เอกสารสำคัญ 2 ชิ้นที่เป็นรากฐานของความพยายามโค่นล้มวัดพระธรรมกาย สิ่งแรกคือพระลิขิตของอดีตสังฆราช ซึ่งจากกระทู้ที่แล้วก็ได้ชี้แจงแสดงหลักฐานถึงปัญหาความน่าเชื่อถือของพระลิขิต
เอกสารอีกชิ้นคือหนังสือ “กรณีธรรมกาย” ซึ่งเขียนโดยพระ ปอ.ปยุตโต ซึ่งเป็นแนวหน้าของกลุ่มพุทธผสมวิทยาศาสตร์ กลุ่มนี้มีอิทธิพลอย่างสูงในแวดวงนักวิชาการ และ NGO ต่างๆ ซึ่งมีเครือข่ายที่ใหญ่โตคอยทำตัวเป็นผู้นำสังคมอย่างไม่เป็นทางการ กลุ่มคนเหล่านั้นได้พยายามล้มพุทธแบบดั้งเดิมเพื่อเชิดชูแนวคิดใหม่ของพวกตน ทำให้ธรรมกายตกเป็นเป้าหมายเพราะขัดขวางความเชื่อของพวกเขา
ความแตกต่างระหว่างแนวคิดทางฝั่งธรรมกายกับทางฝั่งของพุทธผสมวิทย์มีหลายประเด็น แต่ส่วนที่สำคัญที่สุดคือ ธรรมกายชูความเชื่อแบบดั้งเดิม ถ้าเจาะจงให้ชัดลงไป แนวคำสอนของฝั่งธรรมกายเหมือนกับที่ปรากฎในหนังสือไตรภูมิพระร่วง ซึ่งถอดความมาจากพระไตรปิฎกอีกทีหนึ่ง พุทธแบบไตรภูมิเป็นแบบไหน คือมีบุญบาป และภพภูมิ นรกสวรรค์ที่เป็นชั้นๆ ดังโมเดลของวัดพระธรรมกายในรูปต่อไปนี้
แต่ทางฝั่งของพระปยุตโต ปฏิเสธแนวคิดแบบไตรภูมิ โดยอ้างความเห็นส่วนตัวที่ปราศจากหลักฐานใดมารองรับ ดังข้อความต่อไปนี้
“แต่ทีนี้มีสวรรค์ในอรรถกถา ซึ่งคงจะได้แนวมาจากฮินดูอย่างในไตรภูมิก็มาจากฮินดูด้วย คือเขาเอาเขาพระสุเมรุเป็นศูนย์กลางของจักรวาล มีทวีปโดยรอบ ๔ ทวีป ที่เขาพระสุเมรุเองที่ส่วนล่างที่ใต้ลงไปในน้ำนั้น อสูรอยู่ แล้วที่เชิงเขาพระสุเมรุก็พวกท้าวโลกบาลอยู่ เป็นพวกเทวดารับใช้ชั้นดาวดึงส์ ลูกน้องท้าวสักกะ สูงขึ้นไปก็ท้าวสักกะอยู่ แล้วก็สูงขึ้นไปเรื่อยๆ คตินี้มาจากสายพราหมณ์ซึ่งในพระไตรปิฎกไม่มี นรก-สวรค์ในอรรถกถาก็เอาที่มีในพระไตรปิฎกมาเชื่อมกับความคิดสายพราหมณ์-ฮินดูมาประกอบกัน” (นรก-สวรรค์ สำหรับคนรุ่นใหม่ , พระธรรมปิฎก ป.อ. ปยุตโต)
การสอนของวัดพระธรรมกายนำเสนอนรกสวรรค์แบบไตรภูมิ ซึ่งขัดแย้งกับความเห็นของพระปยุตโตอย่างรุนแรงหาก จริงอยู่การพิสูจน์นรกสวรรค์ต้องอาศัยการปฏิบัติธรรมซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะตน รู้แล้วก็นำมาให้ดูไม่ได้ แต่การอ้างว่าพระไตรปิฎกไม่มี สามารถพิสูจน์ได้แน่นอน โดยเปิดพระไตรปิฎกค้นหา ถ้าพบก็ทราบความจริงได้ทันที
การพิสูจน์โดยพระไตรปิฎกเป็นที่ยอมรับของชาวพุทธทุกสมัย แต่ล่วงมาสมัยนี้พวกเดียร์ถีย์ที่ชอบแอบอ้างตัวเป็นพุทธ มักปฏิเสธนรกสวรรค์ในพระไตรปิฎกโดยอ้างว่าเขียนแต่งเติมกันมานาน หรือไม่เคยมีใครได้ยินพระพุทธเจ้าจริงๆ หรือหนักเข้าก็บอกปัดไปเลยว่าเรื่องพวกนี้พระพุทธเจ้าโกหก แต่โชคดีที่พระปยุตโตบอกเองให้ยึดถือพระไตรปิฎกรวมไปถึงคัมภีร์อรรถกถาด้วย
"ที่จริงนั้น หลักการสำคัญของพระพุทธศาสนามีความชัดเจน แน่นอน และไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องขอความคิดเห็น แต่เป็นเรื่องของหลักฐานที่ชาวพุทธถือกันว่ามาจากพระพุทธเจ้าโดยตรง คือมาในพระไตรปิฎก และมีคัมภีร์อรรถกถาเป็นต้น" (กรณีธรรมกายฉบับสมบูรณ์ สำนักพิมพ์มติชน)
