เรื่องสั้น ห้องใต้ดิน
แก้ไข
(เรื่องดังกล่าวมานี้ เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น ซึ่งฉันอยากจะเริ่มต้นก้าวแรกสู่การเป็นนักเขียน ถ้าผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้)
คุณเคยตื่นขึ้นมาเพราะความฝันที่น่ากลัวหรือเปล่า
ความฝัน...ที่คุณไม่สามารถที่จะควบคุมได้ บางครั้งคุณต้องปล่อยเลยไป
ให้ความฝันเป็นตัวกำหนดการกระทำของคุณ
ความฝันที่เรา....ทำไม่ได้แม้จะควบคุมตัวเองให้หยุด หรือบังคับให้ตัวคุณวิ่งหนีไป....เพื่อออกจากสถานการณ์อันเลวร้ายที่เกิดขึ้น....
แน่นอน!! ว่ามันเป็นเพียงแค่ฝันร้าย แต่ฝันร้ายครั้งนั้น แม้มันจะเป็นเพียงแค่ความฝัน แต่มันก็ทำให้ฉัน....ยากที่จะลืมมัน
และวันนี้ความฝันในครั้งนั้น มันก็กลับมาอีกครั้ง
กลับมาตอกยํ้าฝันอันเลวร้าย ในวัยที่ฉันเคยเผชิญเมื่ออายุเพียงแค่ 10 ขวบ ตอนนี้ฉันอายุ 23 ขวบแล้ว ฉันกำลังจะลบมันจากหัวไปได้หมด แต่ทำไม. มันถึงกลับมา!!
ฉันมีโรคประจำตัว คือโรคภูมิแพ้ แน่นอนว่ามันไม่ได้แย่สักเท่าไรนัก แต่มันก็สามารถสร้างความรำคาญให้กับใครหลายๆคน ที่ได้เป็นเจ้าของมัน มันทำให้ฉัน ไม่สามารถอาศัยอยู่ในตัวเมืองที่มีรถ และฝุ่นควันได้ แม่ของฉัน ต้องย้ายบ้าน พาฉันออกมาจากที่ห่างไกลจากสิ่งปฏิกูล และผู้คนมากมาย
แม่ได้ตกลงซื้อบ้านหลังเล็กๆหลังหนึ่ง เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ในชนบท ติดกับทุ่งนาและไร้ข้าวโพด ทุกๆวัน มันชั่งไร้วี่แววของคนที่ผ่านไปผ่านมาซะเหลือเกิน มันทำให้บ้านของเรารู้สึกโดดเดี่ยว แม้จะมีเส้นทางเดินรถอยู่ใกล้ๆบ้านเราบ้าง แต่ก็ดูเหมือนทุกคน พยายามหลีกเลี่ยงการสัญจรผ่านบ้านของเราไปซะหมด
แม่จะต้องออกไปทำงานในทุกๆเย็น กว่าจะกลับมาก็ราวๆ เที่ยงคืน เพราะแม่ของฉันต้องรอให้ลูกค้ากลับไปหมดร้านก่อน แม่ของฉันจึงจะสามารถลงมือ ทำความสะอาดร้านได้ แม้ว่าแม่จะทำงานเป็นแค่ลูกจ้าง ได้เงินเพียงน้อยนิด แต่มันก็ทำให้เรารู้สึกมีความสุข ขอเพียงแค่มีเรา 2 แม่ลูกได้อยู่ด้วยกัน ฉันก็ไม่เคยต้องการอะไรอีกเลย
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ฉันออกไปทำงาน และก็เลิกงานเพื่อกลับมาพักผ่อนในเวลา 4 โมงครึ่ง
ที่บ้านของฉันดูเงียบมาก ไม่มีวี่แววของแม่ เพราะแม่ก็คงจะออกไปทำงานเหมือนอย่างเคย ฉันทิ้งสัมภาระและนั่งลงที่โซฟา มุมห้องนั่งเล่น จากนั้น......ฉันก็เผลอหลับไป
ในขณะนั้นฉันก็ได้ฝันไปว่า....ฉันยืนอยู่ตัวคนเดียว บนบันได ทางขึ้นชั้น 2 ของบ้าน และอยู่ๆก็มีเสียงบางอย่าง ดังมาเข้าหูของฉัน มันเป็นเสียง เหมือนเหล็กอะไรสักอย่าง เสียดสีกันไปมา ดังอื้ออึงชวนรำคาญหูมาก ฉันตัดสินใจที่จะเดินตามหาเสียงนั้น เพราะนี่คือบ้านของฉัน ฉันจะต้องดูให้แน่ใจ ว่าไม่มีใคร....แอบเข้ามา..
