหน? อินี่ใคร? มายืนบัง) ใจเย็น นี่พี่บีเองค่ะ 555
ด้วยความสูงของชิงช้า และพลังซูมของเลนส์ olympus 14-150 mm ก็ทำให้ได้ภาพของยอดดอย เอ้ย ยอด Marina bay sand ได้เยี่ยงนี้ (ไทอินผลิตภัณฑ์ตลอดๆ 555)
ส่วนนี้คือ Super tree ที่ Garden by the bay อันจะกล่าวต่อไปค่า
นี่ก็เป็นโดมของ Garden by the bay เช่นกัน อันสูงๆ นั่น Cloud forest อันยาวๆ นี่ Flower dome
แอบส่องแคปซูลข้างๆหน่อย เราไปถึงประมาณบ่าย 3 กว่าๆ คนไม่เยอะ ไม่รอคิวนาน แถมได้ขึ้นเฉพาะกรุ๊ปไม่ต้องไปขึ้นรวมกะใคร ไปรเวทมากๆเลยเธอออ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที มัวแต่ตื่นเต้นถ่ายรูปกันเองมั่งอะไรมั่ง เอ้า หมดเวลา 555
โบกมือลาชิงช้าสวรรค์ก็ไปกันต่อที่อีกจุดเชคอิน ซึ่งก็คือสะพาน Helix สามารถเดินจาก Singapore flyer ได้ค่ะ เหนื่อยนิดนึงก็ถึงแล้ว เย่!! แต่เดี๋ยวววว นี่มันไอติม 1 ดอลฯ ในตำนาน (ซึ่งตอนนี้ราคาขึ้นเป็น 1.3 ดอลฯแล้ว -“-) ว่ากันว่าเป็นอาชีพที่สงวนไว้ให้ผู้สูงอายุ เพราะพ่อค้าส่วนใหญ่ก็ลุงๆทั้งนั้น 555 ใครช่างจะว่า เราเจอรถไอติมนี้ตรงทางขึ้นสะพาน Helix แวะกินซะหน่อย
แต่น แต้นนนน ได้มา 1 อัน ชอคชิพกับแผ่นเวเฟอร์บางๆ 2 แผ่น กินตอนอากาศร้อนๆ ชื่นใจดีนัก จับมาเชคอินคู่กะแลนด์มาร์คของพี่สิงซะเลย ส่วนนี้คือ Marina bay อ่าวมาริน่า ที่มีจุดเชคอินสวยๆ เยอะเลย
และนี่คืออออออ Marina bay sand .... ตึกสูงสุดสวยของสิงคโปร์ ในยามกลางวันก็สวยประมาณนี้ กลางคืนก็จะสวยอีกแบบ ส่วนที่เกลียวๆอยู่ด้านซ้ายนี่คือ สะพาน Helix เลียนแบบเกลียว DNA ของมนุษย์ จุดนี้เป็นอีกจุดเชคอินนะ ห้ามพลาด!!
จากสะพาน Helix เนี่ยแหละ เราสามารถเดินไปยัง Marina bay sand และ Garden by the bay ได้ ก็เดินอีก 1 เหนื่อยอ่ะค่ะ 555 แต่ก็เป็นวิธีที่ง่ายดีนะ
ลากันด้วยภาพนี้ เดี๋ยวมาต่อ Part II ซึ่งก็ยังอยู่ในการเดินเที่ยวสิงคโปร์วันแรกเนี่ยแหละจ้า ต่อไปจะพาไปดู Garden by the bay และ Marina barrage ตบท้ายด้วยการแสดง Garden rhapsody รูปเยอะมาก โพสท์เยอะก็กลัวจะเบื่อ ไว้ไปต่อ Part หน้าเนาะ โพสท์นี้เป็นโพสท์แรกของเรา แนะนำได้ ติได้นะคะ เจอกันค่า
When I go to Singapore Part I
🇸🇬 สิงคโปร์นั้นโก้จริงๆ ทะแลดแท่ดแท้แทแดแด่แดด 🎶 สวัสดีจ้าทุกคน คือเจ้าของกระทู้ไปเที่ยวสิงคโปร์เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เลยอยากจะมาแบ่งปันกัน เป็นการไปเที่ยวกับเพื่อนแบบไม่ง้อทัวร์ เผื่อใครมาดูจะดำเนินรอยตามก็ได้นะ ว่าแล้วก็ลากกระเป๋าตามเรามาเลย!!!
