แชร์...ประสบการณ์ ล่าม (ทีมชาติไทย)

สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์ล่ามผู้ประสานงาน (ทีมชาติไทย) ใช่แล้วค่ะ ทุกคนอ่านไม่ผิดหรอกค่ะ สำหรับใครที่ได้หลงเขามาอ่านกระทู้เราแล้ว ก็ขอความกรุณาช่วยอ่านให้จบนะคะ เพื่อที่จะได้เป็นกำลังใจให้เราได้เขียนแชร์ประสบการณ์เราให้ฟังอีกเรื่อยๆนะคะ 

งั้น...เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าเนาะ 

เราเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย เขียว-เหลือง แห่งหนึ่งในโคราช บางคนก็คงจะรู้แหละเนาะว่า เราเรียนที่ไหน เราเรียนภาษาค่ะ และด้วยความที่เราเป็นเด็กกิจกรรม เวลามีกิจกรรม หรือทุนอะไร เราก็มักที่จะเข้าร่วมอยู่เสมอ และในเดือน มิถุนายนที่ผ่านมา ก็ได้มีการจัดการแจ่งขัน วอลเล่ย์บอลเนชั่นลีค จากที่เราทราบมาก็คือเป็นรายการเดียวกันกับเวิร์ลดกรังซ์ปีนั่นแหละ แค่เปลี่ยนชื่อรายการ 

ซึ่งปีนี้ ประเทศไทยของเราได้เป็นเจ้าภาพทั้งหมด 2 สนาม สนามที่ 1 อยู่ กทม. และสนามที่ 2 นั้นอยู่ที่โคราช ซึ่งนี่ก็เป็นโอกาสของเราที่จะได้ลงสมัครเป็นล่ามผู้ประสานงานให้กับทีมนักกีฬาที่จะมาแข่ง ซึ่งสนามที่ 2นั้น ก็จะมี 4 ประเทศด้วยกัน คือ ไทย ญี่ปุ่น เกาหลี และตุรกี ซึ่งทางจังหวัดก็ได้มีการติดต่อไปกับทางมหาลัยเรา เพื่อที่จะให้ทางมหาวิทยาลัยได้คัดเลือกนักศึกษาที่จะมาทำหน้าที่เป็นล่ามผู้แปลภาษา

เอ้อ!!! ขอบอกก่อนเลยนะคะ งานนี้เป็นงานฟรีนะคะ ไม่ได้เงินนะคะ แต่ว่าได้อะไรที่มากกว่านั้น นั้นก็คือประสบการณ์ที่เงินก็ซื้อไม่ได้ค่ะ ซึ่งเราเอง พอได้ข่าวมาว่ามหาลัยเปิดรับสมัคร เราก็ไม่รอช้าค่ะ รีบเข้าไปสมัครทันทีค่ะ เพราะเราจะเอาประวัติการทำงานนี้ไปใช้ในการสมัครงานในอนาคต   เห็นไหมละคะ ผลกำไรที่เราจะได้ แต่เราก็ยังไม่มั่นใจหรอกว่าเราจะได้รึเปล่า เพราะ งานนี้มีทีมที่แข่งน้อย และความต้องการก็น้อยเหมือนกัน และล่ามเฉพาะทาง เกาหลี กับญี่ปุ่นก็มีล่ามที่ต้องการล่ามที่สามารถสื่อสารภาษาเหล่านั้นได้  ซึ่งก็เหลือ 2 ทางเลือก นั่นก็คือ ตุรกี กับ ไทย 

บางคนอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ...และทีมไทยต้องใช้ล่ามหรอคะ เพราะงานจัดที่ไทยและนักกีฬาก็พูดไทยได้ ตอนแรกเราก็คิดแบบนี้แหละค่ะ คำตอบก็คือ ต้องใช้ค่ะ ถึงแม้จะเป็นทีมไทย แข่งที่ไทยแล้ว ยังไงก็ต้องใช้ค่ะ เพราะ เจ้าหน้าที่ และ กรรมการ เป็นคนของทาง FIVB ทั้งหมด ซึ่งเป็นชาวต่างชาติที่มาจากหลายๆประเทศทั้งหมดค่ะ 