แต่ตัวท่านเองก็ได้กล่าวปฏิเสธคัมภีร์อรรถกถาไปแล้ว ดังนั้นการจะพิสูจน์จึงจะยึดเฉพาะหลักฐานในส่วนของพระสูตรที่ปรากฎในพระไตรปิฎกเท่านั้น เพราะพระสูตรถือเป็นหลักฐานชั้นหนึ่งซึ่งถือว่ามาจากพระพุทธเจ้าโดยตรง ซึ่งเหนือกว่าคัมภีร์ชั้นหลังและความเห็นส่วนตัวของบุคคลใดก็ตาม
นรกสวรรค์แบบไตรภูมิที่พระปยุตโตปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่าไม่มี โดยอ้างว่าของเหล่านี้เอามาจากฮินดู เป็นความเท็จอย่างแน่นอน เพราะของเหล่านี้มีปรากฏในพระสูตรมากมายจนใครก็ปฏิเสธไม่ได้
ความเชื่อของปยุตโตคิดว่า นรกสวรรค์ที่มีสอนกันในปัจจุบันนี้เป็นเรื่องของศาสนาอื่น เริ่มต้นที่เรื่องเขาพระสุเมรุซึ่งเป็นศูนย์กลางจักรวาลและมีทวีปทั้ง ๔ ห้อมล้อมอยู่ มีสวรรค์ชั้นต่างๆ มีท้าวจตุโลกบาลและท้าวสักกะ ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้ที่ถูกพระรูปนั้นปฏิเสธไม่ใช่แค่สิ่งที่ปรากฏในอรรถกถา แต่เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้เองทั้งสิ้นและปรากฏชัดในพระไตรปิฎก มิใช่ว่าไม่มีดังที่กล่าวโมเมเอาเอง
เริ่มต้นที่เขาพระสุเมรุซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสเรียกว่า “เขาสิเนรุ” ซึ่งพระองค์ตรัสเล่าไว้ในที่หลายแห่ง ดังตัวอย่างต่อไปนี้
“ดูกรอานนท์ จักรวาลหนึ่งมีกำหนดเท่ากับโอกาสที่พระจันทร์พระอาทิตย์โคจร ทั่วทิศสว่างไสวรุ่งโรจน์ โลกมีอยู่พันจักรวาลก่อน ในโลกพันจักรวาลนั้น มีพระจันทร์พันดวง มีอาทิตย์พันดวง มีขุนเขาสิเนรุพันหนึ่ง มีชมพูทวีปพันหนึ่ง มีอปรโคยานทวีปพันหนึ่ง มีอุตตรกุรุทวีปพันหนึ่ง มีปุพพวิเทหทวีปพันหนึ่ง มีมหาสมุทรสี่พัน มีท้าวมหาราชสี่พัน มีเทวโลกชั้นจาตุมหาราชิกาพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นดาวดึงส์พันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นยามาพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นดุสิตพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นนิมมานรดีพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นปรนิมมิตวสวัสตีพันหนึ่งมีพรหมโลกพันหนึ่ง ดูกรอานนท์ นี้เรียกว่าโลกธาตุอย่างเล็กมีพันจักรวาล โลกคูณโดยส่วนพันแห่งโลกธาตุ อย่างกลางมีล้านจักรวาลนั้น นี้เรียกว่าโลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาล"
(จูฬนีสูตร , พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย)
ส่วนคติของท้าวมหาราชทั้ง ๔ หรือที่เรียกกันว่าท้าวโลกบาลทั้ง ๔ ซึ่งเป็นลูกน้องของท้าวสักกะก็หาได้มาจากคติของพราหมณ์ดังที่ถูกกล่าวหา แต่เรื่องนี้เป็นของที่ปรากฏในพุทธศาสนา เป็นพระดำรัสขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าดังมีหลักฐานปรากฏในพระไตรปิฎกดังนี้
[๙๒๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล มาตลีสังคาหกเทพบุตร ได้ทูลถามท้าวสักกะจอมเทพด้วยคาถาว่า พราหมณ์ทั้งหลายผู้บรรลุไตรวิชชา กษัตริย์ทั้งหลาย ณ ภูมิภาคทั้งหมด ท้าวมหาราชทั้ง ๔ และทวยเทพชาวไตรทศผู้มียศย่อมนอบน้อมพระองค์ ข้าแต่ท้าวสักกะ เมื่อเป็นเช่นนั้นพระองค์ทรงนอบน้อมท่านผู้ควรบูชาคนใด ท่านผู้ควรบูชาคนนั้นชื่อไรเล่า ขอเดชะ ฯ
