นานาสาระไปกับไอจีสตอรี่คุณแพรวา: HON by Meruto Thonglor

กระทู้สนทนา

เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมานี้ ทางฝ่ายผู้บริหาร BNK48 ได้พาน้องๆเมมเบอร์รุ่น 1 ไปทานคอร์สโอมากาเสะที่ HON by Meruto Thonglor
(โอมากาเสะ คือ เชฟจัดรายการอาหารให้กับลูกค้า โดยลูกค้าต้องจองล่วงหน้าก่อน แล้วเชฟจึงจัดหาวัตถุดิบตามจำนวนลูกค้า)

ซึ่งน้องๆต่างพากันขิงของกินอัพลงไอจีสตอรี่ในวันนั้นกันอย่างสนุกสนาน เช่น น้องเฌอปรางถ่ายคลิปวิดิโอสั้นๆ ขวดชาเขียวในคลิปนี้เป็น ชาเขียวที่สกัดจากยอดใบชาสดเกรดพรีเมี่ยม อุจิเทนฉะ (คนที่เคยไปกินที่สาขาอื่นบอกว่าขวดละ 6 พันบาท แต่จากรีวิวที่อ้างอิงอ้างว่าหมื่นต้นๆ)

ส่วนน้องมิวสิคนั้น อัพไอจีสตอรี่เป็นคลิปถ่ายภาพพี่เต็นกำลังเล่นโทรศัพท์...

แต่แล้วพอวันศุกร์ เมื่อมีข้อความแจ้งเตือนว่าน้องมิวสิคอัพไอจีแล้วนะ
ในตอนที่แฟนคลับน้องได้เปิดดูว่าน้องอัพอะไรนั้น.........ถึงกับต้องขยี้ตาดูว่าตาฝาดหรือเปล่า

น้องอัพไอจีสตอรี่รัวๆเป็นจุดไข่ปลาเกี่ยวกับอาหารที่ไปทานมาเมื่อวาน
การอัพไอจีครั้งนี้สร้างความหวีดแตกให้กับแฟนคลับน้องเป็นอย่างมากเพราะผิดวิสัยปกติของน้องที่จะอัพนิดๆหน่อยๆจนมีคนเอาไปแซว

ด้วยเหตุนี้เอง ถ้าน้องอัพไอจีขนาดนี้ แล้วผมไม่ทำนานาสาระฯ คงไม่ได้แล้วล่ะ ก็ขอกล่าวถึง HON by Meruto Thonglor คร่าวๆ ก่อนจะเข้าเรื่องอาหารที่น้องโพสต์ดังนี้นะครับ

HON by Meruto เป็นร้านในเครือธุรกิจของ Meruto Sushi Grand ย่านสาธร
Meruto Shushi ก่อตั้งโดย เชฟอาร์ม - กีรติ บุตดีวงษ์ และ คุณกี้ -จุมพฎา สรวงท่าไม้

(ที่มาของภาพจะมีข้อมูลอ้างอิงในส่วนท้ายนะครับ)

คอร์สโอมากาเสะของ Meruto มีความพิถีพิถันตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบที่สดใหม่ตามฤดูกาลส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่น รวมไปถึงการจัดเตรียมวัตถุดิบของเชฟเพื่อดึงรสชาติอร่อยล้ำของวัตถุดิบนั้นออกมาให้ได้มากที่สุด โดยเชฟอาร์มกล่าวไว้ว่า
"คอนเซปต์การออกแบบคอร์สโอมากาเสะ อย่างแรกคือ วัตถุดิบตามฤดูกาล, สอง เรียงตามรสชาติ จากรสอ่อนไปหาเข้ม ซึ่งผมจะซีเรียสเรื่องนี้มาก จะต้องให้ลิ้นลูกค้าได้ไต่ระดับรสชาติจริง ๆ และสามคือ ต้องไม่ใช้วัตถุดิบที่ซับซ้อนจนเกินไป เพื่อให้เข้าถึงได้ง่าย"

Meruto Sushi สาธร มีการขยายสาขาออกไป ดังนี้
สาขาที่ 2 Meruto Sushi สาขา The circle ราชพฤกษ์
สาขาที่ 3 เปิดให้ผู้ร่วมลงทุนเป็นเจ้าของร้าน และใช้ชื่อว่า HON by Meruto สาขาพัทยา
ซึ่งในเฟซบุคของ HON สาขาพัทยาได้ให้นิยามของคำว่า HON ไว้ด้วยครับ

สาขาที่ 4 คือ HON by Meruto ทองหล่อ เพิ่งเปิดร้านเมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา
ผู้ร่วมลุงทุนเป็นเจ้าของร้านชื่อคุณเบนซ์ มีแลนด์มาร์คของร้านที่ไม่เหมือนร้านอื่นคือ ก้อนหินเจิมทองคำเปลวที่ฝังติดผนังในภาพแรกนั่นแหละครับ

