มาาต่อ Day 2 กันเลยค่ะ
เก็บพีชที่Kyotango
หลังจากนอนหลับพักผ่อนเต็มอิ่มแล้ว เราเริ่มต้นวันที่สองด้วยการไปฟาร์มพีชกันค่ะ โดยนั่ง Free shuttle bus จากโรงแรม ไปที่สถานี Kyotango Omiya station จากนั้นเราก็เปลี่ยนมานั่งรถไฟไปที่สถานี Amino station (ค่าเดินทาง: 320 เยน / 96 บาท) ใช้เวลา 10 กว่านาที จากนั้นก็เปลี่ยนมานั่งบัสสาย Yasaka Amino Sakyu Line ซึ่งเราต้องบอกคนขับรถว่าเราจะไปลงที่ Fruit Okoku Yasaka เนื่องจากที่ข้างหน้าฟาร์มจะไม่มี bus stop แต่ถ้าหากเราบอกคนขับ เค้าจะจอดให้เราค่ะ อาจจะดูเหมือนต้องเปลี่ยนรถเยอะพอสมควร แต่ว่าจริงๆแล้วไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลยค่ะ (200เยน / 60 บาท )
(อันนี้ที่สถานี Amino ระหว่างรอรถบัสก็ถ่ายรูปกันซะหน่อย ส่วนพี่อีกคนนี้นอนตายไปแล้วนะคะ homeless ไปอี๊ก)
สำหรับใครที่สนใจ:
http://www.kyototourism.org/en/sightseeing-info/84.html
เมื่อไปถึงฟาร์มพีช เราก็เข้าไปบอกพนักงานของทางฟาร์มว่ามาเก็บพีช แล้วจะมีพี่พนักงานมาอธิบายว่าเราต้องทำอะไรบ้าง จากนั้นก็ตรงไปยังฟาร์มเพื่อเริ่มเก็บพีชกันเลยจ้า โดยตอนเก็บยังมีเจ้าหน้าที่มาคอยอธิบายวิธีการเก็บให้ เราสามารถเก็บจากต้นได้ 2 ลูก จากนั้นเจ้าหน้าจะจัดเตรียมลูกพีชให้อีก 2 ลูกไว้สำหรับกินที่ฟาร์ม ใครที่เป็นสาวกพีช บอกเลยว่าฟินมาก พีชหวานมาก ถึงขั้นแค่ปอกเปลือกออกมาน้ำผลไม้จากตัวพีชก็ฉ่ำจนไหลเยิ้มออกมาชวนให้น้ำลายสอเลยทีเดียว นั่งรถมาหลายต่อพอเจอแบบนี้แล้วมันปลื้มปริ่มไปเลยทีเดียวจนหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง บอกเลยว่าสาวกพีชไม่ควรพลาด นอกจากพีชแล้วยังมีกิจกรรมอื่นๆอีกด้วย เช่น เก็บองุ่น หรือ เก็บบูลเบอร์รี่ ซึ่งแตกต่างตามฤดูกาล ด้วยความที่เราชอบกินองุ่น จึงซื้อองุ่นของฟาร์มกลับมาด้วย บอกเลยว่าองุ่นอร่อยมาก หวานฉ่ำสุดๆ จากที่ได้ลองแล้วทำให้ลืมรสชาติขององุ่นไทยไปเลย
(บอกเลยว่าพีชหวานมากก กัดแล้วฉ่ำมากกกก ต้องไปโดน)
(องุ่นต้องไปโดนน อร่อยจริงๆ ไม่อยากพูดเยอะ)
ให้ 7.5 / 10 เพราะด้วยความที่เราชอบกินผลไม้มาก สำหรับเราพีช 4 ลูกมันยังไม่พอ แหะๆ แล้วก็อุตส่าห์นั่งรถมาตั้งหลายต่อเราเลยคิดว่าขอหักคะแนนนิดนึง
Kinosaki onsen
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า onsen ชื่อดังแห่งนี้ใกล้กับ unseen ของเราคราวนี้มากๆ เราจึงเลือกKinosaki onsen เป็นสถานที่ต่อไปที่เราจะไปเยือน โดยขึ้นรถบัสตรงฝั่งตรงข้ามฟาร์ม นั่งบัสสายเดิมไปลงที่
Amino station แต่ก่อนไปถึง เราแวะรับประทานที่
Marumi Shokudo ซึ่งอยู่ตรงสถานีเลย ร้านนี้เป็นร้านอาหารชุดแบบรสชาติคุณแม่ ไม่แพง ให้เยอะ และอร่อย โดยจากผลโหวตของเพื่อนๆ ชุดอาหารทงคัทซึ เป็นเมนูที่อร่อยที่สุด โดยรู้สึกถึงทางร้านทอดออกได้หนังกรอบ แต่ยังคงความjuicyของเนื้อไก่ไว้ได้ครบถ้วน ใครที่ชอบทงคัทซึไม่ควรพลาดร้านนี้เลยนะคะ
ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึง Kinosaki onsen โดยนั่งรถไฟจากสถานีAmino มาลงที่สถานี kinosakionsen ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชม. (840 เยน / 252 บาท) ซึ่งจุดเด่นของที่นี่จะมีonsenชื่อดังทั้งหมด 7 แห่ง ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่าการที่จะเข้าให้ครบคงจะต้องเสียเงินเยอะ แต่เดี๋ยวก่อน! ที่นี่เขามีบัตรผ่าน onsen แบบ Buffet ราคา 1,200 เยน ซึ่งสามารถเข้ากี่รอบก็ได้ และสามารถเข้าได้ทั้ง 7 แห่ง อีกด้วย ประหยัดเงินไปได้เยอะมากๆ นอกจากแช่ออนเซนแล้ว เราแนะนำว่าถ้ามีเวลาให้เช่ายูงาตะเดินเล่นในเมือง เพราะว่าเมืองน่าเดินเล่นมาก เหมาะกับการมาถ่ายรูปมากๆ สำหรับร้านยูงาตะที่เราเลือก ตั้งข้างๆ ออนเซน Goshno-yu ซึ่งมีชื่อร้านว่า Iroha (อิโรฮะ) ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 2,000 เยน ถึง 5,000 เยน (600 บาท จนถึง 1,500 บาท) ซึ่งราคานี้จะรวมค่าทำผมเรียบร้อยแล้ว แถมมีกระเป๋า ร่ม บอกเลยว่าอุปกรณ์พร้อมมาก ซึ่งในราคานี้ถือว่าคุ้มมาก ถ้าหากใครอยากใส่ยูงาตะเดินเที่ยวจนถึงค่ำก็สามารถทำได้ เพราะร้านนี้ปิด 4 ทุ่ม
(ร้านอิโรฮะ)
สำหรับร้านนี้เราให้ 10 / 10 พนักงานเป็นกันเองมาก อธิบายให้เราทุกขั้นตอนด้วย
มีทั้งยูงาตะและกิโมโนให้เลือกหลายแบบเลยค่ะ แถมหลายก็น่ารักด้วย สีสันสดใสดีค่ะ นอกจากของผู้หญิงแล้วยังมีของผู้ชายด้วยนะคะ
สวัสดีนี้เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้เอง
ถิ่นนี้พี่คุมเอง #ไม่ได้ดึงมันตึงเอง
#แจกฟามฉดใฉ
แบบฉบับสาวเกียวโต เรียบร้อยดั่งผ้าพับไว้
สำหรับใครที่สนใจรายละเอียดเกี่ยวกับOnsen :
https://visitkinosaki.com/places-to-go/kinosaki-onsen/hot-springs/
หลังจากนั้นเราก็มาเดินเล่นไปสักพัก ท้องก็เริ่มร้อง (อีกแล้ว!) สายตาอันเฉียบคมของเราก็ไปสะดุดกับคาเฟ่ร้านหนึ่ง ชื่อว่า Kinosaki sweets และเราดันแอบไปเห็นขนม Baumkuchen ที่วางอยู่ให้ชิมฟรี ซึ่งบอกเลยว่าร้านนี้อร่อยมาก แบบอร่อยบอกต่อ บอกเลยว่าของมันต้องมีจริงๆ ด้วยความที่เนื้อเค้กมันนุ่มมาก เนื้อแป้งละเอียด ไม่หวานจนเกินไป จากที่ญี่ปุ่นที่นี้มาได้ 6 เดือนแล้ว ร้านนี้สุดจริงไรจริง คือถ้ากลับไปอีกถามว่าจะซื้ออะไรกลับมาบอกเลยต้องเค้กนี้เท่านั้น (ไม่ได้อยากจะอวยแต่มันอร่อย อยากให้ลองจริงๆ) 10 / 10
ร้านKinosaki sweets
ขนม Baumkuchen
จริงๆแล้วมี 4 ชิ้น แต่กินไปแล้ว เลยเหลือแค่ 2 ชิ้น (เสียดายอ่า อยากซื้อมาเยอะๆ) ขนาดซื้อมา 8 ชิ้น ยังรู้สึกว่าไม่พอ 55555555 ไม่ต้องถามถึงน้ำหนักก TT
โดยรวมแล้ว Kinosaki Onsen ถือว่าเป็นตัวปิดทริปที่ดีและฟินมาก ให้ 8.5/ 10 เพราะว่าเรามาหน้าร้อน แช่ออนเซ็นรัวๆ มันก็ร้อนอะเนอะ
ถึงเวลาหมดสนุกแล้ว ก็ได้เวลากลับไปสู่ในโลกของความเป็นจริง โดยเราจะนั่งรถไฟจาก Kinosaki onsen station ไปยัง สถานีเกียวโต (Kyoto station) ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. กว่าๆ ประมาณ 5,000 เยน (1,500 บาท) เป็นอันจบทริปค่ะ!