[๙๓๐] ท้าวสักกะตรัสตอบว่าพราหมณ์ทั้งหลายผู้บรรลุไตรวิชชา กษัตริย์ทั้งหลาย ณ ภูมิภาคทั้งหมด ท้าวมหาราชทั้ง ๔ และทวยเทพชาวไตรทศ ผู้มียศ นอบน้อมท่านผู้ใดซึ่งเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยศีล มีจิตตั้งมั่นตลอดกาลนาน ผู้บวชแล้วโดยชอบมีพรหมจรรย์เป็นเบื้องหน้า คฤหัสถ์เหล่าใดเป็นผู้ทำบุญ มีศีล เป็นอุบาสกเลี้ยงดูภรรยาโดยชอบธรรม ดูกรมาตลี เรานอบน้อมคฤหัสถ์เหล่านั้น ฯ
(ปฐมสักกนมัสนสูตร , พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎก สังยุตนิกาย)
ท้าวมหาราชทั้ง ๔ เป็นบริวารของท้าวสักกะเทวราช จอมเทพแห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ซึ่งมีบทบาทในพระพุทธศาสนามากมาย เป็นเรื่องของพระพุทธศาสนาโดยแท้ หาได้เป็นดังที่ปราชญ์ท่านนั้นทึกทักไปว่าคตินี้มาจากศาสนาพราหมณ์ ซึ่งที่ตรงกันก็เป็นเพราะฤาษีในศาสนาพราหมณ์บางท่านก็บำเพ็ญสมาธิจนมีทิพยจักษุซึ่งก็เห็นภพภูมิต่างๆตรงกันแต่เห็นไม่ละเอียดเท่ากับที่พระพุทธองค์ทรงเห็น จึงไม่ใช่เรื่องของใครลอกใคร
ในขณะที่สวรรค์ชั้นต่างๆที่ต่อเนื่องกันขึ้นไปที่ปราชญ์ท่านนั้นปฏิเสธก็เป็นสิ่งที่มีอยู่จริงตามพระไตรปิฎก ปรากฏในพระสูตรอันสำคัญยิ่งของชาวพุทธนั่นคือ “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” อันเป็นปฐมเทศนาหรือคำสั่งสอนแรกของพระพุทธองค์ ซึ่งพระภิกษุสามเณรทุกรูปต่างก็รู้จักพระสูตรนี้กันเป็นอย่างดี ซึ่งในพระไตรปิฎกก็กล่าวถึงสวรรค์ชั้นต่างๆ ตั้งแต่ชั้นภุมมเทวาบนพื้นมนุษย์ไล่สูงขึ้นไปเรื่อยตามลำดับ แต่ปราชญ์ท่านนั้นกลับอ้างว่า “คตินี้มาจากสายพราหมณ์ซึ่งในพระไตรปิฎกไม่มี”
[๑๗] ครั้นพระผู้มีพระภาคทรงประกาศธรรมจักรให้เป็นไปแล้ว เหล่าภุมมเทวดาได้บันลือเสียงว่า นั่นพระธรรมจักรอันยอดเยี่ยม พระผู้มีพระภาคทรงประกาศให้เป็นไปแล้ว ณ ป่าอิสิปตนะมฤคทายวัน เขตพระนครพาราณสี อันสมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือใครๆ ในโลก จะปฏิวัติไม่ได้.
เทวดาชั้นจาตุมหาราช ได้ยินเสียงของพวกภุมมเทวดาแล้ว ก็บันลือเสียงต่อไป.
เทวดาชั้นดาวดึงส์ ได้ยินเสียงของพวกเทวดาชั้นจาตุมหาราชแล้ว ก็บันลือเสียงต่อไป.
เทวดาชั้นยามา ...
เทวดาชั้นดุสิต ...
เทวดาชั้นนิมมานรดี ...
เทวดาชั้นปรนิมมิตวสวดี ...
เทวดาที่นับเนื่องในหมู่พรหม ได้ยินเสียงของพวกเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวดีแล้ว ก็บันลือเสียงต่อไปว่า นั่นพระธรรมจักรอันยอดเยี่ยม พระผู้มีพระภาคทรงประกาศให้เป็นไปแล้วณ ป่าอิสิปตนะมฤคทายวัน เขตพระนครพาราณสี อันสมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหมหรือใครๆ ในโลก จะปฏิวัติไม่ได้.
ชั่วขณะการครู่หนึ่งนั้น เสียงกระฉ่อนขึ้นไปจนถึงพรหมโลก ด้วยประการฉะนี้แล.
ทั้งหมื่นโลกธาตุนี้ได้หวั่นไหวสะเทือนสะท้าน ทั้งแสงสว่างอันยิ่งใหญ่หาประมาณมิได้ ได้ปรากฏแล้วในโลก ล่วงเทวานุภาพของเทวดาทั้งหลาย.
(ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร , พระไตรปิฎกเล่มที่ ๔ พระวินัยปิฎก มหาวรรค ภาค ๑)
ผู้ที่ถูกสังคมยกย่องว่าเป็นปราชญ์ทางพุทธศาสนาจะไม่รู้จักกระทั่ง “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” เชียวหรือ แน่นอนว่าต้องรู้ แต่แกล้งทำเป็นว่าไม่มีเรื่องของสวรรค์ในพระสูตรบทนี้ ความจริงนี่เป็นเพียงส่วนน้อยของหลักฐาน เพราะยังมีพระสูตรอีกมากมายที่กล่าวถึงเรื่องพวกนี้
ทรรศนะของผู้ที่ถูกสังคมบางส่วนยกย่องว่าเป็นปราชญ์ทางพระพุทธศาสนา แต่ปราชญ์เหล่านี้บางท่านไม่ยอมรับเรื่องนรกสวรรค์แบบไตรภูมิว่ามีอยู่จริง แถมยังจาบจ้วงกล่าวหาพระอรรถกถาจารย์ในอดีตว่าไปลอกเรื่องนรกสวรรค์ของพราหมณ์และฮินดูมาเสียอีก แต่ว่าสิ่งที่ท่านปฏิเสธมาโดยตลอดไม่เพียงแค่ระดับอรรถกถาเท่านั้นแต่กลับเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าโดยตรงปรากฏในพระสูตรมากมาย เรื่องนี้จึงเป็นความเห็นผิดๆของท่านเอง
เมื่อปรากฏหลักฐานแสดงอย่างชัดเจนเช่นนี้ว่าพระรูปนั้นนั้นได้กล่าวปฏิเสธพระพุทธพจน์ ซึ่งเป็นการเข้าใจผิดหรือจงใจกระทำ ก็ยากที่จะชี้ขาดได้ กรณีที่เป็นการเข้าใจผิดหรือไม่เคยเห็นพุทธพจน์เหล่านี้มาก่อน ก็ควรรีบเร่งแก้ไขให้มหาชนเข้าใจพระธรรมไปตามที่พระพุทธเจ้าแสดงไว้ เพราะหนังสือที่ท่านได้เผยแพร่ธรรมแบบผิดๆ นี้ได้แพร่หลายไปอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ หากท่านยังปล่อยปละละเลยไม่แก้ไข บาปมหันต์ก็ย่อมตกแก่ตัวท่านอย่างแน่นอน
แต่ถ้าหากกรณีนี้เป็นการจงใจบิดเบือนพุทธพจน์ให้คลาดเคลื่อนไปเพื่อให้ต้องกับรสนิยมของตนเอง หรือทราบพุทธพจน์นี้แล้วแต่ไม่ยอมรับก็มีวิธีการปฏิบัติโดยทำตามที่ท่านได้เสนอไว้เองว่า
"ที่พูดทั้งนี้มิใช่หมายความว่าจะต้องยอมรับคำและความทุกอย่างในพระไตรปิฎก โดยมิให้สงสัยไต่ถาม ในพระพุทธศาสนาไม่มีการผูกขาดเช่นนั้น เพราะท่านเปิดเสรีภาพให้แม้แต่ที่จะปฏิเสธพระไตรปิฎก และปฏิเสธพระพุทธเจ้า แล้วปฏิบัติการอย่างซื่อตรงโดยสละภิกขุภาวะหรือไม่อยู่ในพระพุทธศาสนาต่อไป แต่สำหรับผู้ที่ยังนับถือพระพุทธศาสนา ก็ต้องปฏิบัติการตรงไปตรงมาเช่นเดียวกัน กล่าวคือ การนับถือพระพุทธศาสนา แปลว่านับถือคำสอนของพระพุทธเจ้า จึงต้องเพียรหาคำสอนของพระองค์ผู้เป็นพระศาสดาในพระไตรปิฎก" (กรณีธรรมกาย , ป.อ.ปยุตโต , หน้า ๓๖)
จากหลักฐานที่ยกมา แสดงให้เห็นว่าพระรูปนี้กล่าวหาวัดพระธรรมกายอย่างรุนแรงว่าบิดเบือนพระไตรปิฎกและสมควรสึกออกจากพุทธศาสนาไปซะ แต่ปรากฎหลักฐานว่าท่านทำเช่นนั้นซะเอง แล้วท่านจะปฏิบัติอย่างซื่อตรงตามที่ท่านเรียกร้องคือสละความเป็นพระภิกษุตามที่ท่านตั้งมาตรฐานเอาไว้หรือไม่
หนังสือ กรณีธรรมกาย ถูกเขียนขึ้นจากผู้ที่มีความเชื่อแบบผิดๆ และก็ถูกนำใช้แบบผิดๆ เพื่อวัตถุประสงค์เดียวคือเพื่อทำลายล้างวัดพระธรรมกายเท่านั้น เมื่อเริ่มต้นคิดผิดตั้งแต่แรกสิ่งที่ตามมาก็เลยผิดไปหมด หนังสือเล่มดังกล่าวจึงมีข้อผิดพลาดจากพระไตรปิฎกอย่างมากมาย นำไปสู่ความวุ่นวายในพระพุทธศาสนา ซึ่งจะได้นำหลักฐานมาตีแผ่ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ต่อไป