ซึ่งจากการสอบสัมภาษณ์นั้น เราก็ได้เป็นล่ามผู้ประสานงาน(Liaison)ให้กับทีมนักกีฬาทีมชาติไทย พลุ ฮ่าา....จะดีใจไปทำไม เพราะทุกคนก็รู้จากหัวข้อแล้วละเนาะ สมมติว่ายังไม่รู้ก็แล้วกันนะ จะได้ดูตื่นเต้น ซึ่งปัญหาเราก็มีอยู่ว่า เราไม่รู้จักนักกีฬา หน่ะสิ ตายแล้วๆๆๆๆ หยอกเย้า คือแบบรู้สึกเสียใจนะ ที่เราเป็นคนไทยแท้ แต่กลับไม่รู้จักนักกีฬาชาติตัวเอง คือเราอ่ะ ไม่ใช่คอกีฬาไง เราแทบจะไม่ดูกีฬาเลย เล่นกีฬาก็ไม่ เราถนัดสายกินมากกว่า ร้านไหนดี ร้านไหนอร่อยนี่รู้หมด  ฮ่าๆๆๆ 

กลับเข้าเรื่องดีกว่า คือเราจะทำยังไงล่ะในเมื่อเราไม่รู้จักใครนอกจาก พี่หน่อง ปลื้มจิตร์ กับ พี่กิ้ฟ ที่รู้จักพี่กิ้ฟ เพราะพี่กิ้ฟเป็นคนโคราช รู้แค่นั้นเลย เพื่อนเราส่วนใหญ่จะเป็นแฟนวอลเลย์บอล ก็เลยมาลองภูมิเราว่าเรารู้จักนักกีฬามากน้อยแค่ไหน เริ่มจากพี่กิ้ฟเลย เพื่อนเราก็ถามว่า พี่กิ้ฟชื่อจริงชื่ออะไร??? เราก็ตอบด้วยความมั่นใจเลยว่า "อรอุมา" จากนั้นเพื่อนเราก็ต่างพากันหัวเราะ 555 เราก็ไม่คิดว่าเราตอบผิดนะ เราก็ถามว่าหัวเราะอะไร เพื่อนเราก็บอกว่า นั่นพี่อร เราก็เอ้ะ ไม่ใช่พี่กิ้ฟหรอ   จากนั้นก็หาข้อมูลเลย ว่านักกีฬาคนนี้เป็นใคร เล่นตำแหน่งอะไร ถามว่าเราจำได้ไหม หึ้..... จำไม่ได้ค่ะ 

จนถึงวันเริ่มงาน เราตื่นเต้นมาก เพราะนักกีฬาทีมชาติที่เราเห็นในทีวี เห็นในโฆษณา เราจะได้เห็นเขาตัวเป็นๆ ได้อยู่กับพวกเขาเกือบอาทิตย์ ความรู้สึกตื่นเต้นและประหม่าก็มา แต่พอพี่ๆนักกีฬามาถึง เหล่าแฟนคลับที่มารอที่โรงแรมก็ต่างพากันมาขอถ่ายรูป  เรานี่แบบตื่นเต้นจนทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าต้องเดินไปหาใคร หรือแนะนำตัวเองกับใคร แต่โชคดีที่เพื่อนเราไปเป็นล่ามที่สนาม กทม. มาก่อนเลยพาเราไปแนะนำตัวกับโค้ช เราตื่นเต้นมากพอเห็นพี่ๆนักกีฬาตัวจริง 

