คือว่าคิดอยู่นานว่าจะเปิดประเด็นหัวข้อนี้ดีหรือป่าว เพราะว่าการผิดคำพูดนั้น จขกท เจอมาหลายรอบละในที่สุดคิดว่าเป็นอุทาหรณ์ให้ใครหลายๆคนที่เคยพลาดนะคะ ถึงจะแก้ไขไม่ได้ในอดีต แต่อนาคตส่งผลต่อชีวิตคุณไม่มาก้อน้อยในการขอความช่วยเหลือกันในอนาคต เพราะเราบอก
เหตุการณ์ที่ 1
เรื่องมีอยู่ว่า
เราซึ่งเป็นคนหนึ่งที่มีประสบการณ์หลายครั้งที่เพื่อน ญาต และผู้ใหญ่บางคน ได้เคยรับปากไว้แล้วไม่ทำตามคำพูด เช่น ไม่มาตามนัดบ้างแล้วไม่โทรบอกบ้างละ ยืมเงินไปแล้วไม่คืนบ้างละ ไม่รักษาสัญญาบ้างละ พูดแล้วไม่เป็นคำพูดบ้างละ
ที่เราโดนนี่2-3 รอบ ค่อนข้างที่จะจำคนพวกนี้จนตายคือว่า เรากับสามีต่างชาติได้จัดงานแต่งงานกันที่ ตปท และจัดงานที่ไทยด้วยซึ่งเป็นโรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยางาน งานแต่งที่ ตปท ผ่านไปได้ด้วยดีโดยเราใช้ website นี้ทั้ง 2 งาน ถ้าเรามีอีเมลของผู้ถูกเชิญก้อส่งได้ทางอีเมลหรือส่งผ่านทางข้อความเฟสบุคเพื่อสอบถามว่า”คุณ” จะไปร่วมงานหรือไม่ถ้าไป งานเช้าหรืองานเย็น สามาถเลือได้อย่างไดอย่างนึง เราส่ง invitation ไปให้ทาง website เชิญทั้งเพื่อนสมัยมัธยม มหาลัย เพื่อนที่ทำงานเก่า ที่ทำงานใหม่และเพื่อนสมัยเรียน ป.โท ปรากฎว่า ทั้งเพื่อนและผู้ใหญ่ที่เชิญไปตกลงว่ามากันหมด งานเช้าจองที่ศาลาริมน้ำเจ้าพระยา ราคาต่อหัว 9xx บาท งานเย็นจองไว้เป็น buffet dinner cruissซึ่งเป็นเรือเหมาลำประมาณ 100คน ค่าหัวต่อคนราคา 2,500 บาทแต่ปรากฎว่าทางเว็บส่งมาบอกว่า งานเช้า 70คนซึ่งเราประมาณไว้ว่า 50คน งานเย็น 120 คน นี่รวมผู้ติดตามเช่น สามี ภรรยา ถ้ามีคนเพิ่มขอให้แจ้งเช่น ลูกxx เป็นต้น เราก้อต้องแจ้งกับฝ่ายจัดงานของโรงแรมว่าเราต้องการเพิ่มงานเช้า 20คน งานเย็น 20 คน ทางโรงแรมก้อได้เพิ่มอาหารและเครื่องดื่ม
พอวันงานมาถึง มีแขกมาร่วมงาน 30 คน รวมญาตและเพื่อนเจ้าบ่าว-สาว แล้ว อี 40คนหาย???
งานเย็นมีแขกมาร่วมงานประมาณ 75 คน อี 45 คนหาย???
อาหารทั้งเช้าและเย็นเหลือเพียบ!!!
-พอโทรถามบอกว่าเราติดธุระ
-บางคนโทรมาถามว่าขอเอาแม่กับน้องชายไปด้วยได้ไหมทั้งๆที่”มัน”ก้อจะพามาทั้งลูกทั้งผัว เราก้อให้เหตุผลไปว่าเราให้โควต้าแกไปแล้วหัวละ 2,500บาท ที่เราต้องจ่าย แล้วอีกอย่างถ้าให้แกได้คนอื่นก้อต้องได้เหมือนกัน แล้วมันก้อบอกว่าจะมาแน่นอน แต่แล้วก้อหายเงียบ
-บางคน ผัวหรือเมียมาหาก้อหายเงียบ
-ผู้ใหญ่บางคนที่รับปากไว้ก้อหายเงียบ
คนพวกนี้ที่หาย ไม่มีแม้แต่โทรศัพท์มาบอกซักคำหรือจะโทรมาอ้างเหตุผลโง่ๆอะไรก้อได้แต่ไม่มี และหลังงานแต่งก้อไม่มีโทรมาขอโทษหรือส่งเมสเสจมาบอก!!!
