เดทแรก ผู้ชายเป็นฝ่ายให้บินไปหาต่างประเทศ โดยไม่ออกค่าใช้จ่ายให้แม้แต่บาทเดียว คิดว่าเขาเป็นผู้ชายแบบไหน?!

เราคบชายต่างชาติเชื้อสายอาหรับคนหนึ่ง ตอนเราเดินทางไปทำงานต่างประเทศ

เขาทำงานสายการบินตะวันออกกลางสายการบินหนึ่ง ส่วนเราทำงานรัฐบาลไทยระหว่างประเทศองค์กรหนึ่ง

ตอนนั้นเขาทำหน้าที่ต้อนรับและดูแลคณะทำงานของเรา เราเองก็มีหน้าที่ต้องประสานงานกับเขา แต่ก็คุยกันไม่กี่ประโยค เสร็จงานก็แยกย้ายจากกันไป

แต่ก็ไม่คิดว่าหลังจากนั้น8เดือน เขาทักแชททางWhatsApp มาสวัสดีปีใหม่ตอนวันปีใหม่ เพราะมีเบอร์และอีเมลเราตั้งแต่วันที่เจอกันวันนั้น เขาเมมเบอร์เราไว้ตั้งแต่วันนั้นแล้ว

เราแค่อวยพรกัน ไม่ได้คุยอะไรต่อ จนเขาทักแชทมาอีกที 2เดือนหลังจากนั้น เริ่มคุยกันมากขึ้นจนปัจจุบันเราคบกันได้ 6เดือนกว่าๆ

ด้วยความที่อายุใกล้กัน ทำให้คุยกันเหมือนเพื่อน
2อาทิตย์แรกที่รู้จัก เราคุยกันผ่านแชทและวิดีโอคอลทุกวัน วันละ5-6ชั่วโมง เหมือนช่วงโปรโมชั่นของคนเริ่มคบกันทั่วไป

หลังจากนั้น เราคุยกันน้อยลง ผ่านแชทอย่างเดียว ไม่เคยวิดีโอคอลอีกเลย (จนตอนนี้)

บางครั้งคุยวันเว้นวัน บางครั้งเว้นสามวันถึงคุย นานสุดไม่คุยกัน2อาทิตย์

แบบถามไปตอบมา ถามมาตอบไป ซึ่งส่วนใหญ่เรามักจะเป็นฝ่ายทักไปก่อนเสียมากกว่า

สาเหตุที่ไม่ค่อยคุยกัน จนมีครั้งหนึ่งตัดสินใจจะไม่คบต่อแล้ว ก็มาจากเวลาประเทศของเราไม่ตรงกันและเวลาทำงานของเขาที่ไม่เป็นเวลา

เขาต้องทำงานวันละ12ชั่วโมง
เปลี่ยนกะทุก2อาทิตย์
แล้วทุก2อาทิตย์ เวลาก็เปลี่ยนอีก

2อาทิตย์แรก เช้า (3เวลา)
05:00-17:00น.
09:00-21:00น.
11:00-23:00น.
2อาทิตย์หลัง บ่าย (3เวลา)
17:00-05:00น.
21:00-09:00น.
23:00-11:00น.

ช่วงแรก เวลาเขาหายเงียบไป เขามักให้เหตุผลเสมอว่า เหนื่อยกับงาน พอกลับบ้านเลยอยากนอนพักผ่อน

เรามารู้ทีหลังว่า ช่วง2อาทิตย์ที่คุยกันทุกวันได้นั้น เพราะเขาอยากรู้จักเรา เลยเลือกอดนอนเพื่อคุยกับเรา ต่อมามันฝืนไม่ไหว ลำพังเปลี่ยนกะสลับเวลาก็นอนยากอยู่แล้ว เลยเลือกที่จะนอนมากกว่าคุย เพราะเริ่มมีปัญหาสุขภาพแล้ว

แม้เราจะไม่เชื่อใจเขาเต็มร้อย แต่ก็อยากให้โอกาสทั้งตัวเราและเขา จะลองคบให้ถึงที่สุดก่อน ถ้าไม่ไหวก็จะไม่ฝืน

ทบทวนและทำความเข้าใจเขาใหม่ ความคาดหวังเลยน้อยลง เราเองก็ไม่ใช่คนที่ต้องคุยทุกวัน หรือต้องตามจิก มันเลยทำให้ยังคบกันต่อได้

