มีเพื่อนสมาชิกท่านหนึ่งถามมาว่าที่อังกฤษเกณฑ์ทหารไหม? เลยถือโอกาสนี้เล่าสู่กันฟัง.....พร้อมข้อมูลและรูปภาพสอดแทรกนิดๆ หน่อยๆ
----------
ก่อนอื่นต้องสาวประวัติศาสตร์อังกฤษในด้านนี้เล็กน้อย ความจริง ผมก็เคยได้เขียนมาบ้างแล้วเกี่ยวกับสงครามกลางเมืองในอังกฤษที่นายพลโอลิเวอร์ เป็นผู้นำปฏิวัติโค่นพระเจ้าชาร์ลที่หนึ่ง ตอนนั้นกองกำลังทหาร (troop) ของนายพลโอลิเวอร์ยังไม่ได้เป็น "กองทัพของชาติ" เป็นเพียงกำลังทหารที่ศรัทธานายพลโอลิเวอร์ เบื่อหน่ายกับพวกนักการเมืองและปาร์ลิเมนต์ พระเจ้าชาร์ลที่1ถูกตัดหัว นายพลโอลเวอร์ขึ้นปกครองอังกฤษ (ไม่ได้ตั้งตนเป็นกษัตริย์ แต่สถาปนาตัวเองเป้น "ผู้พิทักษ์") ต่อมาลูกของพระเจ้าชาร์ลที่หนึ่งที่หนีภัยไปอยู่ฝรั่งเศสย้อนกลับมาปราบทวงบัลลังก์คืนสถาปนาตัวเองพระเจ้าชาร์ลที่สอง จากนั้นก็มีการขุดศพนายพลโอลิเวอร์ขึ้นมาตัดหัวเพื่อแก้แค้น และในรัชสมัยของพระเจ้าชาร์ลที่สองนี่เองได้มีการตั้ง "กองทัพอังกฤษ" ขึ้นเป็นอย่างทางการเป็น "Royal British Army" (ตรงกับสมัยของสมเด็จพระนารายณ์) และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การเป็นทหารใน Royal British Army ถือเป็น " CAREER (อาชีพ)" คือสมัครเข้ามาเป็นด้วยความเต็มใจ แต่จะไม่ใช่การถูกเกณฑ์


ก่อนหน้าที่จะมี "Royal Bristish Army" อย่างเป็นทางการนั้น อังกฤษก็มีการเกณฑ์ทหารแบบทางอ้อม ซึ่งไม่น่าจะต่างจากการ "เกณฑ์ไพร่" ในสมัยอยุธยา คือกองกำลังพลหรือแรงงานส่วนใหญ่จะอยู่ในมือของขุนน้ำขุนนาง (Nobility) บรรดาพวก ลอร์ด ดยุค บารอน เซอร์ ฯลฯ ทั้งหลายนั่นเอง เหมือน "ไพร่" ที่ต้องอยู่ในสังกัดของมูลนาย (บรรดา ขุน หลวง พระ พระยา ฯลฯ นั่นเอง) ที่เป็นขุนนางในสมัยอยุธยา จะเห็นว่า ในสมัยก่อนทั้งอังกฤษและอยุธยาต่างก็ต้องง้อหรืออาศัยบรรดาขุนน้ำขุนนางที่มีแรงงานหรือไพร่อยู่ในมือจำนวนมาก และในบางกรณีขุนนางที่มีกำลังไพร่อยู่ในมือมากก็สามารถ "โค่นบัลลังก์" ได้ สมัยก่อนการ "เกณฑ์ทหาร" ของอังกฤษจึงเป็นไปในลักษณะอ้อมคือเกณฑ์ผ่าน "มูลนาย" ที่แรงงานนั้นสังกัดอยู่เหมือนๆ อยุธยา คำว่า "เกณฑ์ไพร่พล" ในช่วงสงครามก็คือการเกณฑ์บรรดา "ไพร่" ดีๆ นี่เอง ต่อมาเราเปลี่ยนมาเรียกว่า "เกณฑ์ทหาร"
