ขออนุญาตฝากเพจก่อนเลยนะครับ "โหลก-เถื่อน-หรั่ง Studio" เป็นเพจเกี่ยวกับการรีวิวหนังโดยจะเน้นไปที่หนังเก่าๆเป็นพิเศษนะครับ
ถ้าใครสนใจก็เข้าไปดูได้เลยครับ
https://www.facebook.com/ReviewMoviesStudio/
และก็มีช่องyoutubeสำหรับรีวิวหนังด้วยครับเผื่อใครอยากดูเเบบวีดีโอก็เข้าไปติดตามกันได้ครับ
https://www.youtube.com/channel/UCezvYsjsEqVaGeta32fikqA?view_as=subscriber
ก่อนจะเริ่มผมขอเกริ่นก่อนนิดนึงถึงความรู้สึกที่มีต่อแฟรนไชส์ของขุนพันธ์ ย้อนกลับไปในช่วงที่ขุนพันธ์ภาคแรกเข้าฉายผมค่อนข้างจะตื่นเต้นกับมันมากๆเพราะไม่ได้เห็นหนังไทยแบบนี้มานานแล้ว แต่พอได้ดูก็บอกตามตรงว่าค่อนข้างน่าผิดหวัง ถึงแม้หนังจะมีพลังด้านการแสดงจาก2นักแสดงหลักที่ดีเยี่ยม(พี่อนันดาและพี่น้อย)และองค์ประกอบหลายอย่างที่โอเค แต่หนังกับห่วยในด้านการเล่าเรื่องและแอ็คชั่นซึ่งมันก็ทำให้หนังดูแย่ไปเลย เอาละที่ผมอยากจะบอกก็คือความผิดหวังจากขุนพันธ์ภาคแรกทำให้ผมไปดูภาคนี้อย่างไม่ได้คาดหวังอะไรเลย แต่ทันทีที่ได้ดูก็บอกตรงๆว่าผิดคาดมากๆ จะเป็นยังไงก็ไปอ่านรีวิวผมได้เลยครับ
เรื่องย่อ:เมื่อ “ขุนพันธ์” เผชิญกับความจริงที่ว่าผู้คนไม่ศรัทธาตำรวจ ชาวบ้านลุกขึ้นมาเป็นโจร ข้าราชการล้วนหาผลประโยชน์ใส่ตัว เพื่อนตำรวจถูกโจรร้ายฆ่า เขาถูกให้พักราชการ ทำให้ขุนพันธ์ตัดสินใจเข้าร่วมกลุ่มกับ “เสือฝ้าย” หัวหน้าชุมโจรเชิ้ตดำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภาคกลาง และมีมือขวาคนสนิทคือ “เสือใบ” การเดินทางสู่ถ้ำเสือของขุนพันธ์ในนาม “เสือบุตร์” จึงได้เริ่มต้นขึ้น
ความรู้สึกหลังดูจบ: บอกตรงๆรู้สึกผิดคาดมาก หนังทำออกมาดีกว่าที่คิดและดูสนุกกว่าภาคแรกมากๆ หลายอย่างที่ภาคแรกทำได้ไม่ดีภาพนี้ก็แก้ไขและพัฒนาให้มันดีขึ้น แต่ถามว่าหนังไร้ที่ติจนไม่มีข้อเสียเลยไหมผมว่าก็ไม่นะ หนังก็ยังมีจุดที่ยังทำได้ไม่ค่อยดีอยู่แต่มันเล็กน้อยมาก โดยรวมเป็นหนังไทยที่ดูสนุกอีกเรื่องของปีนี้เลย แนะนำให้ไปดูครับไม่เสียดายตังค์แน่นอน
อย่างแรกที่อยากจะกล่าวถึงและขอชมเลยคือตัวบทที่มีความชัดเจนในประเด็นที่จะเล่า รวมถึงการดำเนินเรื่องที่มีการลำดับเรื่องราวได้ดีขึ้นกว่าภาคแรกมากๆ ในขณะที่ภาคแรกไม่ชัดเจนด้วยซ้ำว่าจะเล่าหนังของขุนพันธ์หรือว่าหนังของอัลฮาวียะลูกันแน่ การเล่าเรื่องก็สะเปะสะปะลำดับเรื่องราวไม่ได้เลยว่าอะไรเกิดขึ้นก่อนหลังยังไงตัดสลับไปมางงไปหมด แต่ภาคนี้หนังจะไม่มีปัญหาอย่างในจุดนั้นอีกแล้ว หนังถ่ายทอดประเด็นที่อยากจะเล่าอย่างเรื่องของ การที่เราไม่สามารถจะเชื่อใจในอะไรแน่ชัดได้ คนดีอย่างตำรวจก็สามารถเป็นคนเลวได้ ในขณะที่คนเลวอย่างโจรก็สามารถเป็นคนดีได้เหมือนกัน ออกมาอย่างชัดเจน โดยทุกอย่างหนังจะถ่ายทอดผ่านมุมมองและวิธีคิดของตัวขุนพันธ์ อย่างเช่นการที่หนังส่งตัวขุนพันธ์เข้าไปอยู่ในกลุ่มโจร นั้นก็เพื่อให้ขุนพันธ์ได้ได้เรียนรู้มุมมองใหม่ๆจากสังคมที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ทำให้ขุนพันธ์ในภาคนี้จะมีมิติที่ซับซ้อนและเติบโตขึ้นกว่าเดิมมาก ในด้านการลำดับเรื่องราวก็จัดวางได้ดีทำให้เราเขาใจว่าอะไรเกิดก่อนเกิดหลังและเชื่อมโยงกันไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เช่นตัวละครแบบนั้นไปเจอเหตุการณ์แบบนี้เลยทำให้มีการเดินทางไปตรงนั้นและก็เจอคนนี้ อะไรประมานนี้ครับ ไม่ใช่สะเปะสะปะข้ามไปข้ามมาเหมือนภาคแรก
นอกจากตัวบทจะมีประเด็นที่น่าสนใจและนำเสนอออกมาได้ดีแล้ว ภาคนี้ยังพยายามทำให้บทมีความเข้มข้นและลุ่มลึกขึ้นมากกว่าภาคแรก ทั้งจากด้านของตัวละครที่แต่ละคนต่างก็มีปมและเรื่องราวอันซับซ้อนเป็นของตัวเอง การที่หนังดึงตัวละครจากหลายๆเรื่องราวหลายๆความคิดมารวมกันย่อมทำให้เกิดConflictที่รุนแรงและเพิ่มความเข้มข้นให้กับหนังเป็นเท่าตัว รวมไปถึงการที่หนังมีตื้นลึกหนาบางมากกว่าที่เราคิด พูดง่ายๆก็คือหนังมีปมที่ซับซ้อนซ่อนอยู่ในเนื้อเรื่องโดยที่เราก็คาดไม่ถึง และเมื่อมันมีการTwistเกิดขึ้นเราจะรับรู้ได้ทันทีถึงความฉลาดและแยบยลแบบสุดๆของหนังภาคนี้เลย
และอีกจุดที่ไม่ชมก็คงไม่ได้เพราะเป็นจุดที่สร้างเสน่ห์ให้กับหนังชุดนี้มาตั้งแต่ภาคแรก และเป็นจุดที่ผมชอบมากๆอีกด้วย นั้นก็คืออารมณ์แบบหนังWesternที่ถูกใส่เข้ามา ซึ่งผมมองว่าเขาน่าจะเล่นใหญ่กว่าภาคแรกอีกนะ เพราะหนังแทบจะมีความเป็นWesternซ่อนอยู่ในทุกอณูเลย เห็นได้ชัดสุดก็จากการตีความ3คาแรคเตอร์หลัก(ไม่รู้ผมคิดไปเองป่าวนะ) ขุนพันธ์(นายอำเภอ) เสือใบ(คาวบอย) เสือฝ้าย(หัวหน้ากองโจร) ซึ่งก็เป็นรูปแบบคาแรคเตอร์พื้นฐานที่เรามักจะเห็นกันได้บ่อยๆจากหนังแนวWesternเลยใช่มะ เอาเป็นว่าเราจะได้เห็นองค์ประกอบทุกอย่างเท่าที่หนังWesternเรื่องนึงควรจะมีอยู่ในเรื่องนี้หมดนั้นแหละ ไม่ว่าจะเป็นฉากแอ็คชั่นโชว์ความเก๋า ความดิบเถื่อนรุนแรงของการต่อสู้และสภาพสังคม ฉากสาดกระสุนสุดเดือดของแก๊งโจร ฉากในบาร์ ฉากขี่ม้าเท่ๆ และอีกมากมาย ซึ่งด้วยความที่ภาพลักษณ์ของหนังมันก็เหมาะแกการทำเป็นแนวนี้อยู่แล้ว ดังนั้นพอผู้กำกับเขายิ่งจัดเต็มใส่ไม่ยั้งมันก็ทำให้ตัวหนังดูมีเสน่ห์และเอกลักษณ์ที่ชัดเจนมากขึ้นไปเลย
