ปกติ หงส์เวลาเจอทีมใหญ่ สามารถเพรสได้ 90 นาที โดยไม่หมดแรงรึป่าวครับ

ผมเป็นแฟนไก่นะครับ  เกมที่ผ่านมา ดูจากที่ครึ่งแรกผีเพรสใส่ไก่ตลอด
ทำให้ครึ่งแรก  รูปเกมไก่สู้ผีไม่ได้เลย  เพียงแต่ผีไม่คมกันเอง  ไก่เลยรอดไปได้
พอมาครึ่งหลัง  ผีน่าจะหมดแรง  ไม่เพรสเหมือนในครึ่งแรก  ทำให้ไก่เล่นได้ง่ายขึ้น
หลังเบรคทีมชาติ  ไก่จะโคจรมาเจอกับหงส์  ถ้าโดนหงส์เพรสใส่ตลอด 90 นาที
คงไม่ใช่งานง่ายๆแน่   ที่ไก่จะต้านทานแนวรุกหงส์อยู่
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 23
ว่ากันตามจริงแล้ว ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าจะเพรสได้เต็มเวลาหรือไม่หรอกครับ

แต่มันอยู่ที่
1. เพรสไล่ให้คู่แข่งจนมุมได้หรือไม่?
ปีก่อนมีหลายเกมที่ลิเวอร์พูสสู้ยาก ซึ่งสเปอร์เองก็เป็นหนึ่งในนั้น เหตุผลก็เพราะบี้เอาบอลไม่ได้ บีบให้เขากดดันเสียบอลก็ยาก
ชัดเจนสุดคือนัดชิง UCL ที่กดแผงกลางมาดริดไม่อยู่เลย สุดท้ายจะไม่ใช่แค่ผลาญแรง แต่ยังทำให้คู่แข่งมีพื้นที่บุกใส่ด้วย

2. ได้บอลมาแล้วหนีกับดักเพรสซิ่งได้ไหม
นี่เป็นอีกปัญหาที่หลายทีมเจอกัน อาเซน่อล ยูไนเต็ด ลิเวอร์พูลบ่นคือกันครับเวลาถูกบีบใส่

ปัญหานี้ถ้าสะสางได้ จะทำให้ทีมเก็บบอลได้นานขึ้น
ซึ่งถ้าทีมเก็บบอลได้นานขึ้นก็หมายถึงมีโอกาสปั้นเกมบุกมากขึ้น แต่ไม่ต้องไปเสียแรงกับการไล่เพรสคู่แข่งบ่อย ๆ

จึงไม่น่าแปลกที่คล็อปป์จะเฟ้นหานักเตะที่เก็บ+ไปกับบอลได้ เอาชนะแรงกดดันเพรสซิ่ง หรือชนได้ เช่น ฟานไดจ์ เกอิต้า อลิซอน (เล็งเฟคีร์) ซึ่งเป็นนักเตะประเภทเอาไว้ปะทะกับดักเพรสซิ่งเลยครับ


จากนี้ไปผมว่าแท็กติคเพรสซิ่งจะขึ้นกับทรงเกมมากกว่า ไม่เพรสตลอดเมื่อ 1-2 ปีแรกที่คล็อปป์คุมแล้ว
และในทางกับกันปีนี้จะมีโอกาสได้เห็นลิเวอร์พูลลงไปรับต่ำมากกว่า และใช้การสวนกลับจากฟากสนามตัวเองมากตามไปด้วยครับ

เว้นแต่ไปเจอทีมที่สู้แบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ คือจะบุกก็บุกไม่สุด จะรับก็รับไม่สุด กลางไม่ค่อยปึ้ก
เจอทีมแบบนี้ล่ะครับคล็อปป์สั่งเพรสเอาตายแน่ ๆ

แต่ถ้าเจอทีมเชิงสูงน่าจะเน้นการเพรสเป็นบางจุดมากกว่า
ยิ่งถ้าสกอร์นำแล้วอาจจะดึงเกมรอสวนกลับเน้นผลเอา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่