นับตั้งแต่การเข้าไปทำงานในกองทัพได้ถูกเปลี่ยนให้มองว่าเป็น "อาชีพ" แทนการที่ต้องถูก "เกณฑ์" จิตใต้สำนึกของการเป็น "ทหารอาชีพ" ได้ถูกสั่งสมและส่งผ่านมาอย่างยาวนาน และนี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการการปฏิวัติจากกองทัพ และความเป็น "อาชีพ" ของทหารอังกฤษนั้น พวกเขา (กองทัพ) ไม่ได้มองว่าสิ่งที่พวกเขาได้ทำและกำลังทำอยู่นั้นเป็น "บุญคุณ" อะไร และคนอังกฤษทั่วไปก็ไม่ได้มองว่าพวกเขา (คนอังกฤษ) "เป็นหนี้" ทหารหรือกองทัพ ทุกอย่างล้วนถูกมองและดำเนินไปด้วยความเป็น "มืออาชีพ" และ "หน้าที่" ที่ใครสักคนสามารถเลือกและตัดสินใจเข้าไปอยู่ตรงนั้น เช่นนี้ การ "เกณฑ์ทหาร" ในอังกฤษจึงไม่มี (จะว่าไม่มีเสียทีเดียวก็ไม่เชิง อังกฤษมีการเกณฑ์ช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานอยู่สองครั้งคือช่วงสงครามโลก)
การสมัครเข้าเป็นทหาร (อากาศ บกและนาวี) ในอังกฤษเปิดรับตั้งแต่อายุ 16-30 ในแต่ละปีมีคนสนใจสมัครมากมาย กลาโหมใช้งบโฆษณาอาชีพการเป็นทหารตามสื่อต่างๆ ตลอดไม่ว่าทีวี หนังสือพิมพ์ ทุกขั้นตอนโปร่งใส ไม่ใส่ใจว่าผู้สมัครจะเป็นลูกหลานนายพล นายพัน ส่วนเงินค่าตอบแทน เบี้ยเลี้ยง รวมทั้งบำนาญนั้น ถือว่าเป็นสวัสดิการที่ดีที่สุดอันดับต้นๆ ในบรรดา "อาชีพ" ต่างๆ ในประเทศอังกฤษเลยทีเดียว
....อังกฤษ มีการเกณฑ์ทหารไหม?.../วัชรานนท์
----------
ก่อนอื่นต้องสาวประวัติศาสตร์อังกฤษในด้านนี้เล็กน้อย ความจริง ผมก็เคยได้เขียนมาบ้างแล้วเกี่ยวกับสงครามกลางเมืองในอังกฤษที่นายพลโอลิเวอร์ เป็นผู้นำปฏิวัติโค่นพระเจ้าชาร์ลที่หนึ่ง ตอนนั้นกองกำลังทหาร (troop) ของนายพลโอลิเวอร์ยังไม่ได้เป็น "กองทัพของชาติ" เป็นเพียงกำลังทหารที่ศรัทธานายพลโอลิเวอร์ เบื่อหน่ายกับพวกนักการเมืองและปาร์ลิเมนต์ พระเจ้าชาร์ลที่1ถูกตัดหัว นายพลโอลเวอร์ขึ้นปกครองอังกฤษ (ไม่ได้ตั้งตนเป็นกษัตริย์ แต่สถาปนาตัวเองเป้น "ผู้พิทักษ์") ต่อมาลูกของพระเจ้าชาร์ลที่หนึ่งที่หนีภัยไปอยู่ฝรั่งเศสย้อนกลับมาปราบทวงบัลลังก์คืนสถาปนาตัวเองพระเจ้าชาร์ลที่สอง จากนั้นก็มีการขุดศพนายพลโอลิเวอร์ขึ้นมาตัดหัวเพื่อแก้แค้น และในรัชสมัยของพระเจ้าชาร์ลที่สองนี่เองได้มีการตั้ง "กองทัพอังกฤษ" ขึ้นเป็นอย่างทางการเป็น "Royal British Army" (ตรงกับสมัยของสมเด็จพระนารายณ์) และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การเป็นทหารใน Royal British Army ถือเป็น " CAREER (อาชีพ)" คือสมัครเข้ามาเป็นด้วยความเต็มใจ แต่จะไม่ใช่การถูกเกณฑ์
