สวัสดีเพื่อน Pantip นะคะ
ไม่ได้มาเขียนกระทู้นานมาก แต่ข้อมูลวันนี้รู้สึกว่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนอาชีพฟรีแลนซ์ จึงนำประสบการณ์นี้มาแชร์ค่ะ
คือเราอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง ความคิดนี้มีมาก่อนหน้าแค่ 3-4 เดือนเองค่ะ ตอนนั้นพ่อป่วยหนักมาก นอนอยู่โรงพยาบาล เราไม่มีเวลาไปเฝ้าแกได้ตลอด เลยได้แต่จ้างคนดูแล และเราเองก็ต้องกลับมาทำงานที่กรุงเทพ แล้วก็ได้แต่คิดว่าอยากดูแลพ่อเอง อยากให้พ่อมาอยู่ด้วยกันกับเรา
ตอนนั้นเลยตั้งใจว่าจะซื้อบ้านสักหลัง และถ้าพ่อหายจะให้พ่อมาอยู่ด้วยกันที่นี่ แต่อาการพ่อก็ไม่ดีขึ้น และพ่อก็จากไป มันเป็นช่วงที่เสียใจมาก มันเหมือนว่าเราช้าไปหมดทุกอย่าง ได้แต่โทษตัวเองที่ไม่ค่อยใส่ใจอนาคตเท่าไหร่ ใช้ชีวิตไปวันๆ
จนวันนี้...วันที่มีบ้านเป็นของตัวเอง มันเศร้ามากตรงที่พ่อไม่อยู่แล้ว แต่เราเองก็ต้องไปต่อให้ได้ ซึ่งหน้าที่ของเราเองก็ต้องดูแลคนที่อยู่ให้ดีที่สุด ขอบคุณแม่ที่ประคองสติลูกได้ดีมากๆ (แม่กับพ่อเราเลิกกันนานแล้ว)
เราเริ่มกลับมาสนใจเรื่องบ้านอีกครั้ง ตระเวนดูหลายโครงการมาก แต่ก็มาเจอของพฤกษา ซึ่งโดยส่วนตัวชอบตรงที่วัสดุแน่นหนา ดูแข็งแรง พาแม่ไปดูแม่ก็ชอบ เลยจองไปเซลล์ใช้เงินจอง 3,000 บาท จากนั้นเซล์เลยให้เราของสเตรทเม้นท์ของบัญที่เราใช้หมุนเวียน ซึ่งมีแบงค์ม่วงเป็นหลัก และแบงค์เขียว เซล์ให้ส่งทางไลน์ และเอกสารที่สำคัญของมนุษย์ฟรีแลนซ์อย่างเราคือ หลักฐานทางภาษี เป็นใบทวิ 50 ซึ่งขอได้ที่กรมสรรพากร และเรายังมีเอกสารใบหัก ณ ที่จ่าย เพราะงานที่เรารับส่วนใหญ่เป็นพวกบริษัท ห้าง ร้าน ต่างๆจ้างเรา เราถ่ายและส่งผ่านไลน์ให้เซลล์หมดเลยจ๊ะ
****ย้อนความนิดนึง ก่อนหน้านี้เราก็เป็นมนุษย์ออฟฟิศนี่แหละ ทำงานอยู่เอเจนซี่แห่งหนึ่ง แต่เมื่อเดือนเมษายนปี 2560 เราลาออกมา และหันมาทำอาชีพฟรีแลนซ์เต็มตัว เป็นงานเกี่ยวกับ Digital Marketing (จ้างได้นะ รักลูกค้า ฮ่าๆ) หางาน หาลูกค้าเอง โดยการนำพอร์ตไปเสนอ คือวิ่งเข้าหางานสุดๆ ฮ่าๆ กลัวอดตายจ๊ะ เป็นฟรีแลนซ์มาปีกว่าแล้ว
ต่อ...