บทความนี้เขียนโดย : Aekkaphop Chakkrawanphaisan
เรียบเรียงและจัดทำโดย: Mighty mo
ผมแค่นำมาลง Pantip เท่านั้นโดยได้ทำการขออนุญาติจากเจ้าของบทความแล้ว
รถถัง ตั้งแต่ปี1945หลังจากที่เยอรมันพ่ายแพ้สงครามต่อฝ่ายสัมพันธมิตร ความขัดแย้งระหว่างสหภาพโซเวียต และ สหรัฐอเมริกาก็ได้เริ่มขึ้นจากการแย่งชิงประเทศเยอรมันจนถูกแบ่งเป็นเยอรมันตะวันออกและเยอรมันตะวันตก ตั้งแต่นั้นมาสหภาพโซเวียตและสหรัฐอเมริกาก็กลายเป็นคู่แข่งกันมาโดยตลอดจนกระทั่งสหภาพโซเวียตได้ล่มสหลายการแข่งขันด้านเทคโนโลยีก็ยังคงดาเนินต่อไประหว่าง รัสเซียและสหรัฐอเมริกา M-60 VS T-72, M1A2 VS T-90 จนกระทั่งสหรัฐอเมริกาได้เปิดตัว M1A2 SEP V.3 ออกมาทางรัสเซียจึงไม่น้อยหน้าออกรถถังใหม่ที่มีชื่อว่า T-14 Armata
T-14 Armata (ภาษารัสเซีย T-14 «Армата» ชื่อในโรงงานผลิต “Obyekt 148”) คือรถถังหลักรุ่นถัดไปหรือ Next Generation โดยอิงพื้นฐานมาจาก Armata Universal Combat Platform ถูกผลิตขึ้นเป็นชุดแรก ซึ่งเดิมทีทางกองทัพรัสเซียมีแผนที่จะสั่งซื้อ T-14 จานวน 2,300 คันในช่วงปี 2015 – 2020
T-14 ชุดแรกจำนวน 100 คันจะถูกนำไปประจาการในหน่วย Taman Division (2nd Guards Motor Rifle "Tamanskaya" Division named after M.I. Kalinin) คาดว่าน่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2020 และจะถูกส่งมอบหลังจากทำการทดสอบทั้งหมดเสร็จสิ้น
T-14 มีความแปลกใหม่ที่สำคัญที่สุดคือป้อมปืนไร้พลขับ พลประจำรถทั้งสามนาย (ผู้บัญชาการ, พลขับและพลยิง) จะนั่งอยู่ในแคปซูลหุ้มเกราะด้านหน้าของตัวถัง ซึ่งได้รับการพัฒนามาตลอด 5 ปี
Armata เป็นรถถังใหม่ที่ดีไซน์ใหม่ทั้งหมด เป็นตัวแทนแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของบรรดายานหุ้มเกราะโจมตี ในค่ายรัสเซียที่เคยมีการสร้างออกมา นับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1960 และ 1970 ด้วยขนาดที่ใหญ่กว่ารถถังตระกูล T-72 ทำให้ T-14 มีขนาดที่ใกล้เคียงกับ Leopard 2A7 ของเยอรมนี
จุดเด่นทางเทคโนโลยีอันสำคัญของ T-14 คือป้อมปืนที่หมุนรอบตัวชี้ปลายกระบอกปืนใหญ่เข้าหาเป้าหมายเองแบบอัตโนมัติ ใช้ระบบการป้อนกระสุนอัตโนมัติ และผู้บังคับนั่งบัญชาการอย่างปลอดภัยอยู่ในห้องแบบแคปซูลหุ้มเกราะแน่นหนาอยู่ทางด้านหน้าของรถถัง แยกออกไปจากห้องเก็บกระสุนปืนใหญ่ จรวด และวัตถุระเบิดต่าง ๆ
ความเร็วต้นและความแรงที่ปากกระบอกปืน (Muzzle Velocity/Energy) ของปืน 125 มม.รุ่นใหม่ของ T-14 วัดค่าได้สูงกว่าของปืน 120 มม.โดยบริษัท Rheinmetall ที่ติดตั้งในรถถัง Leopard 2 ของเยอรมนี และในรถถัง TK-X รุ่นแรก ๆ ของญี่ปุ่นด้วย นอกจากนั้นก็ยังพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่งโดยการติดเครื่องยนต์ขุมพลังใหม่ กลายเป็นรถถังหลักวิ่งได้เร็วที่สุดในโลกในขณะนี้
T-14 ยังหุ้มด้วยเกราะรุ่นแบบใหม่ทั้งแบบ Active และ Reactive ด้านนอกส่วนท้ายติดตั้งเกราะตะแกรงรุ่นใหม่ รับมือการโจมตีด้วยเครื่องยิงระเบิด RPG หรือจรวดขนาดเล็กทั่วไป ติดปืนใหญ่ขนาด 30 มม. อัตโนมัติที่สามารถยิงอากาศยานไร้การควบคุมที่บินระยะต่ำา ยิงเฮลิคอปเตอร์โจมตี รวมทั้ง
เครื่องบินข้าศึกได้ และยังมีปืนกลยิงเร็วอัตโนมัติ 12.5 มม. อีกกระบอกหนึ่งติดบนป้อมปืน สาหรับยิงทำลายจรวดหรือกระสุนของข้าศึกที่ยิงเข้าใส่
ระบบควบคุมการยิงของ T-14 ล้วนควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ ซึ่งทาให้ปืนใหญ่ 125 มม. ที่ใช้อยู่ในรุ่นปัจจุบันมีระยะหวังผลถึง 5,000 เมตร และมีขีดความสามารถโจมตีเป้าหมายที่อยู่ไกลออกไปถึง 8,000 เมตร ความเร็วต้นกระสุนชนิด APFSDS คือ 1,980 เมตรต่อวินาที
พลประจำรถทั้งสามนายจะอยู่ในตัวรถถังด้านหน้าทั้งหมด ไม่ประจำอยู่ในป้อม โดยพลขับจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ พลยิงอยู่ตรงกลาง ส่วนผู้บัญชาการจะประจำอยู่ทางฝั่งขวามือ ระบบควบคุมภายในเกือบทั้งหมดเป็นแบบดิจิทัล

ภาพ: ระบบต่างๆที่ถูกติดตั้งไว้บนป้อมของ T-14 Armata
ที่มา :
http://tapnewswire.com/2016/11/uk-military-shocked-by-russias-armata-revolutionary-tank/

ภาพ: รายละเอียดของT-14ที่มีการวางแผนไว้
ที่มา :
https://www.youtube.com/watch?v=htBlFRFF7ec
[อาวุธยุทธภัณฑ์]
อาวุธหลัก ของ T-14 คือปืนใหญ่ลำกล้องเรียบขนาด 125 มม. 2A82-1M ซึ่งแทนที่ปืนใหญ่รุ่น 2A46 ของรัสเซียและโซเวียตก่อนหน้านี้ พลังงานปากกระบอกของปืน 2A82-1M ใหญ่กว่า Rheinmetall 120 mm ของเยอรมนีซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นปืนใหญ่ที่ดีที่สุดในโลก ปืนใหญ่ขนาด 125 มม.มีความแม่นยาดีขึ้น 15 - 20% และมีการกระจายการยิงเพิ่มขึ้น 1.7 เท่าและไม่มีเครื่องดูดควัน (เนื่องจากภายในป้อมไม่มีพลประจารถ) อัตราการยิง 10 – 12 นัดต่อนาที ฝั่งซ้ายมีช่องถ่ายเทอากาศสาหรับเขม่าจากกระสุนและจรวด ATGM ปืนใหญ่ 2A82-1M สามารถยิงกระสุน APFSDS, มิสไซล์นาวิถี, Shaped-Charge และกระสุนชนิดอื่น ๆ ได้ กระสุน Vacuum-1 ถูกพัฒนาขึ้นสาหรับปืนใหญ่ 2A82-1M มีแกนเจาะเกราะ 900 มม. ซึ่งอ้างว่าสามารถทะลวงเกราะที่เทียบเท่า RHA 1 เมตรในระยะทาง 2 กิโลเมตรได้ กระสุน HE-Freg “Telnik” ซึ่งมีระบบควบคุมการระเบิดรุ่นใหม่ก็ได้รับเข้าประจาการ อีกทั้งยังมีความสามารถในการยิงขีปนาวุธนาวิถีอย่าง 9M119M1 Invar-M ที่มีผลตั้งแต่ 100 เมตรถึง 5 กิโลเมตร และใช้ยิงใส่เป้าหมายทางอากาศต่ำอย่างเฮลิคอปเตอร์ได้อีกด้วย อันเป็นคุณลักษณะแรกที่นำมาใช้กับรถถังของโซเวียตในทศวรรษที่ 1960 โดยมีการพัฒนา 3UBK21 Sprinter ATGM ขึ้น ซึ่งมิสไซล์ดังกล่าวมีไว้ใช้สาหรับการป้องกันทางอากาศและ ATGM ที่มีระยะหวังผลสูงสุดถึง 8 กิโลเมตร