เราคบกับแบบต่างคนต่างยังมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองค่อนข้างสูงมาก

ส่วนใหญ่คุยกันเรื่องความห่วงใยสุขภาพของเขา และเล่าเรื่องชีวิตของเราให้เขาฟังบ้าง

ต่อมาครบ3เดือนที่คุยกัน เขาขยับความสัมพันธ์ให้เราเป็น “คนรัก” โดยไม่เรียกแฟน

แต่การคุยกันก็ยังมีระยะห่างเหมือนเดิม เพิ่มเติมมานิดเรื่องนัดเดทแรก เขาบอกว่าอยากเจอเรา แต่เขาก็มีเงื่อนไขอีกว่า “เราบินไปหาเขาเป็นไปได้มากกว่าให้เขาบินมาหาเรา” เพราะเขาหยุดงานยากมาก ขนาดป่วยยังไม่ลาเลย ยกเว้นลุกจากที่นอนไม่ไหวจริงๆ ซึ่งไม่บ่อยนัก

ปีหนึ่งเขาสามารถลาพักผ่อนได้30วัน แต่ความเป็นจริงแล้ว หยุด7วัน ก็เยอะแล้ว ถ้าได้หยุดเขาก็ต้องเอาไว้กลับบ้านไปหาแม่ (บ้านกับที่ทำงานอยู่คนละประเทศ)

เราทั้งเลี่ยงและยื้อการนัดเจอกันเดทแรกอยู่หลายครั้ง จนไม่สามารถพูดให้เขาเป็นฝ่ายเดินทางมาหาเราก่อนได้แน่นอนแล้ว

พอครบ6เดือนที่ได้คบกัน เราเลยตัดสินใจเป็นฝ่ายซื้อตั๋วเครื่องบิน จองโรงแรม ทำวีซ่า เดินทางไปหาเขาด้วยเงินตัวเองทุกบาททุกสตางค์ เป็นเวลา1อาทิตย์

แม้เขาสามารถซื้อตั๋วลดราคาให้เราได้เพราะเขาทำงานสายการบิน แต่เขาก็ไม่เคยเอ่ยปาก

หรือเขาเป็นคนพื้นที่ สามารถจองหรือแนะนำโรงแรมได้ แต่เขาก็ไม่เคยเอ่ยปาก

หรือแม้แต่เขาจะรับรองวีซ่าให้เราได้ แต่เขาก็ไม่เคยเอ่ยปาก

เราทำทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง เขาแค่นับวันรอเราเท่านั้น

เขาไม่เคยเอ่ยปากเรื่องการออกค่าใช้จ่ายให้เราเลย
มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น วันที่เราถ่ายรูปตั๋วให้เขาดูเที่ยวบิน (เราซื้อเงินสดผ่านเค้าเตอร์) แต่ไม่ได้ส่งบิลราคาตั๋วให้ เขาถามมาคำเดียวว่า “ตั๋วราคาเท่าไหร่ เราซื้อไปเท่าไหร่” เราอยากวัดใจ เลยตอบปัดไปว่า “ซื้อมาแล้ว” แล้วมันก็จบบทสนทนาจริงๆ (ปากหนักไปหน่อย555)

จนวันเราเดินทางไปถึง เราไปถึงตอนดึก เขาขอลางาน1ชั่วโมง ขับรถมารับเราจากสนามบินไปส่งโรงแรม ส่งเสร็จก็กลับไปทำงานต่อ เลิกงานตอนเช้าวันรุ่งขึ้น เขากลับบ้านไปเอาเสื้อผ้าแล้วก็กลับมาหาเราที่โรงแรม

เขาได้หยุดงาน 4วัน เพราะตรงกับวันหยุดของประเทศที่ประกาศให้ทั้งภาครัฐและเอกชนหยุด

ช่วงนี้เราได้มีเวลาอยู่ด้วยกันวันละ24ชั่วโมง ใช้ชีวิตอยู่แต่ในห้อง เขาไม่พาเราออกไปเที่ยวเลย พาออกไปเฉพาะซื้ออาหารใกล้โรงแรม

เขาเป็นตัวเองให้เราเห็นและให้เราเรียนรู้ (ซึ่งบางอย่างก็ไม่รู้ว่าจริงหรือลองใจ?!)

