[CR] CHINA ไม่น่าใช่อย่างที่คิด > จางเจี่ยเจี้ย ถึง ปักกิ่ง 7 วัน 6 คืน 5 เมือง 3 คน กับเรื่องราวที่จำไม่มีวันลบเลือน ตอน II

สวัสดีครับ เนื่องจากกระทู้เก่ารูปเยอะมากกก เลยขอตั้งใหม่เป็นตอนที่ 2 ขอบคุณทุกคนที่ชอบและติดตามกันนะครับ

สำหรับ ตอนที่ 1 (วันที่ 1-3 จางเจี่ยเจี้ย เทียนเหมินซาน และเฟิ่งหวงตอนกลางคืน) ใครสนใจ สามารถตามไปอ่านได้ที่ลิงค์นี้เลยครับ
https://pantip.com/topic/37997403


ตอนที่ 2 จะรวมรีวิวของวันที่ 4-7 (เฟิ่งหวงตอนเช้า ยาวไปถึงปักกิ่งจบทริป ครึ่งทางพอดี)

หลังจากใช้พลังไปหมดก๊อกสำหรับการผจญภัยเมื่อวาน วันนี้เลยมีเวลาเหลือเฟือในการเดินถ่ายรูปเมืองช่วงเช้า วางแผนไว้ว่าจะออกจากเฟิ่งหวงกลับไปยังฉางซา รอบเวลาที่ 14:30 (รถที่ออกจากเฟิ่งหวงไปฉางซามีรอบ 12:30 14:30 15:30 และ 17:00) ซึ่งเราคิดว่า 14:30 นี่แหล่ะกำลังดี ไม่เร็วไม่ช้าเกินไป มีเวลาเดินถ่ายรูปเมืองสบายๆ เลยตกลงนัดแนะกับเจ้าของที่พักว่าเด๋วจะกลับมาเจอกันที่ล้อบบี้บ่ายโมง เพื่อขึ้นรถเพื่อไปยังสถานีขนส่ง
.
เมื่อคุณเดินออกไปสัมผัสเฟิ่งหวงยามเช้า ความรู้สึกแวบแรกที่พุ่งเข้ามาคือ เห้ยย นี่มันเมืองเดียวกันกับเมื่อคืนหรอวะเนี่ย แสงไฟวิบวับ เสียงดนตรีจากร้านนั่งดริงค์ นักท่องเที่ยวที่เดินไปเดินมาอย่างวุ่นวาย ทุกอย่างหายไปราวกับเราได้มายืนที่อีกเมืองนึง สิ่งที่เห็นตรงหน้าเหลือเพียงตึกอาคารที่ดูโบราณๆ เงียบๆ แม่น้ำสีเขียวที่ดูราวกับเป็นทะเลหยก ถนนสองข้างทางที่ทั้งโล่งและสงบ พร้อมหมอกบางๆ ว้าว! เฟิ่งหวงนี่สวยประหลาดสมคำร่ำลือจริงๆ สวยแบบเรียบง่ายไปอีกแบบ ดูเหมือนเป็นหมู่บ้านย้อนยุคอย่างแท้จริง

บรรยากาศยามเช้าที่ท่าเรือของชาวบ้าน
ชาวบ้านออกมาซักผ้ากันจากน้ำในแม่น้ำเนี่ยะล่ะ
ข้างบนก็เดิน ข้างล่างก็แจวกันไป
น้ำในแม่น้ำสีเขียวสดใสเหลือเกิน
บรรดาร้านข้างทางที่เมื่อคืนยังแข่งกันเปิดเพลงเรียกลูกค้าอยู่เลย เหลือแต่ร้านขายของที่ระลึกที่เปิด
ถึงแม้ไม่มีแสงไฟประดับ แต่แสงจากท้องฟ้าและแม่น้ำก็เพียงพอแล้ว