ความแตกต่างระหว่างปืนใหญ่ลำกล้องเรียบแบบ 2A46M และ 2A82
ที่มา :
https://www.quora.com/Whats-the-analysis-on-the-Russian-T-14-Armata-tank-How-does-it-compare-with-western-tanks-like-the-M-1-Abrams-Leopard-2-and-Challenger-2-It-seems-very-light-compared-with-current-generation-MBTs
Optical Sensor มีระยะการตรวจจับไกลถึง 5 กิโลเมตรในช่วงเวลากลางวัน สาหรับเป้าหมายที่มีขนาดเท่ารถถังหรือยานเกราะทั่วไป และอย่างน้อยราว 3.5 กิโลเมตรในช่วงเวลากลางคืนด้วยกล้องสร้างภาพความร้อน (Thermal Imaging Channel) กล้องเล็งของพลยิงมีการซูมด้วย Optical Channel ในระดับ 4x และ 12x ส่วนเครื่องวัดระยะด้วยเลเซอร์ ในทางทฤษฎีแล้วสามารถทาได้สูงสุดถึง 7.5 กิโลเมตร นอกเหนือจากนี้ยังมีการลดระดับระบบที่สามซึ่งสามารถทาการยิงได้ในขณะที่ตัวรถกาลังเคลื่อนที่ และพลประจำรถสามารถใช้กล้องความละเอียดสูงที่หมุนได้รอบ 360 องศา
อาวุธรอง เป็นปืนกลขนาด 12.7 มม. Kord (GRAU index 6P49) จำนวน 300 นัด (ไม่พบในขบวนพาเหรดวันแห่งชัยชนะ) และปืนกลขนาด 7.62 มม. Pecheneg PKP (GRAU Index 6P41) หรือปืนกล PKTM (6P7K) จำนวน 1,000 นัด ซึ่งใช้ระบบรีโมทคอนโทรลในการควบคุม และมีการจัดเก็บกระสุนแยกไว้ต่างหากจำนวน 1,000 นัด ปืนกลขนาด 12.7 มม. ติดตั้งเหนือกล้องเล็งของผู้บัญชาการซึ่งอยู่บนหลังคาป้อมเพื่อไม่ให้กีดขวางทัศนวิสัย ในขณะที่ด้านหน้าของเครื่องป้อมมีช่องแปลกตา ซึ่งคาดว่าน่าจะมีไว้สาหรับปืนร่วมแกนขนาด 7.62 มม. ป้อมของตัวรถถังอาจติดตั้งปืนขนาด 30 มม.ร่วมด้วย โดยใช้ต่อต้านเป้าหมายที่เป็นอากาศยานบินต่ำ เช่นเครื่องบินจู่โจมและเฮลิคอปเตอร์
ในอนาคต T-14 อาจจะได้ใช้ปืนใหญ่ขนาด 152 มม.รุ่น 2A83 แทนรุ่น 2A82 ปืนดังกล่าวถูกสร้างขึ้นประมาณปี 2000 สาหรับรถถังต้นแบบ T-95 ซึ่งกระสุน APFSDS มีความเร็วปากกระบอกปืนสูงถึง 1,980 เมตรต่อวินาที และลดความเร็วลงเพียง 1,900 เมตรต่อวินาทีในระยะ 2 กิโลเมตร อย่างไรก็ตามเหล่าวิศวกรชาวรัสเซียก็คงขนาดปืน 125 มม.เอาไว้ โดยประเมินไว้ว่าการปรับปรุงกระสุนอาจเพียงพอต่อการเพิ่มประสิทธิภาพ แม้จะสรุปออกมาได้ว่าลากล้องปืนที่มีขนาดใหญ่จะให้ประโยชน์ในทางปฏิบัติน้อยก็ตาม
T-14 สามารถใช้ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานได้ และปืนต่อต้านอากาศยานขนาด 30 มม.อาจถูกนามาติดตั้งร่วมด้วยในอนาคตอันใกล้พร้อมกับปืนกลขนาด 12.7 มม.