กิจกรรมตลอดวันหยุด4วัน ได้แต่นอนดูหนังฟังเพลงจากทีวี (เจอหนังเรื่องไหนเพลงไหนที่ชอบจะบอกว่าชอบนี้นะ) นอนดูซีรี่ย์เรื่องที่ชอบจากยูทูปไลฟ์ นอนเล่นเกมที่โหลดแอฟไว้บนโทรศัพท์สารพัดเกม (ทำอาหาร เตะบอล ตีกอล์ฟ ตีแบด ฯลฯ) ร้องเพลง บางทีก็ตั้งใจร้องเพราะ บางทีก็ตั้งใจแหกปากร้องลั่น เล่นเฟส เปิดรูปถ่ายที่เคยไปเที่ยวให้ดู หิวก็กิน ถ้าไม่ลงไปซื้อก็สั่งมาส่ง ง่วงก็นอน

อาบน้ำมั่งไม่อาบมั่ง หน้าล้างมั่งไม่ล้างมั่ง ฟันแปรงมั่งไม่แปรงมั่ง (อันนี้คือแกล้ง หรือซกม๊กก็ไม่แน่ใจ ?!)

รุ่งอีกวัน เขาก็ตื่นเช้าแต่งตัวไปทำงานช่วงสาย (ผิดคนละคนกับ4วันก่อนมาก...แต่งตัวเนี้ยบกริบมาก)

เขาปล่อยเราอยู่โรงแรมคนเดียว แล้วบอกเราว่า ถ้าอยากออกไปไหน ใกล้โรงแรมมีรถไฟฟ้า (คือไร ให้นั่งรถไฟฟ้าไปเอง ให้เที่ยวคนเดียว งี้เหรอ? ... อย่าคิดว่าไม่กล้า555) แล้วมันก็เป็นวันแรกที่เราได้เที่ยว และต้องเที่ยวคนเดียวด้วย ซึ่งก็เที่ยวและชอปปิ้งเพลินมาก ตั้งแต่บ่ายโมงยัน4ทุ่ม จนโดนส่งข้อความถามอยู่โรงแรมหรืออยู่ข้างนอก

5ทุ่ม เขาเลิกงานกลับมา เห็นสภาพแล้ว หมดสภาพมาก เหนื่อยจริงอะไรจริง และหิวโซมาก ดีหน่อยที่เราซื้ออาหารมาจากข้างนอกเผื่อไว้

เขาเล่าให้ฟังว่า เวลาทำงานจะเป็นสภาพนี้ทุกวันนะ ที่วันก่อนไม่เห็น เพราะกลับบ้านไปก่อน ได้กินได้อาบน้ำก่อนมาหาเลยดูดีขึ้นมาหน่อย แต่ถ้าทุกวันตลอดเวลาทำงาน12ชั่วโมง มันจะยุ่งมาก บางทีแทบไม่มีเวลาพักเข้าห้องน้ำ หรือกินข้าว ถ้ามีเวลาได้กิน ก็ต้องรีบกิน เอาแน่เอานอนไม่ได้ ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้โดยสารว่ามากน้อยแค่ไหน (ซึ่งไม่เคยน้อย)

หลังจากกินเสร็จก็เนียนไม่อาบน้ำ ล้างแค่หน้า แปรงแต่ฟัน ตั้งนาฬิกาปลุกเตือน5รอบ ห่างรอบละ5นาที เปิดทีวีกรอกหู เดินขึ้นเตียง แล้วหลับเป็นตาย

เช้าต่อมา เขาตื่นเช้าอาบน้ำแต่งตัวออกไปทำงานเหมือนเมื่อวาน แต่วันนี้ เราต้องเดินทางกลับ แน่นอน เขาไม่สามารถมารับเราที่โรงแรมพาไปส่งสนามบินได้

เพราะตอนขามาถึง ถึงกลางดึก ยังพอขอลาได้
แต่ขากลับ เวลาออกจากโรงแรมเป็นกลางวัน โอกาสลาแทบเป็นศูนย์

เขาบอกให้เรานั่งแท๊กซี่ไปเอง แล้วจะรอส่งขึ้นเครื่อง ซึ่งมีเวลาส่งเพียง3นาทีเท่านั้น!!! เพราะขอลาเวลางานมาได้10นาทีเท่านั้น!!!!!