ทวงความเป็นธรรมให้วัดพระธรรมกาย 2 : พุทธแบบไตรภูมิคือของแท้ในพระไตรปิฎก
เอกสารอีกชิ้นคือหนังสือ “กรณีธรรมกาย” ซึ่งเขียนโดยพระ ปอ.ปยุตโต ซึ่งเป็นแนวหน้าของกลุ่มพุทธผสมวิทยาศาสตร์ กลุ่มนี้มีอิทธิพลอย่างสูงในแวดวงนักวิชาการ และ NGO ต่างๆ ซึ่งมีเครือข่ายที่ใหญ่โตคอยทำตัวเป็นผู้นำสังคมอย่างไม่เป็นทางการ กลุ่มคนเหล่านั้นได้พยายามล้มพุทธแบบดั้งเดิมเพื่อเชิดชูแนวคิดใหม่ของพวกตน ทำให้ธรรมกายตกเป็นเป้าหมายเพราะขัดขวางความเชื่อของพวกเขา
ความแตกต่างระหว่างแนวคิดทางฝั่งธรรมกายกับทางฝั่งของพุทธผสมวิทย์มีหลายประเด็น แต่ส่วนที่สำคัญที่สุดคือ ธรรมกายชูความเชื่อแบบดั้งเดิม ถ้าเจาะจงให้ชัดลงไป แนวคำสอนของฝั่งธรรมกายเหมือนกับที่ปรากฎในหนังสือไตรภูมิพระร่วง ซึ่งถอดความมาจากพระไตรปิฎกอีกทีหนึ่ง พุทธแบบไตรภูมิเป็นแบบไหน คือมีบุญบาป และภพภูมิ นรกสวรรค์ที่เป็นชั้นๆ ดังโมเดลของวัดพระธรรมกายในรูปต่อไปนี้
แต่ทางฝั่งของพระปยุตโต ปฏิเสธแนวคิดแบบไตรภูมิ โดยอ้างความเห็นส่วนตัวที่ปราศจากหลักฐานใดมารองรับ ดังข้อความต่อไปนี้
“แต่ทีนี้มีสวรรค์ในอรรถกถา ซึ่งคงจะได้แนวมาจากฮินดูอย่างในไตรภูมิก็มาจากฮินดูด้วย คือเขาเอาเขาพระสุเมรุเป็นศูนย์กลางของจักรวาล มีทวีปโดยรอบ ๔ ทวีป ที่เขาพระสุเมรุเองที่ส่วนล่างที่ใต้ลงไปในน้ำนั้น อสูรอยู่ แล้วที่เชิงเขาพระสุเมรุก็พวกท้าวโลกบาลอยู่ เป็นพวกเทวดารับใช้ชั้นดาวดึงส์ ลูกน้องท้าวสักกะ สูงขึ้นไปก็ท้าวสักกะอยู่ แล้วก็สูงขึ้นไปเรื่อยๆ คตินี้มาจากสายพราหมณ์ซึ่งในพระไตรปิฎกไม่มี นรก-สวรค์ในอรรถกถาก็เอาที่มีในพระไตรปิฎกมาเชื่อมกับความคิดสายพราหมณ์-ฮินดูมาประกอบกัน” (นรก-สวรรค์ สำหรับคนรุ่นใหม่ , พระธรรมปิฎก ป.อ. ปยุตโต)
การสอนของวัดพระธรรมกายนำเสนอนรกสวรรค์แบบไตรภูมิ ซึ่งขัดแย้งกับความเห็นของพระปยุตโตอย่างรุนแรงหาก จริงอยู่การพิสูจน์นรกสวรรค์ต้องอาศัยการปฏิบัติธรรมซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะตน รู้แล้วก็นำมาให้ดูไม่ได้ แต่การอ้างว่าพระไตรปิฎกไม่มี สามารถพิสูจน์ได้แน่นอน โดยเปิดพระไตรปิฎกค้นหา ถ้าพบก็ทราบความจริงได้ทันที
การพิสูจน์โดยพระไตรปิฎกเป็นที่ยอมรับของชาวพุทธทุกสมัย แต่ล่วงมาสมัยนี้พวกเดียร์ถีย์ที่ชอบแอบอ้างตัวเป็นพุทธ มักปฏิเสธนรกสวรรค์ในพระไตรปิฎกโดยอ้างว่าเขียนแต่งเติมกันมานาน หรือไม่เคยมีใครได้ยินพระพุทธเจ้าจริงๆ หรือหนักเข้าก็บอกปัดไปเลยว่าเรื่องพวกนี้พระพุทธเจ้าโกหก แต่โชคดีที่พระปยุตโตบอกเองให้ยึดถือพระไตรปิฎกรวมไปถึงคัมภีร์อรรถกถาด้วย
"ที่จริงนั้น หลักการสำคัญของพระพุทธศาสนามีความชัดเจน แน่นอน และไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องขอความคิดเห็น แต่เป็นเรื่องของหลักฐานที่ชาวพุทธถือกันว่ามาจากพระพุทธเจ้าโดยตรง คือมาในพระไตรปิฎก และมีคัมภีร์อรรถกถาเป็นต้น" (กรณีธรรมกายฉบับสมบูรณ์ สำนักพิมพ์มติชน)
