เหล่าของแข็งที่ดาหน้าเข้ามาในวันที่”เหมาะสม” ที่ได้จะพิสูจน์ลิเวอร์พูล

.



       ในถ้วย UCL กับการหล่นไปอยู่ในโถสามของลิเวอร์พูล ทำให้สามารถพอจะรู้ได้แต่แรกแล้วว่า ต้องไปอยู่ในกลุ่มที่”ไม่ง่าย”เพราะต้องมีโอกาสที่จะอยู่ร่วมกลุ่มกับบิ๊คทีมเบอร์ใหญ่ของยุโรปอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อจับสลากออกมาเจอ เปเอสเช จึงไม่เป็นที่น่าตกอกตกใจอะไร ของแฟนบอลอย่างผม ตรงกันข้ามค่อนข้างผิดหวังด้วยซ้ำ ถ้าจะเจอทีมเบอร์ใหญ่แบบนี้ ทำไมไม่เป็น รีล มาดริด ไปซะเลยล่ะ จะได้คิดบัญชีกันไปไม่ต้องมาค้างคาใจ ไม่ต้องรอเข้ารอบลึกๆ เพื่อทำศึกที่เชื่อว่าทั้งตัวแฟนบอลและนักเตะลิเวอร์พูล ก็ปารถนาอยากจะกอบกู้ศักดิ์ศรีของทีมกลับมาให้ได้ ไม่ปล่อยให้ผลการแข่งขันที่พลาดหวังในนัดชิงคราวนั้น มาบั่นทอนความ”หิวกระหาย”ความสำเร็จ

       แต่ก็เอาเถอะ เปเอสเช ก็ เปเอสเช ถึงน่าจะไม่มีแฟนหงส์คนใดในโลก กล้าพูดว่าทีมตัวเองเหนือกว่าทีมชั้นนำระดับนั้น แต่ก็เชื่อเช่นกันว่ามีแฟนหงส์จำนวนไม่น้อยเหมือนกัน ที่เชื่อว่า ทีมรักจะ”ไม่แพ้”แม้จะดูเป็นรองก็ตาม ซึ่งความรู้สึกแบบนี้ ต้องยอมรับว่า แม้มีบางส่วนมาจากอาการ”มโน”เข้าข้างทีมที่ตัวเองรัก แต่หลักใหญ่ใจความก็มาจากพื้นฐานความจริงและผลงานที่ผ่านมาที่ว่า ลิเวอร์พูลไม่กลัวทีมใหญ่ ยิ่งภายใต้การคัดหางถือท้ายของนายใหญ่อย่าง เจอร์เก้น คล้อป ความเชื่อมั่นที่ว่าทีมจะประสบความสำเร็จ แม้มองเห็นอุปสรรคที่เข้ามากั้นขวาง ก็มีแต่เพิ่มพูน ไม่เคยลดน้อยลงตามอุปสรรคที่ขวางทางอยู่ขวางหน้าเลย ตามความรู้สึกของแฟนหงส์ที่เลื่อมใสศรัทธา เจอร์เก้น คล้อป อย่างมากในตอนนี้

       ส่วนกับโปรแกรมการแข่งขันพรีเมียร์ลีคปีนี้ แฟนหงส์ส่วนใหญ่ก็รู้กันดีอยู่แล้วว่า งานมันก็เริ่มจะไม่ง่ายด้วยคิวโปรแกรมการแข่งขันที่จะเริ่มชุกด้วยโปรแกรมฟุฅบอลถ้วย นับจากนัดที่ 4 เป็นต้นไป ที่ต้องออกไปเยือนเลสเตอร์ และมีงานหนักรออยู่ในนัดต่อจากนั้น ที่มีคิวต้องดวลเกือกกับทีมอย่างสเปอร์ส ดังนั้นคิวโปรแกรมบอลอีกถ้วยที่แทรกเข้ามา อย่างลีคคัพ ที่ต้องพบกับ เซลซี ก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไร ในข้อเท็จจริงที่ว่า ไม่ว่าจะต้องเจอทีมใหญ่หรือเล็ก มันก็ล้วนแต่สร้างภาระทางร่างกายให้กับนักเตะไม่ต่างกันอยู่แล้ว ซึ่งมันก็ไม่เคยเป็นอะไรที่ง่ายสำหรับการบริหารตัวผู้เล่นของผู้จัดการในอังกฤษทุกทีม ที่พาทีมผ่านเข้าไปเล่นในฟุตบอลยุโรป