จขกท ลืมบอก งานแต่เรา เราประกาศในเฟสบุคว่า
“ถึง เพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่จะมาร่วมงานแต่งวันเสาร์นี้นะคะ ขอบคุณมากนะคะที่สละเวลามา และถึงเผื่อคนที่กำลังหาของขวัญมาร่วมงานถ้าหาไม่ได้ไม่เป็นไรนะคะ ใส่ซองมาได้คะ เพราะเราอยากจะให้ทุกคนทำบุญร่วมกันคะ รายได้ทั้งหมดจากทุกคนโดยไม่ได้หักค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นจะมอบให้คุณบิณฑ์ บัณลือฤทธิ์ ไปช่วยเหลือคนป่วยที่ตกทุกได้ยากนะคะ แล้วคุณบิณฑ์จะมารับด้วยตัวเองในวันอาทิตย์ตอนเช้า วันที่ 30 ก.ค 60 ส่วนใครที่มาไม่ได้แต่อยากร่วมทำบุญ Inbox มานะคะ
อยากให้ทุกคนมีความสุขโดยการทำบุญร่วมกันคะ”
และของชำร่วยตกชุดละ 950 ทั้งหมด 100 ชุด รวมแล้ว จ่ายไปเยอะพอสมควร สามีถามเราว่าทำไมเพื่อนเธอที่เป็นคนไทยไม่รักษาคำพูด ในโลกของเค้า เค้าเป็นคนแบบนี้หรอ แล้วเค้าอยู่ได้ยังไงเมื่อเป็นคนไม่รักษาสัจจะ จุก!! เจอคำพูดแบบี้เข้าไปเราจุกมาก!! เราหาข้อแก้ตัวอะไรแทนไม่ได้เลย เราเข้าใจนะเพราะทุกอย่างเราเป็นคนจ่ายและเสียไปเกือบแสนเพื่อคนไม่รักษาคำพูด ถ้าโทรมาบอกเราสักคำว่า วัวตายควายล้มหมาป่วยจะไม่ว่าสักคำ เรา unfollow เพื่อนบางคนที่ไม่รักษาคำพูด อันนี้ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญมากและมีผลต่อความรู้สึกมาก
เหตุการณ์ที่ 2
เราได้ฝึกงานที่โรงแรม 5 ดาวแถวๆราชประสงค์ ได้ฝึกงานวน 5 แผนก 5 เดือน ทีนี้ทุกแผนกซึ่งเราให้ความสำคัญสนิทสนมด้วยพอสมควร พอใกล้ฝึกเสร็จอาทิตย์สุดท้าย เราได้เชิญเพื่อนร่วมงานทุกแผนกไปงาน thank you dinner แถวราชเทวี โดยเราคาดว่าน่าจะมีคนมาประมาณ 30 คนในวันจันทร์ เพื่อที่จะกล่าวขอบคุณและถ่ายรูปกันไว้เป็นที่ระลึกกัน ปรากฎว่า มีมาแค่ 6 คน 2 คนในนั้นคือ เด็กที่ฝึกงานด้วยกัน แค่นั้น?? แล้วคนที่รับปากคือหาย?? ไม่เว้นแม้แต่ผู้ใหญ่ หัวหน้างาน หาย?? ทางร้านนั่งมองประมาณว่า ไหนละ 30คน?? หรือว่าเราพลาดที่ไปคาดหวังกับคนพวกนี้ ทั้งที่รับปากกันอย่างดิบดี เฮ้อ... เจ็บแล้วไม่จำก้อต้องโดนอย่างนี้แหละ
เหตุการณ์ที่ 3
แถวบ้านแม่เรา คือรู้จักกันดีว่าบ้านนี้นะมีผัวต่างชาติบ้านจะต้องรวย มีอันจะกิน ยืมนิดยืมหน่อย ไม่เป็นไรหรอก
