เป็นกระทู้รีวิวที่ไม่รู้จะเรียกว่ารีวิวดีรึเปล่าเพราะแค่อยากเล่ามุมมองของการใช้งาน  Surface Go มากกว่า เพราะก่อนหน้าผมพยายามติดตามหาข้อมูลเจ้าแท็ปเล็ตกึ่งโน้ตบุ๊คตัวนี้มานาน แต่ในไทยแทบไม่มีข้อมูลเลย ต้องไปหาอ่านจากต่างประเทศเอา เลยอยากให้มีกระทู้ที่เอาไว้แบ่งปันข้อมูลกัน ซึ่งถ้ามีอะไรที่ผมตอบได้จะตอบให้ครับ


เริ่มเรื่องจากผมสนใจข้อมูลเจ้า Surface Go มาตั้งแต่เปิดตัว เนื่องจากผมอยากได้โน้ตบุ๊คเล็กๆซักเครื่องนึงเอาไว้ทำงานเล็กๆน้อยๆ เวลาออกไปทำงานข้างนอกและกำลังเตรียมจะใช้ในการเรียน ป.โท ซึ่งผมไม่ได้แคร์เรื่องสปีดหรืออะไรมากเพราะผมมี PC ที่ใช้ประจำที่บ้านอยู่แล้ว หลักๆ ก็คือเอามาพิมพ์งานนอกสถานที่เน้นน้ำหนักเบา เล่นเน็ท และโดยส่วนตัวผมมีสกิลเสริมพวกทำ Photoshop / แต่งรูปด้วย Lightroom อยู่แล้ว (เรียกว่าใช้จนติดมือ เวลาอยากแก้รูปอะไรเร็วๆ ถ้าไม่มีจะรู้สึกเหมือนแขนขาหายไป 555+) เลยอยากได้เครื่องที่มันใช้ฟังก์ชันประมาณนี้ได้


หลังจากหาข้อมูลทั้งไทยและเทศมาหลายเดือน รวมถึงไปลองจับตัวจริงก่อนวันวางจำหน่าย พอถึงวันขายวันแรกก็หน้ามืดซื้อมาอย่างรวดเร็ว 55+ โดยรุ่นที่ได้เป็น Surface Go Ram 8 GB / SSD 128 GB กับ Keyboard สีแดงสุดจ้าบ Burgundy Red ไม่เอาปากกาเพราะแพง 55555+ โดยไปถอยที่ร้านกล้วยไอทีแถวบ้านเพราะห้างใหญ่ๆ คนจองหมด แต่สาขานี้สั่งของมาเกินนิดหน่อยเลยได้มา ณ วันแรกโดยไม่ต้องจองครับ


พอได้เครื่องมา เนื่องจาก Standard มันเป็น Windows 10S ซึ่งไม่สามารถลงโปรแกรมเสริมนอก Microsoft Store ได้ ผมเลยจัดการปลดล็อค ให้เครื่องเป็น Windows 10 Home ทันที เพราะงั้น ตอนนี้เจ้าตัวเล็กของผมก็เป็น PC Notebook เต็มรูปแบบแล้วครับ


ในส่วนของฮาร์ดแวร์คงไม่เล่ามาก เอาเป็นว่าคีย์บอร์ดค่อนข้างใช้งานดี ปุ่มเด้งติดมือ กดไม่ยาก อาจจะเล็กไปหน่อยสำหรับบางคนแต่ผมปรับมือไม่นานนะ ส่วน Touchpad ก็ลื่นติดมือดี ถ้าไม่ใช้งานมากมายก็ไม่ต้องซื้อเมาส์ก็ได้ครับ ส่วนน้ำหนักก็เบาดีครับ ตัวเครื่องบวกฝาพับ น่าจะหกถึงเจ็ดขีด เบามาก ถ้าเทียบกับ Ultrabook แต่หนักกว่า iPad ครับ

หน้าจอ เอาจริงๆ ก็รู้สึกเล็กอยู๋นิดหน่อย ประมาณ iPad 9.7 ได้ ผมชอบตรงที่เวลาตั้งมันก็พิมพ์งานได้เลย แต่ถ้าจะใช้โหมดแท็ปเลตก็แค่พับฝาคีย์บอร์ดไปด้านหลัง คียฺ์บอร์ดก็จะไม่ติดมั่วซั่วแล้ว ไม่ต้องกังวล