ฉันเดินตรงไปที่ด้านบนชั้น 2 ของบ้าน ฉันแน่ใจว่าเสียงนั้น มันดังมาจากในห้องนอนของแม่ แต่พอฉันเปิดประตูเข้าไป ฉันกับไม่พบความผิดปกติใดๆ และแล้วเสียงนั้นก็ดังขึ้นมาอีก เหมือนกับว่ามันเคลื่อนที่ไปยังชั้นล่างของบ้าน ฉันจึงตัดสินใจเดินลงไปดู คราวนี้ เมื่อฉันเดินเข้าใกล้ห้องใต้ดินเข้าไปเรื่อยๆ เสียงนั้นมันยิ่งฟังชัดเจนขึ้น มันทำให้ฉันแน่ใจได้ว่า เสียงนั้นมันดังมาจากห้องใต้ดินอย่างแน่นอน ฉันได้ยินเสียงโลหะกำลังขูดกับพื้น ตามมาด้วยเสียงแหบๆของผู้หญิงวัยชรา ที่ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ราวกับว่า เขากำลังทุกทรมารณเป็นอย่างมาก พร้อมด้วยนํ้าเสียงอันแหบพร่าที่เหมือนกำลังพูดอย่างแผ่วเบาว่า "อย่า.......ไป......."
ขณะนั้นฉันรู้สึกกลัวมาก ฉันไม่อยากรับรู้มันเลย ว่าเจ้าของเสียงนั้น เป็นใคร. แต่ร่างกายของฉัน มันไม่ยอมทำตามคำสั่ง มือของฉันค่อยๆเอื้อมมือ ไปดันประตูอย่างช้าๆ เท้าของฉันก็ค่อยๆเคลื่อนที่สู่ห้องนั้นอย่างไม่ใยดีต่อใจของฉันเลย
เมื่อฉันเปิดประตูเข้าไปในห้องใต้ดิน ฉันเห็นในห้องนั้นเปิดไฟดวงสีส้มแสงสลัวๆในห้องเล็กๆ ที่มีแต่ไรฝุ่น และฉันก็เห็น หญิงชราคนหนึ่ง นั่งหันหลังให้ฉันอยู่บนรถเข็นโลหะ ที่ขาของหญิงชรามีโซ่ขนาดใหญ่ ล่ามขาเธอไว้กับเสาไม้ ดูเหมือนเธอจะพยายามลากร่างของเธอที่นั่งอยู่บนรถเข็นออกไปยังช่องลม รูเล็กๆ ที่เอาไว้ระบายอากาศภายในห้อง ท่าทางของเธอคล้ายกับคนไม่สมประกอบ ข้อมือผลิกกลับหน้ากลับหลัง หัวโล้น เสื้อผ้าขาดๆ ฉันจึงรวบรวมสติ แล้วถามเธอไปว่า "ใคร....เข้ามาได้ยังไง" ทันใดนั้นเอง หญิงชราจึงค่อยๆหมุนรถเข็นหันหน้ามามองที่ฉันอย่าง...และแล้วภาพที่เห็นมันก็ทำให้ฉันถึงกับสติแตก เมื่อหญิงชราคนนั้น ได้หันมาประชันหน้ากับฉัน ปากของเธออ้ากว้างจนถึงหัวไหล่ ราวกับโดนฉีกขากรรไกร เลือดไหลเปื้อนเต็มเสื้อผ้า...ฉันตกใจสุดขีด!!!
ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยเหงื่อที่เต็มใบหน้า และก็ต้องแปลกใจ เมื่อตอนนี้ฉันมานอนที่บันใด ทางขึ้นชั้น 2 ของบ้าน ฉันมึน งง กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่นานนัก เมื่ออยู่ๆ ฉันก็ได้ยินเสียงโลหะ กำลังขูดกับอะไรสักอย่าง เสียงนั้น ฉันจำในได้ดี มันเป็นเสียงเหมือนกับที่ฉันได้ฝันไปเมื่อครู่นั่นเอง เสียงนั้นดังมาจากชั้นล่าง ในห้องใต้ดิน!! ฉันกลัวกับการเผชิญหน้าเหตุการณ์นั้นมาก แต่...ฉันก็ไม่มีทางเลือกมากนัก เพราะว่านี่ เป็นบ้านของฉัน ฉันจะต้องไปดู!
ฉันตัดสินใจเดินไปยังห้องใต้ดิน ด้ายความกลัวว่าจะเจอกับเหตุการณ์ที่เคยฝัน ฉันจึงเดินไปหยิบแจกันโลหะขนาดกลางมา 1 ใบ เพราะหวังว่ามันก็ยังใช้เป็นอาวุธป้องกันตัวได้อยู่พอตัว ฉันค่อยๆเดินไปแต่พอจะเอื้อมมือไปเปิดประตู ฉันก็ได้ยินเสียง เหมือนมีผู้ชายราว 3 คนกำลังพูดกันอย่างแผ่วเบาว่า "เอ้ย! งัดได้ไหม เหล็กนี่มันแข็งจังว่ะ" เมื่อฉันได้ยิน ฉันก็รับรู้ได้ทันที ว่ามีผู้บุกรุกที่เข้ามายังห้องใต้ดินของบ้านฉัน ผ่านประตูที่สองที่เชื่อมระหว่างห้องใต้ดินกับโรงจอดรถ ฉันไม่รอช้า ฉันจึงตัดสินใจค่อยๆย่องไปหยิบมือถือที่โซฟาในห้องนั่งเล่น เพื่อโทรแจ้งตำรวจในทันที ในขณะรอเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่คนนึง ได้บอกกับฉันว่าให้หนีออกจากบ้านหลังนั้นเพื่อเอาตัวรอดก่อน ฉันจึงค่อยๆเดินออกมายังนอกบ้าน
และแล้วเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ได้มาถึง ฉันได้บอกให้ตำรวจ แบ่งกองกำลังออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายแรกจะเข้าประตูจากในบ้าน อีกฝ่ายจะเข้าทางโรงรถ ไปยังห้องใต้ดินอีกฝั่ง เพื่อให้สามารถกักตัวคนร้ายได้ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปถึงห้องใต้ดิน ตำรวจก็สามารถ จับตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คนได้ ทั้งหมดเป็นชาย อายุ 30 ปี 1 ราย 25 ปี 1 ราย และอายุ 18 ปี 1 ราย คนร้ายทั้ง 3 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปพบ พวกเขากำลังตกอยู่ในอาการไร้สติ ปากพรํ่าเพ้อ พูดถึงแต่หญิงชราบนรถเข็น.......