ส่วนสาขาที่ 5 ที่กำลังจะเปิดตัวอยู่ที่ย่านบางนา และสาขาที่กำลังหาผู้ร่วมลงทุนทำธุรกิจด้วยคือ ย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา

HON by Meruto ทองหล่อ มีคอร์สโอมากาเสะ ดังนี้ 3,900 ++ บาท, 4,900++ บาท, 7,900++ บาท, และ 9,900++ บาท และกำลังมีคอร์ส 15,900++ บาทในเร็วๆนี้
ยิ่งราคาคอร์สสูง วัตถุดิบที่หามาก็จะมีเกรดสูงไปด้วย เช่น คอร์ส 9,900 บาท จะใช้หอยเม่นพันธุ์มุราซากิที่ดีที่สุด ที่ประมูลได้มาจากตลาดปลา Tsukiji ในประเทศญี่ปุ่น เช่นภาพจากรีวิวที่ผมหามานี้ เป็นไข่หอยเม่นเกรด A ที่ประมูลมาได้ในราคากล่องละ 60,000 บาท คิดเป็นคำละ 1,800 บาท

เอาล่ะ เมื่อทำความรู้จักกับร้านกันไปแล้วเรามาดูรายการอาหารที่น้องมิวสิคขิงไว้ในไอจีสตอรี่กันดีกว่า
* หมายเหตุ: ด้วยไม่มีคำบรรยายภาพว่าอาหารมีชื่อว่าอะไร เป็นคอร์สราคาไหน
ข้อมูลที่ผมเสนอจึงมาจากรีวิวต่างๆของผู้ที่เคยทานนะครับ ถูกบ้างผิดบ้างต้องขออภัย

(1) Appetizer จุนไซ หน่ออ่อนของพืชน้ำญี่ปุ่นในน้ำซุปเคี่ยวด้วยกระดูกปลา

ระหว่างรอจานต่อไป น้องมิวสิคก็ได้ถ่ายภาพเชฟขณะเตรียมอาหารอยู่ จากด้านข้างไม่แน่ใจว่าเป็นเชฟที่ดูแลสาขานี้ชื่อ เชฟโดม หรือไม่
เชฟโดมมีประสบการณ์การทำอาหารมาจากร้านที่สาธรและราชพฤกษ์มาก่อน ก่อนที่จะมาประจำสาขานี้
จึงมั่นใจได้ว่ารสชาติของที่นี่ต้องยอดเยี่ยมไม่ต่างจากสองสาขาแรกแน่นอน

(2) ไทราไก (หอยกาบญี่ปุ่น) ย่างห่อด้วยสาหร่ายกรอบๆ สัมผัสหวาน แน่น
*สาหร่ายพิเศษ โขลกด้วยหอยนางรมเคลือบบนผิวสาหร่ายและย่างจนแห้ง

(3) ชุดซาซิมิ ที่ประกอบด้วย หอยปีกนก และ Sumi-Ika หมึกกระดอง

(4) อุนิเอ็นซุย หรือหอยเม่นที่ตอนแกะแล้วจะแช่ในน้ำทะเลจากแหล่งที่จับมา
ทำให้คงรสชาติและกลิ่นไอทะเลได้เป็นอย่างดี สีเขียวๆด้านบนคือผิวส้มยุซึ ที่ใส่ลงไปเล็กน้อย

*** ต่อมาจะเป็นชุดอร่อยกับปลาเนื้อขาว ดังนี้ ***

(5) ซูชิปลามาได ด้านบนโรยผิวส้มยูซุขูดไว้
มาได 真鯛 เป็นปลาในตระกูล “ไท่” ถ้าให้พูดง่ายๆก็คือกระพงแดงญี่ปุ่น เป็นปลาเนื้อขาวที่มีรสหวานนวลๆแทรกอยู่ในเนื้อ

(6) ซูชิปลาคินมะได หรือปลากระพงแดงตาโต (ชื่อที่ฝรั่งเรียกกัน คือ อัลฟอนซิโน่) เป็นปลาน้ำลึก เนื้อปลาจะกรอบ เด้งฟัน
แต่เท่าที่หาข้อมูลมา ปลาคินเมะไดที่ Meruto จัดหามา น่าจะเป็น อาบุระ คินเมะได Abura Kinmedai (油金目)
ที่รสชาติหวานมันกว่า มีไขมันแทรกและราคาสูงกว่าคินเมะไดทั่วไป

(7) ซูชิปลาชิมะอะจิ (縞鯵) ปลาเนื้อขาวที่มีนิยามว่า "กรอบ หวาน มัน"
เป็นปลาที่รสชาติค่อนข้างดีมากอยู่แล้วจึงนิยมป้ายโชยุเพียงนิดเดียวและเสิร์ฟทันที

