ขุนพันธ์ 2 (ก้องเกียรติ โขมศิริ, 2018) คะแนน C+
By Form Corleone
"คาแรคเตอร์ตัวละครในเรื่องโดดเด่นน่าจดจำ แต่ตัวหนังยังไม่น่าจดจำ" ถ้าเปรียบเทียบงานกับภาคแรกแล้วนั้น ‘ขุนพันธ์ 2’ มีพัฒนาการที่ดีกว่าภาคแรกในหลายๆส่วนด้วยกัน ทั้งตัวละครที่มีมากขึ้นแต่สามารถสร้างคาแรกเตอร์ได้น่าสนใจ+น่าจดจำ พร้อมทั้งยังส่งมอบแง่คิดที่ไม่ตื้นเขินจนเกินไป ย่อยง่ายตรงประเด็น สื่อสารได้ตรงไปตรงมา ทีมงามแคสติ้งนักแสดงได้สมบทบาท และนักแสดงที่รับบทล้วนมีเสน่ห์กันทุกคน ทำให้ความโดดเด่นของขุนพันธ์ภาคนี้สำหรับเรา คือเหล่านักแสดงผู้รับบทเป็นเสือต่างๆ ซึ่งอาจจะดูโดดเด่นกว่าตัวขุนพันธ์ด้วยซ้ำไป เพราะมิติของหนังในภาคนี้คือการพาเราไปเข้าใจตัวละครโจร อาทิ เสือฝ้าย, เสือใบ มากกว่าตัว ขุนพันธ์ เองด้วยซ้ำ เราจึงมองเห็นมิติหลายๆฝั่งทั้งตำรวจ โจร สลับกันไปตลอดทั้งเรื่อง แนวความคิดที่หนังเลือกหยิบมาเป็นแกนหลักสามารถผลักดันให้หนังเดินต่อไปข้างหน้าได้ แต่ข้อเสียคือตัวหนังมีตำหนิเยอะมากในส่วนของบทภาพยนตร์เพราะเลือกที่จะหยิบจับประเด็นมากเกินไป จนขาดความไหลลื่นและไม่สามารถชักจูงให้ประเด็นต่างๆที่เล่ามาทั้งหมดสร้างความประทับใจได้ในช่วงท้าย รวมไปถึงตรรกะความสมเหตุสมผลในส่วนของไดอะล็อกที่ยังขาดๆเกินๆเหมือนกับภาคแรก งานตัดต่อสลับฉากไม่เนียนตาแต่ดูดีขึ้นกว่าภาคแรกมาเล็กน้อย ฉากแอคชั่นทำได้ดียกเว้นการใส่ CG ที่บางสถานการณ์ไม่จำเป็นต้องใส่เข้ามาก็ได้ เพราะมันดูหลอกตาเกินความจำเป็น แถมยังพาให้เราโฟกัสผิดจุด แทนที่จะโฟกัสตัวละครให้ดูเท่ห์กลับกลายเป็นความไม่น่าดูอย่างน่าเสียดาย
และแม้ว่า 'ขุนพันธ์ 2' จะมีตำหนิให้เห็นมากมายในเรื่อง แต่ตัวหนังเองคงยังตอบสนองความสนุกสนานได้ตลอดระยะเวลา 130 นาที ซึ่งเกินคาดด้วยเวลายาวนานแต่ไม่รู้สึกว่าเริ่มเบื่อมากนัก ประกอบด้วยเนื้อหาที่เข้มข้นมากกว่าเดิม จนทำให้ 'ขุนพันธ์' น่าจะเป็นหนังไทยสไตล์ฮีโร่ที่ดีที่สุดในยุคสมัยนี้ (หรือมันมีหนังไทยสไตล์นี้แค่เรื่องเดียว) มีงานโปรดักชั่นที่ดีระดับหนังไทย มีฉากแอคชั่นที่เวอร์วังตอบโจทย์ความบันเทิงได้ไม่น้อยเกินไป เรื่องราวที่แฝงแง่คิดคุณธรรมจับต้องได้สไตล์ไทยแท้ ตัวละครแต่ละตัวมีความคิดมีเหตุผลรองรับในการกระทำที่ชวนตั้งคำถามและคิดต่อ นักแสดงมีเสน่ห์และตัวละครมีคาแรกเตอร์โดดเด่น แม้ว่าน้ำหนักในการจัดวางเส้นเรื่องและบทภาพยนตร์จะไม่ดีก็ตาม ท้ายสุด ผลงานภาพยนตร์ไทยเรื่องนี้น่าจะได้ไปต่อและน่าดูชมว่าจะพัฒนาตัวเองไปได้ไกลจากภาคแรกมากแค่ไหน เพราะภาคสองทำได้ดีกว่าภาคแรกอยู่พอสมควร ถึงจะดูพยายามเกินไปจนไม่มีความเป็นธรรมชาติอยู่ก็ตาม ถึงกระนั้นก็ยังดูเหมือนเริ่มจะจับแนวทางของตัวเองได้ดีขึ้น ประกอบกับเรื่องราวของขุนพันธ์ที่มีให้หยิบมาแต่งเติมนำเสนอได้อีกมากมาย พร้อมกับเสือที่เป็นตำนานในเมืองไทยยังมีอีกเยอะเพื่อรอต่อกรกับขุนพันธ์เวอร์ชั่นฮีโร่ เป็นผลงานภาพยนตร์ไทยที่น่าสนับสนุนต่อไป...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/ 