ก่อนหน้าที่จะมี "Royal Bristish Army" อย่างเป็นทางการนั้น อังกฤษก็มีการเกณฑ์ทหารแบบทางอ้อม ซึ่งไม่น่าจะต่างจากการ "เกณฑ์ไพร่" ในสมัยอยุธยา คือกองกำลังพลหรือแรงงานส่วนใหญ่จะอยู่ในมือของขุนน้ำขุนนาง (Nobility) บรรดาพวก ลอร์ด ดยุค บารอน เซอร์ ฯลฯ ทั้งหลายนั่นเอง เหมือน "ไพร่" ที่ต้องอยู่ในสังกัดของมูลนาย (บรรดา ขุน หลวง พระ พระยา ฯลฯ นั่นเอง) ที่เป็นขุนนางในสมัยอยุธยา จะเห็นว่า ในสมัยก่อนทั้งอังกฤษและอยุธยาต่างก็ต้องง้อหรืออาศัยบรรดาขุนน้ำขุนนางที่มีแรงงานหรือไพร่อยู่ในมือจำนวนมาก และในบางกรณีขุนนางที่มีกำลังไพร่อยู่ในมือมากก็สามารถ "โค่นบัลลังก์" ได้ สมัยก่อนการ "เกณฑ์ทหาร" ของอังกฤษจึงเป็นไปในลักษณะอ้อมคือเกณฑ์ผ่าน "มูลนาย" ที่แรงงานนั้นสังกัดอยู่เหมือนๆ อยุธยา คำว่า "เกณฑ์ไพร่พล" ในช่วงสงครามก็คือการเกณฑ์บรรดา "ไพร่" ดีๆ นี่เอง ต่อมาเราเปลี่ยนมาเรียกว่า "เกณฑ์ทหาร"
นับตั้งแต่การเข้าไปทำงานในกองทัพได้ถูกเปลี่ยนให้มองว่าเป็น "อาชีพ" แทนการที่ต้องถูก "เกณฑ์" จิตใต้สำนึกของการเป็น "ทหารอาชีพ" ได้ถูกสั่งสมและส่งผ่านมาอย่างยาวนาน และนี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการการปฏิวัติจากกองทัพ และความเป็น "อาชีพ" ของทหารอังกฤษนั้น พวกเขา (กองทัพ) ไม่ได้มองว่าสิ่งที่พวกเขาได้ทำและกำลังทำอยู่นั้นเป็น "บุญคุณ" อะไร และคนอังกฤษทั่วไปก็ไม่ได้มองว่าพวกเขา (คนอังกฤษ) "เป็นหนี้" ทหารหรือกองทัพ ทุกอย่างล้วนถูกมองและดำเนินไปด้วยความเป็น "มืออาชีพ" และ "หน้าที่" ที่ใครสักคนสามารถเลือกและตัดสินใจเข้าไปอยู่ตรงนั้น เช่นนี้ การ "เกณฑ์ทหาร" ในอังกฤษจึงไม่มี (จะว่าไม่มีเสียทีเดียวก็ไม่เชิง อังกฤษมีการเกณฑ์ช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานอยู่สองครั้งคือช่วงสงครามโลก)
การสมัครเข้าเป็นทหาร (อากาศ บกและนาวี) ในอังกฤษเปิดรับตั้งแต่อายุ 16-30 ในแต่ละปีมีคนสนใจสมัครมากมาย กลาโหมใช้งบโฆษณาอาชีพการเป็นทหารตามสื่อต่างๆ ตลอดไม่ว่าทีวี หนังสือพิมพ์ ทุกขั้นตอนโปร่งใส ไม่ใส่ใจว่าผู้สมัครจะเป็นลูกหลานนายพล นายพัน ส่วนเงินค่าตอบแทน เบี้ยเลี้ยง รวมทั้งบำนาญนั้น ถือว่าเป็นสวัสดิการที่ดีที่สุดอันดับต้นๆ ในบรรดา "อาชีพ" ต่างๆ ในประเทศอังกฤษเลยทีเดียว