[CR] #บันทึกของเจมส์ : พาแม่วัย 67 ปี ' แบกเป้เที่ยว ลพบุรี ' : นอนโฮสเทล นั่งรถไฟ being like a Backpaker !


#บันทึกของเจมส์
14-15 สิงหาคม 2561


เพราะทุกๆวัน คือวันพ่อ และวันแม่ จึงอยากให้บันทึกของฉันนั้นแบ่งปันเรื่องราวเอาไว้ เผื่อหากใครอยากพาแม่ พ่อ หรือผู้ใหญ่ที่สูงวัย ออกไปใช้เวลาสนุกด้วยกัน

ปรกติฉันก็พาแม่เที่ยวอยู่บ้าง สำหรับโจทย์ของทริปนี้ ไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย นั่นคือ " ต้องเดินทางด้วยรถไฟ แม่ชอบนั่งรถไฟ เพราะเดินยืดขายืดแข้งได้ไม่เมารถ แม่ต้องสนุก ไม่เพลียจนป่วย และต้องอยากไปด้วยกันแบบนี้อีก "

ที่หลักที่เราจะไปคือ
1. พระนารายณ์ราชนิเวศน์
2. บ้านวิชาเยนทร์
3. พระปรางค์สามยอด

กล้องที่ใช้ คือ Olympus OMD EM5 mark1 เลนส์มือหมุนของ cannon และ sumsung S8

ปล.พิมพ์ Backpacker ผิด!!!!!





คืนวันที่ 13 สิงหาคม

" แม่ พรุ่งนี้ไปเที่ยวลพบุรีกันนะ นั่งรถไฟไป แต่เราแบกเป้กันไปนะ แม่ใบนึง ลูกใบนึง โอเคมั้ย "
" ไป " แม่ตอบทันที
ฉันหยิบกระเป๋าใบเล็กให้แม่ ชวนกันจัดกระเป๋า บอกแม่ว่าใบนี้แม่ต้องแบกเองนะจ้ะ เอาไปแค่ของที่จำเป็นนะ  
" เอาผ้าถุงไปด้วยได้มั้ย จะได้ใส่ถ่ายรูปที่วัง " แม่ถาม
" เอาไปได้ซิ ก็แม่แบกเองนี่นา " ฉันพูดแล้วก็อมยิ้มมองแม่
จากที่เลือกอยู่หลายผืน ท้ายสุดก็ยอมตัดใจเอาไปชุดเดียว


พอแม่หลับ ฉันแอบเอาเสื้อผ้าของแม่ มาใส่กระเป๋าตัวเอง เหลือไว้แต่ของทั่วไป ก็แหม ใครจะกล้าให้แบกหมด เดี๋ยวเข็ดไม่ยอมมาอีกรอบหน้า





เช้าวันที่ 14 สิงหาคม

ระหว่างรอรถไฟ
" ไปนอน โฮสเทลกันนะ " แม่พยักหน้าตอบฉัน
" รู้มั้ยว่า โฮสเทลเป็นยังไง " แม่ส่ายหน้า
" เป็นที่พักทีนอนรวมๆ กันหลายๆคนนะ แม่จะลุกขึ้นไปปิดแอร์ตอนดึกเหมือนเวลาอยู่กับลูกไม่ได้นะ " แม่พยักหน้า แล้วถามฉันว่า มีผะรั่ง (ฝรั่ง) มั้ย เดี๋ยวแม่นอนแอบหลังฝรั่ง ตัวใหญ่ บังแอร์ได้ พูดเสร็จก็ขำชอบใจ

เราเริ่มต้นกันที่ รถไฟสถานี อยุธยา ดูตารางผิดไปหน่อย ได้ตั๋วเที่ยว 8 ครึ่ง ราคา 40 บาท แต่กว่ารถไฟจะมาถึง ก็ 9 โมงครึ่งแหน่ะ กลัวแม่จะบ่นจะเบื่อเหมือนกัน เลยชวนกันถ่ายรูป คุยกันไปเรื่อย แป๊บๆ รถไฟก็มา เราไม่มีที่นั่ง เพราะเดินทางระยะสั้น เขาจะให้กับคนที่เดินทางไกลๆ ก่อน แต่หากว่างตรงไหนก็นั่งได้นะ