การเตรียมตัว : เตรียมพาสปอร์ต ไม่ต้องใช้วีซ่า หาตั๋วจองที่พัก แลกเงินให้พร้อม ซึ่งเรท 1 ดอลล่าสิงคโปร์ ก็จะประมาณ 25 บาทไทย เนี่ย ทั้งเนื้อทั้งตัวมีอยู่ 400 ดอลฯ ก็รอดนะ 555 ส่วนอินเทอร์เน็ต ซื้อ Sim2fly ไป ง่ายดี ใส่ซิม เปิดดาต้าโรมมิ่งแค่นี้ก็ใช้ได้ เร็วดี ไม่มีสะดุด
สายการบินที่บินคือ Lion air ลำนี้นี่ละจ้า เครื่องออกประมาณ 8 โมง เลือกเช้าๆก็ดีจะได้มีเวลาเที่ยวเยอะๆ
ปีกแดงๆ ฟ้าใสๆ
ถึงแย้วววว จากกทม. ไปสิงคโปร์ก็จะประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง เวลาจะเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง รับกระเป๋าเสร็จสรรพก็มุ่งหน้าไปยังตม.กันเล๊ยยย
สนามบินชางงีคือใหญ่มากกก แต่มีป้ายบอกตลอด เดินๆไปตามป้าย ลงบันไดมาก็จะเจอส่วน Immigration เอาละ ทำหน้าปกติ สบตาตม.ผู้น่ารัก ยื่นพาสปอร์ตสแกนนิ้ว ยิ้มสวยๆ ละเดินออกมา ไม่ถึงกับต้องฟูลเทิร์น แค่นี้ก็ผ่านตม.ละ ก็ไม่ได้โหดอย่างที่ใครว่ากันนี่นา
พ้นตม.มาก็ตามหารถไฟเข้าเมืองกัน เดินตามป้ายไปเรื่อยๆ มองหาป้าย train to city เข้าไว้
ไปเรื่อยๆ
และแล้วก็มาถึงชานชาลาซึ่งจะพาเราไปยังสถานี expo อ่อ อย่าลืม มาสิงคโปร์ควรมีบัตรเบ่ง Ez•link ซึ่งสะดวกสบายมาก จะขึ้นรถไฟใต้ดิน รถมง รถเมล์ก็แตะบัตร แล้วชายตามองชาวบ้านร้านตลาดที่ต่อคิวซื้อตั๋วรายเที่ยวเบาๆ จากนั้นไปขึ้นรถ ขาออกแตะบัตรอีกที จบ!! จะซื้อเองหรือยืมใครมาก็ได้ แล้วก็มาเติมเงินที่ตู้ ซึ่งตู้จะเรื่องมากนิดนึง ต้องเหรียญนั้น แบงค์นี้ แบงค์ใหญ่ไม่รับต้องแลก วุ่นวาย เบื้องต้นแนะนำเติมไว้ 10 ดอลฯ กำลังดี
นี่คือหน้าตาบัตรเบ่งของเรา ปล.ยืมเค้ามาแล้วมาเติมเงิน อิอิ
จากสถานี expo เราจะไปยัง chinatown เดี๋ยวนี้ก็มี downtown line ที่วิ่งปรู๊ดถึงเลย ไม่ต้องเปลี่ยนขบวนอีก ซึ่งเปิดใช้งานไปเมื่อ ตค. ปีที่แล้วนี่เอง
คณะเราเลือกพักแถว chinatown ใกล้ MRT ซึ่งสะดวกต่อการเดินทางมากๆ อันเนื่องมาจากประตูออกของรถไฟใต้ดินมีหลายทาง เราก็มาเลือกทางออกไปถนน Pagoda ซึ่งจริงๆก็ไกลจากโรงแรมนิดหน่อย แต่ก็ทำให้เราได้เห็นกับย่าน china town ของสิงคโปร์ในยามกลางวัน คึกคักเชียวค่ะคุณ
