The World's End (2013)
Director:Edgar Wright



เนื้อเรื่อง/การนำเสนอ...5/5

    ตัวหนังเล่าเรื่องถึงชายผู้สูญเสียศรัทธาในชีวิต เขาล้มเหลว ไร้งาน ไร้คู่และยังติดเแอลกอฮอล์อย่างหนักจนต้องเข้ารับการบำบัด ซึ่งไอ้อาการติดเบียร์อย่างหนักนี่แหละที่มันจะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้
    แกรี่ คิง(Simon Pegg) ชายหนุ่มที่ผมได้เกริ่นไปข้างต้น มีความคิดที่จะทำสิ่งที่ตนเองทำค้างใว้เมื่อสมัยเป็นวัยรุ่น นั่นคือการเดินทางสู่เส้นทาง
สีอำพัน 12 ผับ 12 ไพน์ รอบเมือง Newton Haven โดยมีเหล่า(อดีด)เพื่อนสนิทสมัยวัยรุ่นอีก 5 คน ร่วมกันปฏิบัติภารกิจแห่งชีวิตนี้ด้วยกันเป็นครั้งสุดท้าย...แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ได้พบว่ามีสิ่งแปลกๆเกิดขึ้นในบ้านเกิดของเขาและมันอาจจะกระทบกับคนทั้งโลกก็เป็นได้!


เเผนที่เมือง Newton Haven

    คุณอาจกำลังสับสนเล็กๆ ว่าหนังเรื่องมันมีแก่นเนื้อเรื่องอยู่แค่นี้เองน่ะเหรอ? What the f*ck ซึ่งเอาเข้าจริงๆ จุดที่สำคัญที่สุดของเรื่องก็คือภารกิจของแกรี่กับเหล่าผองเพื่อนนี่ล่ะ โดยหนังจะค่อยๆเล่าเรื่องและบิ้วอารมณ์คนดูไปเรื่อยๆ จากตอนแรกที่มีมุกขำบ้างไม่ขำบ้างปนๆกันไป แต่พอหนังกำลังก้าวขาไปในประตูที่คนดูคิดว่า “กูกำลังดูอะไรอยู่วะ?” หนังกลับเปิดประตูอีกบานเเละก้าวเข้าไปโดยเเทบจะเป็นหนังคนละม้วนกับช่วงเเรก ซึ่งบอกเลย
เมื่อเราเข้าพาทที่แกรี่ฉะกับแก๊งวัยรุ่นในห้องน้ำ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเราก็แทบไม่ได้พักหายใจกับบทบู๊ที่โคตรเดือดในเรื่องนี้เลยล่ะครับ ถึงมันจะแปลกๆตรงสเกลพลังของเหล่าตัวเอกว่าพวกไปฝึกมวยเเละเอากำลังวังชามาจากไหนวะก็เถอะ แต่เพราะมันสนุกและลื่นไหลมาก กว่าจะรู้ตัวว่ามันแปลกๆ ก็จบเรื่องแล้วและมันยอดเยี่ยมมาก
    จากที่กล่าวมาข้างต้นหากคุณกำลังคิดว่าผมอวยเยอะๆเพราะหนังมันแค่บู๊สนุกเนี้ยนะ?
ผิดแล้วครับ หนังเรื่องนี้มีดีกว่านั้นเยอะ โดยเฉพาะช่วงท้ายที่เหล่าตัวเองทะเลาะกับเอเลี่ยน ซึ่งประเด็นที่ถกกันมันแอบแรงนะครับ ซึ่งมันทั้งเจ็บจี๊ดและเฉียบคมมาก คะแนนส่วนใหญ่ของเรื่องผมให้ตรงนี้เลยล่ะครับ




บท...4/5

    แก๊งเพื่อนตระเวนกินเบียร์ 12 ผับ 12 ไพน์รอบเมืองและดันเจอเอเลี่ยนที่แอบบงการโลกมาอย่างยาวนาน พวกเขาจะเอาตัวรอดยังไง...ให้ตายเหอะ แค่บทหนังก็กินขาดแล้ว พล็อตโคตรเด็ดขาดและผู้กำกับก็ไม่กลัวที่ใช้ฉากจบที่คุณคาดไม่ถึงเสียด้วย
    ข้อเสียของมันคือสเกลพลังและฟิสิกส์ในเรื่องนี่ล่ะ เอ้ย เอเลี่ยนถูกฉีกขาดง่ายซะ กุนึกว่านุ่น



นักแสดง...5/5

-Simon Pegg รับบท Gary King ซึ่งผมอวยมาหลายเรื่องแล้ว คงไม่ต้องบอกว่าพี่แกนั้นของจริงครับ ทั้งสามเรื่องของ cornetto trilogy , Simon ได้รับบทที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และเขาก็แสดงได้สมกับเป็นนักแสดงชั้นนำของโลกจริงๆครับ
-Nick Frost  รับบท Andy Knightley ผู้เงียบขรึม ไม่ได้มีให้เห็นมากนักในบทแบบนี้ และพี่แกก็ทำได้ดีครับ สลัดภาพงี่เง่าออกไปหมดจากหนังสองเรื่องที่ผ่านมา
    หนังยังได้นักแสดงดีๆมาสมทบอีกเพียบครับทั้ง Martin Freeman , Paddy Considine , Eddie Marsan  ซึ่งมีคาแรคเตอร์ที่แตกต่างและน่าจดจำทุกตัวละครครับผม



สรุป...4.5

เบียร์
มิตรภาพ
ชีวิต
อิสรภาพ
สนุกสนาน
คุณมองเห็นความเชื่อมโยงของคำเหล่านี้ไหมครับ ถ้าหากคุณมีคำถามว่ามันเกี่ยวอะไรกัน ผมก็อยากให้ลองไปหาหนังเรื่องนี้มาดูครับ เพราะนอกเหนือจากความสนุก ฉากบู๊ที่สุดยอด ฉากตลกที่ยิงมุกกันหน้าตายโฉ่งฉ่างมาก หนังยังมีคติสอนใจที่ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอิสระในการใช้ชีวิต หรือการก้าวผ่านอดีตและใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันให้ดีที่สุดถึงแม้มันจะขมขื่นก็ตาม..

ชอบไม่ชอบประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ เเละผมขอฝากเพจ https://www.facebook.com/KewlEntertain/ ใว้ในอ้อมใจด้วยครับผม