~ สถานีรถไฟ ลพบุรี ~
ชั่วโมงนิดๆ เราก็ถึงลพบุรี ออกจากสถานี ก็คิดว่าจะเดิน เพราะดูจากแผนที่แล้ว ที่พักที่จองไว้ก็อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟเลย แต่ดูจากแดดแล้ว กลัวแม่จะเพลีย แล้วแม่ก็พูดขึ้นมาว่า  " แม่อยากนั่งสามล้อ " ฉันก็ไม่ขัด พอขึ้นได้ก็ยิ้มแฉ่งอย่างที่เห็น ลุงคนปั่นบอกว่าไหว นั่งได้เลยทั้งสองคน เปิด map บอกทางลุงไป จนถึงที่พัก ก็ไปนั่งรอให้เจ้าของมาเปิดประตู




~ 63 hostel ~
ที่พักที่เราเพิ่งจองก่อนขึ้นรถไฟไม่กี่นาที ซึ่งจะเป็นที่นอนของเราแม่ลูกในคืนนี้ มีแค่เราสองคนในห้องนอน ที่มี 4 เตียง ซึ่งเป็นไปตามแผน เพราะวันธรรมดา ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเท่าไหร่อยู่แล้ว อยู่ที่นี่เหมือนอยู่บ้านเลย แล้วก็เป็นบ้านที่สะอาดซะด้วย โฮสเทลที่นี่เป็นบ้านไม้สองชั้น ข้างบนมีโถงนั่งเล่น และมีห้องนอน 3 ห้อง ซึ่งแต่ล่ะห้องก็มีเตียงประมาณสี่เตียง ทุกเตียงมีปลั๊กไฟ โคมไฟให้ ตามมาตราฐานโฮสเทล แต่ให้อารมณ์เหมือน โฮมเสตย์ซะมากกว่า สบายๆ ราคาก็สบาย คนล่ะ สองร้อยกว่าบาท ถ้าจำไม่ผิด รวมอาหารเช้า จำพวกขนมปัง ผลไม้ นมกาแฟด้วยนะ เตียงนุ่มสบายนอนหลับฝันดี โชคดีที่ห้องว่าง เราจึง เช็คอินได้ก่อนเวลา ฉันจึงให้แม่นอนพักกลางวัน เอาแรงไว้ไปเดินชมเมืองกันตอนบ่าย





~พระนารายณ์ราชนิเวศน์ หรือ พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระนารายณ์~
ปรกติที่นี่จะเปิดให้เข้าชมครบทุกจุดในวัน พุธ-อาทิตย์ แต่ในวันที่เราไปคือวันอังคาร จึงชมเพียงรอบนอก

ถ้าจะบอกให้เข้าใจง่ายตามประสาวังๆ ก็คือจะแบ่งเป็นเขตพระราชฐาน 3 ชั้นนอก ชั้นกลาง และชั้นใน วันนี้เราสามารถเที่ยวได้เพียงชั้นนอก

โบราณสถานตรงชั้นนอกนี้เท่าที่ฉันนับได้ ก็มีอยู่ 5 ที่

1. โรงช้างหลวง


2. สิบสองท้องพระคลัง ลักษณะเป็นห้องแถวหันหน้าเข้าหากัน เป็นที่เก็บสินค้าก่อนส่งออกไปขายยังที่ต่างๆ


3.ตึกไว้เลี้ยงรับแขกเมือง ซึ่งจะอยู่ทางซ้ายมือถ้าเราหันหน้าไปทางพิพิธภัณฑ์


4.ตึกพระเจ้าเหา ซึ่งคาดกันว่าน่าจะเป็นหอพระประจำวัง ส่วนพระเจ้าเหาน่าจะหมายถึงประพุทธรูปที่เป็นเหมือนพระประทานในวิหารนี้ นอกจากนี้ตอนที่พระนารายณ์ทรงประชวร พระเพทราชาใช้ที่แห่งนี้เป็นที่ประชุมขุนนาง


4.อ่างเก็บน้ำ ที่ไว้ใช้สอยในวังและตำหนักต่างๆ โดยน้ำนี้ไหลมาตามท่อดินเผาที่ต่อมาจากอ่างซับเหล็กที่อยู่กลางหุบเขานอกเมือง ท่อดินเผานั้นก็ทำหน้าที่เหมือนท่อประปาในสมัยก่อนนั่นแหละ