ตึกรามบ้านช่อง
แดงดีแท้ๆ
และแล้วก็มาถึงที่ซุกหัวนอนของเราในสิงคโปร์แย้ววว Hotel mono นั่นเอง สีขาวดำ เท่ค่อดๆ สำหรับการเดินทาง ลง MRT chinatown แล้วเลือกทางออก E chinatown point จะใกล้สุดนะคะ ออกจากสถานีแล้วเดินข้ามถนนตรงสี่แยกไปยังถนน Mosque เดินต่ออีกหน่อยก็ถึง
อ่ะ ถือว่าเป็นโรงแรมที่ดีงาม ราคาอาจจะสูงไปหน่อย ไม่มีอาหารเช้า แต่ทดแทนด้วยเตียงและหมอนนุ่มๆ ห้องน้ำในตัว สบู่ แชมพู หอม และสตาฟโอเค ก็ถือว่าคุ้มอยู่ อีกอย่าง มาเที่ยวแบบนี้ใครเค้าจะสนอาหารโรงแรมกัน เค้าก็ต้องออกไปกินข้างนอกแหละ
ก่อนจะไปแฮ่นก็ต้องเตรียมบัตรเข้าชมสถานที่เที่ยวให้พร้อม ก็ตรงไปที่ตึก people’s park centre ย้ำ!! Centre!! อย่าไปผิดเด้อ เพราะมีตึกใกล้ๆกันชื่อ people’s park complex เดี๋ยวจะได้งงกันละ อ่ะข้ามสะพานลอยจากตรง chinatownpoint เพื่อมายังตึก people’s park centre กัน
นี่จ้า มาซื้อบัตรต่างๆ ที่นี่เลย ถูกกว่าเป็น 10 ดอลฯ แถมมีแพคเกจด้วย ที่สำคัญ คนขายเป็นคนไทย สบายเลย จำพิกัดร้านไม่ได้ แต่ว่ามีป้ายหน้าร้านชัดอยู่ พอข้ามสะพานลอยเดินเข้าห้างปุ๊บ ให้เดินไปตรงกลางห้างที่มีบันไดเลื่อนเยอะๆ เงยหน้ามองหาป้ายหน้าตาแบบนี้ แล้วเดินเข้าไปเลยค่า
หิวละ จริงๆ กว่าเครื่องจะลงผ่านนู่นนี่นั้นก็บ่ายโมงกว่าๆแล้ว หิวจริงอะไรจริง เราเลยแบ่งภาคกันไปจองบัตรกรุ๊ปนึง อีกกรุ๊ปมาจองที่กิน ซึ่งจะเป็นอะไรไปไม่ด๊ายยย นอกจาก ซงฟาบักกุเต๋นี่เองงงง อยู่ชั้นแรกของห้าง chinatown point ปล.คิวยาวมาก T___T แข็งใจไว้นะ เค้าจะเอาเมนูมาให้เราสั่งก่อน พอได้ที่นั่งไม่นานก็เอามาเสิร์ฟ
มาแย้วววววว ขอบอกอร่อยทุกอย่าง
แหละนี่นางเอกของเรา บักกุเต๋บ้านเค้าไม่ใส่ไรเยอะ แค่นี้ง่ายๆ อร่อยๆ หมูนุ่มร่อนจากกระดูก ซุปร้อนๆกลิ่นพริกไทยแตะจมูกนิดๆ ซุปเติมได้ตลอดนะ แต่อยากเติมซี่โครงมากกว่า ได้ไม๊? 555
อิ่มแล้วใช้ไม๊ ถ้างั้นเธอจงฟังชั้น... ไป Singapore flyer กัน ซึ่งก็ง่ายอีกแล้ว นั่ง MRT จาก chinatown มาลงสถานี Promanade เดินต่อไปอีกนิดหน่อย ซึ่งคณะเราดันโชคดีเดินไปเจอคนที่ทำงานอยู่ที่นี่ เค้าก็พาไปจนถึงที่เลยจ้า โอ้ย เวรี่ สเปเชี่ยว!!!