ความฝันครั้งนั้นมันได้กลับมาหลอกหลอนฉันเป็นครั้งที่ 2 แม้ว่าครั้งนี้มันจะทำให้ฉันรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ก่อนที่ฉันจะตกเป็นเยื่อของคนร้ายก็ตาม
ซึ่งครั้งแรก...ที่ฉันฝันถึงมัน ก็เป็นวันเดียวกัน กับวันที่ฉันได้เสียพ่อของฉันไป......ทุกๆวัน....ทุกคืนๆ ฉันก็ได้แต่เฝ้าถามตัวเองเสมอว่า....สิ่งที่ปลุกฉันในคืนนั้น คือเสียงงัดประตูของจอมโจร.....หรือว่าหญิงชรา ในความฝัน......กันแน่
ห้องใต้ดิน
แก้ไข
(เรื่องดังกล่าวมานี้ เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น ซึ่งฉันอยากจะเริ่มต้นก้าวแรกสู่การเป็นนักเขียน ถ้าผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้)
คุณเคยตื่นขึ้นมาเพราะความฝันที่น่ากลัวหรือเปล่า
ความฝัน...ที่คุณไม่สามารถที่จะควบคุมได้ บางครั้งคุณต้องปล่อยเลยไป
ให้ความฝันเป็นตัวกำหนดการกระทำของคุณ
ความฝันที่เรา....ทำไม่ได้แม้จะควบคุมตัวเองให้หยุด หรือบังคับให้ตัวคุณวิ่งหนีไป....เพื่อออกจากสถานการณ์อันเลวร้ายที่เกิดขึ้น....
แน่นอน!! ว่ามันเป็นเพียงแค่ฝันร้าย แต่ฝันร้ายครั้งนั้น แม้มันจะเป็นเพียงแค่ความฝัน แต่มันก็ทำให้ฉัน....ยากที่จะลืมมัน
และวันนี้ความฝันในครั้งนั้น มันก็กลับมาอีกครั้ง
กลับมาตอกยํ้าฝันอันเลวร้าย ในวัยที่ฉันเคยเผชิญเมื่ออายุเพียงแค่ 10 ขวบ ตอนนี้ฉันอายุ 23 ขวบแล้ว ฉันกำลังจะลบมันจากหัวไปได้หมด แต่ทำไม. มันถึงกลับมา!!
ฉันมีโรคประจำตัว คือโรคภูมิแพ้ แน่นอนว่ามันไม่ได้แย่สักเท่าไรนัก แต่มันก็สามารถสร้างความรำคาญให้กับใครหลายๆคน ที่ได้เป็นเจ้าของมัน มันทำให้ฉัน ไม่สามารถอาศัยอยู่ในตัวเมืองที่มีรถ และฝุ่นควันได้ แม่ของฉัน ต้องย้ายบ้าน พาฉันออกมาจากที่ห่างไกลจากสิ่งปฏิกูล และผู้คนมากมาย
แม่ได้ตกลงซื้อบ้านหลังเล็กๆหลังหนึ่ง เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ในชนบท ติดกับทุ่งนาและไร้ข้าวโพด ทุกๆวัน มันชั่งไร้วี่แววของคนที่ผ่านไปผ่านมาซะเหลือเกิน มันทำให้บ้านของเรารู้สึกโดดเดี่ยว แม้จะมีเส้นทางเดินรถอยู่ใกล้ๆบ้านเราบ้าง แต่ก็ดูเหมือนทุกคน พยายามหลีกเลี่ยงการสัญจรผ่านบ้านของเราไปซะหมด
แม่จะต้องออกไปทำงานในทุกๆเย็น กว่าจะกลับมาก็ราวๆ เที่ยงคืน เพราะแม่ของฉันต้องรอให้ลูกค้ากลับไปหมดร้านก่อน แม่ของฉันจึงจะสามารถลงมือ ทำความสะอาดร้านได้ แม้ว่าแม่จะทำงานเป็นแค่ลูกจ้าง ได้เงินเพียงน้อยนิด แต่มันก็ทำให้เรารู้สึกมีความสุข ขอเพียงแค่มีเรา 2 แม่ลูกได้อยู่ด้วยกัน ฉันก็ไม่เคยต้องการอะไรอีกเลย
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ฉันออกไปทำงาน และก็เลิกงานเพื่อกลับมาพักผ่อนในเวลา 4 โมงครึ่ง
ที่บ้านของฉันดูเงียบมาก ไม่มีวี่แววของแม่ เพราะแม่ก็คงจะออกไปทำงานเหมือนอย่างเคย ฉันทิ้งสัมภาระและนั่งลงที่โซฟา มุมห้องนั่งเล่น จากนั้น......ฉันก็เผลอหลับไป
ในขณะนั้นฉันก็ได้ฝันไปว่า....ฉันยืนอยู่ตัวคนเดียว บนบันได ทางขึ้นชั้น 2 ของบ้าน และอยู่ๆก็มีเสียงบางอย่าง ดังมาเข้าหูของฉัน มันเป็นเสียง เหมือนเหล็กอะไรสักอย่าง เสียดสีกันไปมา ดังอื้ออึงชวนรำคาญหูมาก ฉันตัดสินใจที่จะเดินตามหาเสียงนั้น เพราะนี่คือบ้านของฉัน ฉันจะต้องดูให้แน่ใจ ว่าไม่มีใคร....แอบเข้ามา..