(8) ซูชิปลาซาบะสดส่งตรงจากญี่ปุ่น แบบบั้งส่วนเนื้อปลา โรยด้วยงาขาว ประกบสาหร่ายกรุบกรอบ
** มีบางรีวิวว่า สาหร่ายที่นำมาห่อนั้น ย่างด้วยหอยนางรม จึงมีทั้งความหอมและกรอบคู่กับสัมผัสปลาซาบะสด รสจะออกนัวๆอร่อยๆ

(9) ซูชิปลาอิซากิ (Isaki) หรือกระพงดำ เป็นตัวแทนของปลาฤดูร้อน (มิถุนายน - สิงหาคม)
เนื้อสีแดง ส่วนสีชมพูอ่อนในเนื้อคือไขมันแทรก เนื้อปลามีรสหวานกรอบ

(10) ซูชิกุ้งโบตัน (Botan Ebi) สูตรของ Meruto จะนำมันกุ้งไปย่างและคลุกเคล้ากับข้าวซูชิทานคู่กุ้งโบตันที่หวานฉ่ำ มีสัมผัสเด้งในปาก

(11) เป็นเมนูล้างปาก ก่อนจะเข้าสู่ช่วงชุดปลาเนื้อแดงที่มีรสเข้มข้นกว่า
เป็น hand roll ที่ประกอบด้วยไชเท้า ขิงขูด และบ๊วยดองน้ำผึ้งก่อนจะม้วนด้วยสาหร่ายกรุบกรอบ
รสชาติซ่าๆ สดชื่น กรุบกรอบจากสัมผัสไชเท้าคละเคล้ากับสาหร่าย

**จากรีวิวต่างๆ ช่วงปลาเนื้อแดงของ Meruto จะมีการเปลี่ยนข้าวซูชิเป็นข้าวซูชิสีน้ำตาลที่ได้จากหุงด้วยน้ำส้มสายชูแดง
เพื่อให้ข้าวเข้ากับความเข้มข้นของปลาเนื้อแดง

(12) ซูชิกุ้งลายเสือ (Kuruma Ebi) ขนาดเต็มปากเต็มคำ
ต้มด้วยสาเกกับเหล้าหวานมิริน เอามันในหัวกุ้งคลุกเคล้ากับข้าวซูชิ

** ต่อไปช่วงปลาบลูฟินทูน่า (ฮอนมากุโร่) 3 ภาพนี้ ค่อนข้างสับสนเพราะมองไม่ค่อยเห็นลายไขมัน จึงอาจผิดพลาดบ้าง

(13) ภาพหลังอาหารเรียกน้ำย่อยที่เชฟกำลังเตรียมเนื้อปลาอยู่ ก็คือ รายการนี้ครับ
ซูชิอะคามิสึเกะ อะคามิ คือ ส่วนเนื้อแดงไขมันน้อย ไปทำ aging คือบ่มที่อุณหภูมิ 1-2 องศาเซลเซียสประมาณ 5 วัน เนื้อที่บ่มจะนุ่มขึ้น
จากนั้นหมักด้วยโชยุสูตรพิเศษของร้าน (ความหมายของ สึเกะคือการหมักซอส) ตั้งแต่ช่วงต้นคอร์ส
เพื่อให้ซอสแทรกซึมเข้าไปในเนื้อปลา ทำให้ได้ซูชิที่มีรสชาติเข้มข้นและนุ่มลิ้น

(14) ซูชิชูโทโร่ ใช้หอมบดเป็นท็อปปิ้ง ชูโทโร่เป็นเนื้อติดมันปานกลาง อยู่บริเวณส่วนท้องและส่วนหลังของตัวปลา

(15) ซูชิดันดาระโอโทโร่ โอโทโร่คือ เนื้อท้องของปลาที่มีมันแทรกในเนื้อเยอะเป็นพิเศษ
ดันดาระนี้เป็นโอโทโร่ชิ้นที่มีเนื้อสีแดงและมีผังผืดไขมันแบ่งเป็นริ้วๆ
เนื้อโอโทโร่ส่วนนี้ถ้าจะเสิร์ฟให้อร่อยจะต้องนำไปบ่ม (Aging)ให้เนื้อนุ่มคลายตัวเสียก่อนสัก 4 วันขึ้นไป
จะทำให้มีรสชาติที่หวานและเคี้ยวง่ายขึ้น
** จริงๆเนื้อส่วนนี้สีควรจะอ่อนกว่าส่วนอื่นเพราะมันแทรกเยอะ แต่ทำไมภาพที่น้องถ่ายสีแดงสดแบบนั้น ซึ่งผมอาจจะผิดพลาดเอง