ใกล้ๆอีกหน่อย ฟ้าสวยมากกก ร้อนมากเช่นกัน
บัตรขึ้นชิงช้าสวรรค์หรรษา Singapore flyer นี้ไม่มีที่ See wheel นะ ต้องมาซื้อเอง 33 ดอลฯ
นี่หน้าตาแคปซูลที่เราจะขึ้น แอร์เย็นฉ่ำ สบายยย
ว้าวววว วิวบนนี้สวยป่ะหล่ะ (ไหน? อินี่ใคร? มายืนบัง) ใจเย็น นี่พี่บีเองค่ะ 555
ด้วยความสูงของชิงช้า และพลังซูมของเลนส์ olympus 14-150 mm ก็ทำให้ได้ภาพของยอดดอย เอ้ย ยอด Marina bay sand ได้เยี่ยงนี้ (ไทอินผลิตภัณฑ์ตลอดๆ 555)
ส่วนนี้คือ Super tree ที่ Garden by the bay อันจะกล่าวต่อไปค่า
นี่ก็เป็นโดมของ Garden by the bay เช่นกัน อันสูงๆ นั่น Cloud forest อันยาวๆ นี่ Flower dome
แอบส่องแคปซูลข้างๆหน่อย เราไปถึงประมาณบ่าย 3 กว่าๆ คนไม่เยอะ ไม่รอคิวนาน แถมได้ขึ้นเฉพาะกรุ๊ปไม่ต้องไปขึ้นรวมกะใคร ไปรเวทมากๆเลยเธอออ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที มัวแต่ตื่นเต้นถ่ายรูปกันเองมั่งอะไรมั่ง เอ้า หมดเวลา 555
โบกมือลาชิงช้าสวรรค์ก็ไปกันต่อที่อีกจุดเชคอิน ซึ่งก็คือสะพาน Helix สามารถเดินจาก Singapore flyer ได้ค่ะ เหนื่อยนิดนึงก็ถึงแล้ว เย่!! แต่เดี๋ยวววว นี่มันไอติม 1 ดอลฯ ในตำนาน (ซึ่งตอนนี้ราคาขึ้นเป็น 1.3 ดอลฯแล้ว -“-) ว่ากันว่าเป็นอาชีพที่สงวนไว้ให้ผู้สูงอายุ เพราะพ่อค้าส่วนใหญ่ก็ลุงๆทั้งนั้น 555 ใครช่างจะว่า เราเจอรถไอติมนี้ตรงทางขึ้นสะพาน Helix แวะกินซะหน่อย
แต่น แต้นนนน ได้มา 1 อัน ชอคชิพกับแผ่นเวเฟอร์บางๆ 2 แผ่น กินตอนอากาศร้อนๆ ชื่นใจดีนัก จับมาเชคอินคู่กะแลนด์มาร์คของพี่สิงซะเลย ส่วนนี้คือ Marina bay อ่าวมาริน่า ที่มีจุดเชคอินสวยๆ เยอะเลย
และนี่คืออออออ Marina bay sand .... ตึกสูงสุดสวยของสิงคโปร์ ในยามกลางวันก็สวยประมาณนี้ กลางคืนก็จะสวยอีกแบบ ส่วนที่เกลียวๆอยู่ด้านซ้ายนี่คือ สะพาน Helix เลียนแบบเกลียว DNA ของมนุษย์ จุดนี้เป็นอีกจุดเชคอินนะ ห้ามพลาด!!
จากสะพาน Helix เนี่ยแหละ เราสามารถเดินไปยัง Marina bay sand และ Garden by the bay ได้ ก็เดินอีก 1 เหนื่อยอ่ะค่ะ 555 แต่ก็เป็นวิธีที่ง่ายดีนะ
ลากันด้วยภาพนี้ เดี๋ยวมาต่อ Part II ซึ่งก็ยังอยู่ในการเดินเที่ยวสิงคโปร์วันแรกเนี่ยแหละจ้า ต่อไปจะพาไปดู Garden by the bay และ Marina barrage ตบท้ายด้วยการแสดง Garden rhapsody รูปเยอะมาก โพสท์เยอะก็กลัวจะเบื่อ ไว้ไปต่อ Part หน้าเนาะ โพสท์นี้เป็นโพสท์แรกของเรา แนะนำได้ ติได้นะคะ เจอกันค่า