บางครั้งนะ......
สายฝนเช่นเดียวก็ คล้ายหยาดน้ำตา สายฝนหลั่งริน น้ำตาหลั่งไหล ในสเกลหรือบันไดเสียง นอกเหนือกฏเกณฑ์ ให้อารมณ์หลากหลาย สายฝนอาจซับน้ำตาของคุณ และแทรกซึมกัดกร่อนความทรงจำ ในเวลาเดียวกัน จะกลบเกลื่อนร่องรอยความโศกเศร้าเสียใจ ของคุณได้แค่ไหนกัน... หรือจะหยิบปุยเฆมมาซับน้ำตาให้คุณ และคุณเองก็คงซ่อนน้ำตาในสายฝนไม่ไหว
มีบางอย่าง... มีบางเรื่อง....อาจหมายถึงบางคน... ที่ดูแสนง่าย เรียบง่าย.. แต่ ความจริงกลับไม่ได้ง่ายเลย คุณจะหวังอะไรล่ะ? กับความหวังของคุณ หรือความหวังของใครก็ตาม ที่จะมายึดครองความฝันของคุณ เพื่อที่ใครคนนั้น จะพบกับความผิดหวัง ทั้งที่ความจริงแล้ว อาจไม่ได้หวังอะไรเลย กับความทรงจำไร้ค่า ในช่วงเย็นของวัน ..... ของวันใกล้สุดสัปดาห์ วันแสนเศร้า โดยเฉพาะกับความทรงจำ ที่กำลังเล่นตลกกับหัวใจของคุณเอง
ผมกับเธอ...เจอกันในวันฝนพรำ สายฝนไม่ได้กระหน่ำหนัก แต่ก็ไม่ได้ชาดหาย...เหมือนเส้นใยที่ต่อเติมทักถ้อยร้อยประสาน เราหลบฝนบริเวณป้ายรถเมล์เดียวกันในวันต่อมา
ผมไม่ได้รู้อะไรมากมายเกี่ยวกับตัวเธอ...หมายถึงว่าเธอก็ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับตัวผมเช่นกัน...แต่นั่น...ไม่สำคัญอะไรเลยสักนิด หลังจากวันนั้น ผมกลับมาป้ายรถเมล์เดิมแทบทุกวัน
ผมนั่งรอเธอ
“มากี่คนคะ”
บริกรสาวถามด้วยรอยยิ้ม ผมตื่นจากภวังค์ กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง เธอดูน่ารักมาก แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนให้รู้ว่า น้องดูแลโต๊ะ...มีคุณค่าทางอาหารตา อย่าไปคิดเป็นอาหารกาย เพราะแทบทุกคนมีเจ้าของมีครอบครัวแล้วทั้งนั้น
“สองคนครับ”
ผมบอกเธอด้วยน้ำเสียงสุภาพ ผมให้เกียรติคนทำงานทุกคน เป็นหลักประจำใจ เธอยิ้มแล้ววางชุดจานลงบนโต๊ะ ยิ้มให้ผมอีกครั้ง สายตาของเธอมีเสน่ห์ ที่ผมเข้าใจและรู้ทัน ก่อนเอเดินไปดูแลโต๊ะอื่น ผมแอบยิ้มเศร้าให้กับตัวเอง วันนี้ฝนตก... เธอจะมาไหมนะ...แต่หากเธอไม่มาก็ไม่เป็นไร แต่เธอมาก็ไม่เป็นไรเช่นกัน สำคัญคือเธอจะมา..หรือไม่มาเท่านั้น
เสียงสายฝนเหมือนเสียงดนตรี แต่คุณต้องตั้งใจฟังสักนิด มันขึ้นอยู่กับคุณเอง ว่าจะมองบทเพลงของสายฝนอย่างไร โหยหา...เศร้าหมอง...หมกหมุ่นขุ่นแค้น...หรือปล่อยไปกับสายฝนที่ร่วงหล่นลงในแผ่นดิน ในหัวใจอันละเอียดอ่อนของคุณเอง
สายฝนแรงมากขึ้นทุกขณะ หนาวเหน็บ ใจสั่น