ขอบคุณที่ติดตามกัน และอ่านจนจบนะคะ หวังว่าเพื่อนๆชาวพันทิปจะสนใจไป Unseen ที่เราแนะนำมากขึ้นนะคะ ถ้าใครที่ชื่นชอบฝากกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ (คนเขียนต้องการกำลังใจ)
ปล. ใครที่มีคำถามสามารถคอมเม้นหรือทักมาถามหลังไมค์ได้นะคะ
[SR] [SR] บันทึกลับฉบับเกียวโต: รีวิวหนึ่งในสาม Landscape ที่สวยที่สุดในแดนอาทิตย์อุทัย (Amanohashidate-Ine-Tango) Day 2
เก็บพีชที่Kyotango
หลังจากนอนหลับพักผ่อนเต็มอิ่มแล้ว เราเริ่มต้นวันที่สองด้วยการไปฟาร์มพีชกันค่ะ โดยนั่ง Free shuttle bus จากโรงแรม ไปที่สถานี Kyotango Omiya station จากนั้นเราก็เปลี่ยนมานั่งรถไฟไปที่สถานี Amino station (ค่าเดินทาง: 320 เยน / 96 บาท) ใช้เวลา 10 กว่านาที จากนั้นก็เปลี่ยนมานั่งบัสสาย Yasaka Amino Sakyu Line ซึ่งเราต้องบอกคนขับรถว่าเราจะไปลงที่ Fruit Okoku Yasaka เนื่องจากที่ข้างหน้าฟาร์มจะไม่มี bus stop แต่ถ้าหากเราบอกคนขับ เค้าจะจอดให้เราค่ะ อาจจะดูเหมือนต้องเปลี่ยนรถเยอะพอสมควร แต่ว่าจริงๆแล้วไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลยค่ะ (200เยน / 60 บาท )
สำหรับใครที่สนใจ: http://www.kyototourism.org/en/sightseeing-info/84.html
เมื่อไปถึงฟาร์มพีช เราก็เข้าไปบอกพนักงานของทางฟาร์มว่ามาเก็บพีช แล้วจะมีพี่พนักงานมาอธิบายว่าเราต้องทำอะไรบ้าง จากนั้นก็ตรงไปยังฟาร์มเพื่อเริ่มเก็บพีชกันเลยจ้า โดยตอนเก็บยังมีเจ้าหน้าที่มาคอยอธิบายวิธีการเก็บให้ เราสามารถเก็บจากต้นได้ 2 ลูก จากนั้นเจ้าหน้าจะจัดเตรียมลูกพีชให้อีก 2 ลูกไว้สำหรับกินที่ฟาร์ม ใครที่เป็นสาวกพีช บอกเลยว่าฟินมาก พีชหวานมาก ถึงขั้นแค่ปอกเปลือกออกมาน้ำผลไม้จากตัวพีชก็ฉ่ำจนไหลเยิ้มออกมาชวนให้น้ำลายสอเลยทีเดียว นั่งรถมาหลายต่อพอเจอแบบนี้แล้วมันปลื้มปริ่มไปเลยทีเดียวจนหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง บอกเลยว่าสาวกพีชไม่ควรพลาด นอกจากพีชแล้วยังมีกิจกรรมอื่นๆอีกด้วย เช่น เก็บองุ่น หรือ เก็บบูลเบอร์รี่ ซึ่งแตกต่างตามฤดูกาล ด้วยความที่เราชอบกินองุ่น จึงซื้อองุ่นของฟาร์มกลับมาด้วย บอกเลยว่าองุ่นอร่อยมาก หวานฉ่ำสุดๆ จากที่ได้ลองแล้วทำให้ลืมรสชาติขององุ่นไทยไปเลย
ให้ 7.5 / 10 เพราะด้วยความที่เราชอบกินผลไม้มาก สำหรับเราพีช 4 ลูกมันยังไม่พอ แหะๆ แล้วก็อุตส่าห์นั่งรถมาตั้งหลายต่อเราเลยคิดว่าขอหักคะแนนนิดนึง
Kinosaki onsen
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า onsen ชื่อดังแห่งนี้ใกล้กับ unseen ของเราคราวนี้มากๆ เราจึงเลือกKinosaki onsen เป็นสถานที่ต่อไปที่เราจะไปเยือน โดยขึ้นรถบัสตรงฝั่งตรงข้ามฟาร์ม นั่งบัสสายเดิมไปลงที่ Amino station แต่ก่อนไปถึง เราแวะรับประทานที่ Marumi Shokudo ซึ่งอยู่ตรงสถานีเลย ร้านนี้เป็นร้านอาหารชุดแบบรสชาติคุณแม่ ไม่แพง ให้เยอะ และอร่อย โดยจากผลโหวตของเพื่อนๆ ชุดอาหารทงคัทซึ เป็นเมนูที่อร่อยที่สุด โดยรู้สึกถึงทางร้านทอดออกได้หนังกรอบ แต่ยังคงความjuicyของเนื้อไก่ไว้ได้ครบถ้วน ใครที่ชอบทงคัทซึไม่ควรพลาดร้านนี้เลยนะคะ
ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึง Kinosaki onsen โดยนั่งรถไฟจากสถานีAmino มาลงที่สถานี kinosakionsen ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชม. (840 เยน / 252 บาท) ซึ่งจุดเด่นของที่นี่จะมีonsenชื่อดังทั้งหมด 7 แห่ง ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่าการที่จะเข้าให้ครบคงจะต้องเสียเงินเยอะ แต่เดี๋ยวก่อน! ที่นี่เขามีบัตรผ่าน onsen แบบ Buffet ราคา 1,200 เยน ซึ่งสามารถเข้ากี่รอบก็ได้ และสามารถเข้าได้ทั้ง 7 แห่ง อีกด้วย ประหยัดเงินไปได้เยอะมากๆ นอกจากแช่ออนเซนแล้ว เราแนะนำว่าถ้ามีเวลาให้เช่ายูงาตะเดินเล่นในเมือง เพราะว่าเมืองน่าเดินเล่นมาก เหมาะกับการมาถ่ายรูปมากๆ สำหรับร้านยูงาตะที่เราเลือก ตั้งข้างๆ ออนเซน Goshno-yu ซึ่งมีชื่อร้านว่า Iroha (อิโรฮะ) ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 2,000 เยน ถึง 5,000 เยน (600 บาท จนถึง 1,500 บาท) ซึ่งราคานี้จะรวมค่าทำผมเรียบร้อยแล้ว แถมมีกระเป๋า ร่ม บอกเลยว่าอุปกรณ์พร้อมมาก ซึ่งในราคานี้ถือว่าคุ้มมาก ถ้าหากใครอยากใส่ยูงาตะเดินเที่ยวจนถึงค่ำก็สามารถทำได้ เพราะร้านนี้ปิด 4 ทุ่ม
สำหรับร้านนี้เราให้ 10 / 10 พนักงานเป็นกันเองมาก อธิบายให้เราทุกขั้นตอนด้วย
สำหรับใครที่สนใจรายละเอียดเกี่ยวกับOnsen : https://visitkinosaki.com/places-to-go/kinosaki-onsen/hot-springs/
หลังจากนั้นเราก็มาเดินเล่นไปสักพัก ท้องก็เริ่มร้อง (อีกแล้ว!) สายตาอันเฉียบคมของเราก็ไปสะดุดกับคาเฟ่ร้านหนึ่ง ชื่อว่า Kinosaki sweets และเราดันแอบไปเห็นขนม Baumkuchen ที่วางอยู่ให้ชิมฟรี ซึ่งบอกเลยว่าร้านนี้อร่อยมาก แบบอร่อยบอกต่อ บอกเลยว่าของมันต้องมีจริงๆ ด้วยความที่เนื้อเค้กมันนุ่มมาก เนื้อแป้งละเอียด ไม่หวานจนเกินไป จากที่ญี่ปุ่นที่นี้มาได้ 6 เดือนแล้ว ร้านนี้สุดจริงไรจริง คือถ้ากลับไปอีกถามว่าจะซื้ออะไรกลับมาบอกเลยต้องเค้กนี้เท่านั้น (ไม่ได้อยากจะอวยแต่มันอร่อย อยากให้ลองจริงๆ) 10 / 10
โดยรวมแล้ว Kinosaki Onsen ถือว่าเป็นตัวปิดทริปที่ดีและฟินมาก ให้ 8.5/ 10 เพราะว่าเรามาหน้าร้อน แช่ออนเซ็นรัวๆ มันก็ร้อนอะเนอะ
ถึงเวลาหมดสนุกแล้ว ก็ได้เวลากลับไปสู่ในโลกของความเป็นจริง โดยเราจะนั่งรถไฟจาก Kinosaki onsen station ไปยัง สถานีเกียวโต (Kyoto station) ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. กว่าๆ ประมาณ 5,000 เยน (1,500 บาท) เป็นอันจบทริปค่ะ!
ขอบคุณที่ติดตามกัน และอ่านจนจบนะคะ หวังว่าเพื่อนๆชาวพันทิปจะสนใจไป Unseen ที่เราแนะนำมากขึ้นนะคะ ถ้าใครที่ชื่นชอบฝากกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ (คนเขียนต้องการกำลังใจ)
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม