สวัสดีค่าาา กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้แรกของเรา หากผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
สาเหตุที่ตั้งกระทู้นี้ เพราะอยากแชร์ประสบการณ์ที่เราได้ไปเที่ยวต่างแดนกับคุณพ่อ เนื้อหาอาจจะไม่ได้แปลกใหม่สักเท่าไหร่
แต่ก็อยากบันทึกไว้เป็นความทรงจำที่ดีของเรากับคุณพ่อค่ะ
**ปล.กระทู้นี้ไม่ใช่กระทู้รีวิวการเที่ยวแบบประหยัดแต่อย่างใด ค่าใช้จ่ายจึงใช้ตามความเหมาะสมและความสะดวกของเราค่า**
**ปล2.รูปภาพทั้งหมดถ่ายจากกล้อง Fuji X-A2 kit 16-50 และ Iphone6 ของเรากับคุณพ่อค่ะ**
เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้ว เรามาเริ่มกันเลย เย่~!
การเตรียมตัว
การไปเที่ยวญี่ปุ่นเราจะไปเที่ยวแบบสุ่มสี่สุ่มห้าหวังพึ่งน้ำบ่อหน้าไม่ได้นะคะ ถ้าเป็นแบบนั้นเราคงเสียเวลาเที่ยวไปกับการเดินทางที่ไม่มีอะไรแน่นอนไปพอสมควร เพราะฉะนั้นยอมเสียเวลาก่อนไปเที่ยวจริงๆศึกษาหาข้อมูลสักหน่อย เพื่อความสะดวกสบายและความคุ้มค่าในการเที่ยวกันดีกว่าเนอะ
1.ข้อมูลท่องเที่ยว
หลังจากที่คุณแม่ไฟเขียวให้เราได้ไปเที่ยวกับคุณพ่อ เราก็ต้องเริ่มศึกษาหาข้อมูลให้แน่นๆเลยค่ะ ไม่ว่าจะทั้งทาง Social อาทิ เช่น Pantip ที่มีรีวิวอยู่มากมาย หรือ "กลุ่มคนชอบตะลอนเที่ยวญี่ปุ่น ใน Facebook" ที่จะมีคนคอยแชร์สิ่งต่างๆเกี่ยวกับญี่ปุ่นตลอดเวลา ถ้าหากสงสัยอะไรก็สามารถโพสต์ถามได้เช่นกันค่ะ จะมีผู้รู้มาตอบคำถามของเราอย่างแน่นอน
ส่วนตัวเราก็เคยโพสต์ถามอยู่เหมือนกัน ต้องขอบคุณผู้ใจดีในกลุ่มที่แวะมาตอบคำถามของเรานะคะ

https://www.facebook.com/groups/talonjapangroup/ Link กลุ่มจ้า
และ หนังสือไกด์บุ๊คข้อมูลแน่นปึ้กทั้ง 2 เล่มนี้ ที่บอกถึงสถานที่ดังๆในแต่ละย่านและวิธีการเดินทางต่างๆ
2. ตั๋วเครื่องบิน
ใครใคร่สะดวกเดินทางกับสายการบินไหน ก็เอาตามที่สะดวกเลยค่าา ส่วนทริปนี้เราเลือกเดินทางกับการบินไทย ประกอบกับเราเจอช่วงโปรพอดี เลยได้ตั๋วบินไปกลับ BKK - NRT รวมประกันอุบัติเหตุ ตกคนละ 2หมื่นต้นๆ
3.การเดินทางในประเทศญี่ปุ่น
ถ้าพูดถึงการเดินทางในญี่ปุ่น ก็คงหนีไม่พ้นรถไฟแน่ๆ ใครที่เห็นแผนผังตารางรถไฟในญี่ปุ่นครั้งแรก อย่าเพิ่งช็อกซีนีม่ากันไปก่อนนะคะ ค่อยๆลองศึกษาดูค่ะ มองผ่านๆมันอาจจะดูยุ่งยากซับซ้อน แต่ถ้าเข้าใจภาพรวมมันจะง่ายขึ้นมาทันทีเลย ไม่ยากอย่างที่คิด ลองดูววววว
- เราเลือกเดินทางเข้าตัวเมืองจากสนามบิน โดยใช้บริการรถไฟ Keisei Skyliner มีให้เลือกซื้อทั้ง เที่ยวเดียว และ ไปกลับ
หากซื้อคู่พร้อมกับบัตร Tokyo Subway Ticket จะได้ในราคาที่ถูกกว่าซื้อแยก โดยจะมีบัตรประเภท 24 hr / 48 hr / 72 hr ให้เลือกซื้อค่ะ
- สามารถซื้อตั๋วรถไฟล่วงหน้าได้ที่
http://www.keisei.co.jp/keisei/tetudou/skyliner/th/value_ticket/index.php หลังจากที่ชำระเงินผ่านบัตรเรียบร้อย ก็ปริ้นท์เอกสารการชำระเงินเก็บไว้เป็นหลักฐาน และสามารถนำเอกสารไปยื่นที่เคาท์เตอร์ Keisei Skyliner เพื่อแลกเป็นตั๋วจริงในวันที่เราไปถึงญี่ปุ่นได้เลยค่ะ
- ปล.เรื่องการเดินทางในประเทศญี่ปุ่น แต่ละคนมีแพลนการเที่ยวที่ไม่เหมือนกัน ให้ศึกษาดูดีๆว่าแต่ละที่ที่เราจะไปนั่น การเดินทางแบบไหนเข้าถึงและสะดวกมากกว่ากัน ค่อยตัดสินใจเลือกตามความเหมาะสม อย่างสถานที่ที่เที่ยวในทริปนี้ของเรา Subway เข้าถึงเกือบทุกที เราจึงเลือกใช้บริการ Subway แทน JR จ้า
- และในทริปนี้เรามีแพลนไปเที่ยว Kawaguchiko เพื่อดูภูเขาไฟฟูจิ แต่เป็น One day trip จึงต้องจองรถบัสทั้งขาไปและขากลับ
แนะนำให้จองล่วงหน้านะคะ เพื่อความชัวร์และความสะดวก จองได้ที่เว็บนี้เลย
https://highway-buses.jp/thai/terminal/shinjuku.php
มีภาษาไทยด้วยเด้อ จองไม่ยากเลย

4.ที่พัก
เนื่องจากเป็นทริปที่กะทันหัน จึงทำให้ที่พักยอดนิยมของคนไทยหลายๆที่เต็มไปตามระเบียบ (ดังนั้นถ้าไปควรวางแผนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆเป็นการดีที่สุด) แต่ก็ยังพอเหลือโรงแรม
Hotel Mystay Ueno-Inaricho ให้พวกเราสองพ่อลูกได้พักพิงตลอดทริป
เราได้จองโรงแรมนี้ผ่านเว็บไซต์ Agoda.com สำหรับเราโรงแรมนี้ดีมากกกกก (ถ้าไม่นับห้องแคบตามสไตล์ญี่ปุ่น) ด้วยความที่ในห้องพักมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน คือมาแต่ตัวก็อยู่ได้จริงๆ และที่สำคัญคือใกล้สถานี Subway Inaricho จ้า
สามารถอ่านรีวิวโรงแรมได้ที่
https://pantip.com/topic/36299199
5.สภาพอากาศ
หมั่นติดตามดูข่าวพยากรณ์อากาศและความเป็นอยู่ของคนญี่ปุ่นในช่วงที่เราจะไปให้มากเข้าไว้ แต่ก็อย่าได้ไว้ใจสภาพอากาศในช่วงนั้นจนเกินไป เพราะญี่ปุ่นไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา อย่างเราไปตอนปลายกรกฎา - ต้นสิงหา อยู่ในช่วงฤดูร้อนของญี่ปุ่นพอดี และในช่วงนั้นอากาศค่อนข้างร้อนจัด ร้อนจนมีคนเสียชีวิต แต่พอเราไปถึงวันแรกพายุไต้ฝุ่นก็ได้มาต้อนรับเราซะงั้น!! โนววววววววว
6.แลกเงิน
เราได้ไปแลกเงินที่ Superrich Thailand (สีเขียว) สาขา Siam Paragon เพราะจากหลายๆเสียงบอกมาว่าเจ้านี้ให้เรทเงินดี เลยตามไปตำค่ะ แค่นั้นเลย 55555555
7.อินเทอร์เน็ต
แนะนำ Sim 2 fly ของ AIS เลยยย 399 บาท/ ใช้งานได้ 8 วัน/ เน็ต Non-Stop เต็มสปีด 4 GB หากใช้ครบ 4 GB สปีดเน็ตแค่ลดลงแต่ไม่ต้องเสียตังเพิ่ม แรงเว่อร์(ุถ้าสปีดเน็ตยังไม่หมด) ไม่ต้องแบกตัว Pocket-wifi ให้หนักกระเป๋า เปิด Google map , อัพ Story IG , เล่น Social , Upload รูปภาพ ทุกวันก็ยังไม่หมด
ปล.ไม่ได้ค่าโฆษณาแต่อย่างใด ความประทับใจล้วนๆ 55555555
เอาล่ะค่ะ เตรียมตัว เตรียมใจพร้อมแล้ว ก็ได้เวลาออกเดินทางกันเล้ยยยย Go go ~
วันเดินทาง Day 0
- เราได้ไฟล์ทบินตอน 22.10 น.(เวลาไทย) ถึงญี่ปุ่นตอน 06.20 น. (เวลาญี่ปุ่น) จึงต้องมา Check in ที่สนามบินตั้งแต่ 20.00 น. ที่สนามบินสุวรรณภูมิ
- ส่วนตัวเป็นไฟลท์ที่ค่อนข้างโอเค เพราะบินดึกถึงเช้า ประหยัดค่าที่พัก 1 คืน และได้เที่ยวเต็มๆทั้งวัน
คุณพ่อตื่นเต้นมั้ยไม่รู้ แต่ลูกตื่นเต้นมากกกกกก เพราะอยากไปญี่ปุ่นมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วแหะๆ ดูสิยืนชิวเลย
พอขึ้นมาถึงชั้นนี้ เราก็มาเช็คไฟลท์บินบนหน้าจอที่แสดงและเดินไป Check in สวยๆ เพื่อรับ Boarding Pass เลยจ้า
ได้รับ Boarding Pass เรียบร้อย ก็รอเวลา Gate เปิด เพื่อเข้าไปตรวจเช็คของติดตัวต่างๆก่อนออกนอกประเทศ
พอถึงเวลาให้ขึ้นเครื่อง ก็จะมี Shuttle bus ของสนามบินมารับเราที่อาคารเพื่อไปขึ้นเครื่องค่ะ
เครื่องบินของไฟลท์นี้จะเป็นรุ่น TG640 2-4-2
ตัวที่นั่งจะมีจอติดอยู่ที่ด้านหลัง สามารถดูหนัง ฟังเพลง ดูเส้นทางการบินหรือชาร์จแบตโทรศัพท์ได้ตามอัธยาศัย หนังบนเครื่องค่อนข้างใหม่ แบบเพิ่งออกโรงได้2-3เดือน ยกตัวอย่างเช่น Tomb Rider, Love Simon, หลวงพี่แจ๊ส 5g ก็มีเด้อ

สำหรับคอหนังอย่างเราถือว่าแก้เบื่อได้ดีเลยทีเดียว (ไม่ได้ถ่ายมา ขออภัยค่า)
ประเทศไทยยามค่ำคืน มองดูแสงไฟจากบนเครื่องบินสวยมากๆเลย (เป็นคนชอบแสงสีตอนกลางคืน)
อาหาร(เกือบ)เช้าก่อนถึงญี่ปุ่น
หลังทานอาหารเสร็จสักพัก แอร์ก็จะมาเดินแจกใบเข้าเมืองให้กรอก หน้าตาแบบนี้เลย
สว่างแล้ววววว ใกล้ถึงญี่ปุ่นแล้ววววว ตุ่นเต้นๆ
ส่วนใครที่สงสัยว่านั่งริมหน้าต่างได้เห็นภูเขาไฟฟูจิมั้ย ตอบเลยว่าไม่จ้า มิดเลย เมฆบังมิดเลยยยย โอ้ยยย อุส่าห์จองที่นั่งอย่างดี

และแล้วเราก็มาถึงสนามบินนาริตะโดยสวัสดิภาพ แม้ฝนจะตกหนักเนื่องจากพายุเข้าไต้ฝุ่นแวะมาต้อนรับเราก็ตาม
หลังจากลงเครื่องเป็นที่เรียบร้อย สองพ่อลูกก็ได้พากันไปด่านตม. ตื่นเต้นมาก กลัวตม.เขาจะตรวจเข้มเหมือนที่เคยออกข่าว เลยเตรียมเอกสารยืนยันว่าเป็นนักท่องเที่ยวมาอย่างดี แต่ไม่เป็นอย่างที่คิดไว้เลย คือชิวมากกก ชิวจนต้องถามพ่อว่า เราผ่านตม.เรียบร้อยแล้วเหรอ พ่อก็ตอบว่าใช่ เยสสสสส มาถึงญี่ปุ่นเต็มตัวแล้วว้อยยยยย จากนั้นก็พากันไปรับกระเป๋าเดินทาง ล้างหน้าแปรงฟัน เตรียมตัวไปแลกตั๋วรถไฟเข้าเมืองกันค่ะ
สำหรับพาร์ทนี้ก็ขอจบลงเท่านี้ก่อน ใกล้หมดโควต้าแล้ว 55555 พาร์ทหน้าจะมาต่อการเดินทางเข้าเมืองของสองพ่อลูกกันค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านด้วยนะคะ ติชมได้เลยค่า
ชื่อสินค้า: ญี่ปุ่น , Japan , โตเกียว , Fuji , Kawaguchiko , Shibuya , Asakusa , Ueno , Tokyo , Harajuku , Shinjuku
คะแนน:
[CR] [CR] Japan with my dad เมื่อฉันไปเที่ยวญี่ปุ่นกับคุณพ่อ 6 วัน 5 คืน
สาเหตุที่ตั้งกระทู้นี้ เพราะอยากแชร์ประสบการณ์ที่เราได้ไปเที่ยวต่างแดนกับคุณพ่อ เนื้อหาอาจจะไม่ได้แปลกใหม่สักเท่าไหร่
แต่ก็อยากบันทึกไว้เป็นความทรงจำที่ดีของเรากับคุณพ่อค่ะ
**ปล.กระทู้นี้ไม่ใช่กระทู้รีวิวการเที่ยวแบบประหยัดแต่อย่างใด ค่าใช้จ่ายจึงใช้ตามความเหมาะสมและความสะดวกของเราค่า**
**ปล2.รูปภาพทั้งหมดถ่ายจากกล้อง Fuji X-A2 kit 16-50 และ Iphone6 ของเรากับคุณพ่อค่ะ**
เอาล่ะ ถ้าพร้อมแล้ว เรามาเริ่มกันเลย เย่~!
การเตรียมตัว
การไปเที่ยวญี่ปุ่นเราจะไปเที่ยวแบบสุ่มสี่สุ่มห้าหวังพึ่งน้ำบ่อหน้าไม่ได้นะคะ ถ้าเป็นแบบนั้นเราคงเสียเวลาเที่ยวไปกับการเดินทางที่ไม่มีอะไรแน่นอนไปพอสมควร เพราะฉะนั้นยอมเสียเวลาก่อนไปเที่ยวจริงๆศึกษาหาข้อมูลสักหน่อย เพื่อความสะดวกสบายและความคุ้มค่าในการเที่ยวกันดีกว่าเนอะ
1.ข้อมูลท่องเที่ยว
หลังจากที่คุณแม่ไฟเขียวให้เราได้ไปเที่ยวกับคุณพ่อ เราก็ต้องเริ่มศึกษาหาข้อมูลให้แน่นๆเลยค่ะ ไม่ว่าจะทั้งทาง Social อาทิ เช่น Pantip ที่มีรีวิวอยู่มากมาย หรือ "กลุ่มคนชอบตะลอนเที่ยวญี่ปุ่น ใน Facebook" ที่จะมีคนคอยแชร์สิ่งต่างๆเกี่ยวกับญี่ปุ่นตลอดเวลา ถ้าหากสงสัยอะไรก็สามารถโพสต์ถามได้เช่นกันค่ะ จะมีผู้รู้มาตอบคำถามของเราอย่างแน่นอน
https://www.facebook.com/groups/talonjapangroup/ Link กลุ่มจ้า
2. ตั๋วเครื่องบิน
ใครใคร่สะดวกเดินทางกับสายการบินไหน ก็เอาตามที่สะดวกเลยค่าา ส่วนทริปนี้เราเลือกเดินทางกับการบินไทย ประกอบกับเราเจอช่วงโปรพอดี เลยได้ตั๋วบินไปกลับ BKK - NRT รวมประกันอุบัติเหตุ ตกคนละ 2หมื่นต้นๆ
3.การเดินทางในประเทศญี่ปุ่น
ถ้าพูดถึงการเดินทางในญี่ปุ่น ก็คงหนีไม่พ้นรถไฟแน่ๆ ใครที่เห็นแผนผังตารางรถไฟในญี่ปุ่นครั้งแรก อย่าเพิ่งช็อกซีนีม่ากันไปก่อนนะคะ ค่อยๆลองศึกษาดูค่ะ มองผ่านๆมันอาจจะดูยุ่งยากซับซ้อน แต่ถ้าเข้าใจภาพรวมมันจะง่ายขึ้นมาทันทีเลย ไม่ยากอย่างที่คิด ลองดูววววว
- เราเลือกเดินทางเข้าตัวเมืองจากสนามบิน โดยใช้บริการรถไฟ Keisei Skyliner มีให้เลือกซื้อทั้ง เที่ยวเดียว และ ไปกลับ
หากซื้อคู่พร้อมกับบัตร Tokyo Subway Ticket จะได้ในราคาที่ถูกกว่าซื้อแยก โดยจะมีบัตรประเภท 24 hr / 48 hr / 72 hr ให้เลือกซื้อค่ะ
- สามารถซื้อตั๋วรถไฟล่วงหน้าได้ที่ http://www.keisei.co.jp/keisei/tetudou/skyliner/th/value_ticket/index.php หลังจากที่ชำระเงินผ่านบัตรเรียบร้อย ก็ปริ้นท์เอกสารการชำระเงินเก็บไว้เป็นหลักฐาน และสามารถนำเอกสารไปยื่นที่เคาท์เตอร์ Keisei Skyliner เพื่อแลกเป็นตั๋วจริงในวันที่เราไปถึงญี่ปุ่นได้เลยค่ะ
- ปล.เรื่องการเดินทางในประเทศญี่ปุ่น แต่ละคนมีแพลนการเที่ยวที่ไม่เหมือนกัน ให้ศึกษาดูดีๆว่าแต่ละที่ที่เราจะไปนั่น การเดินทางแบบไหนเข้าถึงและสะดวกมากกว่ากัน ค่อยตัดสินใจเลือกตามความเหมาะสม อย่างสถานที่ที่เที่ยวในทริปนี้ของเรา Subway เข้าถึงเกือบทุกที เราจึงเลือกใช้บริการ Subway แทน JR จ้า
- และในทริปนี้เรามีแพลนไปเที่ยว Kawaguchiko เพื่อดูภูเขาไฟฟูจิ แต่เป็น One day trip จึงต้องจองรถบัสทั้งขาไปและขากลับ
แนะนำให้จองล่วงหน้านะคะ เพื่อความชัวร์และความสะดวก จองได้ที่เว็บนี้เลย https://highway-buses.jp/thai/terminal/shinjuku.php
มีภาษาไทยด้วยเด้อ จองไม่ยากเลย
4.ที่พัก
เนื่องจากเป็นทริปที่กะทันหัน จึงทำให้ที่พักยอดนิยมของคนไทยหลายๆที่เต็มไปตามระเบียบ (ดังนั้นถ้าไปควรวางแผนไว้ตั้งแต่เนิ่นๆเป็นการดีที่สุด) แต่ก็ยังพอเหลือโรงแรม Hotel Mystay Ueno-Inaricho ให้พวกเราสองพ่อลูกได้พักพิงตลอดทริป
เราได้จองโรงแรมนี้ผ่านเว็บไซต์ Agoda.com สำหรับเราโรงแรมนี้ดีมากกกกก (ถ้าไม่นับห้องแคบตามสไตล์ญี่ปุ่น) ด้วยความที่ในห้องพักมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน คือมาแต่ตัวก็อยู่ได้จริงๆ และที่สำคัญคือใกล้สถานี Subway Inaricho จ้า
สามารถอ่านรีวิวโรงแรมได้ที่ https://pantip.com/topic/36299199
5.สภาพอากาศ
หมั่นติดตามดูข่าวพยากรณ์อากาศและความเป็นอยู่ของคนญี่ปุ่นในช่วงที่เราจะไปให้มากเข้าไว้ แต่ก็อย่าได้ไว้ใจสภาพอากาศในช่วงนั้นจนเกินไป เพราะญี่ปุ่นไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา อย่างเราไปตอนปลายกรกฎา - ต้นสิงหา อยู่ในช่วงฤดูร้อนของญี่ปุ่นพอดี และในช่วงนั้นอากาศค่อนข้างร้อนจัด ร้อนจนมีคนเสียชีวิต แต่พอเราไปถึงวันแรกพายุไต้ฝุ่นก็ได้มาต้อนรับเราซะงั้น!! โนววววววววว
6.แลกเงิน
เราได้ไปแลกเงินที่ Superrich Thailand (สีเขียว) สาขา Siam Paragon เพราะจากหลายๆเสียงบอกมาว่าเจ้านี้ให้เรทเงินดี เลยตามไปตำค่ะ แค่นั้นเลย 55555555
7.อินเทอร์เน็ต
แนะนำ Sim 2 fly ของ AIS เลยยย 399 บาท/ ใช้งานได้ 8 วัน/ เน็ต Non-Stop เต็มสปีด 4 GB หากใช้ครบ 4 GB สปีดเน็ตแค่ลดลงแต่ไม่ต้องเสียตังเพิ่ม แรงเว่อร์(ุถ้าสปีดเน็ตยังไม่หมด) ไม่ต้องแบกตัว Pocket-wifi ให้หนักกระเป๋า เปิด Google map , อัพ Story IG , เล่น Social , Upload รูปภาพ ทุกวันก็ยังไม่หมด
ปล.ไม่ได้ค่าโฆษณาแต่อย่างใด ความประทับใจล้วนๆ 55555555
วันเดินทาง Day 0