ระหว่างใช้ชีวิตใกล้ชิดกัน1อาทิตย์ เรารู้ว่าเวลาน้อยมาก แต่ทำไมรู้สึกผ่อนคลาย สบายใจ เหมือนมาพักผ่อน แม้ไม่ได้ออกไปไหนกัน เราได้เป็นตัวของตัวเองโดยไม่แอ๊บ แม้พูดกันน้อยแต่ก็ได้เห็นอีกด้านของกันมากขึ้น

แล้วตลอดเวลา1อาทิตย์นี้
เขาไม่ได้ล่วงเกินเราด้วยการมีเซ็กส์ (มากสุด กอด หอม จูบ ซึ่งเขาขออนุญาตก่อน)
เขาวางแผนเรื่องมีลูกกับเรา (เขาพูดจริงจังมาก แต่ยังไม่พูดถึงแผนแต่งงาน)
เขาบอกเมนูอาหารที่เขาชอบกิน เปิดยูทูปให้เราดู แล้วบอกให้เราไปหัดทำ

เขาไม่ได้ออกค่าเดินทางให้เรามาหาเขาครั้งนี้ แม้ค่าโรงแรมที่พักด้วยกัน และค่าแท๊กซี่จากโรงแรมไปสนามบิน

เขาจ่ายเพียงค่าอาหารที่เรากินได้กินด้วยกันเท่านั้น

แต่เราไม่ได้รู้สึกเสียดายเวลาหรือเงินที่เราเสียไปเลย

คือ...ที่เราเล่ามาทั้งหมดอาจจะพาออกทะเลไปซะไกลจากหัวข้อกระทู้ เราแค่อยากเล่าพฤติกรรมของเขาเพื่อประกอบการตัดสินใจในการแสดงความคิดเห็นและแนะนำเราเท่านั้นค่ะ

เราไม่ได้คิดมากเรื่องเป็นฝ่ายเดินทางไปหาเขาก่อน และต้องเป็นคนออกเงินค่าเดินทางเองทั้งหมด เพราะถ้าคิด เราคงปฏิเสธไม่เดินทางไปหาเขา ตั้งแต่บอกเขาตอนจองตั๋วและจองโรงแรมแล้วเขาทำเฉยแล้ว

เราไม่ได้อยากมีแฟนหรือผ(ัว)จนตัวสั่น เราแค่อยากลองใจผู้ชายคนนี้ ก่อนตัดสินใจไป เราคิดไตร่ตรองรอบคอบแล้ว

ผลออกมาทางดี หรือร้าย เรายอมรับมันได้

แต่เท่าที่คุยมา6เดือนกว่าๆ เราก็เชื่อมั่นในตัวเขาประมาณหนึ่ง

เราคิดว่า บางทีเขาอาจมีปัญหาเรื่องเงินแต่เราไม่รู้ก็ได้

ตั้งแต่คุยกันมาเราไม่เคยก้าวก่ายกันเรื่องนี้ ไม่เคยพูดถึงเรื่องเงิน ทรัพย์สิน หรือฐานะ

แม้การงานดีแต่เราไม่เคยอยากรู้เรื่องเงินเดือน เงินเดือนอาจจะสูง แต่ค่าครองชีพก็สูงมากเหมือนกัน

เราจึงไม่รู้ว่า เขามีปัญหานี้ไหม
เราคิดแค่ว่า เราพร้อมไปหาเค้าได้ เราเลยไป

หลังจากเรากลับมา ก็ยังติดต่อกันปกติ แชทหากันเหมือนเดิม ไม่ได้คุยทุกวัน ไม่ได้รู้เรื่องส่วนตัวเพิ่มขึ้น
แต่เวลาคุยกันมันมีระดับความสนิทและห่วงใยกันเพิ่มขึ้นกว่าเดิม

บางครั้ง ห่วงจนกลายเป็นหวง (เขานะ...ไม่ใช่เรา)

คุณคิดว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนยังไงคะ?!

