Review: Mile 22 (Peter Berg, 2018) คะแนน D+

By Form Corleone
"ทั้งเรื่องมีดีแค่ฉากแอคชั่นซึ่งอยู่ในระดับทั่วๆไป" Mile 22 เป็นภาพยนตร์ที่อาศัยความสลับซับซ้อนและตัดต่อภาพให้เรื่องราวดูตื่นเต้นและเฉลยปมปัญหาที่อาจจะชวนพาให้มึนไปกับมุมกล้องและการตัดสลับระหว่างฉากที่รวดเร็วชวนเวียนหัวตลอดเวลา หนังพยายามจะพาตัวเองไปให้ไกลกว่าความเป็นหนังแอคชั่นด้วยเนื้อเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และองค์กรสายลับประเภทปฏิบัติการเฉพาะ อารมณ์หน่วยพิเศษฝีมือดีรับทำภารกิจเสี่ยงตายยากๆ และพยายามทำให้ตัวละครของ 'มาร์ก วาห์ลเบิร์ก' ดูมีมิติในช่วงเริ่มต้นถึงพฤติกรรมต่างๆของตัวละครตัวนี้ แต่ทั้งหมดอยู่ในขั้นล้มเหลว+ย่ำแย่ เพราะบททั้งหมดไม่เกิดประโยชน์อะไรต่อพล็อตเรื่อง ตัวละครหลักคนอื่นๆก็แบนราบไม่มีมิติน่าเชื่อถือ ทั้งหมดดูตื้นเขินและถูกจัดวางตำแน่งได้ไม่สมดุล ตลอดระยะเวลา 1 ชั่วโมง 34 นาที จึงเป็นเพียงการพยายามตัดสลับฉากไปมาอย่างรวดเร็วให้เรื่องราวดำเนินต่อไปข้างหน้า ชนิดที่ไม่ประนีประนอมคนดูเลยว่าจะตามทันหรือเปล่า

อย่างไรก็ตาม ฉากแอคชั่นและคิวบู๊ต่างๆในเรื่องยังตอบสนองความสนุกและร่วมลุ้นเอาใจช่วยตัวละครให้รอดพ้นไปได้ แม้ทุกอย่างจะเสร็จลงอย่างรวดเร็วในพริบตาเดียวก็ตาม ฉากแอคชั่นส่วนที่ดีงามที่สุดคงหนีไม่พ้นฉากของ 'อิโก อูไวส์' นักแสดงจากภาพยนตร์เรื่อง 'The Raid' ที่ให้ฉากแอคชั่นประชิดตัวสวยงามและพอดูสนุกๆอยู่บ้าง ดังนั้นแล้ว 'Mile 22' จึงเป็นงานแอคชั่นที่มาพร้อมฉากยิงถล่มกันกลางเมือง ระเบิดกันชนิดที่ไม่แคร์ใคร ขับรถไล่ล่า ต่อสู้ประชิดตัว แต่ทั้งหมดต้องถูกแลกมากด้วยความน่ามึนหัวของการลำดับภาพ และมุมกล้องที่โคลสอัพไปที่หน้านักแสดงตลอดเวลา ผสมกับไดอะล็อกที่ไม่ค่อยมีสาระมีประเด็นอะไรต่อพล็อตเรื่อง งานนี้จึงขายได้เพียงงานแอคชั่นดูเอามันส์เพียงอย่างเดียว ซึ่งมันไม่ชวนน่าประทับใจอะไรเลย...

ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง

ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
Review: Mile 22 (Peter Berg, 2018) รีวิวโดย Form Corleone
By Form Corleone
"ทั้งเรื่องมีดีแค่ฉากแอคชั่นซึ่งอยู่ในระดับทั่วๆไป" Mile 22 เป็นภาพยนตร์ที่อาศัยความสลับซับซ้อนและตัดต่อภาพให้เรื่องราวดูตื่นเต้นและเฉลยปมปัญหาที่อาจจะชวนพาให้มึนไปกับมุมกล้องและการตัดสลับระหว่างฉากที่รวดเร็วชวนเวียนหัวตลอดเวลา หนังพยายามจะพาตัวเองไปให้ไกลกว่าความเป็นหนังแอคชั่นด้วยเนื้อเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และองค์กรสายลับประเภทปฏิบัติการเฉพาะ อารมณ์หน่วยพิเศษฝีมือดีรับทำภารกิจเสี่ยงตายยากๆ และพยายามทำให้ตัวละครของ 'มาร์ก วาห์ลเบิร์ก' ดูมีมิติในช่วงเริ่มต้นถึงพฤติกรรมต่างๆของตัวละครตัวนี้ แต่ทั้งหมดอยู่ในขั้นล้มเหลว+ย่ำแย่ เพราะบททั้งหมดไม่เกิดประโยชน์อะไรต่อพล็อตเรื่อง ตัวละครหลักคนอื่นๆก็แบนราบไม่มีมิติน่าเชื่อถือ ทั้งหมดดูตื้นเขินและถูกจัดวางตำแน่งได้ไม่สมดุล ตลอดระยะเวลา 1 ชั่วโมง 34 นาที จึงเป็นเพียงการพยายามตัดสลับฉากไปมาอย่างรวดเร็วให้เรื่องราวดำเนินต่อไปข้างหน้า ชนิดที่ไม่ประนีประนอมคนดูเลยว่าจะตามทันหรือเปล่า
อย่างไรก็ตาม ฉากแอคชั่นและคิวบู๊ต่างๆในเรื่องยังตอบสนองความสนุกและร่วมลุ้นเอาใจช่วยตัวละครให้รอดพ้นไปได้ แม้ทุกอย่างจะเสร็จลงอย่างรวดเร็วในพริบตาเดียวก็ตาม ฉากแอคชั่นส่วนที่ดีงามที่สุดคงหนีไม่พ้นฉากของ 'อิโก อูไวส์' นักแสดงจากภาพยนตร์เรื่อง 'The Raid' ที่ให้ฉากแอคชั่นประชิดตัวสวยงามและพอดูสนุกๆอยู่บ้าง ดังนั้นแล้ว 'Mile 22' จึงเป็นงานแอคชั่นที่มาพร้อมฉากยิงถล่มกันกลางเมือง ระเบิดกันชนิดที่ไม่แคร์ใคร ขับรถไล่ล่า ต่อสู้ประชิดตัว แต่ทั้งหมดต้องถูกแลกมากด้วยความน่ามึนหัวของการลำดับภาพ และมุมกล้องที่โคลสอัพไปที่หน้านักแสดงตลอดเวลา ผสมกับไดอะล็อกที่ไม่ค่อยมีสาระมีประเด็นอะไรต่อพล็อตเรื่อง งานนี้จึงขายได้เพียงงานแอคชั่นดูเอามันส์เพียงอย่างเดียว ซึ่งมันไม่ชวนน่าประทับใจอะไรเลย...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/