ถ้าจะให้เทียบกันระหว่างกลางคืนและกลางวัน  แอบเทใจให้ช่วงกลางวันอย่างเหลื่อมล้ำนิดหน่อย เพราะถ่ายรูปสนุกดีจริงๆ เราเดินกดชัตเตอร์กันเหมือนมีเมมโมรี่อย่างไม่จำกัดเลยครับ สักพักเริ่มหิว เดินเข้าไปหาร้านอาหารฝรั่งอย่างพิซซ่าโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเปิดอยู่ร้านเดียว ร้านตกแต่งสวยงามดี สไตล์ฟิวชั่นระหว่างตะวันออกและตะวันตก
.
ไปนั่งแล้วก็จิ้มๆเลือกพิซซ่ามาถาดนึง สปาเกตตี้คนละจาน พร้อมทั้งเครื่องดื่มที่โปรดปรานมากที่สุด กาแฟนั่นเอง ตั้งแต่มาทริปนี้ ผมยังไม่ได้ลิ้มรสของคาเฟอีนเลย นี้ก็ปาไปวันที่ 4 แล้ว รู้สึกเหมือนจะลงแดงตาย ปกติต้องกินทุกวัน ไม่งั้นจะรู้สึกเหี่ยวๆ พอมีโอกาสได้นั่งจิบกาแฟพร้อมชมวิวของเฟิ่งหวงตอนเช้า
ดูวิถีชีวิตของชาวเมืองที่เดินผ่านไปผ่านมา ชีวิตนี้ผมก็ไม่ต้องการอะไรอีกละ ว่าเข้าไปนั่น แต่มันมีความสุขจริงๆนะเอ้อ

ประตูเชื่อมไปสู่บริเวณนอกใจกลางเมือง
วิวเดียวกัน แต่คนละเวลา ไม่น่าเชื่อว่าจะสวยต่างกันขนาดนี้
อย่าลืมไปชักภาพกับรูปปั้นกังฟูปล่อยพลัง
วิวจากร้านอาหารที่ไปนั่ง แค่มองดูคนเดินผ่านไปผ่านมาก็ฟินแล้ว
หน้าตามื้อเช้าของเรา เป็นร้านที่ให้เส้นเยอะมาก สปาเกตตี้หรือว่าบะหมี่จับกัง
ถ้าตื่นมาทุกเช้ามีกาแฟกับบรรยากาศแบบนี้ เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม

กินเสร็จเดินย้อนรอยเส้นทางเมื่อคืนต่อ ยังไงตอนกลางวันที่มีแสงมันก็ถ่ายรูปสนุกกว่าจริงแหล่ะ (ผมเป็นคนที่ถ่ายรูปตอนกลางคืนไม่ค่อยจะเอาอ่าวซักเท่าไหร่ 55) ไม่รู้ว่าตั้งแต่เข้าสู่เนื้อเรื่องของเมืองเฟิ่งหวง ผมพิมพ์คำว่า “สวย” ไปกี่ครั้งแล้ว แต่ยังไงก็จะใช้ต่อไป เพราะภาพตรงหน้ามัน สวย จริงๆ คือ เมืองบ้าอะไรก็ไม่รู้ ถ่ายรูปได้ไม่มีเบื่อ
.
กดชัตเตอร์ทั้งกลางวันกลางคืน เฉพาะเมืองนี้น่าจะเกือบ 400 กว่ารูปได้ ขนาดอยู่แค่วันเดียว ไฮไลท์ก็ยังคงเป็นตอไม้ที่ใช้ข้ามฝั่งอยู่เหมือนเดิม ให้คนนึงเดินแอคบนตอไม้ อีกคนเดินไปถ่ายจากสะพานไม้ที่ถัดออกไป รับรองถ่ายออกมายังไงก็สวยครับ ภาพมันได้อารมณ์มาก
.
ลองเดินไปให้ไกลกว่าตอนกลางคืน เดินจนไปเจอโซนที่พักที่เรียงรายกันเยอะมาก เหมือนเป็นเมืองย่อยๆอีกเมือง มิน่าเมื่อคืนคนถึงได้เยอะมาก หลังจากใช้เวลาถ่ายรูปเล่นตั้งแต่ 10 โมง ถึงเกือบๆบ่ายโมง จะได้เวลานัด ก็เดินกลับด้วยความอาลัยว่าจะต้องจากเมืองนี้ไปแล้วหรอเนี่ย ไม่อยากกลับเลย

