วัดไทลื้อ ... วัดร้องแง อ.ปัว จ.น่าน

ร้อง เพี้ยนมาจาก ฮ่อง คือ ร่อง(น้ำ) แปลว่า ลำคลอง
แงเป็นชื่อต้นไม้ บะแง มีผลเท่าส้มโอ ผิวเหมือนมะนาว มีจุกเหมือนมะกรูด ... ไม่รู้จักค่ะ
บ้านร้องแง ... บ้านฮ่องแง คือบ้านที่ตั้งอยู่ที่ลำคลองที่มีต้นบะแงขึ้น
สันนิษฐานว่าสร้าง พ.ศ. 2310





ในสมัยพญาแสนเมืองแก้ว ปกครองเมืองเลน (ภาษาลื้อออกเสียง ว่าลิน) เมืองในสิบสองปันนา ถูกรุกราน พญาแสนเมืองแก้วต้านไม่ไหว
มีเจ้าหลวงเทพพญาเลน เจ้าช้างเผือกงาเขียว พร้อมด้วยแม่ทัพนายกอง 4 นาย คือ ท้าวแก้วปันเมือง ท้าววรรณะ ท้าวเหล็กไฟ และท้าวเต๋อ ได้มาช่วยต้านทานทัพศัตรู
แต่ก็ต้านไม่ไหวจึงรวบรวมไพร่พลหนีถอยร่นลงมาจนถึงบริเวณใกล้กับร่องน้ำที่มีต้นบะแง ได้ตั้งหมู่บ้านขึ้นและเรียกชื่อตามร่องน้ำนั้น ... ร้องแง

วันที่ไปวัดพอดีมีงานชุมนุมกันที่ศาลากลางทุ่ง ทางตะวันออกของวัดไปราว 100 เมตร สอบถามได้ความว่าเป็นงานประเพณีเลี้ยงป๋าง





ป๋างคือการบวงสรวง

เป็นการสมโภชเจ้าหลวงเทพพญาเลน และเจ้าช้างเผือกงาเขียว ณ ที่ อนุสาวรีย์หรือศาลเจ้าหลวงเทพพญาเลน
ปีหนึ่งจะมีการเลี้ยงป๋าง 3 ครั้ง คือ ป๋าง 4 ป๋าง 6 และ ป๋าง 8 (เดือน 4 6 8)
ชาวบ้านจะนำเครื่องเซ่นสังเวยเจ้าหลวงเทพพญาเลนได้รับและบริโภค เพื่อที่ท่านจะได้ช่วยเหลือคุ้มครองปกปักรักษาสมาชิกในหมู่บ้านให้อยู่เย็นเป็นสุข





วิหารไทลื้อ มีสองแบบคือ ไทลื้อฮ่างหงส์ และ ไทลื้อทรงโรง

วิหารวัดร้องแงเป็นวิหารไทลื้อแบบทรงโรง ... ดูง่าย ๆ จากหลังคา
ผังรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 8 ห้อง
ห้องด้านหน้าเป็นระเบียงหรือมุข *
ผนังวิหารเตี้ย ก่ออิฐฉาบปูน มีความสูงต่างกันในแต่ละด้าน *
หลังคาคลุมต่ำ ทรงโรง 3 ซด 2 ตับ*  หลังคา 3 ซด (ซ้อนด้านหน้า 2 ,หลัง 1)  จั่วซ้อนทับ 2 ตับ คือ 2 ชั้น

... การซ้อนชั้นของหลังคาเพื่อการขยายขนาดของอาคาร แบบแผนสำคัญของวิหารล้านนา
การขยายความยาว ทำโดยลดชั้นด้าน หน้า - หลัง เรียก ซด
การขยายความกว้าง ทำโดยลดชั้นด้านข้าง เรียก ตับ ...





หน้าแหนบหรือหน้าบัน เป็นเทพนม ล้อมรอบด้วยลายก้านขด
หน้าแหนบปีกนก ... ใต้ปีกหลังคา ... ลายก้านขด
ดอกคอหน้าแหนบ ... อยู่ระหว่างหน้าแหนบและหน้าแหนบรวงผึ้ง ... ลายดอกไม้ประดับกระจก
หน้าแหนบรวงผึ้ งเป็นรูปช้างและลายก้านขด
โก่งคิ้วเป็นหางของนาคมาเกี่ยวกระวัดกัน
บันไดตัวเหงา





