หลายท่านในที่นี้ โดยเฉพาะผู้ที่พยายามจะหาเหตุผลมาสนับสนุนความเชื่อของตนว่านิพพานเป็นอัตตา ซึ่งต้องไปค้นพระสูตรต่างๆ ในพระไตรปิฏก จะมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันอย่างไม่น่าเชื่อ (ที่จริงควรบอกว่า "เหมือนกันอย่างไม่น่าแปลกใจ" มากกว่า) นั่นคือ ขาดความรู้ด้านภาษาไทย
ก่อนหน้านี้ที่ผมได้ตั้งกระทู้ไปแล้ว คือ
นี่คือเหตุผลว่าทำไมจึงไม่มี นิจจัง สุขขัง อัตตา ที่เป็นเรื่องของชนิดของคำ ซึ่ง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นคำวิเศษณ์ทั้งหมด ในขณะที่ นิจจัง สุขขัง เป็นคำวิเศษณ์เช่นกัน แต่คำว่า อัตตา เป็นคำนาม เอามาปนกันไม่ได้ ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเข้าใจกันดีแล้ว เพราะหลังจากนั้นก็ไม่มีใครใช้ นิจจัง สุขขัง อัตตา อีกเลย
แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่เหลืออยู่ เป็นสิ่งที่ผมนำมาตั้งเป็นหัวข้อกระทู้ นั่นคือประโยคที่ว่า "สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา" ด้วยความที่ไม่เข้าใจภาษาไทย ก็ไปคิดเอาเองว่า เพราะฉะนั้น "สิ่งใดเป็นอนัตตา สิ่งนั้นก็ต้องเป็นทุกข์" เอามากลับกันง่ายๆ เลย
หลวงพ่อปยุตโต เคยอธิบายเรื่องนี้ไปแล้วในหนังสือ "กรณีธรรมกาย" โดยยกตัวอย่างสัตว์กับพืช แต่ผมจะขอใช้ตัวอย่างอื่นนะครับ เพื่อให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น
ถ้าผมบอกว่า "สิ่งใดเป็นมนุษย์ สิ่งนั้นมี 2 ขา" ถูกต้องใช่มั้ยครับ?
แล้วถ้าผมกลับกันตรงๆ เลย คือ "สิ่งใดมี 2 ขา สิ่งนั้นเป็นมนุษย์" ถามว่าถูกต้องหรือไม่ครับ? ไม่ถูกนะครับ ลิงก็มี 2 ขาเช่นกัน
อีกตัวอย่าง ผมขออนุญาตใช้ตัวอย่างของหลวงพ่อปยุตโตนะครับ แต่ดัดแปลงเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น คือ "สิ่งใดที่สามารถเคลื่อนย้ายตัวเองจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้ สิ่งนั้นมีชีวิต" ถูกต้องนะครับ
แล้วถ้าลองกลับกันดู "สิ่งใดมีชีวิต สิ่งนั้นสามารถเคลื่อนย้ายตัวเองจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้" ถ้าแบบนี้ถูกหรือผิดครับ?
