ถอดกลยุทธ์ออนไลน์ การสร้างตัวและความนิยมของเมมเบอร์ BNK48

กระทู้คำถาม
เชื่อว่าคุณที่อ่านบทความอยู่ตอนนี้ส่วนใหญ่น่าจะเป็นคนที่อย่างน้อย 1-3 ชั่วโมงต่อวันใช้ชีวิตในการท่องโลกออนไลน์ ดังนั้นการที่เราจะพบเห็นเมมเบอร์ ของ BNK48 บนโลกออนไลน์นั้นดูเป็นเรื่องที่ง่ายมากๆ เพราะประเทศไทยถือว่าเป็นประเทศที่มีอัตราการใช้ Facebook สูงติดอันดับโลก และถือว่ามีจำนวนมากหากเทียบสัดส่วนประชากรไทยที่มีอยู่ 66 ล้านคน
   สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ ตัวเมมเบอร์ของ BNK48 เองนั้นก็ถูกโลกออนไลน์เป็นตัวตัดสินคะแนนนิยมเช่นกัน  ภาพยนตร์สารคดี Girls Don’t Cry. ของ เต๋อ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ พาเราไปสำรวจโลกอีกใบที่แฟนคลับอาจจะไม่เคยเห็นว่า ภาพที่ปรากฏในสื่อออนไลน์ทั้ง Facebook และ Instagram นั้น เป็นส่วนหนึ่งของ “งาน” ที่พวกเธอต้องทำ
   เฌอปราง BNK48 พูดถึงเรื่องนี้อย่างเข้าใจว่ามันเป็นงานที่เราจะใช้สื่อสารกับแฟนๆ เพื่อสร้างกลุ่มแฟนคลับที่รู้สึกใกล้ชิดกับเรา  หรือ ตาหวาน BNK48 เองก็พูดว่าในบางครั้งเธอใช้เวลาคิดถึงการโพสต์อย่างไรให้โดนใจแฟนมากกว่าการจดจำการซ้อมเต้นเสียอีก เพราะถ้ามองจากในฐานะคนปกติที่เคยมีโซเชียลมีเดียที่จะสามารถโพสต์อะไรก็ได้ตามใจคิด มาเป็นมีเพียงแอคเคาท์ที่เป็นสาธารณะเฉพาะเรื่องงาน ที่ตั้งบนฐานความนิยม เรื่องนี้ก็ถือเป็นความกดดันเช่นกัน
    การสร้างคาแรกเตอร์บนโลกออนไลน์เป็นสิ่งสำคัญอย่างไร?  ก็เพราะเวลาในโลกออนไลน์นั้นมัน “ฟรี และ เมื่อไหร่ก็ได้” ถ้ายกตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จของ BNK48 ก็คงจะต้องเป็น แนทเทอรีน BNK48 รุ่นที่ 2 ที่ยอดผู้ติดตามใน Facebook ทะลุหลักแสนแล้ว แซงหน้าคนดังอย่าง ฟ้อนต์ BNK48 และรตาBNK48 ไปแล้ว
    กลยุทธ์ที่แนทเทอรีนใช้คือการย้ำจุดยืนเดิมๆ เพื่อที่ทำให้คนติดตาม เช่น การทายผลฟุตบอลที่มักจะผิดเสมอจนกลายเป็นเรื่องจดจำและมีมประจำโลกออนไลน์ ซึ่งแน่นอนว่ากลุ่มแฟนฟุตบอลส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย บางคนอาจจะไม่ได้สนใจวง แต่เห็นว่าเพจเกี่ยวกับกีฬาต่างๆ พูดถึงเธอ จึงติดตามเข้ามาดูทำให้มียอดผู้ติดตามเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแนทเทอรีนเองก็ย้ำคาแรกเตอร์ของเธอในงานจับมือซิงเกิ้ล “วันแรก Shonichi” ในเดือนสิงหาคมโดยใส่ป้ายสายสะพาย “ธิดาชาวสวน 2018” อันเป็นฉายาที่แฟนๆ ตั้งให้
     รวมไปถึงเรื่องความชอบหนังจีนกำลังภายใน เธอก็สวมชุดเหมือนนางเอกหนังจีนไปงานจับมือ หรือการเล่นมุกแป้ก ที่ทำให้เพจอารมณ์ดีอย่าง หนุ่มจืด,นัดเป็ด หรือ โดนไล่มาเล่นในนี้ เข้ามาร่วมวงด้วยเป็นกลยุทธ์ที่ต่อยอดชื่อเสียงจากเซเลบในโลกออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพ น่าสนใจว่าเธอจะแปลงยอดไลก์ให้กลายเป็นยอดขายได้อย่างไรในแบบที่ทางค่ายพึงพอใจ
     เรื่องการไลฟ์ก็สำคัญเพราะเป็นการสื่อสารสองทางระหว่างตัวเมมเบอร์และแฟนๆ ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชั่น Showroom ของญี่ปุ่นหรือ VOOV ของไทย
      ขอยกตัวอย่างกรณีเมมเบอร์ของ AKB48 ทีม 8 คนหนึ่งจากจังหวัดนารา “โอนิชิ โมโมกะ” เจ้าของฉายา “เด็กสาวตีห้าครึ่ง” เพราะเธอจะตื่นขึ้นมาไลฟ์เวลานี้ประจำเป็นเวลาเกือบ 1 ปีเต็ม กลายเป็นที่พูดถึงของหมู่แฟนๆ และผู้บริหาร จากเมมเบอร์ที่อยู่แถวหลัง เธอค่อยๆ ได้รับโอกาสทั้งการเป็นเซมบัตสึครั้งแรกในเพลง Shoot Sign รวมไปถึงได้เป็น Showroom Senbatsu ในปี 2017
     โอนิชิ ได้เป็นเซนเตอร์ในเพลง Private Summer เพลงรองที่รวมเมมเบอร์ที่ได้รับความนิยมจาก Showroom ในซิงเกิ้ลเลือกตั้งปี 2017 #Sukinanda และจากการเลือกตั้ง 4 ครั้งก่อนหน้า เธอไม่ติดอันดับเลย ปีนี้ในการเลือกตั้ง AKB Sekai Senbatsu Sousenkyo ในครั้งนี้เธอกระโดดขึ้นมาเป็นอันดับที่ 38 และอยู่ในซิงเกิ้ลเดียวกับเฌอปรางBNK48 ในเพลง Tomodachi ja nai ka?
     ส่วนการไลฟ์ VOOV ของ BNK48 หลายๆ คนก็มีสไตล์ในการจัดรายการที่ค่อนข้างสนุกอย่างปูเป้ BNK48 ถือว่าทำได้ดี โดยสื่อสารกับแฟนๆ อย่างเป็นกันเอง เหมือนฟังวีเจจัดรายการ หรืออีกคนที่ผู้เขียนชื่นชมเป็นการส่วนตัวอย่างเมษา BNK48 คือนำประเด็นง่ายๆมาเล่าสู่กันฟังอย่างสนุก หรือมีกิจกรรมประกอบทำให้ถึงแม้เธอจะมีงานแสดงน้อยเมื่อเทียบกับเมมเบอร์คนอื่นแต่ก็เป็นเมมเบอร์คนหนึ่งที่มีฐานแฟนเหนียวแน่น ซึ่งความรู้สึกแบบนี้ทำให้แฟนๆ กับเมมเบอร์ใกล้กันมากขึ้น
     
เเหล่งที่มา https://www.gmlive.com/BNK48-online-strategy-to-be-famous
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่