ยืนถ่ายรูปอยู่ แม่เดินมาสะกิดแล้วบอก "ไปบ้านแม่มะลิเถอะ เดี๋ยวมืด" จ้ะ ไปจ้ะ



~ ร้าน NOM cup D ~
ได้เวลาของหวาน ออกจากวังก็เลยพาแม่แวะกินนม และ ขนมก่อน ที่ร้านกาแฟหน้าวัง แม่ชอบ กินขนมปังสังขยาจนหมดเลย



~ เทวสถานปรางค์แขก ~
ระหว่างทางเดิน ก็ผ่านเทวสถาน ที่ประติมากรรมลักษณะเหมือนของเขมร รูปทรงพระปรางค์



~บ้านวิชาเยนท์ หรือ บ้านหลวงรับราชฑูต ~
หรือที่เราเรียกกันตามละครก็บ้านแม่มะลิ ตองกีมา ผู้ริเริ่มทำขนมทองหยิบทองหยอดนั่นเอง บริเวณที่นี่ค่อนข้างกว้าง เท่าที่พอจะรู้ก็คือ มีส่วนของ โบสถ์,บ้านวิชาเยนทร์, ตึกรับรองแขก และที่เก็บไวน์ ที่ขาดไม่ได้ คือครัวแม่มะลิ หรือตองกีมา ที่แม่อยากเห็นนักเห็นหนา สมใจปราถนา




บ้านของวิชาเยนทร์

สองภาพบนคือครัวของแม่มะลี หรือท้าวทองกีบม้า

ดูแม่จะชอบที่นี่มา เดินชมทุกซอกทุกมุมอย่างใจเย็น มีความสุขยิ้มแฉ่ง ถามแม่ว่าเหนื่อยมั้ย แม่บอกไม่เหนื่อยจะไปต่อ ไปพระปรางค์สามยอด



~พระปรางค์สามยอด~
เพลิดเพลินมาก ดูลิงนะ เพลิดเพลินจริงๆ แทบจะไม่ได้ชมศิลปะเลย ต้องคอยระวังลิง แล้วก็ไม่ผิดหวัง โดนลิงขึ้นขย่มหัวจนได้ แม่ยืนขำ ฉันก็ทำอะไรไม่ได้ก็ปล่อยให้มันเอ็นจอยกับการดึงรั้งกิ๊ฟดำบนหัว นี่ขนาดเก็บทุกอย่างแล้วนะ มีแค่กิ๊ฟดำยังไม่รอด ท้ายสุดมีฝรั่งร่างใหญ่ใจดีมาไล่ลงให้ รอดจากลิงก็พากันกลับที่พัก  แวะเดินตลาด ซื้อของกลับไปกินกันที่โฮสเทล

ความโชคดีอีกอย่างในวันนี้คือ ฝนไม่ตก แดดมาเป็นครั้งคราว แม่เลยไม่เพลียมาก และเดินเที่ยวอย่างสนุกสนาน ยิ้มแย้ม หัวเราะตลอดเวลา





เช้าวันที่ 15 สิงหาคม

~ พระนารายณ์ราชนิเวศน์  อีกครั้ง~
เราตื่นแต่งตัวกินเข้าเช้ากันเสร็จเกือบๆ เก้าโมงเช้าก็เช็คเอ้าท์ แล้วก็ฝากของไว้ก่อน ไปเดินเที่ยวในวังนารายณ์กันต่อ  แดดอ่อน สลับแดดแรงเป็นระยะ  หลังจากจ่ายค่าธรรมเนียมก็พาแม่เดินดิ่งเข้าไปเขตพระราชฐานชั้นกลาง


ตรงนี้คือ พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญญมหาปราสาท และบริเวณในท้องพระโรงที่ฑูตฝรั่งยื่นหนังสือให้จนพระนารายณ์ต้องโน้มตัวออกจากสีหบัญชรลงมารับ



ออกจากท้องพระโรง วนขวามาทางด้านหลัง




แม่ดูจะชอบพิพิธภัณฑ์เป็นพิเศษ เพราะเดินอ่านทุกจด ทุกรายละเอียด


ออกจากพิพิธภัณฑ์ ฉันพาแม่เดินย้อนกลับไปทางท้องพระโรงและออกประตูกำแพงด้านข้าง



เพื่อไปดู พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ ที่ประทับส่วนพระองค์ของพระนารายณ์ และก็เสด็จสวรรณคตที่นี่


