วิธีเปลี่ยนความผิดหวังและความเจ็บปวดมาเป็นแรงผลักดันให้กับชีวิต โดย คุณขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
เป็นการบรรยายในรายการ TEDx Talks ของพี่ขุนเขา ที่พูดเอาไว้ได้ดีมากๆ ผมจะขอเขียนสรุปเป็นหัวข้อสั้นในกระทู้นี้ก็แล้วกันนะครับ ส่วนใครที่สนใจอ่านเพิ่มเติมก็สามารถคลิกตามลิค์นี้ไปได้เลย https://www.13enj1.com/2018/08/the-power-of-pain.html ผมเขียนสรุปไว้ตั้งแต่ต้นจนจบไว้หมดแล้ว

1.) ไม่ว่าเป็นคน หรือ สัตว์ ต่างก็เลือกที่จะอยู่ข้างที่สุขสบายและเลือกในสิ่งที่ทำให้ตัวเราเองความความสุขทั้งนั้น แต่ในความเป็นจริงของชีวิตมันอาจจะไม่เรียบง่ายอย่างนั้น

2.) บุคคลสำคัยและโด่งดังระดับโลกที่ใครๆก็รู้จัก ต่างก็เคยพบเจอกับความเจ็บปวดและความผิดหวังในชีวิตด้วยกันทั้งนั้น แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ พวกเขาเปลี่ยนให้ความผิดหวังและความเจ็บปวดเหล่านั้นเป็นแรงผลักดันในการสร้างสรรค์ ประดิษฐ์ และกระตุ้น ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆบนโลกใบนี้ได้ ยกตัวอย่างเช่น

2.1) อดอร์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้ที่มีชีวิตช่วงวัยเด็กที่แสนเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน นี่จึงเป็นตัวจุดประกายให้เขารังเกียจชาวยิวและเป็นแรงผลักดันให้เกิดสงครามโลก

2.2) หลุยส์ แบลล์ ผู้ที่ตาบอดจึงไม่สามารถอ่านหนังสือได้ แต่เขาผู้นี้สามารถใช้สิ่งที่เขาไม่มีนี้ ประดิษฐ์ตัวอักษรเบลล์ที่ใช้กับคนตาบอดทั่วโลกมาจนถึงทุกวันนี้

2.3) ปาโบล ปิกัสโซ จิตรกรชื่อดังก้องโลก กับภาพวาดของเมืองเกอร์นิกาตอนถูกทิ้งระเบิดในช่วงสงคราม ซึ่งภาพนี้เกิดขึ้นจากความโศกเศร้าของปิกัสโซต่อเมืองเล็กๆแห่งนี้

ยังมีอยู่อีกหลายๆบุคคลด้วยกันซึ่งผมเชื่อว่าถ้าทุกคนได้ลองใช้เวลาคิดและนึกดูดีดี ผมมั่นใจว่าจะต้องมีชื่อของบุคคลเหล่านั้นในความคิดของแต่ละคนอยู่แน่ๆ หรืออย่างน้อยก็ต้องมีตัวของคุณเองนั่นแหล่ะ...ต้องมีซักครั้งหนึ่งในชีวิตที่คุณได้พบเจอกับความผิดหวังและความเจ็บปวดแต่คุณก็สามารถผ่านมันมาได้และทุกวันนี้คุณก็มีชีวิตที่ดีขึ้น เข้มแข็งขึ้น และเก่งมากขึ้น...ผมเชื่อเช่นนั้น

3.) ทุกคนบนโลกใบนี้เมื่อต้องพบเจอกับความผิดหวังและความเจ็บปวด จะมีการกระทำออกมา 2 ด้าน คือ ด้านที่เป็นบวก ( Transformation ) และ ด้านที่เป็นลบ ( Transference ) ด้านที่เป็นบวกนั้นก็ได้แก่ การพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น เก่งขึ้น หรือ การเรียนรู้บทเรียนนั้นๆแล้วไม่ทำผิดแบบนั้นซ้ำอีก อย่างนี้เป็นต้น แต่การกระทำด้านลบ ( Transference ) นี้ พี่ขุนเขาได้ยกตัวอย่างไว้ 3 หัวข้อด้วยกัน

3.1) การแก้แค้น ( Revenge )
3.2) การใช้ความรุนแรง ( Violence )
3.2) การกล่าวโทษ ด่าว่า และให้ร้ายผู้อื่น

ทั้งสามสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ไม่ดีและไม่ควรทำอย่างเด็ดขาด เพราะมันไม่ได้นำพาผลดีมาสู่ชีวิตของเราเองเลยซักนิด แถมยังเป็นการสุมไฟในทรวงอกของตัวเราเองซะด้วยซ้ำไป เหมือนอย่างที่ Nelson Mandela พูดเอาไว้ " ความอิจฉาริษยา ก็เหมือนกับ การที่เราดื่มยาพิษแล้วหวังให้คนที่เราเกลียดตาย "

4.) บทสรุปสุดท้ายที่พูดขุนเขากล่าวไว้ทั้งน้ำตาเป็นคำถามว่า " พวกคุณจะเลือกเป็นความเจ็บปวดเป็นแรงผลักดันทางด้านบวกหรือด้านลบ แล้วอะไรคือความผิดหวังและความเจ็บปวดที่มากที่สุดในชีวิตของคุณ แล้วคุณจะใช้มันเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้อย่างไร ? "

นี่ก็เป็นบทสรุปที่พี่ขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร กล่าวเอาไว้ ผมคิดว่ามันจะเป็นประโยชน์กับทุกๆคนที่กำลังท้อแท้ใจ คนที่ผิดหวังทั้งจากหน้าที่การงานหรือเรื่องของความรัก คนที่รู้สึกหดหู่และขาดไร้เป้าหมายในชีวิต คนที่ต้องพบเจอกับปัญหารุมเร้ามากมายจนยากที่จะหาทางออก ผมอยากจะให้เรื่องราวในกระทู้นี้เป็นแรงบันดาลใจและกำลังใจปลอบโยนพวกคุณ ให้พวกคุณรู้ไว้ว่าสิ่งที่คุณพบเจออยู่ก็เป็นสิ่งเดียวกับที่บุคคลสำคัญบนโลกใบนี้เคยพบเจอมาเหมือนกัน แต่สิ่งที่แตกต่างคือ คุณจะเลือกรับมือกับความผิดหวังและความเจ็บปวดนั้นยังไง และจะเปลี่ยนมันเป็นการกระทำในด้านดีหรือด้านร้าย

13enj1 Blogger
ถ้าคุณถูกใจหรือคิดว่ากระทู้นี้มีประโยชน์ ก็สามารถติดตามและฝากกด Like ในหน้าเฟซบุคแฟนเพจของผมด้วยนะครับ
https://web.facebook.com/13enj1blogger มีทั้งเรื่องราว บทความรวมถึงคำคมดีดี ที่จะทำให้ทุกๆมีแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตและสู้ต่อไปครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่