หลังจากนั้น ผู้จัดการทีมก็มาเรียกเราไปคุยภึงเรื่องตารางซ้อมต่างๆ ซึ่งในการซ้อมแต่ละครั้ง เราต้องทำหน้าที่ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ที่อยู่ประจำสนามซ้อมต่างๆเพื่อที่จะได้เตรียมสนามก่แนที่นักกีฬาจะไปถึง และยังต้องเตรียมรถประสานกับทางคนขับรถและไม่ใช่แค่รถเท่านั้นนะคะ ในการที่เราจะออกไปแต่ละครั้งต้องประสานกับตำรวจพื้นที่ด้วย เพื่อที่จะขอใช้รถนำ ขับนำรถนักกีฬาไปยังสนามแข่งและสนามซ้อมทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยและความรวดเร็วของนักกีฬาด้วยค่ะ และหน้าที่เราก็ไม่ได้มีเพียงเท่านี้นะคะ พอไปถึงสนามซ้อมเราก็ต้องช่วยนักกีฬาในการซ้อมด้วย ทั้งคอยช่วยโค้ช ช่วยพี่ผู้จัดการทีม รวมถึงวิ่งเก็บบอลอีกด้วยค่ะ เรียกง่ายๆ ก็เด็กเก็บบอลนั่นแหละค่ะ เราทำทุกอย่างเลยนะ จะเรียกเบ๊เลยก็ว่าได้ แต่สนุกมากกกกก... สนุกจริงๆๆ  โห....หน้าที่เราไม่ใช่ง่ายๆเลยนะคะ เพราะบอลที่เราวิ่งเก็บนั้น 30 ลูกเลยค่ะ วิ่งจนผอมอ่ะ. แต่ก็ยังอ้วนอยู่นะคะ  แต่การที่เราทำอย่างนี้มันก็ดีนะคะ เพราะทำให้เราได้ใกล้ชิดกับนักกีฬาและคนอื่นๆในทีมด้วย เพราะ อย่างที่เราเห็นในทีวี เราจะรู้จักเพียงแค่โค้ชกับนักกีฬาใช่ไหมคะ เราไม่รู้เลยว่ามีอีกหลายฝ่ายในทีมทั้ง พี่ผู้จัดการทีม พี่ที่คอยดูเกมส์ พี่หมอ และพี่นักกายภาพ ซึ่งเราเอง พอมาอยู่จุดนั้นแล้ว ก็เลยได้มีโอกาสพูดคุย และได้ทำความรู้จักกัน 

หลังจากที่นักกีฬา ซ้อมเสร็จ เราก็ต้องประสานกับรถ และตำรวจเพื่อที่จะเดินทางกลับโรงแรม. และยังต้องโทรไปแจ้งกับทางโรงแรมเรื่องเวลาที่นักกีฬาจะทานข้างอีก และยังไม่หมด ในการเดินทางหรือจะออกไปทำกิจกรรมอะไร เรายังต้องแจ้งให้กับทางสมาคมควอลเลย์บอลแห่งประเทศไทยทราบทุกครั้ง และเรายังต้องคอยเป็นคนจองห้องให้กับทีมเพื่อใช้ในการประชุม เรื่องเกมการแข่งขัน แต่หน้าที่เราก็จะยุ่งๆแค่ช่วงซ้อมและช่วงแข่งค่ะ จากนั้น ก็ว่างค่ะ นอนเล่นนั่งเล่นไปค่ะ 