ไฮไลท์ของเมือง สะพานตอไม้
บริเวณด้านข้างจะมีแม่ค้าหอบชุดจีนพื้นเมืองมาให้นักท่องเที่ยวใส่เช่าไว้ถ่ายรูป
จะหันหน้าหันหลัง ยกกล้องไปทางไหนก็อยากจะถ่ายมันให้หมด
ในขณะที่นักท่องเที่ยวกำลังใช้จ่ายอย่างสนุก ก็ยังมีชาวเมืองที่ต้องลุกขึ้นมาสู้งานแต่เช้าเพื่อหาเงินเลี้ยงชีวิตต่อไป
สะพานตอไม้นี่แอคได้ทั้งวัน
คนนึงแอค คนถ่ายก็ต้องมานั่งอยู่ที่สะพานถัดมาข้างๆ
ช่วงขณะกำลังก้าวเดินบนสะพานตอไม้ เป็นอะไรที่โคตรลงตัว ใครมาแล้วห้ามพลาดแอคนี้ด้วยประการทั้งปวง
ยืนเฉยๆ แต่วิวด้านหลังแบบนี้ ก็พอแล้ว
เลนส์ไวด์ มันก็จะซูมได้เท่านี้แหล่ะ
ถ่ายย้อนก็สวยยยยยยย วิวบ้าไรเนี่ย
จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน
กิจกรรมหลักของคนมาเที่ยวเมืองนี้ แม่ลูกก็เอากะเค้าด้วย

เดินไปเจอร้านขายถั่วทอดก่อนกลับ ด้วยความที่ผิดหวังว่าไม่ได้แวะกลับไปซื้อถั่วที่ร้านเดิมในอู่หลิงหยวน เลยแวะเข้าไปซื้อซะหน่อย ร้านวันแรกว่าอร่อยแล้ว ร้านที่เฟิ่งหวงนี่โคดดดอร่อยกว่าเดิมอีก แถมมีโปรโมชั่นซื้อ 4 ถุง 100 หยวน จากถุงละ 30 หยวน เลยซื้อกลับมาเป็นของฝากได้พอดี
.
วิ่งไปรายงานตัวกับเจ๊เจ้าของที่พักในเวลาบ่ายโมงนิดหน่อย เก็บของบนห้องและเข้าห้องน้ำเตรียมตัวที่จะออกเดินทางอีกครึ้ง เจ๊ใจดีมาก ถึงกับช่วยเราหอบกระเป๋าเข็นขึ้นสะพานเพื่อไปรอเรียกแทกซี่เลย

ไปยืนโชว์วิทยายุทธ์
มุมมองจากบนสะพานบ้าง
คนถ่ายคือคนถูกถ่าย
สะพานข้ามฟาก
สะพานข้ามฝั่งของจริง เสียดายไม่ได้ขึ้นไปถ่ายจากด้านบน
วิวที่เมื่อคืนเดินมาไม่ถึง มีที่พักขึ้นเรียงรายเต็มไปหมดเลย
แนะนำว่าควรอยู่เมืองนี้ 1 วันเต็มๆ ไม่งั้นจะอดได้รูปสวยๆหลายใบเลย
รูปเฟิ่งหวงตอนเช้านี่จะล้นกล้องอยู่แล้ว
สมกับได้รับสมญานามว่าเวนิสเมืองจีน
ร้านใครได้โลเคชั่นริมน้ำแบบนี้ก็คงรวยไม่รู้ตัว