T-14 Armata รถถังหลักของรัสเซียที่มีความทันสมัยที่สุดในขณะนี้
เรียบเรียงและจัดทำโดย: Mighty mo
ผมแค่นำมาลง Pantip เท่านั้นโดยได้ทำการขออนุญาติจากเจ้าของบทความแล้ว
รถถัง ตั้งแต่ปี1945หลังจากที่เยอรมันพ่ายแพ้สงครามต่อฝ่ายสัมพันธมิตร ความขัดแย้งระหว่างสหภาพโซเวียต และ สหรัฐอเมริกาก็ได้เริ่มขึ้นจากการแย่งชิงประเทศเยอรมันจนถูกแบ่งเป็นเยอรมันตะวันออกและเยอรมันตะวันตก ตั้งแต่นั้นมาสหภาพโซเวียตและสหรัฐอเมริกาก็กลายเป็นคู่แข่งกันมาโดยตลอดจนกระทั่งสหภาพโซเวียตได้ล่มสหลายการแข่งขันด้านเทคโนโลยีก็ยังคงดาเนินต่อไประหว่าง รัสเซียและสหรัฐอเมริกา M-60 VS T-72, M1A2 VS T-90 จนกระทั่งสหรัฐอเมริกาได้เปิดตัว M1A2 SEP V.3 ออกมาทางรัสเซียจึงไม่น้อยหน้าออกรถถังใหม่ที่มีชื่อว่า T-14 Armata
T-14 Armata (ภาษารัสเซีย T-14 «Армата» ชื่อในโรงงานผลิต “Obyekt 148”) คือรถถังหลักรุ่นถัดไปหรือ Next Generation โดยอิงพื้นฐานมาจาก Armata Universal Combat Platform ถูกผลิตขึ้นเป็นชุดแรก ซึ่งเดิมทีทางกองทัพรัสเซียมีแผนที่จะสั่งซื้อ T-14 จานวน 2,300 คันในช่วงปี 2015 – 2020
T-14 ชุดแรกจำนวน 100 คันจะถูกนำไปประจาการในหน่วย Taman Division (2nd Guards Motor Rifle "Tamanskaya" Division named after M.I. Kalinin) คาดว่าน่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2020 และจะถูกส่งมอบหลังจากทำการทดสอบทั้งหมดเสร็จสิ้น
T-14 มีความแปลกใหม่ที่สำคัญที่สุดคือป้อมปืนไร้พลขับ พลประจำรถทั้งสามนาย (ผู้บัญชาการ, พลขับและพลยิง) จะนั่งอยู่ในแคปซูลหุ้มเกราะด้านหน้าของตัวถัง ซึ่งได้รับการพัฒนามาตลอด 5 ปี
Armata เป็นรถถังใหม่ที่ดีไซน์ใหม่ทั้งหมด เป็นตัวแทนแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของบรรดายานหุ้มเกราะโจมตี ในค่ายรัสเซียที่เคยมีการสร้างออกมา นับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1960 และ 1970 ด้วยขนาดที่ใหญ่กว่ารถถังตระกูล T-72 ทำให้ T-14 มีขนาดที่ใกล้เคียงกับ Leopard 2A7 ของเยอรมนี
จุดเด่นทางเทคโนโลยีอันสำคัญของ T-14 คือป้อมปืนที่หมุนรอบตัวชี้ปลายกระบอกปืนใหญ่เข้าหาเป้าหมายเองแบบอัตโนมัติ ใช้ระบบการป้อนกระสุนอัตโนมัติ และผู้บังคับนั่งบัญชาการอย่างปลอดภัยอยู่ในห้องแบบแคปซูลหุ้มเกราะแน่นหนาอยู่ทางด้านหน้าของรถถัง แยกออกไปจากห้องเก็บกระสุนปืนใหญ่ จรวด และวัตถุระเบิดต่าง ๆ
ความเร็วต้นและความแรงที่ปากกระบอกปืน (Muzzle Velocity/Energy) ของปืน 125 มม.รุ่นใหม่ของ T-14 วัดค่าได้สูงกว่าของปืน 120 มม.โดยบริษัท Rheinmetall ที่ติดตั้งในรถถัง Leopard 2 ของเยอรมนี และในรถถัง TK-X รุ่นแรก ๆ ของญี่ปุ่นด้วย นอกจากนั้นก็ยังพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่งโดยการติดเครื่องยนต์ขุมพลังใหม่ กลายเป็นรถถังหลักวิ่งได้เร็วที่สุดในโลกในขณะนี้