เซลล์แจ้งว่าจะยื่นให้ทั้งหมด 3 ธนาคาร คือ แบงค์ม่วง (ซึ่งเราเดินบัญชีรายได้กับแบงค์นี้อยู่แล้ว บวกกับอ่านมาใน Pantip นี่แหละว่าส่วนใหญ่ฟรีแลนซ์มักจะได้รับโอกาสจากแบงค์นี้ เรานี่น่าจะพอมีหวัง) แบงค์เขียว (บัญชีแบงค์เขียวเราก็เดินนะ ) สุดท้ายคือแบงค์ชมพู ธนาคารออมสิน (ซึ่งเราแทบไม่มีหวังกับธนาคารนี้เลยนะ เพราะอ่านใน Pantip นี่แหละ หลายคนบอกยากมาก) ตอนนั้นเราบอกเซลล์ว่า ไม่ต้องยื่นของออมสินก็ได้นะคะ เพราะไม่น่าจะผ่าน แต่เซลล์ก็ยืนยันว่าให้ลองก่อน เพราะธนาคารออมสินน่าจะไว เราก็ตามเซลล์แนะนำเลยค่ะ
ปรากฏว่าหลังจากที่ส่งเอกสารผ่านไลน์ทั้งหมดให้เซลล์วันศุกร์ วันอาทิตย์บ่ายธนาคารออมสินโทรมาเลยค่ะรายแรก สัมภาษณ์เบื้องต้นเรื่อง อาชีพ สถานะการเงิน และหนี้สิน ซึ่งรายได้ของเราในแต่ละเดือนจะอยู่ที่ 1.5 แสน - 2 แสนกว่าก็มี เพราะฟรีแลนซ์แบบเรารายได้ตามขยันค่ะ (แต่รายได้ขนาดนี้ Pantip ก็ทำให้เราไม่มั่นใจอีกแหละค่ะ เพราะเคยมีคนมาแชร์ว่า ฟรีแลนซ์เงินเดือน 90,000 บาท ถ้าให้ธนาคารประเมิน จะเทียบเท่าพนักงานออฟฟิศ 20,000 บาท)
หนี้สินที่เรามี
1. ผ่อนรถ 2 คัน (เราจ่ายแค่คันเดียว 5,500 เพราะอีกคันลุงเป็นคนจ่าย 4,000 กว่า แต่เมื่อเช็คบูโร มันก็ถูกนำมาเป็นภาระเราทั้งหมดค่ะ)
2. บัตรเคดิต ไม่แน่ใจยอดตอนนั้น
4. สินเชื่อของไทยพานิชย์ (กู้มาลงทุนให้แม่ 60,000 บาท ส่งเดือนละ 1,800)
4. สินเชื่อของธนชาติ (กู้มาลงทุนให้แม่ 80,000 บาท ส่งเดือนละ 2,000)
3. เช่าบ้านเดือนละ 18,000 บาท (เป็นที่นอน ที่ทำงาน)
4. หนี้ กยศ. 2 แสนกว่า
แต่หนี้ทั้งหมดที่เรามีคือเราจ่ายตรงทั้งหมด ไม่เคยช้าสักรายการ เพราะแม่สอนเสมอว่า ต้องรับผิดชอบเครดิตของตัวเองให้ดี
ต่อนะ...เจ้าหน้าที่ธนาคารออมสินคนที่โทรมาคือคนที่จะทำเคสเรา เค้าบอกว่าเห็นเอกสารที่เซลล์ส่งมา แต่เค้าอยากของแบบกระดาษใหม่ทั้งหมด ให้เราเตรียมให้เค้าหน่อย และช่วยส่ง EMS มาให้เค้าที (ตอนแรกเจ้าหน้าที่จะมารับเอง แต่ว่างไม่ตรงกันเลย เพราะเราเองต้องออกไปหาลูกค้าบ่อยมาก ) เราก็เลยได้แต่รวบรวมเอกสารทั้งหมดตามที่เค้าขอใหม่ดังนี้
1. สำเนาบัตรประชาชน
2. สำเนาทะเบียนบ้าน
3. ทวิ 50
4. สำเนาใบหักภาษี ณ ที่จ่าย (อันนี้ยืนยันได้เลยว่าเรามีรายได้จากไหนบ้าง)
5. สำเนาใบเสนอราคาที่เราทำให้ลูกค้า มีกี่ใบส่งหมดเลยจ๊ะ (ปกติเราจะออกใบเสนอราคาให้ลูกค้าทุกเจ้า เพื่อเป็นสัญญาในการทำงานร่วมกันด้วย"
6. สำเนาใบวางบิลทั้งหมด
7. สำเนาใบเสร็จรับเงิน (เมื่อมีการรับเงินลูกค้า เราจะทำเอกสารใบเสร็จรับเงินให้ลูกค้า และเป็นหลักฐานของเราด้วย)