เราโดนยืมเงินโดยคนที่ขายกาแฟหน้าปากซอย โดยที่เค้าจะเอาไปปล่อยดอกให้คนในตลาดได้ยืมกัน โดยเก็บดอกเบี้ยร้อยละ 20 ในแถบนั้นเค้าบอกว่าเค้าจะให้เราดอกร้อยละ 5 บาท ซึ่งเราก้อเอาแค่นั้น งวดแรกเอา ไป 3 หมื่น งวด 2 หมื่นห้า งวด 3 ห้าพัน รวมแล้ว 5 หมื่น แต่

ไม่คืนไง พอทวงให้มาแค่ พันนึง และห้าร้อย 4 รอบ รวมทั้งหมด 3 พัน ที่ได้คืนมาในระยะเวลา 3 เดือน โดยอ้างว่าคนนั้นยังไม่ให้ คนนี้ยังไปเก็บแล้วไม่ได้ จนเราต้องไปถามว่าคนนั้นมาเก็บจริงป่าว ปรากฎว่าความแตก คือ ไม่มีใครมากู้นาง มีแต่นางเที่ยวไปยืมชาวบ้านเค้า เราก้อเลยมาด้วยตัวเอง นางก้อสัญญาว่าจะให้วันนั้น วันนี้ ผัดไปเรื่อยๆๆ จนแม่ออกมาทวงเองก้อไม่ได้ แต่คุณรู้ไหมว่าเวรกรรมมีจริง เค้าอ้างว่าไปหาหมอที่ศิริราชแล้วหมอเปลี่ยนยาตัวใหม่ให้แล้วแพ้ ทำให้หน้า คอ ลำตัวดำเหมือนถูกไฟไหม้ เค้าต้องเอาน้ำแข็งมาลูบเนื้อลูบตัวตลอดเวลาเพราะมันร้อน จนครั้งสุดท้ายเข้าไปคุยก่อนที่ร้านเขาจะโดนยึดเพราะไม่มีจ่ายค่าเช่าที่ เราบอกว่าเราไม่ยกให้นะขอให้กรรมตามทันไวๆแล้วกัน แล้วเค้าก้อโดนยึดร้านอาทิตย์ต่อมา
เหตุการณ์ที่ 4
มีน้องแถวบ้าน ครอบครัวนางรับจ้างติดตั้งแอร์ แล้วนางก้อมีครอบครัวซึ่งเมื่อก่อนเราค่อนข้างสนิทกันมาก เรารู้จักทั้งครอบครัวตั้งแต่ก่อนนางแต่งงานจยนางมีลูกคนที่ 2 เราเคยช่วยนางเรื่องเงินเล็กๆน้อยๆ เคยยืม พันนึง ห้าร้อย แล้วเราให้ผัวนางมาดูมาซ่อมของที่บ้านโดยไม่เคยหักที่ยืมไป เราจ่ายค่าของกับค่าแรงเต็มที่ทุกครั้ง แต่ทุกครั้งเราขอให้มาช่วยแม่เราบ้าง(แม่เราอยู่บ้านคนเดียวกับหมา 1 ตัวส่วนเราอยู่กับสามีที่ ตปท) โดยโทรหาแบบบ่ายเบี่ยงทุกครั้ง บอกว่าจะมาหลังเลิกงานบ้าง ก้อไม่มา เดวจะมาให้วันเสาร์-อาทิตย์บ้าง ก้อไม่มา เราก้อทนไม่ไหวเลยโทรไปต่อว่าโดยใช้คำพูดหนักแต่ไม่แรงเท่าไหร่ จนเมียต้องโทรไปด่าผัวนั่นแหละถึงมาทำให้ได้ ยืมไปพันนึงยังไม่คืน ผัวมายืม 500 เราก้อเลยบอกเราไม่มีให้ เราก้อต้องใช้( มีแหละแต่ไม่อยากให้ กฎของเราว่าถ้าของเก่าไม่คืนของใหม่ก้อไม่ให้ยืม) จนเมียต้องส่งรูปว่าลูกไม่สบาย จะพาลูกไปหาหมอ นางบอกว่า ”หนูยืมพี่มาเท่าไหร่ เดวคืนให้หมดเลยสิ้นเดือน แต่ตอนนี้ขอยืมเงินพาลูกไปหาหมอหน่อย” เราก้อเลยบอกว่า “งั้นเอาไปแหละ 500 รวมกับของเก่าพี่ไม่เอาคืนหรอกถือว่าให้ลูกแล้วกัน แต่ว่า รอบหน้าให้อ้อนวอนเป็นสายเลือดพี่ก้อไม่ให้นะ เพราะนัดมาหลายรอบแล้วก้อไม่ให้ ตามผัวมาทำงานให้พี่ก้อให้โดยไม่หักคอ ตามยากตามเย็น เห็นนั่งตั้งวงกินเหล้าทุกวัน ตัวเองก้อขายเบอร์ทอง มีทองใส่ยังมาเดือนร้อนชาวบ้าน เห็นกินหมูกะทะบ่อย ลงเฟสว่าไปนู่นนี่บ่อย พี่ไม่ว่านะแต่เอาเรื่องลูกมาอ้างว่าไม่มีตังพาไปหาหมอนี่เกินไปหน่อย ตัดพี่ออกสาระบบเลย ไม่ช่วยแล้ว” เราก้อเลยโอนไปให้ 500 แล้วเราก้อตัดนางออกจากสารบบไปเรียบร้อย
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การให้ความสำคัญกับคนอื่นมากเกินไปเราจะยิ่งเจ็บกับตัวเอง
การผิดคำพูด
เหตุการณ์ที่ 1
เรื่องมีอยู่ว่า
เราซึ่งเป็นคนหนึ่งที่มีประสบการณ์หลายครั้งที่เพื่อน ญาต และผู้ใหญ่บางคน ได้เคยรับปากไว้แล้วไม่ทำตามคำพูด เช่น ไม่มาตามนัดบ้างแล้วไม่โทรบอกบ้างละ ยืมเงินไปแล้วไม่คืนบ้างละ ไม่รักษาสัญญาบ้างละ พูดแล้วไม่เป็นคำพูดบ้างละ
ที่เราโดนนี่2-3 รอบ ค่อนข้างที่จะจำคนพวกนี้จนตายคือว่า เรากับสามีต่างชาติได้จัดงานแต่งงานกันที่ ตปท และจัดงานที่ไทยด้วยซึ่งเป็นโรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยางาน งานแต่งที่ ตปท ผ่านไปได้ด้วยดีโดยเราใช้ website นี้ทั้ง 2 งาน ถ้าเรามีอีเมลของผู้ถูกเชิญก้อส่งได้ทางอีเมลหรือส่งผ่านทางข้อความเฟสบุคเพื่อสอบถามว่า”คุณ” จะไปร่วมงานหรือไม่ถ้าไป งานเช้าหรืองานเย็น สามาถเลือได้อย่างไดอย่างนึง เราส่ง invitation ไปให้ทาง website เชิญทั้งเพื่อนสมัยมัธยม มหาลัย เพื่อนที่ทำงานเก่า ที่ทำงานใหม่และเพื่อนสมัยเรียน ป.โท ปรากฎว่า ทั้งเพื่อนและผู้ใหญ่ที่เชิญไปตกลงว่ามากันหมด งานเช้าจองที่ศาลาริมน้ำเจ้าพระยา ราคาต่อหัว 9xx บาท งานเย็นจองไว้เป็น buffet dinner cruissซึ่งเป็นเรือเหมาลำประมาณ 100คน ค่าหัวต่อคนราคา 2,500 บาทแต่ปรากฎว่าทางเว็บส่งมาบอกว่า งานเช้า 70คนซึ่งเราประมาณไว้ว่า 50คน งานเย็น 120 คน นี่รวมผู้ติดตามเช่น สามี ภรรยา ถ้ามีคนเพิ่มขอให้แจ้งเช่น ลูกxx เป็นต้น เราก้อต้องแจ้งกับฝ่ายจัดงานของโรงแรมว่าเราต้องการเพิ่มงานเช้า 20คน งานเย็น 20 คน ทางโรงแรมก้อได้เพิ่มอาหารและเครื่องดื่ม
พอวันงานมาถึง มีแขกมาร่วมงาน 30 คน รวมญาตและเพื่อนเจ้าบ่าว-สาว แล้ว อี 40คนหาย???
งานเย็นมีแขกมาร่วมงานประมาณ 75 คน อี 45 คนหาย???
อาหารทั้งเช้าและเย็นเหลือเพียบ!!!