เธอคงมาไม่ได้ ผมรู้ แต่ผมรู้มากกว่านั้น
ผมมองเห็นม่านสวยของสายฝน สัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันเยียบเย็น เธอคงมาหาผมไม่ได้แน่นอน ผมมองสายฝนอีกครั้ง วางเงินลงบนโต๊ะจำนวนหนึ่ง ที่เกินพอสำหรับค่าอาหาร ก่อนจะเดินออกจากร้านและจางหายไป เพื่อไปหาเธอ มันเป็นเรื่องง่าย ๆ และไร้สาระว่าผมทำได้อย่างไร ไม่สำคัญอะไรเลยสักนิด
สิ่งที่มีคุณค่ากว่าสำหรับผม เราจะเจอกัน ไม่ว่าเป็นหรือตาย ไม่ว่าจะจริงหรือลวง แต่อย่างน้อย ความฝันของผมเป็นจริง เป็นจริงในโลกของจินตนาการ เธอเดินออกมาจากม่านฝนพรำ พร้อมรอยยิ้ม ในขณะที่ผมกำลังจางหายด้วยความร้าวราน ผมดีใจที่เห็นเธอกำลังทำตัวเองให้ละลายไปในอากาศเช่นกัน แบบนี้เราคงหากันได้ไม่ยากนัก โอ...ที่รัก...ทำไมไม่บอกผมสักคำว่าคุณตายไปแล้ว ถึงผมเป็นผี ก็ไม่ใช่ว่าจะรู้ทุกเรื่องนะครับ
จะวาไปนะ รู้เรื่องเดียวก็เกินพอ
ผมรักคุณ
เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องประกาศให้ใครรู้ ยินดีจะเก็บเป็นความลับตลอดกาล และไม่ขอเรียกร้องใด ๆ ไม่ว่ามันจะเป็นความฝันหรือความจริง ไม่สำคัญเลยสักนิด จริง ๆ
แล้วคุณล่ะครับ...?
ในคืนเหงา....ในวันสายฝนพรำ
สายฝนเช่นเดียวก็ คล้ายหยาดน้ำตา สายฝนหลั่งริน น้ำตาหลั่งไหล ในสเกลหรือบันไดเสียง นอกเหนือกฏเกณฑ์ ให้อารมณ์หลากหลาย สายฝนอาจซับน้ำตาของคุณ และแทรกซึมกัดกร่อนความทรงจำ ในเวลาเดียวกัน จะกลบเกลื่อนร่องรอยความโศกเศร้าเสียใจ ของคุณได้แค่ไหนกัน... หรือจะหยิบปุยเฆมมาซับน้ำตาให้คุณ และคุณเองก็คงซ่อนน้ำตาในสายฝนไม่ไหว
มีบางอย่าง... มีบางเรื่อง....อาจหมายถึงบางคน... ที่ดูแสนง่าย เรียบง่าย.. แต่ ความจริงกลับไม่ได้ง่ายเลย คุณจะหวังอะไรล่ะ? กับความหวังของคุณ หรือความหวังของใครก็ตาม ที่จะมายึดครองความฝันของคุณ เพื่อที่ใครคนนั้น จะพบกับความผิดหวัง ทั้งที่ความจริงแล้ว อาจไม่ได้หวังอะไรเลย กับความทรงจำไร้ค่า ในช่วงเย็นของวัน ..... ของวันใกล้สุดสัปดาห์ วันแสนเศร้า โดยเฉพาะกับความทรงจำ ที่กำลังเล่นตลกกับหัวใจของคุณเอง
ผมกับเธอ...เจอกันในวันฝนพรำ สายฝนไม่ได้กระหน่ำหนัก แต่ก็ไม่ได้ชาดหาย...เหมือนเส้นใยที่ต่อเติมทักถ้อยร้อยประสาน เราหลบฝนบริเวณป้ายรถเมล์เดียวกันในวันต่อมา
