จำได้ว่าเมื่อประมาณ 6-7 ปีที่แล้ว เราออกสำรวจถ้ำทางภาคเหนือ และก็เข้าไปเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องด้วย เราและคนนำสำรวจเข้าไปสถานที่แห่งหนึ่ง จำได้ลางๆว่าเป็นหน่วยราชการไม่สังกัดกรมป่าไม้ก็กรมอุทยานฯ เราเข้าไปทักทายพี่เจ้าหน้าที่และสอบถามข้อมูลที่เราอยากทราบ และก็นั่งคุยกัน พองานของเราเสร็จ เราก็เริ่มถามความเป็นไปของพี่เขาประมาณว่า ทำงานยากไหมพี่? อะไรทำนองนี้
และพี่เขาก็พร่างพรูออกมาเลย เหมือนกับว่านานๆจะพบเจอคนที่สามารถจะพูดระบายออกมาได้ ตั้งแต่ ถูกชาวบ้านล้อม กดดันให้ปล่อยตัว คนลับลอบตัดไม้ ถูกยิงปืนขู่ และสารพัดที่จะโดน เราได้แต่ฟัง เหมือนกับเป็นที่ระบายให้กับพี่เขา เพราะตัวเองไม่สามารถที่จะช่วยเหลืออะไรได้ ทำได้เพียงเท่านี้
และคำที่สะดุดหูเรามากที่สุดก็หลุดออกมา "การปลูกต้นไม้ในใจคนนี่มันยากจริงๆนะ" เราฟัง ก็รู้สึกว่า เป็นคำพูดที่ออกไปทางนวนิยายมาก แต่มันก็ทำให้เราจำ จนเรากลับไปที่พัก และเราก็เตรียมตัวออกสำรวจอีกรอบ เรามองไปที่ปฏิทิน บนปฎิทินมีรูปในหลวง รัชกาลที่9 พร้อมกับพระราชดำรัสที่ว่า “…ควรจะปลูกต้นไม้ในใจคนเสียก่อน แล้วคนเหล่านั้นก็จะพากันปลูกต้นไม้ลงบนแผ่นดินและรักษาต้นไม้ด้วยตนเอง...”
เรายอมรับว่า เมื่อได้ยินประโยคนี้จากปากของพี่เจ้าหน้าที่ครั้งแรก ในใจคิดว่า พี่เขาคงจะชอบอ่านนวนิยายถึงคิดคำพูดเหล่านี้ออกมา มันดูเพ้อฝันและเป็นไปได้ยากมาก แต่พอทราบว่า สิ่งที่พี่เขาพูดและถือปฏิบัติตลอดมานั่นคือ พระราชดำรัสของในหลวง รัชกาลที่ 9 เรากลับรู้สึกเห็นใจและซาบซึ้งคำพูดจากปากของพี่เขามากยิ่งขึ้น
สำหรับเราเอง เราก็ทำงานในทางอนุรักษ์เช่นกัน แม้จะต่างกันที่ทรัพยากรที่ต้องรักษา แต่ก็ยอมรับว่า การอนุรักษ์มันสวนทางกับการพัฒนา ถึงแม้จะพยายามพูดให้ดูดีว่า อนุรักษ์เพื่อจะนำมาใช้ประโยชน์และพัฒนาต่อยอดก็ตาม แต่กว่าคนจะเห็นคุณค่าว่าควรจะอนุรักษ์ มันยากจริงๆ บางครั้งต้องปาดน้ำตากับคำพูดของคนบางคน แต่มันก็ไม่เคยทำให้เราท้อ เพราะเรารู้สึกว่าเราต้องทำ เพื่อที่จะปกป้องสิ่งที่เรารักเท่านั้นเอง มันเป็นความจริงที่ถ้าเรารักสิ่งใด เราจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อรักษามันไว้ให้ได้