นั่งแทกซี่มาสถานีขนส่งจากโรงแรม ประมาณ 15 นาที เอาตั๋วที่ฝากเจ๊ซื้อล่วงหน้าไปยื่นกับทางเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ก็ชี้ๆบอกไปชั้นบน ชั้นแรกเป็นที่ขายตั๋ว ส่วนชั้นสองเป็นที่นั่งรอไปขึ้นรถ มีร้านมินิมาร์ท ห้องน้ำ ครบครัน มีเวลาค่อนข้างเหลือเฟือในการนั่งชิล ซื้อขนมตุน นั่งกดมือถือ อัพรูปไปเรื่อยเปื่อย
.
จนกระทั่งประมาณ 14:20 ทำไมมันยังไม่เห็นมีประกาศขึ้นรถเลยวะเนี่ย เลยลุกออกไปถามเจ้าหน้าที่ โชว์ตั๋วให้ดู เจ้าหน้าที่ก็ส่ายหน้า อ่าวววว....เห้ย หมายความว่าไร จุดรอรถไม่ใช่ตรงนี้หรอ เลยเดินทะลุออกไปตรงชานชาลา แต่ละช่องก็จะบอกว่ารถบัสที่มาจอดรอนั้น ปลายทางคือเมืองอะไร

รูปประกอบก็จะไม่ค่อยเกี่ยวกับเนื้อเรื่องเท่าไหร่
ถ่ายมั่วๆ ปรับแสง ดึงสีหน่อย ออกมาก็สวยแล้วว
อีก 1 กิจกรรมที่เราพลาดไปก็คือการนั่งเรือชมแม่น้ำเล่น เพราะมัวแต่วิ่งถ่ายรูป

ไล่เดินดูที่จอดรถทีมี่ทั้งหมด 10 กว่าช่อง แต่ไม่มีช่องไหนไปฉางซา นั่น เอาแล้วไง จากที่มารอก่อนเกือบชั่วโมง ต้องมาล่กอีกแล้ว ทฤษฎีถ้าหากนี่ผุดขึ้นมาเต็มสมองไปหมด ถ้ามาผิดที่ทำไง>ตกรถ ทำไง> พักที่นี้ พักที่ไหน> รอบต่อไป ห้าโมง แล้วจะถึงฉางซากี่โมง> วนลูปมั่วซั่วไปมา
.
เดินไปถามผู้โดยสารที่กำลังเดินมาขึ้นรถ เอาตั๋วให้พวกเค้าดู บางคนก็ชี้จุดว่า มันต้องรอตรงนี้นะ ตรงที่เรายืนอยู่ แต่ทำไมรถไม่มาล่ะ รถมันไปไหนว้าาา
ยังคงล่กต่อ รีบวิ่งลงไปข้างล่างที่ขายตั๋วอีกที ถามว่าตกลงฉางซานี่มันต้องไปรอตรงไหน สุดท้ายได้ความว่า รอตรงนั้นนั่นแหล่ะ ถูกแล้ว เพียงแต่รถที่มาน่าจะดีเลย์ไปประมาณครึ่งชั่วโมง เอ้าา เนี่ยะล่ะ ก็แค่นี้ล่ะ ที่อยากจะได้ยิน
.
แล้วทำไมมันไม่ใครสื่อสารให้ฟังตั้งแต่แรกว้า ปล่อยให้วิ่งเป็นหนูถีบจักรกันมั่วซั่วเลย  วิ่งกลับมาข้างบนที่เดิม แล้วรถก็มาในอีก 30 นาทีให้หลัง คนก็เดินเข้าไปขึ้นรถกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีแต่พวกเรานี้ล่ะ ที่เหมือนจะวิ่งวุ่นไปอยู่กลุ่มเดียว คือจริงๆเค้าคงมีประกาศเป็นภาษาจีนให้คนรอรู้อยู่แล้วว่ารถดีเลย์ เพียงแต่เราไม่รู้เรื่อง และก็ไม่มีใครสามารถบอกพวกเราได้ ... ภาษานี่มันสำคัญเนอะ

มาถึงถิ่นต้องแวะกินเค้าซะหน่อย
ซอยเล็กๆจากริมน้ำเข้ามาสู่หน้าที่พักของเรา
ชื่อสินค้า:   เฟิ่งหวง กำแพงเมืองจีน ปักกิ่ง
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่