ช่วงวันแรกๆเราก็จะเกร็งหน่อยค่ะ เพราะไม่รู้จักใครเลย พอนานๆไปเราก็สนิทกับพี่ๆทุกคนแล้ว รวมทั้งโค้ชด้วย ครูยะกับครูด่วน ทั้ง2ท่านนี้ใจดีกับเรามาก ตอนที่เรายังไม่กล้าคุยกับพี่ๆนักกีฬา โค้ชทั้ง2ท่านก็จะมาพูดคุยกับเรา หยอกล้อบ้าง ทำให้เราไม่ค่อยเกร็งเท่าไร และเมื่อถึงเวลาแข่ง โอ้โห...คือเราไม่เคยได้นั่งติดขอบสนามในการแข่งขันที่ใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลย เราสามารถไปได้ทุกส่วนของสนาม ทั้งในสนามและห้องพักนักกีฬา แต่กฎฃของเราคือ เราไม่มีสิทธิ์ที่จะเชียร์ทีมไหนได้เลย แม้แต่ทีมไทยเองก็ตาม เราต้องเป็นกลาง ช่วงเวลาแข่งเรากดดันมาก เพราะเราจะต้องนั่งอยู่หลังโค้ชและนักกีฬา บรรยากาศ ชวนให้เรากดดันยิ่งไปกันใหญ่ ในคู่ที่แข่งกับญี่ปุ่น ตอนที่แข่งจนถึงเซต 5 เราแทบจะเป็นลม หน้าซีดเหลืองเลย เราภาวนาในใจอยากให้ไทยชนะแต่เราแสดงออกไปไม่ได้ พี่ๆนักกีฬาดูเราออกว่าเรากดดันมาก แต่พี่ๆเขาไม่กดดันนะ พี่ๆก็จะผลัดกันมาพูดกับเรา ชวนเราให้เชียร์ให้เต้นกับพวกพี่ๆ ทำให้เราคลายเคลียดลง เรารู้สึกดีมากเลยค่ะที่ได้อยู่กับทีมไทย เพราะเป็นทีมที่ไม่ได้กดดันมาก ถึงแม้จะแพ้หรือชนะ พี่ๆนักกีฬาก็ไม่ได้เครียดอะไร รวมถึงโค้ชด้วย พอถึงเวลากลับพี่ๆก็จะขึ้นรถ ร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน 

และนี่แหละค่ะ ประสบการณ์ที่เราบอกว่าต่อให้มีเงินมากแค่ไหน คุณก็ซื้อมันมาไม่ได้ คุณต้องไปอยู่ในสถานการณ์นั้นเองค่ะถึงจะได้รู้ว่า มันดีแค่ไหน บางคนซื้อตั๋วไม่ทัน บางคนถึงขั้นไปพักโรงแรมเดียวกับนักกีฬาเพื่อที่จะรอเจอ แต่ไม่มีใครที่จะสามารถอยู่ติดขอบสนาม ได้เห็นทุกๆอย่างที่นักกีฬาได้ทำ ทั้งการฝึกซ้อม การร้องเพลง เต้นและหยอกล้อกันค่ะ

ปล1. เราแก้ไขกระทู้แล้วนะคะ พยายามเขียนให้ดีกว่าเดิมและถ้าพิมขาดหรือตกตรงไหนก็ขอโทษด้วยนะคะ ข้อมูลอาจจะให้ได้ไม่ครบถ้วนก็ขออภัยนะคะ ด้วยที่ว่ามันเยอะจริงๆและรายละเอียดบางอย่างก็ไม่สามารถเอามาเล่าได้ค่ะ

ปล2. กระทู้นี้เราอยากที่จะเขียนขึ้นมาเพื่อที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่กำลังค้นหาตัวเองว่าจริงๆแล้วเราชอบอะไร เราก็หวังว่าหลังจากเพื่อนๆอ่านจบแล้วคงจะได้อะไรจากประสบการณ์ของเรานะคะ 

ปล3. เรามีรูปที่ถ่ายกับพี่ๆนักกีฬาด้วยนะคะ ไม่รู้ว่าจะโพสต์ได้รึเปล่า ยังไงช่วยเมนต์บอกด้วยนะคะ

ปล4. แล้วเราจะมาเล่าประสบการณ์ล่ามต่างให้อ่านใหม่นะคะ ยังมีอีกเยอะเลยที่ยังไม่ได้เล่า 

*ข้อมูลอาจไม่ครบถ้วนนะคะ เพราะบางอย่างก็ไม่สามารถให้ข้อมูลได้นะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่