และเมื่อประมาณสามสี่เดือนที่ผ่านมา เราเข้าไปหมู่บ้านแห่งหนึ่งเพื่อเก็บข้อมูล เราเข้าไปพบผู้ใหญ่บ้าน และเราเผอิญพูดถึงอุทยานแห่งหนึ่งขึ้นมา ซึ่งหมู่บ้านแห่งนี้พื้นที่บางส่วนอยู่ในเขตอุทยานและถูกผลักดันออกมา ผู้ใหญ่บ้านสะดุดคำพูดของเราและบอกว่า ถ้ามาจากอุทยานฯ เขาจะไม่ให้ข้อมูล เราก็เลยจำใจบอกไปว่า เรามาจากคนละหน่วยงาน เป็นหน่วยงานที่ผู้บริหารของเราเพิ่งจะพาบุคคลที่มีเชื้อพระวงศ์มาไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา และเราก็ไม่ได้สนิทกับทางอุทยานฯเลย เพียงแต่ทำงานในพื้นที่เดียวกันเท่านั้น เราจึงได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี
พอเรากลับเข้าไปที่อุทยาน เราก็เล่าเรื่องให้น้องเจ้าหน้าที่ฟัง และพูดแหย่ว่า ถ้าเจอเราพร้อมกับผู้ใหญ่บ้าน ต้องบอกว่า เราไม่สนิทกันนะ เรามองหน้าน้องเจ้าหน้าที่แล้วเกิดสงสารขึ้นมาทันที คำพูดของพี่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ภาคเหนือก็เข้ามาในหัวของเราอีกรอบ
ยากไหม ยากนะ จะทำอย่างไรที่จะปลูกต้นไม้ในใจของคนได้ เราก็ทำได้เพียงเป็นส่วนหนึ่งที่ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ดูแลผืนป่า ดูแลสัตว์ป่า ทุกคน และที่เราตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา ก็เพราะว่า วันที่ 1 กันยายนปี 2561 นี้ ครบรอบ 28 ปี การจากไปของ สืบ นาคะเสถียร
ถามว่า เราเห็นด้วยไหมกับการฆ่าตัวตายของท่าน เราไม่เห็นด้วย เพราะเราขี้ขลาดเกินไปที่จะทำแบบนั้น แต่เราก็คิดว่า ท่านคงได้ใช้ความพยายามมาทุกทางแล้ว จึงยอมเอาตัวเองเพื่อให้เกิดกระแสขึ้นมา สำหรับเรานะ การสูญเสียท่านในครั้งนั้นมันไม่ได้สูญเปล่า เพราะยังมีคนอีกมากมายทำงานสานต่อจากความพยายามและความเสียสละของท่าน
เอาใจช่วยเจ้าหน้าที่ผู้รักษาผืนป่าและสัตว์ป่าทุกๆท่าน สู้ๆนะคะ
ปลูกต้นไม้ในหัวใจคน มันยากนะ
และพี่เขาก็พร่างพรูออกมาเลย เหมือนกับว่านานๆจะพบเจอคนที่สามารถจะพูดระบายออกมาได้ ตั้งแต่ ถูกชาวบ้านล้อม กดดันให้ปล่อยตัว คนลับลอบตัดไม้ ถูกยิงปืนขู่ และสารพัดที่จะโดน เราได้แต่ฟัง เหมือนกับเป็นที่ระบายให้กับพี่เขา เพราะตัวเองไม่สามารถที่จะช่วยเหลืออะไรได้ ทำได้เพียงเท่านี้
และคำที่สะดุดหูเรามากที่สุดก็หลุดออกมา "การปลูกต้นไม้ในใจคนนี่มันยากจริงๆนะ" เราฟัง ก็รู้สึกว่า เป็นคำพูดที่ออกไปทางนวนิยายมาก แต่มันก็ทำให้เราจำ จนเรากลับไปที่พัก และเราก็เตรียมตัวออกสำรวจอีกรอบ เรามองไปที่ปฏิทิน บนปฎิทินมีรูปในหลวง รัชกาลที่9 พร้อมกับพระราชดำรัสที่ว่า “…ควรจะปลูกต้นไม้ในใจคนเสียก่อน แล้วคนเหล่านั้นก็จะพากันปลูกต้นไม้ลงบนแผ่นดินและรักษาต้นไม้ด้วยตนเอง...”