- เราได้ไฟล์ทบินตอน 22.10 น.(เวลาไทย) ถึงญี่ปุ่นตอน 06.20 น. (เวลาญี่ปุ่น) จึงต้องมา Check in ที่สนามบินตั้งแต่ 20.00 น. ที่สนามบินสุวรรณภูมิ
- ส่วนตัวเป็นไฟลท์ที่ค่อนข้างโอเค เพราะบินดึกถึงเช้า ประหยัดค่าที่พัก 1 คืน และได้เที่ยวเต็มๆทั้งวัน
พอขึ้นมาถึงชั้นนี้ เราก็มาเช็คไฟลท์บินบนหน้าจอที่แสดงและเดินไป Check in สวยๆ เพื่อรับ Boarding Pass เลยจ้า
ได้รับ Boarding Pass เรียบร้อย ก็รอเวลา Gate เปิด เพื่อเข้าไปตรวจเช็คของติดตัวต่างๆก่อนออกนอกประเทศ
พอถึงเวลาให้ขึ้นเครื่อง ก็จะมี Shuttle bus ของสนามบินมารับเราที่อาคารเพื่อไปขึ้นเครื่องค่ะ
เครื่องบินของไฟลท์นี้จะเป็นรุ่น TG640 2-4-2
ตัวที่นั่งจะมีจอติดอยู่ที่ด้านหลัง สามารถดูหนัง ฟังเพลง ดูเส้นทางการบินหรือชาร์จแบตโทรศัพท์ได้ตามอัธยาศัย หนังบนเครื่องค่อนข้างใหม่ แบบเพิ่งออกโรงได้2-3เดือน ยกตัวอย่างเช่น Tomb Rider, Love Simon, หลวงพี่แจ๊ส 5g ก็มีเด้อ
สำหรับคอหนังอย่างเราถือว่าแก้เบื่อได้ดีเลยทีเดียว (ไม่ได้ถ่ายมา ขออภัยค่า)
ประเทศไทยยามค่ำคืน มองดูแสงไฟจากบนเครื่องบินสวยมากๆเลย (เป็นคนชอบแสงสีตอนกลางคืน)
อาหาร(เกือบ)เช้าก่อนถึงญี่ปุ่น
หลังทานอาหารเสร็จสักพัก แอร์ก็จะมาเดินแจกใบเข้าเมืองให้กรอก หน้าตาแบบนี้เลย
สว่างแล้ววววว ใกล้ถึงญี่ปุ่นแล้ววววว ตุ่นเต้นๆ
ส่วนใครที่สงสัยว่านั่งริมหน้าต่างได้เห็นภูเขาไฟฟูจิมั้ย ตอบเลยว่าไม่จ้า มิดเลย เมฆบังมิดเลยยยย โอ้ยยย อุส่าห์จองที่นั่งอย่างดี
และแล้วเราก็มาถึงสนามบินนาริตะโดยสวัสดิภาพ แม้ฝนจะตกหนักเนื่องจากพายุเข้าไต้ฝุ่นแวะมาต้อนรับเราก็ตาม
หลังจากลงเครื่องเป็นที่เรียบร้อย สองพ่อลูกก็ได้พากันไปด่านตม. ตื่นเต้นมาก กลัวตม.เขาจะตรวจเข้มเหมือนที่เคยออกข่าว เลยเตรียมเอกสารยืนยันว่าเป็นนักท่องเที่ยวมาอย่างดี แต่ไม่เป็นอย่างที่คิดไว้เลย คือชิวมากกก ชิวจนต้องถามพ่อว่า เราผ่านตม.เรียบร้อยแล้วเหรอ พ่อก็ตอบว่าใช่ เยสสสสส มาถึงญี่ปุ่นเต็มตัวแล้วว้อยยยยย จากนั้นก็พากันไปรับกระเป๋าเดินทาง ล้างหน้าแปรงฟัน เตรียมตัวไปแลกตั๋วรถไฟเข้าเมืองกันค่ะ
สำหรับพาร์ทนี้ก็ขอจบลงเท่านี้ก่อน ใกล้หมดโควต้าแล้ว 55555 พาร์ทหน้าจะมาต่อการเดินทางเข้าเมืองของสองพ่อลูกกันค่ะ
ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านด้วยนะคะ ติชมได้เลยค่า
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้