บางทีความคิดเห็นและคำแนะนำจากหลายท่าน อาจทำให้เราเห็นอีกมุมมองหนึ่งที่ต่างออกไป
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
หัวกระทู้มาแนวไม่โอเค พอเนื้อหาในกระทู้กลายเป็นรับได้ ส่วนตัวเราไม่โอเค มีแต่จขกทที่กระตือรือร้นอยากจะเจอ พยายามทำทุกอย่าง แถมเปย์ตัวเองอีก คือไม่ได้หมายความว่า เปย์ตัวเองไม่ดี แต่คนคบกันต้องเจอกันครึ่งทาง give and take ผู้ชายก็ดูไม่ได้อะไรเท่าไหร่ เรื่องวันหยุดเราว่าเป็นข้ออ้างมากกว่าถ้าคนที่อยากจะเจอจริงๆ ยังไงก็ต้องหาทางมาเจอจนได้  ประเทศนี้คนทำงานก็ได้รับเงินเต็มๆ ภาษีก็ไม่ต้องเสีย ผู้ชายคนนี้ไม่โอเคสำหรับเรา เราจะไม่เสียเวลาไปยุ่งด้วยก๊องแก๊งมากๆ แต่ถ้าจขกทคิดว่าดีแล้วก็คบต่อไปค่ะ โตๆกันแล้ว คิดเองได้
ความคิดเห็นที่ 11
ที่อ่านมาทั้งหมด เราขัดใจอย่างเดียวคือ
อย่างน้อยเค้าควรเทคแคร์คุณมากกว่านี้ ในการนัดคุณไปหาในเดทแรก
ไม่ซัพพอร์ทเงิน เราเข้าใจ เป็นเรา เราก็ไม่หวังให้ใครมาเปย์ให้ เรามีปัญญาหาเงิน
แต่ เค้าควรให้ความช่วยเหลือ กระตือรือร้นหน่อยมั้ย
ช่วยหาที่พักก็ยังดี หรือ จัดแจงหารถไปส่งคุณวันกลับให้หน่อยก็ยังดี...
แนะนำที่เที่ยวในวันที่เค้าอยู่กับคุณไม่ได้ ก็ยังดูดีอ่ะ
นี่คือแบบ ไม่ต้องพยายามในการเจอกันเลย
นอนรอเจออย่างเดียวจริงๆ
ความคิดเห็นที่ 1
หวังว่า จขกท เป็นผู้หญิงจริงๆนะ

อ่านดูแล้วเหมือนคุณคาดหวังจะให้ผู้ชาย pay ให้ทุกอย่าง
ผู้ชายอาหรับในความคิดคุณ ต้องรวย ราชา

พอต้องจ่ายเอง คุณเลยผิดหวัง

แต่คุณยังแอบหวังลึกๆ ว่าผู้ชายเป็นผ้าขี้ริ้วห่อทอง
แอบลองใจคุณ ให้จ่ายเองก่อน
ความคิดเห็นที่ 177
คห.บนๆ 171-175
เราไม่เข้าใจว่าทำไมต้องพูดจาให้มันดูแรง คิดว่าคูล คิดว่าเท่ เหรอคะ?
พูดจาเสียดสี กระแนะกระแหน

แนะนำให้ไปดูซีรีส์เรื่อง ปาก นะคะ

เหมาะกับคุณแบบคุณๆ ดี

สังคมมันแย่ เพราะพอไม่เห็นหน้ากัน อยากพูดอะไรก็พูด อยากด่าอะไรก็ด่า
เก็บกดมาจากที่บ้านเหรอคะ? คุณเป็นคนดีเลิศเลอมาจากไหน พอพูดแบบนี้คุณก็หมดค่าแล้วค่ะ
คำแนะนำดีๆ ให้ได้ คุณอาจจะโกรธ ไม่พอใจที่เค้าเป็นคนแบบนี้ แต่อย่าไปสอนให้เค้าทำตัวดีขึ้นเลยค่ะ
เพราะถ้าคำสอนของคุณมันดีจริง ตัวคุณเองคงไม่กลายเป็นคนแบบนี้หรอก
ความคิดเห็นที่ 134
ถึงน้อง จขกท

จากพี่ คห ที่ 69, 70, 72 และ 81 นะฮะ

______

ตอนแรก พี่ว่าจะไม่กลับมาตอบแล้ว เพราะ

1. ขี้เกียจพิมพ์ เพราะพิมพ์ไปหลาย คห แล้ว

2. เพราะหลายๆ คนในกระทู้นี้ก็เตือนน้องแล้ว ไม่ใช่พี่คนเดียวที่เตือน

3. ดูแล้ว น้องก็น่าจะคิดได้แล้ว น่าจะตัดสินใจได้แล้ว

พี่ดูแล้ว ไม่น่าห่วง จึงวางใจในระดับหนึ่ง

แต่เมื่อเห็นที่น้องตอบกลับถึงคุณ คห 130 ใน คห 130-1 ของน้องแล้ว

พี่เป็นห่วงน้องจัง

//

คืองี้นะ

พี่เดาถูกว่าน้องไปหาเขาที่ดูไบ เพราะอย่างที่บอก พี่ไปดูไบบ่อยมาก และ พี่ใช้ชีวิตอยู่ในดงแขกทุกสถาบันแขก