จบจากที่นี่เราก็เดินกลับกันไปเอากระเป๋าที่ โฮสเทล แม่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกางเกง เผื่อความกระฉับเฉงในการเดินทาง เราเดินไปขึ้นรถไฟกลับอยุธยา ค่ารถและเวลา เท่ากับตอนมาไม่ผิดเพี้ยน เดี๋ยวเราจะไปเที่ยวัดที่อยุธยากันต่อ



~ อยุธยา ~
เราถึงอยุธยาประมาณ บ่ายสามกว่า แม่พักกินข้าว ฉันไปหารถเที่ยวเมือง สรุปได้เป็นรถตุ๊กๆ เหมา 2 ชั่วโมง คิดที่ 400 บาท เราไปไหว้พระที่วัดพนัญเชิง เสร็จก็พาแม่เดินเล่นริมน้ำ

จากนั้นก็ไปต่อที่ อุทยานประวัติศาสตร์

เบ็ดเสร็จถึงบ้านพักตอน 6 เย็น แม่แรงไม่ตกเลย มีแผ่วหน่อยตอนอยู่อุทยาน มีแต่เราที่ขอพัก ยอมใจเลยแม่จ๋า หลังจากทำโพลสำรวจ (สำรวจกับแม่คนเดียว) ก็พบว่า แม่ชอบจ้าา ทริปหน้าขอไปเชียงใหม่ จัดไปจ้ะแม่จ๋า




พา ส.ว. เที่ยว เตรียมตัวอย่างไรดีนะ

ส่วนตัวของแม่ฉัน แม่ก็จะเตรียมตัวเองอยู่แล้ว ฉันมีหน้าแจ้งเตือน ช่วยคิดว่าจะลืมอะไรมั้ย

หลักๆคือ ฉันต้องรู้ว่าแม่ชอบอะไรไม่ชอบอะไร กินอะไร รู้ว่าโดยปรกติแม่กินตอนไหน นอนตอนไหน พักตอนไหน ต้องคอยสังเกตุ และมีพักเบรคให้ก่อนที่จะเหนื่อย แรงจะได้ฟื้นเร็วกว่าตอนที่เหนื่อยแล้วค่อยพัก เสบียงต้องมี ขนม นม หรืออะไรที่แม่ชอบกินแล้วทำให้แม่รู้สึกว่ามีแรงก็จะเตรียมไว้  มีน้ำสองขวด มีร่ม มีสเปรย์น้ำไว้ฉีดหน้าให้สดชื่น ยาสามัญต่างๆ ที่ขาดไม่ได้คือยาหม่องและยาหอม

ที่สำคัญ
ในส่วนของฉันคิดว่าอย่าให้เขาต้องรอ อย่าให้เขารู้สึกเหมือนอยู่คนเดียว ไม่เล่นโทรศัพท์ มุ่งใจใส่ใจอยู่แค่เขา อธิบายในสิ่งที่เขาถาม ชวนคุย และเราต้องใจเย็นๆให้มาก

เวลาถ่ายรูปแม่ ฉันจะพูดดีดี พูดเพราะๆ ขำๆ เย้าแหย่บ้าง แซวบ้าง จะพยายามไม่ให้รอ หรือกดถ่ายเกิน 3 ครั้ง เพราะวัยรุ่นจะเริ่มเหนื่อย จะมีอารมณ์เอาได้ ถ้าท่าโพสเขาไม่เป็นอย่างที่เราหวัง ก็ไม่ต้องพยายามอะไร ให้เป็นไปตามนั้น


ขอให้ทุกคนลองพาวัยรุ่นที่บ้านไปเที่ยวกันดูนะ มันรู้สึกดีและมีความสุขมากๆ  ฉันเองก็ยังไม่เซียนหรอก บางครั้งก็มีขัดใจกันอยู่บ้าง แต่ก็ตั้งใจจะทำให้ดีขึ้น ไปเรื่อย ไปเที่ยวด้วยกันเรื่อยๆ
ขอบคุณทุกคนที่แวะมาเด้อ
ชื่อสินค้า:   ลพบุรี, พระนารายณ์ราชนิเวศน์ , บ้านวิชาเยนทร์ , พระปรางค์สามยอด , 63 hostel , อุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่