T-14 ยังหุ้มด้วยเกราะรุ่นแบบใหม่ทั้งแบบ Active และ Reactive ด้านนอกส่วนท้ายติดตั้งเกราะตะแกรงรุ่นใหม่ รับมือการโจมตีด้วยเครื่องยิงระเบิด RPG หรือจรวดขนาดเล็กทั่วไป ติดปืนใหญ่ขนาด 30 มม. อัตโนมัติที่สามารถยิงอากาศยานไร้การควบคุมที่บินระยะต่ำา ยิงเฮลิคอปเตอร์โจมตี รวมทั้ง
เครื่องบินข้าศึกได้ และยังมีปืนกลยิงเร็วอัตโนมัติ 12.5 มม. อีกกระบอกหนึ่งติดบนป้อมปืน สาหรับยิงทำลายจรวดหรือกระสุนของข้าศึกที่ยิงเข้าใส่
ระบบควบคุมการยิงของ T-14 ล้วนควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ ซึ่งทาให้ปืนใหญ่ 125 มม. ที่ใช้อยู่ในรุ่นปัจจุบันมีระยะหวังผลถึง 5,000 เมตร และมีขีดความสามารถโจมตีเป้าหมายที่อยู่ไกลออกไปถึง 8,000 เมตร ความเร็วต้นกระสุนชนิด APFSDS คือ 1,980 เมตรต่อวินาที
พลประจำรถทั้งสามนายจะอยู่ในตัวรถถังด้านหน้าทั้งหมด ไม่ประจำอยู่ในป้อม โดยพลขับจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ พลยิงอยู่ตรงกลาง ส่วนผู้บัญชาการจะประจำอยู่ทางฝั่งขวามือ ระบบควบคุมภายในเกือบทั้งหมดเป็นแบบดิจิทัล
ภาพ: ระบบต่างๆที่ถูกติดตั้งไว้บนป้อมของ T-14 Armata
ที่มา : http://tapnewswire.com/2016/11/uk-military-shocked-by-russias-armata-revolutionary-tank/
ภาพ: รายละเอียดของT-14ที่มีการวางแผนไว้
ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=htBlFRFF7ec
[อาวุธยุทธภัณฑ์]
อาวุธหลัก ของ T-14 คือปืนใหญ่ลำกล้องเรียบขนาด 125 มม. 2A82-1M ซึ่งแทนที่ปืนใหญ่รุ่น 2A46 ของรัสเซียและโซเวียตก่อนหน้านี้ พลังงานปากกระบอกของปืน 2A82-1M ใหญ่กว่า Rheinmetall 120 mm ของเยอรมนีซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นปืนใหญ่ที่ดีที่สุดในโลก ปืนใหญ่ขนาด 125 มม.มีความแม่นยาดีขึ้น 15 - 20% และมีการกระจายการยิงเพิ่มขึ้น 1.7 เท่าและไม่มีเครื่องดูดควัน (เนื่องจากภายในป้อมไม่มีพลประจารถ) อัตราการยิง 10 – 12 นัดต่อนาที ฝั่งซ้ายมีช่องถ่ายเทอากาศสาหรับเขม่าจากกระสุนและจรวด ATGM ปืนใหญ่ 2A82-1M สามารถยิงกระสุน APFSDS, มิสไซล์นาวิถี, Shaped-Charge และกระสุนชนิดอื่น ๆ ได้ กระสุน Vacuum-1 ถูกพัฒนาขึ้นสาหรับปืนใหญ่ 2A82-1M มีแกนเจาะเกราะ 900 มม. ซึ่งอ้างว่าสามารถทะลวงเกราะที่เทียบเท่า RHA 1 เมตรในระยะทาง 2 กิโลเมตรได้ กระสุน HE-Freg “Telnik” ซึ่งมีระบบควบคุมการระเบิดรุ่นใหม่ก็ได้รับเข้าประจาการ อีกทั้งยังมีความสามารถในการยิงขีปนาวุธนาวิถีอย่าง 9M119M1 Invar-M ที่มีผลตั้งแต่ 100 เมตรถึง 5 กิโลเมตร และใช้ยิงใส่เป้าหมายทางอากาศต่ำอย่างเฮลิคอปเตอร์ได้อีกด้วย อันเป็นคุณลักษณะแรกที่นำมาใช้กับรถถังของโซเวียตในทศวรรษที่ 1960 โดยมีการพัฒนา 3UBK21 Sprinter ATGM ขึ้น ซึ่งมิสไซล์ดังกล่าวมีไว้ใช้สาหรับการป้องกันทางอากาศและ ATGM ที่มีระยะหวังผลสูงสุดถึง 8 กิโลเมตร