และ พี่ก็เดาถูกด้วยว่า เขามาจาก ปท กลุ่มทางย่านตูนิเซีย โมร็อคโค จอร์แดน เลบานอน ซีเรีย อะไรเทือกๆ นั้น

ที่พี่ใส่คำว่า "เป็นต้น" ต่อท้ายชื่อ ปท เหล่านั้น ใน คห 69 หน่ะ พี่คิดอยู่เหมือนกันว่า เขาคงเป็นคน "อียิปต์"
แต่ก็ไม่ได้พิมพ์ลงไป

เพราะคนอียิปต์ เป็นคนในกลุ่มที่พูดภาษาอารบิค+อังกฤษ ที่ทำงานกับสายการบินอีมิเรทส์มีอยู่เยอะมาก

ส่วนคนอารบิคประเทศที่รวยๆ เคร่งๆ ตัดออกไปได้เลย ไม่ใช่แน่นอน เพราะคนพวกนี้ส่วนใหญ่ไม่ทำงานบริการในระดับปฏิบัติการ
ถ้ามีก็คือน้อยมาก แทบจะไม่มีเลย

//


*ที่ดูไบ ถ้าเป็นอียิปต์ ทำงานสายการบินเยอะ และ ส่วนใหญ่ทำให้อีมิเรทส์ มีทำงานรีเทล/ค้าปลีกพนักงานขาย
พนักงานเสิร์ฟ ผจก ร้านอาหารประปราย

ถ้าเป็นเลบานอน ส่วนใหญ่เป็นช่างตัดผม ทำงานร้านอาหาร หรือ เป็นเชฟ

ถ้าเป็นซีเรีย ตูนิเซีย  โมร็อคโค จอร์แดน ส่วนใหญ่ทำงานร้านอาหาร ร้านค้า
มีทำงานสายการบินประปราย แต่ไม่เยอะเท่าอียิปต์ที่ทำงานสายการบิน

ถ้าเป็นแขกปากี มักจะขับแท็กซี่ ทำร้านอาหาร ทำงานระดับใช้แรงงาน มีทำงานสายการบินบ้าง แต่น้อย

ถ้าเป็นแขกอินเดีย ก็ทำงานซุปเปอร์มาร์เก็ต ทำงานร้านซักรีด ทำงานร้านอาหาร เป็น รปภ เป็นต้น
ส่วนแขกเนปาล แขกศรีลังกา แขกบังคลาเทศ ก็ทำร้านอาหารบ้าง เป็น รปภ บ้าง ขับแท็กซี่บ้าง

เป็นต้น

นี่พูดถึงคนระดับทำงานทางด้านงานบริการเท่านั้นนะ ไม่ได้พูดถึงคนที่ทำงานออฟฟิส หรือ พวกเจ้าของกิจการรวยๆ

//


เขาทำงานสายการบินอีมิเรทส์ ใช่ไหม ? พี่ขอเดาอีกครั้งนะ ว่าใช่

คืองี้นะน้อง เท่าที่พี่พบผู้ชายอียิปต์มา ส่วนใหญ่มีการศึกษา พูดภาษาอังกฤษเก่งใช้ได้ หลายๆ คนเรียนสูงๆ
ส่วนใหญ่รูปร่างสูงใหญ่ รูปกระโหลกศีรษะทุย แต่ส่วนใหญ่เลยอีโก้จัดมาก ค่อนข้างถือตัวหยิ่งไว้ตัวนิดๆ
และ บ้างก็ยังหลงอยู่กับอดีตของประวัติศาสตร์อันเก่าแก่รุ่งเรืองยาวนาน จากสมัยโบราณ