ผมไม่ได้รู้อะไรมากมายเกี่ยวกับตัวเธอ...หมายถึงว่าเธอก็ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับตัวผมเช่นกัน...แต่นั่น...ไม่สำคัญอะไรเลยสักนิด หลังจากวันนั้น ผมกลับมาป้ายรถเมล์เดิมแทบทุกวัน
ผมนั่งรอเธอ
“มากี่คนคะ”
บริกรสาวถามด้วยรอยยิ้ม ผมตื่นจากภวังค์ กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง เธอดูน่ารักมาก แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนให้รู้ว่า น้องดูแลโต๊ะ...มีคุณค่าทางอาหารตา อย่าไปคิดเป็นอาหารกาย เพราะแทบทุกคนมีเจ้าของมีครอบครัวแล้วทั้งนั้น
“สองคนครับ”
ผมบอกเธอด้วยน้ำเสียงสุภาพ ผมให้เกียรติคนทำงานทุกคน เป็นหลักประจำใจ เธอยิ้มแล้ววางชุดจานลงบนโต๊ะ ยิ้มให้ผมอีกครั้ง สายตาของเธอมีเสน่ห์ ที่ผมเข้าใจและรู้ทัน ก่อนเอเดินไปดูแลโต๊ะอื่น ผมแอบยิ้มเศร้าให้กับตัวเอง วันนี้ฝนตก... เธอจะมาไหมนะ...แต่หากเธอไม่มาก็ไม่เป็นไร แต่เธอมาก็ไม่เป็นไรเช่นกัน สำคัญคือเธอจะมา..หรือไม่มาเท่านั้น
เสียงสายฝนเหมือนเสียงดนตรี แต่คุณต้องตั้งใจฟังสักนิด มันขึ้นอยู่กับคุณเอง ว่าจะมองบทเพลงของสายฝนอย่างไร โหยหา...เศร้าหมอง...หมกหมุ่นขุ่นแค้น...หรือปล่อยไปกับสายฝนที่ร่วงหล่นลงในแผ่นดิน ในหัวใจอันละเอียดอ่อนของคุณเอง
สายฝนแรงมากขึ้นทุกขณะ หนาวเหน็บ ใจสั่น
เธอคงมาไม่ได้ ผมรู้ แต่ผมรู้มากกว่านั้น
ผมมองเห็นม่านสวยของสายฝน สัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันเยียบเย็น เธอคงมาหาผมไม่ได้แน่นอน ผมมองสายฝนอีกครั้ง วางเงินลงบนโต๊ะจำนวนหนึ่ง ที่เกินพอสำหรับค่าอาหาร ก่อนจะเดินออกจากร้านและจางหายไป เพื่อไปหาเธอ มันเป็นเรื่องง่าย ๆ และไร้สาระว่าผมทำได้อย่างไร ไม่สำคัญอะไรเลยสักนิด
สิ่งที่มีคุณค่ากว่าสำหรับผม เราจะเจอกัน ไม่ว่าเป็นหรือตาย ไม่ว่าจะจริงหรือลวง แต่อย่างน้อย ความฝันของผมเป็นจริง เป็นจริงในโลกของจินตนาการ เธอเดินออกมาจากม่านฝนพรำ พร้อมรอยยิ้ม ในขณะที่ผมกำลังจางหายด้วยความร้าวราน ผมดีใจที่เห็นเธอกำลังทำตัวเองให้ละลายไปในอากาศเช่นกัน แบบนี้เราคงหากันได้ไม่ยากนัก โอ...ที่รัก...ทำไมไม่บอกผมสักคำว่าคุณตายไปแล้ว ถึงผมเป็นผี ก็ไม่ใช่ว่าจะรู้ทุกเรื่องนะครับ
จะวาไปนะ รู้เรื่องเดียวก็เกินพอ
ผมรักคุณ
เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องประกาศให้ใครรู้ ยินดีจะเก็บเป็นความลับตลอดกาล และไม่ขอเรียกร้องใด ๆ ไม่ว่ามันจะเป็นความฝันหรือความจริง ไม่สำคัญเลยสักนิด จริง ๆ
แล้วคุณล่ะครับ...?