🌲~มาลาริน~ทำได้เฉพาะในรัฐบาลคสช....ปปท.ลุยภูเรือ จ.เลย ยึดที่ดินคืนแผ่นดินกว่า 2,777 ไร่ ผู้ครอบครองเป็นศิษย์ธรรมกาย

กระทู้คำถาม

ป.ป.ท.ลุยภูเรือยึดที่ดินกว่า 2,700 ไร่ พบผู้ครอบครองเป็นศิษย์ธรรมกาย




27 ส.ค.61 เวลา 10.00 น. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน ป.ป.ท.) นำโดยพันโท กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. พร้อมด้วยพันตำรวจโท วันนพ สมจินตนากุล รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. ร่วมกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดเลย (กอ.รมน.จว.เลย) สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 6 (อุดรธานี) หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลย7 (ภูเรือ) อำเภอภูเรือ และสถานีตำรวจภูธรอำเภอภูเรือ ปฏิบัติการลงพื้นที่โดยอาศัยอำนาจตามคำสั่ง คสช. ที่ 69/2557 ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2557 เพื่อตรวจสอบเรื่องร้องเรียนกรณีการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ในท้องที่ตำบลปลาบ่าและตำบลร่องจิก อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย โดยมีการนำแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค. 1) ซึ่งอยู่ในท้องที่ตำบลโพนสูง อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย มาออกในท้องที่อำเภอภูเรือ ตั้งแต่ปี 2533 รวมจำนวน 63 แปลง เนื้อที่ 2,777 ไร่ 3 งาน21 ตารางวา

เลขาธิการปปท. กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ที่ดินทั้ง 63 แปลงดังกล่าว เป็นที่ดินที่พบว่ามีการออกเอกสารสิทธิ์ เปลี่ยนจากส.ค.1 เป็นน.ส. 3 ก. เมื่อปี 2533 ซึ่งตามประมวลกฎหมายอาญานั้น มีอายุความ 15 ปี ดังนั้น จึงหมดอายุความที่จะดำเนินคดีได้ แต่อย่างไรก็ตามเจ้าของที่ดินดังกล่าวได้บอกว่าถ้าหากที่ดินทั้งหมดออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบก็ยินดีที่จะคืนให้กับทางราชการซึ่งบุคคลดังกล่าวมีชื่ออยู่ในที่ดินจำนวนทั้ง 2,777 กว่าไร่ซึ่งในจำนวนนี้บุคคลดังกล่าวมีชื่อร่วมเป็นเจ้าของกับคนอื่นจำนวน 1,430 ไร่
ทั้งนี้  สืบเนื่องจากการที่สำนักงาน ป.ป.ท. ลงพื้นที่ตรวจสอบการออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบในเขตพื้นที่ป่าภูเขาหนองปาด (ภูพ้อย) อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย เมื่อปี 2560 ต่อมาได้รับข้อมูลเพิ่มเติมว่า ยังมีที่ดิน น.ส.3 ก. จำนวน 63 แปลง เนื้อที่ 2,777 ไร่ ในพื้นที่ดังกล่าวมีการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ ซึ่ง

จากการตรวจสอบพบว่า พื้นที่ดังกล่าวมีการนำ ส.ค.1 จากพื้นที่อื่นมาเป็นหลักฐานในการออกเอกสารสิทธิจำนวน 31 แปลง ส่วนอีก 32 แปลง ไม่ปรากฏสารบบการออก น.ส.3 ก. ซึ่งที่ดินบริเวณดังกล่าวมีมูลค่าในการซื้อขายแปลงละประมาณ 150,000 บาท มูลค่ารวม 416.5 ล้านบาท

