ก่อนอื่นเราต้องขอโทษก่อน ที่เอาเรื่องงานมาระบาย
เราเรียนจบมาก็ทำงานที่นี่เป็นที่แรก และที่เดียวตลอดและงานที่ทำก็ไม่ตรงสาขาที่เรียนมาด้วย เราทำมาจนจะ10ปีแล้ว สวัสดิการ ของ บริษัทก็ไม่ได้มีอะไรมาก มี ปกส. โบนัสปลายปีนิดหน่อย. งานหนักไหม? เราก็ทำทุกอย่าง บัญชี.ขายของหน้าร้าน หาของให้ลูกค้า ส่งของลูกค้าข้างนอกบ้าง งานการเงิน คือทุกอย่างจบในกระบวนการ คนเดียว
เรื่องการโกงสำหรับเราคือไม่มี เพราะว่าเราคิดว่าไม่อยากมีกรรมติดตัวเรา
เราก็คิดจะออกหลาย ครั้งแล้วหล่ะ.แต่ก็มีเหตุการณ์ที่ให้ออกไม่ได้ คือบริษัท ขาดพนักงาน เราลืมบอกไปว่า บริษัท ที่ทำงานมี2สาขา พอสาขาหนึ่งจะดำเนินการได้ปกติ พนักงานเพียงพอ. อีกสาขาก็มีปัญหา ขาดคน เรา ก็ต้องย้ายเพื่อมาช่วยงานเขา ถ้าเราจะออกตอนที่เขามีปัญหา คิดว่าจะแล้งน้ำใจไปไหม? เราก็เลยต้องอยู่และที่เราอยู่มาจะ10กว่าปีนี้ก็มีปัญหาแบบนี้วนไปสัก 4-5รอบได้มั้ง จนเหลือเราซึ่งเป็นพนักงานที่อยู่มานาน อยู่คนเดียว คนอื่นๆ ที่ผ่านมาสัก1-2เดือนก็ออก กันพอจะเริ่มเป็นงานก็ไป เราก็เหนื่อยใจ เราคิดจะลาออกบ้าง ก็ไปได้เหมือนว่าแล้งน้ำใจ อีก หรือเป็นเพราะว่าเราอยู่นานแล้วผูกพันธ์ แต่มันไม่ใช่ใจเราก็อยากไปนะ
ตอนนี้สถานการณ์เริ่มกลับมาเป็นเหมือนเดิม ขาดพนักงานอีกสาขา หาคนไม่ได้. มาไม่ถึงเดือนก็ออก
เจ้านายเขาก็อยู่อีกสาขาต้องทำงานเอง พร้อมกับ ภรม. ช่วงก่อนหน้านี้ ภรม.ยังไม่มาทำงานด้วย.น่าจะมีงานประจำอยู่แล้วลาออกมา พอเข้ามาก็จู้จี้โน่นนั่นนี่ จะเอาแบบนี่ อย่างนั่น คิดว่าเป็นของตนเองหมด. พนง.ก็เลยไม่อยากอยู่ แล้วมายุ่งเรื่องงานกับ พนง.ทุกเรื่อง บางทีก็โทรมาว่าเรา เรื่องเปลี่ยนสมุดบัญชี บริษัทฯ เขาคงคิดว่าเรา สม.เขาให้ความสำคัญกับเรามากเกินไปมั้ง เพราะเปลี่ยนสมุดบัญชีธนาคาร บริษัท เราเป็นคนไปเปลี่ยนเอง ของธนาคารสีฟ้า เขาให้ใครไปเปลี่ยนก็ได้ โดยไม่มีใบมอบอำนาจส่วนอีกธนาคารหนึ่ง อีกสาขาที่เราเคยทำก่อนหน้านี้ หลายปีแล้วจนเราลืมว่า เขามอบอำนาจให้เราไปเปลี่ยนของธนาคารสีน้ำเงิน ช่วง ที่เราไม่ได้ทำก็มีพนักงานอื่นทำ แต่ต่อสมุดต้องเป็น ผจก.ไปเปลี่ยนเอง พอดีพนักงานที่ทำต่อเรามีเรื่องตุกติก(ลาออกก่อน)ภรม.มาตรวจเจอ