พอร์ตที่ให้มาก็มีแค่ Charger แบบแม่เหล็กติดง่ายอยู่ แต่ไม่ชอบหัวชาร์จมันเท่าไหร่เพราะใหญ่ไปนิด ส่วน USB-Type C 1 Port ก็สามารถใช้ชาร์จได้ด้วย แต่จะช้ากว่าชาร์จด้วยพอร์ตชาร์จของมัน อันนี้ขึ้นอยู่กับหัวชาร์จกับสายชาร์จ USB ด้วยครับ โดยถ้าใช้หัวชาร์จ + สาย แท้ Samsung Note 8 ก็ชาร์จไปใช้ไปได้ เพราะตัวนี้จ่ายไฟแรงอยู่ แต่ถ้าใช้หัวอื่นหรือสายที่มาตรฐานต่ำกว่าก็จะทำได้แค่พยุงๆ ให้ลดช้าลงครับ อ้อ การปรับ Power Mode ก็มีผลกับการชาร์จหรือใช้งานด้วย โดยถ้าเน้นแบตเครื่องก็จะอืดหน่อย แต่ถ้าเน้นเร็ว แบตก็ลดเร็วครับ


ปัญหาอีกอันคือ เนื่องจากทั้งเครื่องมันมีพอร์ตแค่นี้เราเลยต้องมี USB multimedia hub ในการเชื่อมพวก Flashdrive VGA HDMI หรือ SD Card ไซส์ใหญ่ ซึ่งอันนี้เราสามารถหาซื้อได้ตามร้านคอมทั่วๆไป (สามารถใช้ร่วมกับอุปกรณ์ของ MacBook ได้ แต่มันแพงมาก ใช้ยี่ห้ออื่นก็ได้) ก็จะเสียค่าตรงนี้เพิ่มตามพอร์ตที่เราใช้ ส่วน Micro SD Reader จะอยู่ด้านหลังแท่นตั้งด้านหลังจอทางขวาครับ


การใช้งานโปรแกรมก็เหมือนโน้ตบุ๊คทั่วไป โดยจากที่อ่านรีวิวมา ถ้าต้องการให้ประหยัดแบตที่สุดแนะนำ Microsoft Edge แทน Google Chrome ครับ ซึ่งก็พอใช้ฟังก์ชันทั่วๆไปได้ แต่ถ้าติดใจ Chrome ก็อย่าฝืนตัวเองครับ เอาที่เราถนัดที่สุด


การใช้งานโปรแกรมอื่นๆ อย่าง MS Office (Word Excel Powerpoint) ปกติดีครับ ไม่เจอปัญหาอะไร



Photoshop / Lightroom ทำงานได้ตามปกติครับ แต่อาจจะมีปัญหาการใช้งานเพราะขนาดหน้าจอเราเล็ก พวก Panel ต่างๆ อาจจะเกะกะไปนิด โดยเฉพาะ Lr ผมแนะนำว่าใช้ตอนรีบๆ ดีกว่า เพราะโปรแกรมนี้ขึ้นชื่อเรื่องการกินสเปคเครื่องอยู่แล้ว เอาไว้แต่งเวลาเร่ด่วนได้ครับ แต่ถ้าทำรูปลอตใหญ่ๆ ใช้เครื่องอื่นๆ ที่แรงกว่านี้จะหงุดหงิดน้อยลงครับ


เรื่องเกม ผมลอง Overwatch ที่ความละเอียด 1024x768 Graphic Low สามารถเล่นได้ ที่ FPS 30 อาจจะมีตกลงมาได้ถึง 20 หรือต่ำกว่านั้นอีก เพราะงั้น เครื่องนี้ไม่เหมาะกับการเล่นเกมครับ ผ่านไปได้เลย

การใช้งานโหมดแทปเล็ตแบบจิ้มจออย่างเดียว อาจจะใช้งานลำบากนิดหน่อย เพราะ Windows มันไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ แต่ก็พอใช้ได้เเวลาเดินชิวๆ ครับ คีย์บอร์ดปรับ Layout ได้ พิมพ์ไม่ยากครับ

แบต อยู่ได้ประมาณ 6 ชมตามที่เขาเคลมไว้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับโปรแกรมที่เราใช้งานด้วยครับ

คร่าวๆประมาณนี้ครับ ใครมีอะไรอยากทราบเพิ่มถามมาได้ครับ