รายงานข่าวจากผู้บริหารระดับสูงของปปท.แจ้งว่า จากการที่ทางปปท.ลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าที่ดินจำนวน 63 แปลง ที่ออกโดยวิธีออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบนั้นพบว่าที่ดินจำนวน 45 แปลงมีพื้นที่รวมมูลค่าทั้งหมดประมาณ 200 กว่าล้านบาทนั้น เป็นที่ดินที่อยู่ในการครอบครองของผู้ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย








https://www.posttoday.com/social/general/562222



เรียกคืนโฉนดที่ดินออกโดยมิชอบ อ.ภูเรือ 63 แปลง 2,777 ไร่ เอาผิดใครไม่ได้




เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 27 ส.ค.61 ณ ห้องประชุมคริสต์มาส ชั้น 2 ที่ว่าการอำเภอภูเรือ จ.เลย พันโท กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการ ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ

พร้อมคณะ เดินทางมาตรวจสอบการออกโฉนดโดยมิชอบ ที่ ต.ปลาบ่า อ.ภูเรือ จ.เลย ระหว่างวันที่ 26-27 ส.ค.61 มีนายกิตติคุณ บุตรคุณ นายอำเภอภูเรือ พ.ต.อ.ณัฐกฤต คำวิเศษชัย ผกก.สภ.ภูเรือ นายปิยะภูมิ ถวิลไพร เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอภูเรือ

ร่วมชี้แจงและบรรยายสรุปถึงข้อมูลข้อเท็จจริงกรณีที่ดินและสภาพปัญหาการออก น.ส.3 ท้องที่ ต.ปลาบ่า อ.ภูเรือ จ.เลย จากนั้นคณะเดินทางตรวจสภาพที่ดินที่มีปัญหาการออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบ ต.ปลาบ่า และ ต.ร่องจิก อ.ภูเรือ

โดยมีการนำแบบการแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) ซึ่งอยู่ในพื้นที่ตำบลโพนสูง อ.ด่านซ้าย มาออกในพื้นที่ อ.ภูเรือ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2533 รวม 63 แปลง 2,777-3-21 ไร่

พันโท กรทิพย์ ดาโรจน์ เปิดเผยว่า การออกโฉนดโดยมิชอบในเขตพื้นที่ป่าถูเขาหนองปาด(ภูพ้อย) อ.ภูเรือ เมื่อ ปี พ.ศ.2560 ต่อมาได้รับข้อมูลเพิ่มเติมว่ายังมีที่ดิน น.ส.3 ก. จำนวน 63 แปลง เนื้อที่ 2,777 ไร่ มีการออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ

ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีการนำ ส.ค.1 จากพื้นที่อื่นมาเป็นหลักฐานในการออกเอกสารสิทธิ์จำนวน 31 แปลง ส่วนอีก 32 แปลง ไม่ปรากฏในสารบบการออก น.ส.3 ก. ซึ่งที่ดินบริเวณดังกล่าว มีมูลค่าการซื้อขายแปลงละ 150,000 บาท มูลค่ารวม 416.5 ล้านบาท

ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้ ป.ป.ท.จะใช้เวลาประมาณ 7 วันเพื่อรวบรวมข้อมูลสรุป ส่งนำเสนอต่อคณะ คสช.พิจารณาได้ภายใน 30 วัน เพื่อพิจารณายกเลิกเพิกถอนให้ตกเป็นที่ดินของแผ่นดินต่อไป

สำหรับคดีอาญานั้นไม่สามารถดำเนินการกับผู้ถือครองได้ เนื่องจากคดีอาญาได้ขาดอายุความแล้วเกิน 15 ปี ตามที่กฎหมายกำหนด


https://www.sanook.com/news/7489506/


ไม่เคยปรากฎว่า...รัฐบาลไหนที่สามารถยึคพื้นที่ไม่ถูกกฎหมายคืนมาได้จากพวกรุกป่า
มีแต่รัฐบาลคสช.ยุคนี้ที่ทำได้ค่ะ

น่าเป็นห่วงใยว่าในอนาคตที่เมื่อคสช.วางมือไป  
จะมีใครสานต่อการรักษาผืนป่าเอาไว้ได้อีก

หวังว่าหน่วยงานปปท.จะยังคงยึดมั่นในหน้าที่โดยไม่ย่อท้อต่อไปนะคะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่