Review: ขุนพันธ์ 2 (ก้องเกียรติ โขมศิริ, 2018) รีวิวโดย Form Corleone
By Form Corleone
"คาแรคเตอร์ตัวละครในเรื่องโดดเด่นน่าจดจำ แต่ตัวหนังยังไม่น่าจดจำ" ถ้าเปรียบเทียบงานกับภาคแรกแล้วนั้น ‘ขุนพันธ์ 2’ มีพัฒนาการที่ดีกว่าภาคแรกในหลายๆส่วนด้วยกัน ทั้งตัวละครที่มีมากขึ้นแต่สามารถสร้างคาแรกเตอร์ได้น่าสนใจ+น่าจดจำ พร้อมทั้งยังส่งมอบแง่คิดที่ไม่ตื้นเขินจนเกินไป ย่อยง่ายตรงประเด็น สื่อสารได้ตรงไปตรงมา ทีมงามแคสติ้งนักแสดงได้สมบทบาท และนักแสดงที่รับบทล้วนมีเสน่ห์กันทุกคน ทำให้ความโดดเด่นของขุนพันธ์ภาคนี้สำหรับเรา คือเหล่านักแสดงผู้รับบทเป็นเสือต่างๆ ซึ่งอาจจะดูโดดเด่นกว่าตัวขุนพันธ์ด้วยซ้ำไป เพราะมิติของหนังในภาคนี้คือการพาเราไปเข้าใจตัวละครโจร อาทิ เสือฝ้าย, เสือใบ มากกว่าตัว ขุนพันธ์ เองด้วยซ้ำ เราจึงมองเห็นมิติหลายๆฝั่งทั้งตำรวจ โจร สลับกันไปตลอดทั้งเรื่อง แนวความคิดที่หนังเลือกหยิบมาเป็นแกนหลักสามารถผลักดันให้หนังเดินต่อไปข้างหน้าได้ แต่ข้อเสียคือตัวหนังมีตำหนิเยอะมากในส่วนของบทภาพยนตร์เพราะเลือกที่จะหยิบจับประเด็นมากเกินไป จนขาดความไหลลื่นและไม่สามารถชักจูงให้ประเด็นต่างๆที่เล่ามาทั้งหมดสร้างความประทับใจได้ในช่วงท้าย รวมไปถึงตรรกะความสมเหตุสมผลในส่วนของไดอะล็อกที่ยังขาดๆเกินๆเหมือนกับภาคแรก งานตัดต่อสลับฉากไม่เนียนตาแต่ดูดีขึ้นกว่าภาคแรกมาเล็กน้อย ฉากแอคชั่นทำได้ดียกเว้นการใส่ CG ที่บางสถานการณ์ไม่จำเป็นต้องใส่เข้ามาก็ได้ เพราะมันดูหลอกตาเกินความจำเป็น แถมยังพาให้เราโฟกัสผิดจุด แทนที่จะโฟกัสตัวละครให้ดูเท่ห์กลับกลายเป็นความไม่น่าดูอย่างน่าเสียดาย
และแม้ว่า 'ขุนพันธ์ 2' จะมีตำหนิให้เห็นมากมายในเรื่อง แต่ตัวหนังเองคงยังตอบสนองความสนุกสนานได้ตลอดระยะเวลา 130 นาที ซึ่งเกินคาดด้วยเวลายาวนานแต่ไม่รู้สึกว่าเริ่มเบื่อมากนัก ประกอบด้วยเนื้อหาที่เข้มข้นมากกว่าเดิม จนทำให้ 'ขุนพันธ์' น่าจะเป็นหนังไทยสไตล์ฮีโร่ที่ดีที่สุดในยุคสมัยนี้ (หรือมันมีหนังไทยสไตล์นี้แค่เรื่องเดียว) มีงานโปรดักชั่นที่ดีระดับหนังไทย มีฉากแอคชั่นที่เวอร์วังตอบโจทย์ความบันเทิงได้ไม่น้อยเกินไป เรื่องราวที่แฝงแง่คิดคุณธรรมจับต้องได้สไตล์ไทยแท้ ตัวละครแต่ละตัวมีความคิดมีเหตุผลรองรับในการกระทำที่ชวนตั้งคำถามและคิดต่อ นักแสดงมีเสน่ห์และตัวละครมีคาแรกเตอร์โดดเด่น แม้ว่าน้ำหนักในการจัดวางเส้นเรื่องและบทภาพยนตร์จะไม่ดีก็ตาม ท้ายสุด ผลงานภาพยนตร์ไทยเรื่องนี้น่าจะได้ไปต่อและน่าดูชมว่าจะพัฒนาตัวเองไปได้ไกลจากภาคแรกมากแค่ไหน เพราะภาคสองทำได้ดีกว่าภาคแรกอยู่พอสมควร ถึงจะดูพยายามเกินไปจนไม่มีความเป็นธรรมชาติอยู่ก็ตาม ถึงกระนั้นก็ยังดูเหมือนเริ่มจะจับแนวทางของตัวเองได้ดีขึ้น ประกอบกับเรื่องราวของขุนพันธ์ที่มีให้หยิบมาแต่งเติมนำเสนอได้อีกมากมาย พร้อมกับเสือที่เป็นตำนานในเมืองไทยยังมีอีกเยอะเพื่อรอต่อกรกับขุนพันธ์เวอร์ชั่นฮีโร่ เป็นผลงานภาพยนตร์ไทยที่น่าสนับสนุนต่อไป...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/