ผิดใช่มั้ยครับ เพราะพืชก็เป็นสิ่งมีชีวิต แต่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายตัวเองได้
เช่นเดียวกัน "สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา" เราจะเอามากลับกันแล้วสรุปว่า "สิ่งใดเป็นอนัตตา สิ่งนั้นเป็นทุกข์" แบบนี้ไม่ได้
แล้วสมมุติถ้าเกิดคำถามว่า มีสิ่งใด (นอกเหนือจาก อนิจจัง และ ทุกขัง) ที่สามารถเขียนสลับกลับไปกลับมาได้หรือไม่? คำตอบคือ มีครับ
เนื่องจากผมไม่ถนัดวิทยาศาสตร์ ไม่แน่ใจว่าจะใช้ได้หรือไม่นะครับ ก็เลยขอเอามาตั้งเป็นคำถามให้ลองยกตัวอย่างกันดูไปเลยนะครับ
ที่ผมจะยกตัวอย่างคือ "สิ่งใดมีมวล สิ่งนั้นจับต้องได้" ซึ่งถ้าผมกลับเป็น "สิ่งใดจับต้องได้ สิ่งนั้นมีมวล" แบบนี้ก็ยังถูกต้อง กลับกันได้
ก็หวังว่าจะทำให้ผู้ที่เข้าใจว่า "สิ่งใดเป็นอนัตตา สิ่งนั้นเป็นทุกข์" จะเข้าใจมากขึ้นนะครับ
สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา ไม่ได้หมายความว่า สิ่งใดเป็นอนัตตา สิ่งนั้นเป็นทุกข์
ก่อนหน้านี้ที่ผมได้ตั้งกระทู้ไปแล้ว คือ นี่คือเหตุผลว่าทำไมจึงไม่มี นิจจัง สุขขัง อัตตา ที่เป็นเรื่องของชนิดของคำ ซึ่ง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นคำวิเศษณ์ทั้งหมด ในขณะที่ นิจจัง สุขขัง เป็นคำวิเศษณ์เช่นกัน แต่คำว่า อัตตา เป็นคำนาม เอามาปนกันไม่ได้ ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเข้าใจกันดีแล้ว เพราะหลังจากนั้นก็ไม่มีใครใช้ นิจจัง สุขขัง อัตตา อีกเลย
แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่เหลืออยู่ เป็นสิ่งที่ผมนำมาตั้งเป็นหัวข้อกระทู้ นั่นคือประโยคที่ว่า "สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา" ด้วยความที่ไม่เข้าใจภาษาไทย ก็ไปคิดเอาเองว่า เพราะฉะนั้น "สิ่งใดเป็นอนัตตา สิ่งนั้นก็ต้องเป็นทุกข์" เอามากลับกันง่ายๆ เลย
หลวงพ่อปยุตโต เคยอธิบายเรื่องนี้ไปแล้วในหนังสือ "กรณีธรรมกาย" โดยยกตัวอย่างสัตว์กับพืช แต่ผมจะขอใช้ตัวอย่างอื่นนะครับ เพื่อให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น
ถ้าผมบอกว่า "สิ่งใดเป็นมนุษย์ สิ่งนั้นมี 2 ขา" ถูกต้องใช่มั้ยครับ?
แล้วถ้าผมกลับกันตรงๆ เลย คือ "สิ่งใดมี 2 ขา สิ่งนั้นเป็นมนุษย์" ถามว่าถูกต้องหรือไม่ครับ? ไม่ถูกนะครับ ลิงก็มี 2 ขาเช่นกัน
อีกตัวอย่าง ผมขออนุญาตใช้ตัวอย่างของหลวงพ่อปยุตโตนะครับ แต่ดัดแปลงเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น คือ "สิ่งใดที่สามารถเคลื่อนย้ายตัวเองจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้ สิ่งนั้นมีชีวิต" ถูกต้องนะครับ
แล้วถ้าลองกลับกันดู "สิ่งใดมีชีวิต สิ่งนั้นสามารถเคลื่อนย้ายตัวเองจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้" ถ้าแบบนี้ถูกหรือผิดครับ?
ผิดใช่มั้ยครับ เพราะพืชก็เป็นสิ่งมีชีวิต แต่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายตัวเองได้
เช่นเดียวกัน "สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา" เราจะเอามากลับกันแล้วสรุปว่า "สิ่งใดเป็นอนัตตา สิ่งนั้นเป็นทุกข์" แบบนี้ไม่ได้
แล้วสมมุติถ้าเกิดคำถามว่า มีสิ่งใด (นอกเหนือจาก อนิจจัง และ ทุกขัง) ที่สามารถเขียนสลับกลับไปกลับมาได้หรือไม่? คำตอบคือ มีครับ
เนื่องจากผมไม่ถนัดวิทยาศาสตร์ ไม่แน่ใจว่าจะใช้ได้หรือไม่นะครับ ก็เลยขอเอามาตั้งเป็นคำถามให้ลองยกตัวอย่างกันดูไปเลยนะครับ
ที่ผมจะยกตัวอย่างคือ "สิ่งใดมีมวล สิ่งนั้นจับต้องได้" ซึ่งถ้าผมกลับเป็น "สิ่งใดจับต้องได้ สิ่งนั้นมีมวล" แบบนี้ก็ยังถูกต้อง กลับกันได้
ก็หวังว่าจะทำให้ผู้ที่เข้าใจว่า "สิ่งใดเป็นอนัตตา สิ่งนั้นเป็นทุกข์" จะเข้าใจมากขึ้นนะครับ