ส่วนใหญ่มารยาทสังคมใช้ได้ คุยเก่ง เข้าสังคมเป็น ชอบหาคอนเน็คชั่น

แต่คือ คิดว่าคบผิวเผินได้ แต่ไม่ควรคบแบบคู่ชีวิตนะ
โดยเฉพาะคนนี้ เค้าไม่โอนะ

เค้าคุยกับน้องเล่นๆ นะ ไม่ได้จริงจังหรอก ไม่มีความกระตือลือล้นเลย

//

แล้วถ้าน้องรู้จักคนไทย ที่เป็นแอร์ เป็นสจ๊วตสายการบินอีมิเรทส์ ลองถามดูนะว่า
พวกเขาไม่ชอบทำงานกับเพื่อนร่วมงานชาติไหนบ้าง ลูกเรือชาติไหนบ้าง  ที่ไม่ขยัน

ส่วนพี่ เคยเป็นผู้โดยสารของอีมิเรทส์บ่อยๆ ก็เห็นด้วยกับคำตอบของลูกเรือไทย
เพราะบางครั้งได้เห็นเอง ได้สัมผัสเอง

พี่ไม่ได้บอกว่าชาติอะไรนะ น้องไปถามเอง หากมีโอกาส

//

แล้วน้องบอกว่า คุณแม่ของเขาเป็นคนอิตาเลี่ยน ใช่ไหม?

คืองี้นะ โดยปกติทั่วๆ ไปแล้ว ผู้ชายที่เป็นลูกชายของผู้หญิงอิตาเลี่ยนหน่ะ
เขามักจะ "ติดแม่"

แล้วสำหรับคนอิตาเลี่ยนส่วนใหญ่แล้ว โดยเฉพาะพวกหัวโบราณ โอลด์แฟชั่น
คนที่เป็นภรรยา คือต้องทำอาหาร ดูแลลูกๆ จัดบ้าน
ทำความสะอาดบ้าน เป็นแม่บ้านแม่เรือนนะ

เรื่องความเหนียวแน่นในครอบครัวสำหรับคนอิตาเลี่ยนก็สำคัญมาก
วุ่นวายโกลาหลไม่แพ้ครอบครัวคนเอเชียโดยทั่วๆ ไป

//

คือถ้าพี่เดาถูกทั้งหมดนี้ว่า....

1. น้องไปหาเขาที่ดูไบ

2. เขาเป็นคนอียิปต์

3. เขาทำงานสายการบินอีมิเรทส์



ถ้าพี่เดาถูกทั้งหมด น้องก็พิจารณาเอาเองนะ ว่าควรจะเชื่อที่พี่และคนอื่นๆ เตือน ให้สติ ให้แง่คิดกับน้องหรือไม่

น้องต้องตัดสินใจเอง

อายุของน้องแค่ 30 กลางๆ เท่านั้นมิใช่หรือ

ผู้หญิงเก่งๆ ที่พึ่งพาตัวเองได้หน่ะนะ แต่งงานอายุ 30 ปลายๆ 40 ต้นๆ 40 ปลายๆ หรือ 50-60
ยังได้เลย ถ้าเจอคนที่ใช่จริงๆ

แต่ถ้าไม่ใช่ ก็อย่าเสียเวลานะ และ เสียของ เสียของ เสียของ

เกาะคานเอาไว้ให้แน่นๆ นะน้อง ต่อให้หยากไย่ขึ้นคาน
ผู้ชายคนนี้ก็ไม่น่าจะเอามาทำสามีด้วยประการทั้งหลายทั้งปวง นาจา นาจา 😤 🤗😒🙄

_____

***มา Edit เพื่อเอาข้อความที่เราตอบไว้ที่ คห อื่นๆ บางอันมาเติมที่นี่นะฮะ

//

• ที่ คห 72 เราพิมพ์เอาไว้ว่า....

"อีกจุดนึงที่ จขกท ควรระวัง คือเขาอาจจะเป็นเกย์ แล้วเมื่อถึงวัยที่ทางบ้านเร่งให้แต่งงานแล้ว
แต่ยังหาเหยื่อมิได้

แล้วเผอิญมาเจอกับ จขกท ที่เป็นผู้หญิงเอเชียหัวอ่อน เรียบร้อย อายุไม่น้อยแล้ว
มีงานดีๆ ทำ เลี้ยงตัวเองได้ สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ยังไม่เคยมีแฟน

เพราะฉนั้นเค้าก็เลยหาเรื่องมาคุยด้วย คุยแก้เหงา แล้วเผื่อฟลุ๊ค หาคนแต่งงานได้
ตัดความกดดันจากครอบครัวเรื่องแต่งงานไปได้