8. บัญชีรับจ่ายย้อนหลัง 6 เดือน (อันนี้เราหนักใจสุด เพราะไม่เคยทำ ต้องทำใหม่ แต่เราจะจำรายรับของแต่ละเดือนได้มีจดอยู่ และรายจ่ายที่ Fix หลักๆอยู่แล้ว)
9. แคปภาพงานที่เราทำทั้งหมด คืองานที่เราทำคืองานพวก Digital Marketing โดยงานทั้งหมดจะออนไลน์หมด เราก็เก็บเท่าที่เราเก็บไหว
เอกสารเราเยอะมาก ใส่ซองไปรษณีย์ไม่ได้เลย เลยต้องใส่กล่อง อะไรที่แสดงถึงการมีรายได้ของเรา เราส่งหมดเลยค่ะ เพราะมันเป็นประโยชน์ของตัวเราเอง เราเลือกส่งแบบวันเดียวถึง เราใช้เวลาเตรียมเอกสารรงนี้อาทิตย์กว่า ค่อยๆเตรียม เพราะเราก็ต้องทำงาน จำได้ว่าเจ้าหน้าที่ได้รับเอกสารวันศุกร์ พอรับแล้วเค้าก็รีบโทรมาบอกว่าเดี๋ยวเค้าจะทำเรื่องให้ เสาร์-อาทิตย์ และยื่นสินเชื่อวันจันทร์ ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ทำเรื่องก็จะมีการโทรมาสอบถาม สัมภาษณ์เราด้วยนะ ในจุดที่เขาสงสัย แต่เราตอบได้หมด เค้าให้เราเตรียมหาคนกู้ร่วม เพราะเช็คบูโรแล้วก็มีภาระต่อเดือนเยอะอยู่ แต่ตอนนั้นเราไม่มีใครกู้ร่วมได้จริง และพื้นฐานที่บ้านเป็นเกษตรกรด้วย ไม่มีใครมากู้ร่วมได้เลย เพราะเอกสารการเงินมันไม่มี เราเลยบอกเขาไปตรงๆ เจ้าหน้าที่จึงบอกว่า งั้นเค้าจะทำเรื่องไปว่าไม่มีคนกู้ร่วมนะ แต่ถ้าทางธนาคารบอกให้ปิดบัญชีหนี้สินบางตัวจะทำได้ไหม เราไม่รับปาก ได้แต่บอกว่าลองดูก็ได้ค่ะว่าจะให้ปิดตัวไหน
วันจันทร์เจ้าหน้าที่แจ้งว่าส่งเรื่องให้เรา รอฝ่ายวิเคราะห์สินเชื่อประเมิณ สักวันพุธเจ้าหน้าที่อีกคนของธนาคารออมสินโทรมาสัมภาษณ์อีกครั้ง ถามละเอียดเยอะมาก คือเค้ารู้เลยว่ายอดเงินที่เข้ามาเป็นของบริษัทไหน (น่าจะวิเคราะห์จริงจัง) แต่เราก็ตอบได้หมดนะ คุยกับเจ้าหน้าเหมือนเพื่อนเลย สนุกมาก บางอย่างเราไม่รู้เค้าก็แนะนำ เพลินเลยค่ะ เกือบครึ่งชั่วโมง
วันศุกร์ตอนเช้าเราได้รับสายจากเจ้าหน้าที่ที่ทำเคส และดูแลเคสเรามาโดยตลอดว่า "ยินดีด้วย สินเชื่อคุณอนุมัตินะครับ " คือตอนนั้นอึ้งนะ อาจจะปนดีใจนิดหน่อย ทำไมมันง่ายขนาดนี้ คือใช้เวลาไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ น่าจะ 2 อาทิตย์กว่า ไม่นับช่วงทำเอกสารนะ เพราะเราช้าเอง และที่สำคัญธนาคารออมสินคือธนาคารที่เราไม่คิดว่าจะได้