แต่ตัวท่านเองก็ได้กล่าวปฏิเสธคัมภีร์อรรถกถาไปแล้ว ดังนั้นการจะพิสูจน์จึงจะยึดเฉพาะหลักฐานในส่วนของพระสูตรที่ปรากฎในพระไตรปิฎกเท่านั้น เพราะพระสูตรถือเป็นหลักฐานชั้นหนึ่งซึ่งถือว่ามาจากพระพุทธเจ้าโดยตรง ซึ่งเหนือกว่าคัมภีร์ชั้นหลังและความเห็นส่วนตัวของบุคคลใดก็ตาม
นรกสวรรค์แบบไตรภูมิที่พระปยุตโตปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่าไม่มี โดยอ้างว่าของเหล่านี้เอามาจากฮินดู เป็นความเท็จอย่างแน่นอน เพราะของเหล่านี้มีปรากฏในพระสูตรมากมายจนใครก็ปฏิเสธไม่ได้
ความเชื่อของปยุตโตคิดว่า นรกสวรรค์ที่มีสอนกันในปัจจุบันนี้เป็นเรื่องของศาสนาอื่น เริ่มต้นที่เรื่องเขาพระสุเมรุซึ่งเป็นศูนย์กลางจักรวาลและมีทวีปทั้ง ๔ ห้อมล้อมอยู่ มีสวรรค์ชั้นต่างๆ มีท้าวจตุโลกบาลและท้าวสักกะ ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้ที่ถูกพระรูปนั้นปฏิเสธไม่ใช่แค่สิ่งที่ปรากฏในอรรถกถา แต่เป็นเรื่องที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้เองทั้งสิ้นและปรากฏชัดในพระไตรปิฎก มิใช่ว่าไม่มีดังที่กล่าวโมเมเอาเอง
เริ่มต้นที่เขาพระสุเมรุซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสเรียกว่า “เขาสิเนรุ” ซึ่งพระองค์ตรัสเล่าไว้ในที่หลายแห่ง ดังตัวอย่างต่อไปนี้
“ดูกรอานนท์ จักรวาลหนึ่งมีกำหนดเท่ากับโอกาสที่พระจันทร์พระอาทิตย์โคจร ทั่วทิศสว่างไสวรุ่งโรจน์ โลกมีอยู่พันจักรวาลก่อน ในโลกพันจักรวาลนั้น มีพระจันทร์พันดวง มีอาทิตย์พันดวง มีขุนเขาสิเนรุพันหนึ่ง มีชมพูทวีปพันหนึ่ง มีอปรโคยานทวีปพันหนึ่ง มีอุตตรกุรุทวีปพันหนึ่ง มีปุพพวิเทหทวีปพันหนึ่ง มีมหาสมุทรสี่พัน มีท้าวมหาราชสี่พัน มีเทวโลกชั้นจาตุมหาราชิกาพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นดาวดึงส์พันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นยามาพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นดุสิตพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นนิมมานรดีพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นปรนิมมิตวสวัสตีพันหนึ่งมีพรหมโลกพันหนึ่ง ดูกรอานนท์ นี้เรียกว่าโลกธาตุอย่างเล็กมีพันจักรวาล โลกคูณโดยส่วนพันแห่งโลกธาตุ อย่างกลางมีล้านจักรวาลนั้น นี้เรียกว่าโลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาล"
(จูฬนีสูตร , พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย)
ส่วนคติของท้าวมหาราชทั้ง ๔ หรือที่เรียกกันว่าท้าวโลกบาลทั้ง ๔ ซึ่งเป็นลูกน้องของท้าวสักกะก็หาได้มาจากคติของพราหมณ์ดังที่ถูกกล่าวหา แต่เรื่องนี้เป็นของที่ปรากฏในพุทธศาสนา เป็นพระดำรัสขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าดังมีหลักฐานปรากฏในพระไตรปิฎกดังนี้
[๙๒๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้นแล มาตลีสังคาหกเทพบุตร ได้ทูลถามท้าวสักกะจอมเทพด้วยคาถาว่า พราหมณ์ทั้งหลายผู้บรรลุไตรวิชชา กษัตริย์ทั้งหลาย ณ ภูมิภาคทั้งหมด ท้าวมหาราชทั้ง ๔ และทวยเทพชาวไตรทศผู้มียศย่อมนอบน้อมพระองค์ ข้าแต่ท้าวสักกะ เมื่อเป็นเช่นนั้นพระองค์ทรงนอบน้อมท่านผู้ควรบูชาคนใด ท่านผู้ควรบูชาคนนั้นชื่อไรเล่า ขอเดชะ ฯ