คือโดยปกติแล้ว ผู้ชายอาหรับส่วนใหญ่เลย หื่นนะ เรื่องผู้หญิงนี่ไม่มีพลาด
โดยเฉพาะผู้หญิงไทย หรือ ไม่ว่าชาติไหน หากมีโอกาส เขาไม่ปล่อยให้พลาดแน่

//

หรือ ถ้าเขาไม่ใช่เกย์ เขาก็อาจจะมีปัญหาในเรื่องของสุขภาพ เพราะเขาท้วม ไม่ผอม ทำงานหนัก คงไม่ได้ออกกำลังกายด้วย
คงมีปัญหาสุขภาพที่อาจจะทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
อาจจะทำให้นกเขาไม่ขัน ปลุกให้ลุกยากนะ เขาถึงไม่ได้ทำอะไร จขกท ไง

ไม่งั้นหน่ะ คงจัดไปหลายดอกแล้ว ไม่พลาดหรอก เชื่อเรา ฮิๆๆ ขออภัยที่ต้องพูดตรงประเด็นนะ


_____


• ส่วนที่ คห 188 เราแสดงความคิดเห็นเอาไว้ว่า ....


"วันนี้วันเสาร์แล้ว เพราะฉนั้นป่านนี้ เพื่อนชายชาวอียิปต์-อิตาเลี่ยน จากดูไบ ของคุณ จขกท คงมาถึงกรุงเทพฯ
เพื่อมาคุยกันแล้ว

ขอเตือนให้น้อง จขกท ระวังผู้ชายคนนี้จะ "จับ" น้องนะ

เพราะน้อง จขกท เป็นคนมีการศึกษา เป็นข้าราชการ มีจิตใจที่ดี และ เป็นผู้หญิงที่ใสซื่อกับเรื่องความรัก

คืองี้นะ เท่าที่อ่านที่คุณ จขกท เล่ามา เขาก็เป็นคนมีการศึกษา มีเงินเก็บ มีงานทำ

แต่เราจะเตือนว่า คนที่ทำงานทางด้านงานบริการแบบนี้ และ ทำงานหนัก ทำงานวันละ 12 ชม แบบนี้

และ ทำมาหลายปีแล้ว คือ เขาจะมีวันล้า วันที่อยากจะเลิกทำนะ

ระวังเขาจะ "จับ" คุณ จขกท ขอแต่งงาน แล้วเสต็ปต่อไปคือ เขาอยากลาออกจากงาน
แล้วเสต็ปต่อไปคือ เขาจะอยากมาหาลู่ทางทำธุรกิจส่วนตัวที่เมืองไทย

แล้วเขาจะใช้คุณ จขกท นี่แหละให้เป็นประโยชน์ต่ออนาคตของเขา

คือ คุณ จขกท หน่ะ ชอบเขามาก เรารู้ คุณตัดเขาไม่ขาดหรอก แต่คุณต้องทำนะ

เพราะเท่าที่อ่านดู เขาเป็นคนที่โตมาแบบอาหรับ แบบอิตาเลี่ยน คือ ผู้ชายเป็นใหญ่
แล้วเขาค่อนข้างขี้เกียจ ที่สำคัญเลยนะ คือเขาไม่ดูแล ไม่เอาใจใส่ ไม่เทคแคร์คุณเลย ตอนที่คุณบินไปหาเขาที่ดูไบ

คือ ที่ดูไบ มีผู้ชายที่โพรไฟล์ และ ลักษณะนิสัยแบบอีตาผู้ชายคนนี้เยอะมากนะฮะ

เพราะฉนั้น เขาไม่ใช่ของแปลก ไม่ใช่ของดีสักเท่าไหร่เลย คือ ของแบบนี้ สามารถหาได้ทั่วๆ ไปในดูไบ และ ในตะวันออกกลางฮะ

ถ้าคุณไม่เชื่อ พี่ก็ไม่รู้จะเตือนอะไรอีกแล้ว

รออ่านอัพเดทนะฮะ ว่าเมื่อเขามาเมืองไทยแล้ว เรื่องราวเป็นอย่างไรต่อ


😘

_____

อัพเดทล่าสุด กระทู้ภาคต่อของกระทู้นี้

กระทู้ "ไออยากทำธุรกิจที่ไทย ยูสามารถช่วยได้ไหม?"

https://pantip.com/topic/38155686/desktop
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่