วันนี้เราโอนบ้านแล้ว ในวันโอนเจ้าหน้าที่ธนาคาร ฝ่ายโอนจากพฤกษา นัดเจอกันกรมที่ดิน เจ้าหน้าที่ธนาคารเอาเอกสารมาให้เราพร้อมยื่นแฟ้มมาให้เราข้างในมีเอกสารกองโตบอกว่า ธนาคารฝากมาให้เราเซ็นต์รับรองสำเนาทุกหน้า 555 คือมันเป้นเอกสารทั้งหมดที่เราเคยส่งไปให้ธนาคารคือมันต้องเซ็นต์ด้วยทั้งหมด แต่เราไม่ทราบเอง เลยต้องมาเซ็นต์ย้อนหลังค่ะ งานนี้เล่นเราเมื่อเลย และเค้ายังเอาผ้าเช็ดหน้ามาให้ด้วยนะบอกว่า เซ้นต์ไป เช็ดเหงื่อไปนะน้อง ใช้เวลาที่สำนักงานที่ดินอยู่ครึ่งวัน ก็โอนเรียบร้อย

เรามีบ้านแล้ว เสียใจที่พ่อไม่อยู่ แต่เราเชื่อว่า พ่อต้องชอบบ้านหลังใหม่ของเราแน่นอน "คิดถึงพ่อนะ"
ปล. ลืมเล่าว่าแบงค์ม่วงก็ติดต่อมานะ ไม่ขอเอกสารใดๆเพิ่ม บอกว่ามีภาระเยอะ แต่จะส่งเรื่องดู ข่าวคราวก็เงียบหาย แบงค์เขียวเองโทรมาสัมภาษณ์เบื้องต้น และบอกว่าจะนัดเพื่อเข้ามาพบที่บ้าน แต่ยังไม่ระบุวัน หลังจากนั้นก็ข่าวคราวเงียบหาย
ปล.อีกครั้ง ครั้งหน้าจะมาแชร์ประสบการณ์ ซื้อบ้านอย่างไรให้เงินเหลือแต่งบ้าน และก็จะมาแชร์ประสบการณ์แต่งบ้านนะคะ และเดี๋ยวเราอาจจะทำเป็น VDO สามารถรอติดตามได้ที่ Youtube
https://www.youtube.com/channel/UCfBVrUHIC_06GALfrKzWFLg?view_as=subscriber
ฟรีแลนซ์ แชร์ประสบการณ์ยื่นกู้ซื้อบ้าน กับธนาคารออมสิน กู้คนเดียว อนุมัติไว 100%
ไม่ได้มาเขียนกระทู้นานมาก แต่ข้อมูลวันนี้รู้สึกว่าจะมีประโยชน์กับเพื่อนอาชีพฟรีแลนซ์ จึงนำประสบการณ์นี้มาแชร์ค่ะ
คือเราอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง ความคิดนี้มีมาก่อนหน้าแค่ 3-4 เดือนเองค่ะ ตอนนั้นพ่อป่วยหนักมาก นอนอยู่โรงพยาบาล เราไม่มีเวลาไปเฝ้าแกได้ตลอด เลยได้แต่จ้างคนดูแล และเราเองก็ต้องกลับมาทำงานที่กรุงเทพ แล้วก็ได้แต่คิดว่าอยากดูแลพ่อเอง อยากให้พ่อมาอยู่ด้วยกันกับเรา
ตอนนั้นเลยตั้งใจว่าจะซื้อบ้านสักหลัง และถ้าพ่อหายจะให้พ่อมาอยู่ด้วยกันที่นี่ แต่อาการพ่อก็ไม่ดีขึ้น และพ่อก็จากไป มันเป็นช่วงที่เสียใจมาก มันเหมือนว่าเราช้าไปหมดทุกอย่าง ได้แต่โทษตัวเองที่ไม่ค่อยใส่ใจอนาคตเท่าไหร่ ใช้ชีวิตไปวันๆ
จนวันนี้...วันที่มีบ้านเป็นของตัวเอง มันเศร้ามากตรงที่พ่อไม่อยู่แล้ว แต่เราเองก็ต้องไปต่อให้ได้ ซึ่งหน้าที่ของเราเองก็ต้องดูแลคนที่อยู่ให้ดีที่สุด ขอบคุณแม่ที่ประคองสติลูกได้ดีมากๆ (แม่กับพ่อเราเลิกกันนานแล้ว)