[๙๓๐] ท้าวสักกะตรัสตอบว่าพราหมณ์ทั้งหลายผู้บรรลุไตรวิชชา กษัตริย์ทั้งหลาย ณ ภูมิภาคทั้งหมด ท้าวมหาราชทั้ง ๔ และทวยเทพชาวไตรทศ ผู้มียศ นอบน้อมท่านผู้ใดซึ่งเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยศีล มีจิตตั้งมั่นตลอดกาลนาน ผู้บวชแล้วโดยชอบมีพรหมจรรย์เป็นเบื้องหน้า คฤหัสถ์เหล่าใดเป็นผู้ทำบุญ มีศีล เป็นอุบาสกเลี้ยงดูภรรยาโดยชอบธรรม ดูกรมาตลี เรานอบน้อมคฤหัสถ์เหล่านั้น ฯ
(ปฐมสักกนมัสนสูตร , พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๕ พระสุตตันตปิฎก สังยุตนิกาย)
ท้าวมหาราชทั้ง ๔ เป็นบริวารของท้าวสักกะเทวราช จอมเทพแห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ซึ่งมีบทบาทในพระพุทธศาสนามากมาย เป็นเรื่องของพระพุทธศาสนาโดยแท้ หาได้เป็นดังที่ปราชญ์ท่านนั้นทึกทักไปว่าคตินี้มาจากศาสนาพราหมณ์ ซึ่งที่ตรงกันก็เป็นเพราะฤาษีในศาสนาพราหมณ์บางท่านก็บำเพ็ญสมาธิจนมีทิพยจักษุซึ่งก็เห็นภพภูมิต่างๆตรงกันแต่เห็นไม่ละเอียดเท่ากับที่พระพุทธองค์ทรงเห็น จึงไม่ใช่เรื่องของใครลอกใคร
ในขณะที่สวรรค์ชั้นต่างๆที่ต่อเนื่องกันขึ้นไปที่ปราชญ์ท่านนั้นปฏิเสธก็เป็นสิ่งที่มีอยู่จริงตามพระไตรปิฎก ปรากฏในพระสูตรอันสำคัญยิ่งของชาวพุทธนั่นคือ “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” อันเป็นปฐมเทศนาหรือคำสั่งสอนแรกของพระพุทธองค์ ซึ่งพระภิกษุสามเณรทุกรูปต่างก็รู้จักพระสูตรนี้กันเป็นอย่างดี ซึ่งในพระไตรปิฎกก็กล่าวถึงสวรรค์ชั้นต่างๆ ตั้งแต่ชั้นภุมมเทวาบนพื้นมนุษย์ไล่สูงขึ้นไปเรื่อยตามลำดับ แต่ปราชญ์ท่านนั้นกลับอ้างว่า “คตินี้มาจากสายพราหมณ์ซึ่งในพระไตรปิฎกไม่มี”
[๑๗] ครั้นพระผู้มีพระภาคทรงประกาศธรรมจักรให้เป็นไปแล้ว เหล่าภุมมเทวดาได้บันลือเสียงว่า นั่นพระธรรมจักรอันยอดเยี่ยม พระผู้มีพระภาคทรงประกาศให้เป็นไปแล้ว ณ ป่าอิสิปตนะมฤคทายวัน เขตพระนครพาราณสี อันสมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือใครๆ ในโลก จะปฏิวัติไม่ได้.
เทวดาชั้นจาตุมหาราช ได้ยินเสียงของพวกภุมมเทวดาแล้ว ก็บันลือเสียงต่อไป.
เทวดาชั้นดาวดึงส์ ได้ยินเสียงของพวกเทวดาชั้นจาตุมหาราชแล้ว ก็บันลือเสียงต่อไป.
เทวดาชั้นยามา ...
เทวดาชั้นดุสิต ...
เทวดาชั้นนิมมานรดี ...
เทวดาชั้นปรนิมมิตวสวดี ...
เทวดาที่นับเนื่องในหมู่พรหม ได้ยินเสียงของพวกเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวดีแล้ว ก็บันลือเสียงต่อไปว่า นั่นพระธรรมจักรอันยอดเยี่ยม พระผู้มีพระภาคทรงประกาศให้เป็นไปแล้วณ ป่าอิสิปตนะมฤคทายวัน เขตพระนครพาราณสี อันสมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร พรหมหรือใครๆ ในโลก จะปฏิวัติไม่ได้.
ชั่วขณะการครู่หนึ่งนั้น เสียงกระฉ่อนขึ้นไปจนถึงพรหมโลก ด้วยประการฉะนี้แล.
ทั้งหมื่นโลกธาตุนี้ได้หวั่นไหวสะเทือนสะท้าน ทั้งแสงสว่างอันยิ่งใหญ่หาประมาณมิได้ ได้ปรากฏแล้วในโลก ล่วงเทวานุภาพของเทวดาทั้งหลาย.
(ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร , พระไตรปิฎกเล่มที่ ๔ พระวินัยปิฎก มหาวรรค ภาค ๑)
ผู้ที่ถูกสังคมยกย่องว่าเป็นปราชญ์ทางพุทธศาสนาจะไม่รู้จักกระทั่ง “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” เชียวหรือ แน่นอนว่าต้องรู้ แต่แกล้งทำเป็นว่าไม่มีเรื่องของสวรรค์ในพระสูตรบทนี้ ความจริงนี่เป็นเพียงส่วนน้อยของหลักฐาน เพราะยังมีพระสูตรอีกมากมายที่กล่าวถึงเรื่องพวกนี้
ทรรศนะของผู้ที่ถูกสังคมบางส่วนยกย่องว่าเป็นปราชญ์ทางพระพุทธศาสนา แต่ปราชญ์เหล่านี้บางท่านไม่ยอมรับเรื่องนรกสวรรค์แบบไตรภูมิว่ามีอยู่จริง แถมยังจาบจ้วงกล่าวหาพระอรรถกถาจารย์ในอดีตว่าไปลอกเรื่องนรกสวรรค์ของพราหมณ์และฮินดูมาเสียอีก แต่ว่าสิ่งที่ท่านปฏิเสธมาโดยตลอดไม่เพียงแค่ระดับอรรถกถาเท่านั้นแต่กลับเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าโดยตรงปรากฏในพระสูตรมากมาย เรื่องนี้จึงเป็นความเห็นผิดๆของท่านเอง
เมื่อปรากฏหลักฐานแสดงอย่างชัดเจนเช่นนี้ว่าพระรูปนั้นนั้นได้กล่าวปฏิเสธพระพุทธพจน์ ซึ่งเป็นการเข้าใจผิดหรือจงใจกระทำ ก็ยากที่จะชี้ขาดได้ กรณีที่เป็นการเข้าใจผิดหรือไม่เคยเห็นพุทธพจน์เหล่านี้มาก่อน ก็ควรรีบเร่งแก้ไขให้มหาชนเข้าใจพระธรรมไปตามที่พระพุทธเจ้าแสดงไว้ เพราะหนังสือที่ท่านได้เผยแพร่ธรรมแบบผิดๆ นี้ได้แพร่หลายไปอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ หากท่านยังปล่อยปละละเลยไม่แก้ไข บาปมหันต์ก็ย่อมตกแก่ตัวท่านอย่างแน่นอน
แต่ถ้าหากกรณีนี้เป็นการจงใจบิดเบือนพุทธพจน์ให้คลาดเคลื่อนไปเพื่อให้ต้องกับรสนิยมของตนเอง หรือทราบพุทธพจน์นี้แล้วแต่ไม่ยอมรับก็มีวิธีการปฏิบัติโดยทำตามที่ท่านได้เสนอไว้เองว่า
"ที่พูดทั้งนี้มิใช่หมายความว่าจะต้องยอมรับคำและความทุกอย่างในพระไตรปิฎก โดยมิให้สงสัยไต่ถาม ในพระพุทธศาสนาไม่มีการผูกขาดเช่นนั้น เพราะท่านเปิดเสรีภาพให้แม้แต่ที่จะปฏิเสธพระไตรปิฎก และปฏิเสธพระพุทธเจ้า แล้วปฏิบัติการอย่างซื่อตรงโดยสละภิกขุภาวะหรือไม่อยู่ในพระพุทธศาสนาต่อไป แต่สำหรับผู้ที่ยังนับถือพระพุทธศาสนา ก็ต้องปฏิบัติการตรงไปตรงมาเช่นเดียวกัน กล่าวคือ การนับถือพระพุทธศาสนา แปลว่านับถือคำสอนของพระพุทธเจ้า จึงต้องเพียรหาคำสอนของพระองค์ผู้เป็นพระศาสดาในพระไตรปิฎก" (กรณีธรรมกาย , ป.อ.ปยุตโต , หน้า ๓๖)
จากหลักฐานที่ยกมา แสดงให้เห็นว่าพระรูปนี้กล่าวหาวัดพระธรรมกายอย่างรุนแรงว่าบิดเบือนพระไตรปิฎกและสมควรสึกออกจากพุทธศาสนาไปซะ แต่ปรากฎหลักฐานว่าท่านทำเช่นนั้นซะเอง แล้วท่านจะปฏิบัติอย่างซื่อตรงตามที่ท่านเรียกร้องคือสละความเป็นพระภิกษุตามที่ท่านตั้งมาตรฐานเอาไว้หรือไม่
หนังสือ กรณีธรรมกาย ถูกเขียนขึ้นจากผู้ที่มีความเชื่อแบบผิดๆ และก็ถูกนำใช้แบบผิดๆ เพื่อวัตถุประสงค์เดียวคือเพื่อทำลายล้างวัดพระธรรมกายเท่านั้น เมื่อเริ่มต้นคิดผิดตั้งแต่แรกสิ่งที่ตามมาก็เลยผิดไปหมด หนังสือเล่มดังกล่าวจึงมีข้อผิดพลาดจากพระไตรปิฎกอย่างมากมาย นำไปสู่ความวุ่นวายในพระพุทธศาสนา ซึ่งจะได้นำหลักฐานมาตีแผ่ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ต่อไป