อย่างสุดท้ายที่อยากจะชมก็คือไอเดียหลักของหนังเรื่องการหยิบความเชื่อทางไสยศาสตร์มาแสดงออกให้มันดูแฟนตาซี ผมชอบนะที่เขาไม่ได้พยายามขายความเป็นไสยศาสตร์แบบโต้งๆดื้อๆอย่างที่หนังไทยแนวๆนี้หลายเรื่องชอบทำ แต่นำเสนอให้มันเป็นเหมือนกับเวทมนตร์หรือพลังพิเศษที่สามารถฝึกฝนกันได้ และผมชอบการที่บทแบ่งให้แต่ละคนมีวิชาที่ต่างกันมันทำให้เกิดความหลากหลายและน่าตื่นตามากขึ้น อย่างเวลาที่ตัวละครมาสู้กันเราก็จะได้เห็นการบัฟกันของวิชานั้นวิชานี้มันก็ยิ่งน่าสนุกและน่าลุ้นไปอีก เหมือนเราดูนารูโตะและสนุกกับการได้เห็นตัวละครนั้นมีวิชานินจาแบบนี้มาสู้กับไอ้คนนี้ที่มีวิชาแบบนั้นอะไรประมานนี้แหละครับ โดยรวมก็คือเขาถ่ายทอดความเป็นไสยศาสตร์ออกมาได้แบบน่าสนุกและดูไม่เชยเลย
เอาละถึงผมจะชมมาตั้งมากมายแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสียนะครับ สิ่งที่อยากจะติเลยคือรายละเอียดของเนื้อเรื่องบางส่วนที่ยังอาจจะขยี้ได้มากกว่านี้และความสัมพันธ์ของตัวละครบางตัวที่ก็ไม่รู้ว่าจะเล่าไปทำไม อย่างแรกผมว่าเนื้อเรื่องในส่วนของตัวละครเสือใบกับทับทิมน่าจะขยี้ได้มากกว่านี้นะคือหนังก็ทำให้เราได้เข้าใจเหตุผลแหละว่า2ตัวละครนี้มารักกันได้ยังไง แต่อย่างว่าแหละเราเข้าใจก็จริงแต่เราไม่รู้สึกตามไง ส่วนนึงก็เพราะหนังมีตัวละครเยอะและต้องแบ่งไปเล่าตัวนี้ทีตัวนั้นที ทำให้ช่วงเวลาที่เราได้เห็นความสัมพันธ์ของเสือใบกับทับทิมนั้นมีน้อยลงเลยกลายเป็นว่าเราจึงไม่ค่อยอินกับคู่นี้เท่าไร พอถึงฉากสำคัญของทั้งคู่ผมเลยเฉยๆไปเลย รวมถึงปมของเสือฝ้ายที่ผมว่าน่าจะลงไปได้ลึกกว่านี้นะแบบว่าหนังยังไม่ค่อยเคลียร์เท่าไรว่าอะไรที่ทำให้เสือฝ้ายมีความต้องการแบบนั้น และอีกความสัมพันธ์ก็คือตัวละครขุนพันธ์กับบุษราซึ่งนอกจากหนังจะไม่ให้ความชัดเจนด้วยนะว่าอะไรที่ทำให้คู่นี้มันรักกัน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่มันก็ดูจะไม่ค่อยมีประโยชน์กับหนังเท่าไรด้วย เหมือนเล่าแบบให้คนดูจิ้นๆไปงั้นๆ สุดท้ายปลายทางของทั้งคู่มันก็จบแบบงงๆด้วยนะ หรือว่าผู้กำกับเขาต้องการทิ้งปมนี้ไปในภาคต่อหรือป่าว? อันนี้ก็คงต้องรอดูต่อไป
ปล.ในด้านการแสดงผมไม่ขอพูดถึงเพราะแสดงได้ดีทุกคนอยู่แล้วครับ แต่ที่เซอร์ไพรส์ผมสุดก็คงเป็น เป้ในบทเสือใบ ไม่คิดเลยว่าเป้จะแสดงได้ดีและดูเป็นธรรมชาติขนาดนี้ แต่อาจจะเป็นเพราะผมชอบตัวละครแนวคาวบอยกวนๆอย่างงี้อยู่แล้วก็ได้ สำหรับในด้านแอ็คชั่นก็ทำได้ดีตามมาตรฐานเลยครับมันส์ถึงใจมากๆ
แนะนำให้ไปดูกันครับสนุกมาก ^^
ยังมีรีวิวหนังเรื่องอื่นๆอีกมากเข้าไปอ่านกันในเพจได้เลยนะครับ
https://www.facebook.com/ReviewMoviesStudio/
( ชอบกดไลท์ ใช่กดแชร์ เป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะ >< )
อันนี้youtubeครับ
https://www.youtube.com/channel/UCezvYsjsEqVaGeta32fikqA?view_as=subscriber
รีวิวหนัง ขุนพันธ์ 2 เมื่อความแฟนตาซีแบบไทยๆมาเจอกับสไตล์ของหนัง Western ความมันส์จึงบังเกิด [by กระโหลก]