       ดังนั้นผลการจับสลากของรายการฟุตบอลถ้วยทั้ง 2 รายการ แม้ว่าชื่อชั้นของคู่แข่งที่ต้องพบเจอ จะดูเป็นด่านหินที่ยากต่อการพ้นผ่าน แต่มันก็เป็นงานปกติที่ผู้จัดการทีมต้องคิดเพื่อหาทางพาทีมผ่านไปให้ได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น เปเอสเช เชลซี นาโปลี หรือสเปอร์ ที่ลิเวอร์พูลต้องพบเจอในเวลาอันใกล้ ก็ล้วนแต่มีความหมายเดียวกันทั้งนั้น คือนั่นเป็นบทพิสูจน์ด่านแรกๆ ของเจอร์เก้น คล้อปในปีนี้ หากเลือกคิดที่จะพาลิเวอร์พูลไปสู่ความสำเร็จ ตัวเขาเองก็ต้องพิสูจน์ด้วยผลการแข่งขันจากแมทเหล่านี้

       และเช่นเดียวกับ คล้อป ยังมีอีกหลายคนในทีมลิเวอร์พูล ที่ยังนั่งรอการพิสูจน์ในปีนี้ อยู่ข้างสนามในซุ้มม้านั่งสำรอง ดังนั้นโปรแกรมการแข่งขันที่ชุกขึ้น ก็เป็นโอกาสของพวกเขาเช่นกัน ที่จะได้แสดงศักยภาพของตัวพวกเขาเอง ถึงในวันนี้ จะเป็นวันที่นายใหญ่ อาจจะได้ 11 ตัวจริงของลิเวอร์พูลในใจเขาแล้ว แต่ก็เชื่อเหลือเกินว่านักเตะอีกหลายต่อหลายคนที่ยังไม่ได้รับโอกาส ก็อยากจะมีเวทีที่เหมาะสม ที่จะได้ลงวาดลวดลาย โชว์ฝีเท้าของตนเองเพื่อให้เจ้านายได้รู้ ว่าพวกเขาเองก็ยังเป็นนักเตะคนสำคัญ และยังอยากมีส่วนร่วมกับทีมไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลว ไม่อยากถูกมองข้าม

ที่สุดแล้ว อุปสรรค ก็ยังเป็นหัวข้อในการพิสูจน์ ที่ดีที่สุดอยู่ดี ว่าทุกคนในทีมลิเวอร์พูลปีนี้
ดีพอจะคู่ควรแก่การครอบครองความสำเร็จหรือไม่ สิ่งที่ให้คำตอบได้ดีที่สุด ก็คือ “ผลงานของตัวพวกเขาเอง”
ที่ต้องเล่นกับทีมมทุกระดับอยู่แล้ว ใช่ว่าจะเจอแต่ทีมเล็ก

ดังนั้นจะไปแคร์อะไร ไม่ว่าทีมเล็กหรือทีมใหญ่แค่ไหน ก็ดาหน้ากันเข้ามาเลย



ปล.ไปใช้ล็อคอินตัวเลขตั้งทู้ตั้งนาน เพราะคิดว่าล็อคอินนี้โดนแบนถาวรจากบางกรณีที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องบอล แต่พอลองกลับเข้ามาดู ก็ถึงรู้ว่าถูกยึดชั่วคราว เลยเอากลับมาใช้เขียนกะทู้แทน จะได้ง่ายต่อการจัดหน้าไม่ลำบากการอ่านนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่