เราเริ่มกลับมาสนใจเรื่องบ้านอีกครั้ง ตระเวนดูหลายโครงการมาก แต่ก็มาเจอของพฤกษา ซึ่งโดยส่วนตัวชอบตรงที่วัสดุแน่นหนา ดูแข็งแรง พาแม่ไปดูแม่ก็ชอบ เลยจองไปเซลล์ใช้เงินจอง 3,000 บาท จากนั้นเซล์เลยให้เราของสเตรทเม้นท์ของบัญที่เราใช้หมุนเวียน ซึ่งมีแบงค์ม่วงเป็นหลัก และแบงค์เขียว เซล์ให้ส่งทางไลน์ และเอกสารที่สำคัญของมนุษย์ฟรีแลนซ์อย่างเราคือ หลักฐานทางภาษี เป็นใบทวิ 50 ซึ่งขอได้ที่กรมสรรพากร และเรายังมีเอกสารใบหัก ณ ที่จ่าย เพราะงานที่เรารับส่วนใหญ่เป็นพวกบริษัท ห้าง ร้าน ต่างๆจ้างเรา เราถ่ายและส่งผ่านไลน์ให้เซลล์หมดเลยจ๊ะ
****ย้อนความนิดนึง ก่อนหน้านี้เราก็เป็นมนุษย์ออฟฟิศนี่แหละ ทำงานอยู่เอเจนซี่แห่งหนึ่ง แต่เมื่อเดือนเมษายนปี 2560 เราลาออกมา และหันมาทำอาชีพฟรีแลนซ์เต็มตัว เป็นงานเกี่ยวกับ Digital Marketing (จ้างได้นะ รักลูกค้า ฮ่าๆ) หางาน หาลูกค้าเอง โดยการนำพอร์ตไปเสนอ คือวิ่งเข้าหางานสุดๆ ฮ่าๆ กลัวอดตายจ๊ะ เป็นฟรีแลนซ์มาปีกว่าแล้ว
ต่อ...เซลล์แจ้งว่าจะยื่นให้ทั้งหมด 3 ธนาคาร คือ แบงค์ม่วง (ซึ่งเราเดินบัญชีรายได้กับแบงค์นี้อยู่แล้ว บวกกับอ่านมาใน Pantip นี่แหละว่าส่วนใหญ่ฟรีแลนซ์มักจะได้รับโอกาสจากแบงค์นี้ เรานี่น่าจะพอมีหวัง) แบงค์เขียว (บัญชีแบงค์เขียวเราก็เดินนะ ) สุดท้ายคือแบงค์ชมพู ธนาคารออมสิน (ซึ่งเราแทบไม่มีหวังกับธนาคารนี้เลยนะ เพราะอ่านใน Pantip นี่แหละ หลายคนบอกยากมาก) ตอนนั้นเราบอกเซลล์ว่า ไม่ต้องยื่นของออมสินก็ได้นะคะ เพราะไม่น่าจะผ่าน แต่เซลล์ก็ยืนยันว่าให้ลองก่อน เพราะธนาคารออมสินน่าจะไว เราก็ตามเซลล์แนะนำเลยค่ะ
ปรากฏว่าหลังจากที่ส่งเอกสารผ่านไลน์ทั้งหมดให้เซลล์วันศุกร์ วันอาทิตย์บ่ายธนาคารออมสินโทรมาเลยค่ะรายแรก สัมภาษณ์เบื้องต้นเรื่อง อาชีพ สถานะการเงิน และหนี้สิน ซึ่งรายได้ของเราในแต่ละเดือนจะอยู่ที่ 1.5 แสน - 2 แสนกว่าก็มี เพราะฟรีแลนซ์แบบเรารายได้ตามขยันค่ะ (แต่รายได้ขนาดนี้ Pantip ก็ทำให้เราไม่มั่นใจอีกแหละค่ะ เพราะเคยมีคนมาแชร์ว่า ฟรีแลนซ์เงินเดือน 90,000 บาท ถ้าให้ธนาคารประเมิน จะเทียบเท่าพนักงานออฟฟิศ 20,000 บาท)
หนี้สินที่เรามี
1. ผ่อนรถ 2 คัน (เราจ่ายแค่คันเดียว 5,500 เพราะอีกคันลุงเป็นคนจ่าย 4,000 กว่า แต่เมื่อเช็คบูโร มันก็ถูกนำมาเป็นภาระเราทั้งหมดค่ะ)