ความแตกต่างระหว่างปืนใหญ่ลำกล้องเรียบแบบ 2A46M และ 2A82
ที่มา : https://www.quora.com/Whats-the-analysis-on-the-Russian-T-14-Armata-tank-How-does-it-compare-with-western-tanks-like-the-M-1-Abrams-Leopard-2-and-Challenger-2-It-seems-very-light-compared-with-current-generation-MBTs
Optical Sensor มีระยะการตรวจจับไกลถึง 5 กิโลเมตรในช่วงเวลากลางวัน สาหรับเป้าหมายที่มีขนาดเท่ารถถังหรือยานเกราะทั่วไป และอย่างน้อยราว 3.5 กิโลเมตรในช่วงเวลากลางคืนด้วยกล้องสร้างภาพความร้อน (Thermal Imaging Channel) กล้องเล็งของพลยิงมีการซูมด้วย Optical Channel ในระดับ 4x และ 12x ส่วนเครื่องวัดระยะด้วยเลเซอร์ ในทางทฤษฎีแล้วสามารถทาได้สูงสุดถึง 7.5 กิโลเมตร นอกเหนือจากนี้ยังมีการลดระดับระบบที่สามซึ่งสามารถทาการยิงได้ในขณะที่ตัวรถกาลังเคลื่อนที่ และพลประจำรถสามารถใช้กล้องความละเอียดสูงที่หมุนได้รอบ 360 องศา
อาวุธรอง เป็นปืนกลขนาด 12.7 มม. Kord (GRAU index 6P49) จำนวน 300 นัด (ไม่พบในขบวนพาเหรดวันแห่งชัยชนะ) และปืนกลขนาด 7.62 มม. Pecheneg PKP (GRAU Index 6P41) หรือปืนกล PKTM (6P7K) จำนวน 1,000 นัด ซึ่งใช้ระบบรีโมทคอนโทรลในการควบคุม และมีการจัดเก็บกระสุนแยกไว้ต่างหากจำนวน 1,000 นัด ปืนกลขนาด 12.7 มม. ติดตั้งเหนือกล้องเล็งของผู้บัญชาการซึ่งอยู่บนหลังคาป้อมเพื่อไม่ให้กีดขวางทัศนวิสัย ในขณะที่ด้านหน้าของเครื่องป้อมมีช่องแปลกตา ซึ่งคาดว่าน่าจะมีไว้สาหรับปืนร่วมแกนขนาด 7.62 มม. ป้อมของตัวรถถังอาจติดตั้งปืนขนาด 30 มม.ร่วมด้วย โดยใช้ต่อต้านเป้าหมายที่เป็นอากาศยานบินต่ำ เช่นเครื่องบินจู่โจมและเฮลิคอปเตอร์
ในอนาคต T-14 อาจจะได้ใช้ปืนใหญ่ขนาด 152 มม.รุ่น 2A83 แทนรุ่น 2A82 ปืนดังกล่าวถูกสร้างขึ้นประมาณปี 2000 สาหรับรถถังต้นแบบ T-95 ซึ่งกระสุน APFSDS มีความเร็วปากกระบอกปืนสูงถึง 1,980 เมตรต่อวินาที และลดความเร็วลงเพียง 1,900 เมตรต่อวินาทีในระยะ 2 กิโลเมตร อย่างไรก็ตามเหล่าวิศวกรชาวรัสเซียก็คงขนาดปืน 125 มม.เอาไว้ โดยประเมินไว้ว่าการปรับปรุงกระสุนอาจเพียงพอต่อการเพิ่มประสิทธิภาพ แม้จะสรุปออกมาได้ว่าลากล้องปืนที่มีขนาดใหญ่จะให้ประโยชน์ในทางปฏิบัติน้อยก็ตาม
T-14 สามารถใช้ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานได้ และปืนต่อต้านอากาศยานขนาด 30 มม.อาจถูกนามาติดตั้งร่วมด้วยในอนาคตอันใกล้พร้อมกับปืนกลขนาด 12.7 มม.