....มัชฌิมาปฏิปทา แปลว่า ทางสายกลาง ไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรที่เป็นความขัดแย้งกัน
หรือเห็นเป็นคนละอย่างกัน ท่านบอกว่าไม่ควรเข้าไปทำหรือเห็นในส่วนสุดอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น
คนหนึ่งจะเอา อีกคนหนึ่งไม่เอา หรือคนหนึ่งบอกว่าซื้อรถ แต่อีกคนหนึ่งบอกอยากซื้อเรือ เป็นต้น
ถ้าแบบนี้ท่านบอกว่าทางสายกลาง คือทางยุติปัญหา โดยทางสายกลางจะขึ้นต้นด้วยการใช้ปัญญา
ที่เรียกว่าสัมมาทิฏฐิ เป็นตัวตั้ง คือคำนึงถึงความถูกต้อง ชอบธรรม เลงเห็นผลได้ชัดเจน ว่า
มันเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข เพื่อความรู้ เพื่อความรัก เพื่อความเจริญ...
เหมือนกับที่เรารู้ว่าทำดี คิดดี ย่อมต้องได้ดี ย่อมเป็นความดี เป็นความสุข
ทำชั่ว คิดชั่ว ผลก็ย่อมออกมาชั่ว ออกมาไม่ดี เป็นความทุกข์
อย่างนี้เป็นต้น.....
ในทางพุทธศาสนาก็เหมือนกัน ไม่ว่าเรื่องอะไร ก็ต้องทางสายกลางเท่านั้น
ที่จะยุติปัญหาได้
เรื่อง อัตตา อนัตตาก็เช่นเดียวกัน อย่างผมก็ไม่ได้สุดโต่งอย่างนั้น ผมก็เห็นตามปกติของผมว่า
ขันธ์ ๕ หรือสังขารทั้งหลายไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา จริงตามนั้น....
และเห็นว่าสิ่งที่ที่มันไม่ใช่สังขาร ไม่ใช่ขันธ์ ๕ ได้แก่นิพพาน เที่ยง เป็นสุข เป็นอัตตา....
แถมไม่ได้สุดโต่งอย่างพวกท่านบางคนด้วยซ้ำไป ที่ไปยึดว่าธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา รวมทั้งนิพพานด้วย...
อันนี้แหละที่เรียกว่า สุดโต่ง เป็นมิจฉาทิฎฐิเห็น ๆ....
(((ก่อนจะแสดงความเห็นอะไรออกมา อ่านให้ดีๆ ให้เข้าใจก่อนเน้อ...)))
จะอู้หื้อ...
อ็ยตาย ; อกยายมาจะแตก คนพุทธในนี้ไม่รู้จักทางสายกลาง ?
หรือเห็นเป็นคนละอย่างกัน ท่านบอกว่าไม่ควรเข้าไปทำหรือเห็นในส่วนสุดอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น
คนหนึ่งจะเอา อีกคนหนึ่งไม่เอา หรือคนหนึ่งบอกว่าซื้อรถ แต่อีกคนหนึ่งบอกอยากซื้อเรือ เป็นต้น
ถ้าแบบนี้ท่านบอกว่าทางสายกลาง คือทางยุติปัญหา โดยทางสายกลางจะขึ้นต้นด้วยการใช้ปัญญา
ที่เรียกว่าสัมมาทิฏฐิ เป็นตัวตั้ง คือคำนึงถึงความถูกต้อง ชอบธรรม เลงเห็นผลได้ชัดเจน ว่า
มันเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข เพื่อความรู้ เพื่อความรัก เพื่อความเจริญ...
เหมือนกับที่เรารู้ว่าทำดี คิดดี ย่อมต้องได้ดี ย่อมเป็นความดี เป็นความสุข
ทำชั่ว คิดชั่ว ผลก็ย่อมออกมาชั่ว ออกมาไม่ดี เป็นความทุกข์
อย่างนี้เป็นต้น.....
ในทางพุทธศาสนาก็เหมือนกัน ไม่ว่าเรื่องอะไร ก็ต้องทางสายกลางเท่านั้น
ที่จะยุติปัญหาได้
เรื่อง อัตตา อนัตตาก็เช่นเดียวกัน อย่างผมก็ไม่ได้สุดโต่งอย่างนั้น ผมก็เห็นตามปกติของผมว่า
ขันธ์ ๕ หรือสังขารทั้งหลายไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา จริงตามนั้น....
และเห็นว่าสิ่งที่ที่มันไม่ใช่สังขาร ไม่ใช่ขันธ์ ๕ ได้แก่นิพพาน เที่ยง เป็นสุข เป็นอัตตา....
แถมไม่ได้สุดโต่งอย่างพวกท่านบางคนด้วยซ้ำไป ที่ไปยึดว่าธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา รวมทั้งนิพพานด้วย...
อันนี้แหละที่เรียกว่า สุดโต่ง เป็นมิจฉาทิฎฐิเห็น ๆ....
(((ก่อนจะแสดงความเห็นอะไรออกมา อ่านให้ดีๆ ให้เข้าใจก่อนเน้อ...)))
จะอู้หื้อ...