ฉันเดินตรงไปที่ด้านบนชั้น 2 ของบ้าน ฉันแน่ใจว่าเสียงนั้น มันดังมาจากในห้องนอนของแม่ แต่พอฉันเปิดประตูเข้าไป ฉันกับไม่พบความผิดปกติใดๆ และแล้วเสียงนั้นก็ดังขึ้นมาอีก เหมือนกับว่ามันเคลื่อนที่ไปยังชั้นล่างของบ้าน ฉันจึงตัดสินใจเดินลงไปดู คราวนี้ เมื่อฉันเดินเข้าใกล้ห้องใต้ดินเข้าไปเรื่อยๆ เสียงนั้นมันยิ่งฟังชัดเจนขึ้น มันทำให้ฉันแน่ใจได้ว่า เสียงนั้นมันดังมาจากห้องใต้ดินอย่างแน่นอน ฉันได้ยินเสียงโลหะกำลังขูดกับพื้น ตามมาด้วยเสียงแหบๆของผู้หญิงวัยชรา ที่ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ราวกับว่า เขากำลังทุกทรมารณเป็นอย่างมาก พร้อมด้วยนํ้าเสียงอันแหบพร่าที่เหมือนกำลังพูดอย่างแผ่วเบาว่า "อย่า.......ไป......."
ขณะนั้นฉันรู้สึกกลัวมาก ฉันไม่อยากรับรู้มันเลย ว่าเจ้าของเสียงนั้น เป็นใคร. แต่ร่างกายของฉัน มันไม่ยอมทำตามคำสั่ง มือของฉันค่อยๆเอื้อมมือ ไปดันประตูอย่างช้าๆ เท้าของฉันก็ค่อยๆเคลื่อนที่สู่ห้องนั้นอย่างไม่ใยดีต่อใจของฉันเลย
เมื่อฉันเปิดประตูเข้าไปในห้องใต้ดิน ฉันเห็นในห้องนั้นเปิดไฟดวงสีส้มแสงสลัวๆในห้องเล็กๆ ที่มีแต่ไรฝุ่น และฉันก็เห็น หญิงชราคนหนึ่ง นั่งหันหลังให้ฉันอยู่บนรถเข็นโลหะ ที่ขาของหญิงชรามีโซ่ขนาดใหญ่ ล่ามขาเธอไว้กับเสาไม้ ดูเหมือนเธอจะพยายามลากร่างของเธอที่นั่งอยู่บนรถเข็นออกไปยังช่องลม รูเล็กๆ ที่เอาไว้ระบายอากาศภายในห้อง ท่าทางของเธอคล้ายกับคนไม่สมประกอบ ข้อมือผลิกกลับหน้ากลับหลัง หัวโล้น เสื้อผ้าขาดๆ ฉันจึงรวบรวมสติ แล้วถามเธอไปว่า "ใคร....เข้ามาได้ยังไง" ทันใดนั้นเอง หญิงชราจึงค่อยๆหมุนรถเข็นหันหน้ามามองที่ฉันอย่าง...และแล้วภาพที่เห็นมันก็ทำให้ฉันถึงกับสติแตก เมื่อหญิงชราคนนั้น ได้หันมาประชันหน้ากับฉัน ปากของเธออ้ากว้างจนถึงหัวไหล่ ราวกับโดนฉีกขากรรไกร เลือดไหลเปื้อนเต็มเสื้อผ้า...ฉันตกใจสุดขีด!!!
ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยเหงื่อที่เต็มใบหน้า และก็ต้องแปลกใจ เมื่อตอนนี้ฉันมานอนที่บันใด ทางขึ้นชั้น 2 ของบ้าน ฉันมึน งง กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่นานนัก เมื่ออยู่ๆ ฉันก็ได้ยินเสียงโลหะ กำลังขูดกับอะไรสักอย่าง เสียงนั้น ฉันจำในได้ดี มันเป็นเสียงเหมือนกับที่ฉันได้ฝันไปเมื่อครู่นั่นเอง เสียงนั้นดังมาจากชั้นล่าง ในห้องใต้ดิน!! ฉันกลัวกับการเผชิญหน้าเหตุการณ์นั้นมาก แต่...ฉันก็ไม่มีทางเลือกมากนัก เพราะว่านี่ เป็นบ้านของฉัน ฉันจะต้องไปดู!
ฉันตัดสินใจเดินไปยังห้องใต้ดิน ด้ายความกลัวว่าจะเจอกับเหตุการณ์ที่เคยฝัน ฉันจึงเดินไปหยิบแจกันโลหะขนาดกลางมา 1 ใบ เพราะหวังว่ามันก็ยังใช้เป็นอาวุธป้องกันตัวได้อยู่พอตัว ฉันค่อยๆเดินไปแต่พอจะเอื้อมมือไปเปิดประตู ฉันก็ได้ยินเสียง เหมือนมีผู้ชายราว 3 คนกำลังพูดกันอย่างแผ่วเบาว่า "เอ้ย! งัดได้ไหม เหล็กนี่มันแข็งจังว่ะ" เมื่อฉันได้ยิน ฉันก็รับรู้ได้ทันที ว่ามีผู้บุกรุกที่เข้ามายังห้องใต้ดินของบ้านฉัน ผ่านประตูที่สองที่เชื่อมระหว่างห้องใต้ดินกับโรงจอดรถ ฉันไม่รอช้า ฉันจึงตัดสินใจค่อยๆย่องไปหยิบมือถือที่โซฟาในห้องนั่งเล่น เพื่อโทรแจ้งตำรวจในทันที ในขณะรอเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่คนนึง ได้บอกกับฉันว่าให้หนีออกจากบ้านหลังนั้นเพื่อเอาตัวรอดก่อน ฉันจึงค่อยๆเดินออกมายังนอกบ้าน
และแล้วเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ได้มาถึง ฉันได้บอกให้ตำรวจ แบ่งกองกำลังออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายแรกจะเข้าประตูจากในบ้าน อีกฝ่ายจะเข้าทางโรงรถ ไปยังห้องใต้ดินอีกฝั่ง เพื่อให้สามารถกักตัวคนร้ายได้ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปถึงห้องใต้ดิน ตำรวจก็สามารถ จับตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คนได้ ทั้งหมดเป็นชาย อายุ 30 ปี 1 ราย 25 ปี 1 ราย และอายุ 18 ปี 1 ราย คนร้ายทั้ง 3 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปพบ พวกเขากำลังตกอยู่ในอาการไร้สติ ปากพรํ่าเพ้อ พูดถึงแต่หญิงชราบนรถเข็น.......
ความฝันครั้งนั้นมันได้กลับมาหลอกหลอนฉันเป็นครั้งที่ 2 แม้ว่าครั้งนี้มันจะทำให้ฉันรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ก่อนที่ฉันจะตกเป็นเยื่อของคนร้ายก็ตาม
ซึ่งครั้งแรก...ที่ฉันฝันถึงมัน ก็เป็นวันเดียวกัน กับวันที่ฉันได้เสียพ่อของฉันไป......ทุกๆวัน....ทุกคืนๆ ฉันก็ได้แต่เฝ้าถามตัวเองเสมอว่า....สิ่งที่ปลุกฉันในคืนนั้น คือเสียงงัดประตูของจอมโจร.....หรือว่าหญิงชรา ในความฝัน......กันแน่