นาคทันต์รูปเทพ ยักษ์ และสัตว์ในหิมพานต์ , นาคเบือนรูปนาค





นาคทันต์ หรือ คันทวย เป็นไม้แกะระบายสี รูป เทวดา ยักษ์ ครุฑ ลิง





บันไดข้างสำหรับพระสงฆ์





เสื้อวัด ... ผีที่ปกปักรักษาวัด





ภายในวิหาร

เสาหลวงเป็นเสากลมด้านล่างทาสี ด้านบนเขียนด้วยลายคำ
ขวามือของพระประธาน ด้านชิดผนัง เป็นธรรมมาสเอก หีบพระธรรม และยกพื้นเป็นที่นั่งของพระสงฆ์
ตรงกลางที่เหมือนปราสาท เป็นธรรมาสบุษบก
ที่คล้ายตุงแขวนในวิหารคือ ผ้าเช็ดหลวง ... เช็ด แปลว่า ทอ , หลวงแปลว่ายิ่งใหญ่ ใช้ในพิธีกรรมการถวายทานเป็นพุทธบูชาเพื่ออุทิศให้แก่บรรพบุรุษ





ดอกไม้พันดวง คือ ดอกไม้ในตอกไม้ไผ่สาน เพื่อบูชาพันพระคาถา ในพิธีตั้งธรรมหลวงหรือเทศน์มหาชาติ
โดยมีการเทศน์ทั้งหมดรวม 13 กัณฑ์ ประกอบด้วย 1,000 พระคาถา





ธรรมาสเอก
เป็นแบบโบราณ ไม่มีหลังคา ใช้สำหรับงานเทศน์มหาชาติ หรือเรียกว่าประเพณีตั้งธรรมหลวง
รูปทรงแปดเหลี่ยม ครึ่งปูนครึ่งไม้
ฐานเป็นลวดลายปูนปั้นติดกระจกสี
ด้านบนเป็นไม้มีรูปวาด





ธรรมมาสบุษบก





พระประธาน
พระพุทธรูปปางมารวิชัย ประทับบนแท่นแก้วประคับกระจกสี
พระนามว่า ศรีสวัสดี สิริวิสุทธะ วิวะมังคะละ สวัสสะติ อะภิวันทะนบ พระรัตนะ โอกาสะมะสะดู
พระเกษาสีดำเท่ากันตลอด มีไรพระศก
ฝ่าพระบาทราบเสมอกัน ส้นพระบาทยาว
นิ้วพระหัตถ์ยาวเรียวเสมอกัน
ดวงพระพักตร์สัณฐานยาวรูปไข่
พระกรรณมีสัณฐานยาวเหมือนกลีบดอกบัว





จิตรกรรมหลังพระประธาน







เหนือพระประธาน เป็นบัวแปดกลีบ





ด้านหน้าพระประธาน เป็นขั้นไดแก้ว หรือ บันไดแก้ว เป็นสัตตภัณฑ์ของไทลื้อ
เป็นรูปบันไดนาค
ประดับเชิงเทียนตามริมบันไดทั้งสองข้าง ข้างละ 3 เล่ม และกลางบันไดหลังอีก 1 เล่ม

วัดร้องแงจะใช้ในวันเทศน์มหาชาติ คือวันลอยกระทง ... ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12
โดยจะนำจ๊างจ้อยม้าจ้อย (แผ่นเงินที่สลักรูปช้าง ม้า ฆ้อง กลอง ฯ) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของคู่บารมีในความเป็นพระมหากษัตริย์ วางไว้ด้านบน
จุดธูป เทียนจำนวน 7 เล่มเพื่อบูชาพระรัตนตรัย





พระอุโบสถ ... หลังคาทรงฮ่างหงส์ คือเหมือนหงส์กางปีกปกป้องลูก
หลังคาปีกนกทั้งสี่ด้าน เรียกว่าหลังผัด
ชั้นบนสุดเป็นหลังคาทรงจั่วเรียกว่า หาน





กุฏิ ... ศิลปะไทลื้อ





ว่าจะลงเรื่องวัดไทลื้อในเชียงใหม่
พอดีได้ไปเมืองปัวมา ซึ่งเมืองปัวเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยศิลปะไทลื้อ และกำลังค้นอ่านจึงถือโอกาสนำมาเล่าก่อนที่จะลืมเลือนไป

เนื่องด้วย เมื่อน่านตกอยู่ในอำนาจของพม่า ผู้คนอพยพหนีออกไปจนแทบเป็นเมืองร้าง
พ.ศ.2325-2354 พระเจ้ากาวิละด้วยนโยบายเก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง ได้ไปกวาดต้อนผู้คนมาจากสิบสองปันนามาอยู่ที่ เมืองเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง

พ.ศ.2355 เจ้าหลวงสุมนเทวราชเจ้าเมืองน่าน - พ.ศ.2399 เจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชได้กวาดต้อน และรวมทั้งมีผู้อพยพจากสอบสองปันนาและลาว
มาอยู่ที่ทุ่งช้าง เชียงกลาง ปัว ท่าวังผา จ.น่านและเมืองเชียงม่วน จ.พะเยา

ดังนั้นวัดที่เมืองปัวปัจจุบันจึงเป็นสถาปัตยกรรมแบบไทลื้อ




สารบัญที่นี่ค่ะ https://pantip.com/topic/36574038
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่