-พอโทรถามบอกว่าเราติดธุระ
-บางคนโทรมาถามว่าขอเอาแม่กับน้องชายไปด้วยได้ไหมทั้งๆที่”มัน”ก้อจะพามาทั้งลูกทั้งผัว เราก้อให้เหตุผลไปว่าเราให้โควต้าแกไปแล้วหัวละ 2,500บาท ที่เราต้องจ่าย แล้วอีกอย่างถ้าให้แกได้คนอื่นก้อต้องได้เหมือนกัน แล้วมันก้อบอกว่าจะมาแน่นอน แต่แล้วก้อหายเงียบ
-บางคน ผัวหรือเมียมาหาก้อหายเงียบ
-ผู้ใหญ่บางคนที่รับปากไว้ก้อหายเงียบ
คนพวกนี้ที่หาย ไม่มีแม้แต่โทรศัพท์มาบอกซักคำหรือจะโทรมาอ้างเหตุผลโง่ๆอะไรก้อได้แต่ไม่มี และหลังงานแต่งก้อไม่มีโทรมาขอโทษหรือส่งเมสเสจมาบอก!!!
จขกท ลืมบอก งานแต่เรา เราประกาศในเฟสบุคว่า
“ถึง เพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่จะมาร่วมงานแต่งวันเสาร์นี้นะคะ ขอบคุณมากนะคะที่สละเวลามา และถึงเผื่อคนที่กำลังหาของขวัญมาร่วมงานถ้าหาไม่ได้ไม่เป็นไรนะคะ ใส่ซองมาได้คะ เพราะเราอยากจะให้ทุกคนทำบุญร่วมกันคะ รายได้ทั้งหมดจากทุกคนโดยไม่ได้หักค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นจะมอบให้คุณบิณฑ์ บัณลือฤทธิ์ ไปช่วยเหลือคนป่วยที่ตกทุกได้ยากนะคะ แล้วคุณบิณฑ์จะมารับด้วยตัวเองในวันอาทิตย์ตอนเช้า วันที่ 30 ก.ค 60 ส่วนใครที่มาไม่ได้แต่อยากร่วมทำบุญ Inbox มานะคะ
อยากให้ทุกคนมีความสุขโดยการทำบุญร่วมกันคะ”
และของชำร่วยตกชุดละ 950 ทั้งหมด 100 ชุด รวมแล้ว จ่ายไปเยอะพอสมควร สามีถามเราว่าทำไมเพื่อนเธอที่เป็นคนไทยไม่รักษาคำพูด ในโลกของเค้า เค้าเป็นคนแบบนี้หรอ แล้วเค้าอยู่ได้ยังไงเมื่อเป็นคนไม่รักษาสัจจะ จุก!! เจอคำพูดแบบี้เข้าไปเราจุกมาก!! เราหาข้อแก้ตัวอะไรแทนไม่ได้เลย เราเข้าใจนะเพราะทุกอย่างเราเป็นคนจ่ายและเสียไปเกือบแสนเพื่อคนไม่รักษาคำพูด ถ้าโทรมาบอกเราสักคำว่า วัวตายควายล้มหมาป่วยจะไม่ว่าสักคำ เรา unfollow เพื่อนบางคนที่ไม่รักษาคำพูด อันนี้ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญมากและมีผลต่อความรู้สึกมาก
เหตุการณ์ที่ 2
เราได้ฝึกงานที่โรงแรม 5 ดาวแถวๆราชประสงค์ ได้ฝึกงานวน 5 แผนก 5 เดือน ทีนี้ทุกแผนกซึ่งเราให้ความสำคัญสนิทสนมด้วยพอสมควร พอใกล้ฝึกเสร็จอาทิตย์สุดท้าย เราได้เชิญเพื่อนร่วมงานทุกแผนกไปงาน thank you dinner แถวราชเทวี โดยเราคาดว่าน่าจะมีคนมาประมาณ 30 คนในวันจันทร์ เพื่อที่จะกล่าวขอบคุณและถ่ายรูปกันไว้เป็นที่ระลึกกัน ปรากฎว่า มีมาแค่ 6 คน 2 คนในนั้นคือ เด็กที่ฝึกงานด้วยกัน แค่นั้น?? แล้วคนที่รับปากคือหาย?? ไม่เว้นแม้แต่ผู้ใหญ่ หัวหน้างาน หาย?? ทางร้านนั่งมองประมาณว่า ไหนละ 30คน?? หรือว่าเราพลาดที่ไปคาดหวังกับคนพวกนี้ ทั้งที่รับปากกันอย่างดิบดี เฮ้อ... เจ็บแล้วไม่จำก้อต้องโดนอย่างนี้แหละ