เรายอมรับว่า เมื่อได้ยินประโยคนี้จากปากของพี่เจ้าหน้าที่ครั้งแรก ในใจคิดว่า พี่เขาคงจะชอบอ่านนวนิยายถึงคิดคำพูดเหล่านี้ออกมา มันดูเพ้อฝันและเป็นไปได้ยากมาก แต่พอทราบว่า สิ่งที่พี่เขาพูดและถือปฏิบัติตลอดมานั่นคือ พระราชดำรัสของในหลวง รัชกาลที่ 9 เรากลับรู้สึกเห็นใจและซาบซึ้งคำพูดจากปากของพี่เขามากยิ่งขึ้น
สำหรับเราเอง เราก็ทำงานในทางอนุรักษ์เช่นกัน แม้จะต่างกันที่ทรัพยากรที่ต้องรักษา แต่ก็ยอมรับว่า การอนุรักษ์มันสวนทางกับการพัฒนา ถึงแม้จะพยายามพูดให้ดูดีว่า อนุรักษ์เพื่อจะนำมาใช้ประโยชน์และพัฒนาต่อยอดก็ตาม แต่กว่าคนจะเห็นคุณค่าว่าควรจะอนุรักษ์ มันยากจริงๆ บางครั้งต้องปาดน้ำตากับคำพูดของคนบางคน แต่มันก็ไม่เคยทำให้เราท้อ เพราะเรารู้สึกว่าเราต้องทำ เพื่อที่จะปกป้องสิ่งที่เรารักเท่านั้นเอง มันเป็นความจริงที่ถ้าเรารักสิ่งใด เราจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อรักษามันไว้ให้ได้
และเมื่อประมาณสามสี่เดือนที่ผ่านมา เราเข้าไปหมู่บ้านแห่งหนึ่งเพื่อเก็บข้อมูล เราเข้าไปพบผู้ใหญ่บ้าน และเราเผอิญพูดถึงอุทยานแห่งหนึ่งขึ้นมา ซึ่งหมู่บ้านแห่งนี้พื้นที่บางส่วนอยู่ในเขตอุทยานและถูกผลักดันออกมา ผู้ใหญ่บ้านสะดุดคำพูดของเราและบอกว่า ถ้ามาจากอุทยานฯ เขาจะไม่ให้ข้อมูล เราก็เลยจำใจบอกไปว่า เรามาจากคนละหน่วยงาน เป็นหน่วยงานที่ผู้บริหารของเราเพิ่งจะพาบุคคลที่มีเชื้อพระวงศ์มาไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา และเราก็ไม่ได้สนิทกับทางอุทยานฯเลย เพียงแต่ทำงานในพื้นที่เดียวกันเท่านั้น เราจึงได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี
พอเรากลับเข้าไปที่อุทยาน เราก็เล่าเรื่องให้น้องเจ้าหน้าที่ฟัง และพูดแหย่ว่า ถ้าเจอเราพร้อมกับผู้ใหญ่บ้าน ต้องบอกว่า เราไม่สนิทกันนะ เรามองหน้าน้องเจ้าหน้าที่แล้วเกิดสงสารขึ้นมาทันที คำพูดของพี่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ภาคเหนือก็เข้ามาในหัวของเราอีกรอบ
ยากไหม ยากนะ จะทำอย่างไรที่จะปลูกต้นไม้ในใจของคนได้ เราก็ทำได้เพียงเป็นส่วนหนึ่งที่ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ดูแลผืนป่า ดูแลสัตว์ป่า ทุกคน และที่เราตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา ก็เพราะว่า วันที่ 1 กันยายนปี 2561 นี้ ครบรอบ 28 ปี การจากไปของ สืบ นาคะเสถียร
ถามว่า เราเห็นด้วยไหมกับการฆ่าตัวตายของท่าน เราไม่เห็นด้วย เพราะเราขี้ขลาดเกินไปที่จะทำแบบนั้น แต่เราก็คิดว่า ท่านคงได้ใช้ความพยายามมาทุกทางแล้ว จึงยอมเอาตัวเองเพื่อให้เกิดกระแสขึ้นมา สำหรับเรานะ การสูญเสียท่านในครั้งนั้นมันไม่ได้สูญเปล่า เพราะยังมีคนอีกมากมายทำงานสานต่อจากความพยายามและความเสียสละของท่าน
เอาใจช่วยเจ้าหน้าที่ผู้รักษาผืนป่าและสัตว์ป่าทุกๆท่าน สู้ๆนะคะ