ก็เลยภารหาเรื่องเราไปด้วย หาว่าเราโกหกเรื่องที่เราไม่เคยไปเปลี่ยนสมุดธนาคารสีน้ำเงิน โทรมาถามเราว่าใครไปเปลี่ยนบ้าง เราบอกว่า ผจก.ไปเปลี่ยนเอง. เราลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเขาเคยมอบอำนาจให้เราไปเปลี่ยน จนมาวันหนึ่ง เขาให้เราส่งเอกสารให้ลูกค้า. สาขาที่เขาทำงานอยู่ เราลืมเพราะว่ามีงานเขามาหลายอย่าง แล้วเขาจะสั่งของจะเอาวันพรุ่ง. แต่ ลูกค้าต้องรอเปิดสำนักงานใหญ่เปิด vender ก่อน เขาโทร.มาต่อว่าเรา. ไม่ใส่ใจ งาน ถามเราว่างานเยอะเหรอ. อยากถามว่าคนที่จะมาเป็นผู้บริหาร เขาสมควรพูดแบบนี้ไหม? ถ้าเราไม่ใส่ใจงานนะ ลูกค้าคงหนีไปหมดแล้ว บริษัทเขาคง จะเจ้งไปนานแล้วหล่ะ ก่อนที่เรามาอยู่ยอดขายแทบจะไม่พอค่าผ่อนตึกอยู่แล้ว ไหนจะค่าบริหารจัดการ. เราต้องทำทุกทาง เพื่อช่วยหมุนเงิน กว่าจะอยู่ตัวได้ เราลาออกตอนนี้เราจะเป็นคนที่แล้งน้ำใจไหม? เราออกเรายังไม่มีแผนอะไรในหัวเลย จะหางานใหม่ก็ถ้าจะอยาก อายุเกิน แล้ว ช่วยเสนอแนะเราที ขอบคุณค่ะ
ลาออกดีไหม
เราเรียนจบมาก็ทำงานที่นี่เป็นที่แรก และที่เดียวตลอดและงานที่ทำก็ไม่ตรงสาขาที่เรียนมาด้วย เราทำมาจนจะ10ปีแล้ว สวัสดิการ ของ บริษัทก็ไม่ได้มีอะไรมาก มี ปกส. โบนัสปลายปีนิดหน่อย. งานหนักไหม? เราก็ทำทุกอย่าง บัญชี.ขายของหน้าร้าน หาของให้ลูกค้า ส่งของลูกค้าข้างนอกบ้าง งานการเงิน คือทุกอย่างจบในกระบวนการ คนเดียว
เรื่องการโกงสำหรับเราคือไม่มี เพราะว่าเราคิดว่าไม่อยากมีกรรมติดตัวเรา
เราก็คิดจะออกหลาย ครั้งแล้วหล่ะ.แต่ก็มีเหตุการณ์ที่ให้ออกไม่ได้ คือบริษัท ขาดพนักงาน เราลืมบอกไปว่า บริษัท ที่ทำงานมี2สาขา พอสาขาหนึ่งจะดำเนินการได้ปกติ พนักงานเพียงพอ. อีกสาขาก็มีปัญหา ขาดคน เรา ก็ต้องย้ายเพื่อมาช่วยงานเขา ถ้าเราจะออกตอนที่เขามีปัญหา คิดว่าจะแล้งน้ำใจไปไหม? เราก็เลยต้องอยู่และที่เราอยู่มาจะ10กว่าปีนี้ก็มีปัญหาแบบนี้วนไปสัก 4-5รอบได้มั้ง จนเหลือเราซึ่งเป็นพนักงานที่อยู่มานาน อยู่คนเดียว คนอื่นๆ ที่ผ่านมาสัก1-2เดือนก็ออก กันพอจะเริ่มเป็นงานก็ไป เราก็เหนื่อยใจ เราคิดจะลาออกบ้าง ก็ไปได้เหมือนว่าแล้งน้ำใจ อีก หรือเป็นเพราะว่าเราอยู่นานแล้วผูกพันธ์ แต่มันไม่ใช่ใจเราก็อยากไปนะ
ตอนนี้สถานการณ์เริ่มกลับมาเป็นเหมือนเดิม ขาดพนักงานอีกสาขา หาคนไม่ได้. มาไม่ถึงเดือนก็ออก
เจ้านายเขาก็อยู่อีกสาขาต้องทำงานเอง พร้อมกับ ภรม. ช่วงก่อนหน้านี้ ภรม.ยังไม่มาทำงานด้วย.น่าจะมีงานประจำอยู่แล้วลาออกมา พอเข้ามาก็จู้จี้โน่นนั่นนี่ จะเอาแบบนี่ อย่างนั่น คิดว่าเป็นของตนเองหมด. พนง.ก็เลยไม่อยากอยู่ แล้วมายุ่งเรื่องงานกับ พนง.ทุกเรื่อง บางทีก็โทรมาว่าเรา เรื่องเปลี่ยนสมุดบัญชี บริษัทฯ เขาคงคิดว่าเรา สม.เขาให้ความสำคัญกับเรามากเกินไปมั้ง เพราะเปลี่ยนสมุดบัญชีธนาคาร บริษัท เราเป็นคนไปเปลี่ยนเอง ของธนาคารสีฟ้า เขาให้ใครไปเปลี่ยนก็ได้ โดยไม่มีใบมอบอำนาจส่วนอีกธนาคารหนึ่ง อีกสาขาที่เราเคยทำก่อนหน้านี้ หลายปีแล้วจนเราลืมว่า เขามอบอำนาจให้เราไปเปลี่ยนของธนาคารสีน้ำเงิน ช่วง ที่เราไม่ได้ทำก็มีพนักงานอื่นทำ แต่ต่อสมุดต้องเป็น ผจก.ไปเปลี่ยนเอง พอดีพนักงานที่ทำต่อเรามีเรื่องตุกติก(ลาออกก่อน)ภรม.มาตรวจเจอ
ก็เลยภารหาเรื่องเราไปด้วย หาว่าเราโกหกเรื่องที่เราไม่เคยไปเปลี่ยนสมุดธนาคารสีน้ำเงิน โทรมาถามเราว่าใครไปเปลี่ยนบ้าง เราบอกว่า ผจก.ไปเปลี่ยนเอง. เราลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเขาเคยมอบอำนาจให้เราไปเปลี่ยน จนมาวันหนึ่ง เขาให้เราส่งเอกสารให้ลูกค้า. สาขาที่เขาทำงานอยู่ เราลืมเพราะว่ามีงานเขามาหลายอย่าง แล้วเขาจะสั่งของจะเอาวันพรุ่ง. แต่ ลูกค้าต้องรอเปิดสำนักงานใหญ่เปิด vender ก่อน เขาโทร.มาต่อว่าเรา. ไม่ใส่ใจ งาน ถามเราว่างานเยอะเหรอ. อยากถามว่าคนที่จะมาเป็นผู้บริหาร เขาสมควรพูดแบบนี้ไหม? ถ้าเราไม่ใส่ใจงานนะ ลูกค้าคงหนีไปหมดแล้ว บริษัทเขาคง จะเจ้งไปนานแล้วหล่ะ ก่อนที่เรามาอยู่ยอดขายแทบจะไม่พอค่าผ่อนตึกอยู่แล้ว ไหนจะค่าบริหารจัดการ. เราต้องทำทุกทาง เพื่อช่วยหมุนเงิน กว่าจะอยู่ตัวได้ เราลาออกตอนนี้เราจะเป็นคนที่แล้งน้ำใจไหม? เราออกเรายังไม่มีแผนอะไรในหัวเลย จะหางานใหม่ก็ถ้าจะอยาก อายุเกิน แล้ว ช่วยเสนอแนะเราที ขอบคุณค่ะ