เหตุการณ์ที่ 3
แถวบ้านแม่เรา คือรู้จักกันดีว่าบ้านนี้นะมีผัวต่างชาติบ้านจะต้องรวย มีอันจะกิน ยืมนิดยืมหน่อย ไม่เป็นไรหรอก
เราโดนยืมเงินโดยคนที่ขายกาแฟหน้าปากซอย โดยที่เค้าจะเอาไปปล่อยดอกให้คนในตลาดได้ยืมกัน โดยเก็บดอกเบี้ยร้อยละ 20 ในแถบนั้นเค้าบอกว่าเค้าจะให้เราดอกร้อยละ 5 บาท ซึ่งเราก้อเอาแค่นั้น งวดแรกเอา ไป 3 หมื่น งวด 2 หมื่นห้า งวด 3 ห้าพัน รวมแล้ว 5 หมื่น แต่
เหตุการณ์ที่ 4
มีน้องแถวบ้าน ครอบครัวนางรับจ้างติดตั้งแอร์ แล้วนางก้อมีครอบครัวซึ่งเมื่อก่อนเราค่อนข้างสนิทกันมาก เรารู้จักทั้งครอบครัวตั้งแต่ก่อนนางแต่งงานจยนางมีลูกคนที่ 2 เราเคยช่วยนางเรื่องเงินเล็กๆน้อยๆ เคยยืม พันนึง ห้าร้อย แล้วเราให้ผัวนางมาดูมาซ่อมของที่บ้านโดยไม่เคยหักที่ยืมไป เราจ่ายค่าของกับค่าแรงเต็มที่ทุกครั้ง แต่ทุกครั้งเราขอให้มาช่วยแม่เราบ้าง(แม่เราอยู่บ้านคนเดียวกับหมา 1 ตัวส่วนเราอยู่กับสามีที่ ตปท) โดยโทรหาแบบบ่ายเบี่ยงทุกครั้ง บอกว่าจะมาหลังเลิกงานบ้าง ก้อไม่มา เดวจะมาให้วันเสาร์-อาทิตย์บ้าง ก้อไม่มา เราก้อทนไม่ไหวเลยโทรไปต่อว่าโดยใช้คำพูดหนักแต่ไม่แรงเท่าไหร่ จนเมียต้องโทรไปด่าผัวนั่นแหละถึงมาทำให้ได้ ยืมไปพันนึงยังไม่คืน ผัวมายืม 500 เราก้อเลยบอกเราไม่มีให้ เราก้อต้องใช้( มีแหละแต่ไม่อยากให้ กฎของเราว่าถ้าของเก่าไม่คืนของใหม่ก้อไม่ให้ยืม) จนเมียต้องส่งรูปว่าลูกไม่สบาย จะพาลูกไปหาหมอ นางบอกว่า ”หนูยืมพี่มาเท่าไหร่ เดวคืนให้หมดเลยสิ้นเดือน แต่ตอนนี้ขอยืมเงินพาลูกไปหาหมอหน่อย” เราก้อเลยบอกว่า “งั้นเอาไปแหละ 500 รวมกับของเก่าพี่ไม่เอาคืนหรอกถือว่าให้ลูกแล้วกัน แต่ว่า รอบหน้าให้อ้อนวอนเป็นสายเลือดพี่ก้อไม่ให้นะ เพราะนัดมาหลายรอบแล้วก้อไม่ให้ ตามผัวมาทำงานให้พี่ก้อให้โดยไม่หักคอ ตามยากตามเย็น เห็นนั่งตั้งวงกินเหล้าทุกวัน ตัวเองก้อขายเบอร์ทอง มีทองใส่ยังมาเดือนร้อนชาวบ้าน เห็นกินหมูกะทะบ่อย ลงเฟสว่าไปนู่นนี่บ่อย พี่ไม่ว่านะแต่เอาเรื่องลูกมาอ้างว่าไม่มีตังพาไปหาหมอนี่เกินไปหน่อย ตัดพี่ออกสาระบบเลย ไม่ช่วยแล้ว” เราก้อเลยโอนไปให้ 500 แล้วเราก้อตัดนางออกจากสารบบไปเรียบร้อย
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การให้ความสำคัญกับคนอื่นมากเกินไปเราจะยิ่งเจ็บกับตัวเอง