2. บัตรเคดิต ไม่แน่ใจยอดตอนนั้น
4. สินเชื่อของไทยพานิชย์ (กู้มาลงทุนให้แม่ 60,000 บาท ส่งเดือนละ 1,800)
4. สินเชื่อของธนชาติ (กู้มาลงทุนให้แม่ 80,000 บาท ส่งเดือนละ 2,000)
3. เช่าบ้านเดือนละ 18,000 บาท (เป็นที่นอน ที่ทำงาน)
4. หนี้ กยศ. 2 แสนกว่า
แต่หนี้ทั้งหมดที่เรามีคือเราจ่ายตรงทั้งหมด ไม่เคยช้าสักรายการ เพราะแม่สอนเสมอว่า ต้องรับผิดชอบเครดิตของตัวเองให้ดี
ต่อนะ...เจ้าหน้าที่ธนาคารออมสินคนที่โทรมาคือคนที่จะทำเคสเรา เค้าบอกว่าเห็นเอกสารที่เซลล์ส่งมา แต่เค้าอยากของแบบกระดาษใหม่ทั้งหมด ให้เราเตรียมให้เค้าหน่อย และช่วยส่ง EMS มาให้เค้าที (ตอนแรกเจ้าหน้าที่จะมารับเอง แต่ว่างไม่ตรงกันเลย เพราะเราเองต้องออกไปหาลูกค้าบ่อยมาก ) เราก็เลยได้แต่รวบรวมเอกสารทั้งหมดตามที่เค้าขอใหม่ดังนี้
1. สำเนาบัตรประชาชน
2. สำเนาทะเบียนบ้าน
3. ทวิ 50
4. สำเนาใบหักภาษี ณ ที่จ่าย (อันนี้ยืนยันได้เลยว่าเรามีรายได้จากไหนบ้าง)
5. สำเนาใบเสนอราคาที่เราทำให้ลูกค้า มีกี่ใบส่งหมดเลยจ๊ะ (ปกติเราจะออกใบเสนอราคาให้ลูกค้าทุกเจ้า เพื่อเป็นสัญญาในการทำงานร่วมกันด้วย"
6. สำเนาใบวางบิลทั้งหมด
7. สำเนาใบเสร็จรับเงิน (เมื่อมีการรับเงินลูกค้า เราจะทำเอกสารใบเสร็จรับเงินให้ลูกค้า และเป็นหลักฐานของเราด้วย)
8. บัญชีรับจ่ายย้อนหลัง 6 เดือน (อันนี้เราหนักใจสุด เพราะไม่เคยทำ ต้องทำใหม่ แต่เราจะจำรายรับของแต่ละเดือนได้มีจดอยู่ และรายจ่ายที่ Fix หลักๆอยู่แล้ว)
9. แคปภาพงานที่เราทำทั้งหมด คืองานที่เราทำคืองานพวก Digital Marketing โดยงานทั้งหมดจะออนไลน์หมด เราก็เก็บเท่าที่เราเก็บไหว
เอกสารเราเยอะมาก ใส่ซองไปรษณีย์ไม่ได้เลย เลยต้องใส่กล่อง อะไรที่แสดงถึงการมีรายได้ของเรา เราส่งหมดเลยค่ะ เพราะมันเป็นประโยชน์ของตัวเราเอง เราเลือกส่งแบบวันเดียวถึง เราใช้เวลาเตรียมเอกสารรงนี้อาทิตย์กว่า ค่อยๆเตรียม เพราะเราก็ต้องทำงาน จำได้ว่าเจ้าหน้าที่ได้รับเอกสารวันศุกร์ พอรับแล้วเค้าก็รีบโทรมาบอกว่าเดี๋ยวเค้าจะทำเรื่องให้ เสาร์-อาทิตย์ และยื่นสินเชื่อวันจันทร์ ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ทำเรื่องก็จะมีการโทรมาสอบถาม สัมภาษณ์เราด้วยนะ ในจุดที่เขาสงสัย แต่เราตอบได้หมด เค้าให้เราเตรียมหาคนกู้ร่วม เพราะเช็คบูโรแล้วก็มีภาระต่อเดือนเยอะอยู่ แต่ตอนนั้นเราไม่มีใครกู้ร่วมได้จริง และพื้นฐานที่บ้านเป็นเกษตรกรด้วย ไม่มีใครมากู้ร่วมได้เลย เพราะเอกสารการเงินมันไม่มี เราเลยบอกเขาไปตรงๆ เจ้าหน้าที่จึงบอกว่า งั้นเค้าจะทำเรื่องไปว่าไม่มีคนกู้ร่วมนะ แต่ถ้าทางธนาคารบอกให้ปิดบัญชีหนี้สินบางตัวจะทำได้ไหม เราไม่รับปาก ได้แต่บอกว่าลองดูก็ได้ค่ะว่าจะให้ปิดตัวไหน
วันจันทร์เจ้าหน้าที่แจ้งว่าส่งเรื่องให้เรา รอฝ่ายวิเคราะห์สินเชื่อประเมิณ สักวันพุธเจ้าหน้าที่อีกคนของธนาคารออมสินโทรมาสัมภาษณ์อีกครั้ง ถามละเอียดเยอะมาก คือเค้ารู้เลยว่ายอดเงินที่เข้ามาเป็นของบริษัทไหน (น่าจะวิเคราะห์จริงจัง) แต่เราก็ตอบได้หมดนะ คุยกับเจ้าหน้าเหมือนเพื่อนเลย สนุกมาก บางอย่างเราไม่รู้เค้าก็แนะนำ เพลินเลยค่ะ เกือบครึ่งชั่วโมง
วันศุกร์ตอนเช้าเราได้รับสายจากเจ้าหน้าที่ที่ทำเคส และดูแลเคสเรามาโดยตลอดว่า "ยินดีด้วย สินเชื่อคุณอนุมัตินะครับ " คือตอนนั้นอึ้งนะ อาจจะปนดีใจนิดหน่อย ทำไมมันง่ายขนาดนี้ คือใช้เวลาไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ น่าจะ 2 อาทิตย์กว่า ไม่นับช่วงทำเอกสารนะ เพราะเราช้าเอง และที่สำคัญธนาคารออมสินคือธนาคารที่เราไม่คิดว่าจะได้
วันนี้เราโอนบ้านแล้ว ในวันโอนเจ้าหน้าที่ธนาคาร ฝ่ายโอนจากพฤกษา นัดเจอกันกรมที่ดิน เจ้าหน้าที่ธนาคารเอาเอกสารมาให้เราพร้อมยื่นแฟ้มมาให้เราข้างในมีเอกสารกองโตบอกว่า ธนาคารฝากมาให้เราเซ็นต์รับรองสำเนาทุกหน้า 555 คือมันเป้นเอกสารทั้งหมดที่เราเคยส่งไปให้ธนาคารคือมันต้องเซ็นต์ด้วยทั้งหมด แต่เราไม่ทราบเอง เลยต้องมาเซ็นต์ย้อนหลังค่ะ งานนี้เล่นเราเมื่อเลย และเค้ายังเอาผ้าเช็ดหน้ามาให้ด้วยนะบอกว่า เซ้นต์ไป เช็ดเหงื่อไปนะน้อง ใช้เวลาที่สำนักงานที่ดินอยู่ครึ่งวัน ก็โอนเรียบร้อย
ปล. ลืมเล่าว่าแบงค์ม่วงก็ติดต่อมานะ ไม่ขอเอกสารใดๆเพิ่ม บอกว่ามีภาระเยอะ แต่จะส่งเรื่องดู ข่าวคราวก็เงียบหาย แบงค์เขียวเองโทรมาสัมภาษณ์เบื้องต้น และบอกว่าจะนัดเพื่อเข้ามาพบที่บ้าน แต่ยังไม่ระบุวัน หลังจากนั้นก็ข่าวคราวเงียบหาย
ปล.อีกครั้ง ครั้งหน้าจะมาแชร์ประสบการณ์ ซื้อบ้านอย่างไรให้เงินเหลือแต่งบ้าน และก็จะมาแชร์ประสบการณ์แต่งบ้านนะคะ และเดี๋ยวเราอาจจะทำเป็น VDO สามารถรอติดตามได้ที่ Youtube https://www.youtube.com/channel/UCfBVrUHIC_06GALfrKzWFLg?view_as=subscriber