ถ้าใครสนใจก็เข้าไปดูได้เลยครับ
https://www.facebook.com/ReviewMoviesStudio/
และก็มีช่องyoutubeสำหรับรีวิวหนังด้วยครับเผื่อใครอยากดูเเบบวีดีโอก็เข้าไปติดตามกันได้ครับ
https://www.youtube.com/channel/UCezvYsjsEqVaGeta32fikqA?view_as=subscriber
ก่อนจะเริ่มผมขอเกริ่นก่อนนิดนึงถึงความรู้สึกที่มีต่อแฟรนไชส์ของขุนพันธ์ ย้อนกลับไปในช่วงที่ขุนพันธ์ภาคแรกเข้าฉายผมค่อนข้างจะตื่นเต้นกับมันมากๆเพราะไม่ได้เห็นหนังไทยแบบนี้มานานแล้ว แต่พอได้ดูก็บอกตามตรงว่าค่อนข้างน่าผิดหวัง ถึงแม้หนังจะมีพลังด้านการแสดงจาก2นักแสดงหลักที่ดีเยี่ยม(พี่อนันดาและพี่น้อย)และองค์ประกอบหลายอย่างที่โอเค แต่หนังกับห่วยในด้านการเล่าเรื่องและแอ็คชั่นซึ่งมันก็ทำให้หนังดูแย่ไปเลย เอาละที่ผมอยากจะบอกก็คือความผิดหวังจากขุนพันธ์ภาคแรกทำให้ผมไปดูภาคนี้อย่างไม่ได้คาดหวังอะไรเลย แต่ทันทีที่ได้ดูก็บอกตรงๆว่าผิดคาดมากๆ จะเป็นยังไงก็ไปอ่านรีวิวผมได้เลยครับ
เรื่องย่อ:เมื่อ “ขุนพันธ์” เผชิญกับความจริงที่ว่าผู้คนไม่ศรัทธาตำรวจ ชาวบ้านลุกขึ้นมาเป็นโจร ข้าราชการล้วนหาผลประโยชน์ใส่ตัว เพื่อนตำรวจถูกโจรร้ายฆ่า เขาถูกให้พักราชการ ทำให้ขุนพันธ์ตัดสินใจเข้าร่วมกลุ่มกับ “เสือฝ้าย” หัวหน้าชุมโจรเชิ้ตดำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภาคกลาง และมีมือขวาคนสนิทคือ “เสือใบ” การเดินทางสู่ถ้ำเสือของขุนพันธ์ในนาม “เสือบุตร์” จึงได้เริ่มต้นขึ้น
ความรู้สึกหลังดูจบ: บอกตรงๆรู้สึกผิดคาดมาก หนังทำออกมาดีกว่าที่คิดและดูสนุกกว่าภาคแรกมากๆ หลายอย่างที่ภาคแรกทำได้ไม่ดีภาพนี้ก็แก้ไขและพัฒนาให้มันดีขึ้น แต่ถามว่าหนังไร้ที่ติจนไม่มีข้อเสียเลยไหมผมว่าก็ไม่นะ หนังก็ยังมีจุดที่ยังทำได้ไม่ค่อยดีอยู่แต่มันเล็กน้อยมาก โดยรวมเป็นหนังไทยที่ดูสนุกอีกเรื่องของปีนี้เลย แนะนำให้ไปดูครับไม่เสียดายตังค์แน่นอน
อย่างแรกที่อยากจะกล่าวถึงและขอชมเลยคือตัวบทที่มีความชัดเจนในประเด็นที่จะเล่า รวมถึงการดำเนินเรื่องที่มีการลำดับเรื่องราวได้ดีขึ้นกว่าภาคแรกมากๆ ในขณะที่ภาคแรกไม่ชัดเจนด้วยซ้ำว่าจะเล่าหนังของขุนพันธ์หรือว่าหนังของอัลฮาวียะลูกันแน่ การเล่าเรื่องก็สะเปะสะปะลำดับเรื่องราวไม่ได้เลยว่าอะไรเกิดขึ้นก่อนหลังยังไงตัดสลับไปมางงไปหมด แต่ภาคนี้หนังจะไม่มีปัญหาอย่างในจุดนั้นอีกแล้ว หนังถ่ายทอดประเด็นที่อยากจะเล่าอย่างเรื่องของ การที่เราไม่สามารถจะเชื่อใจในอะไรแน่ชัดได้ คนดีอย่างตำรวจก็สามารถเป็นคนเลวได้ ในขณะที่คนเลวอย่างโจรก็สามารถเป็นคนดีได้เหมือนกัน ออกมาอย่างชัดเจน โดยทุกอย่างหนังจะถ่ายทอดผ่านมุมมองและวิธีคิดของตัวขุนพันธ์ อย่างเช่นการที่หนังส่งตัวขุนพันธ์เข้าไปอยู่ในกลุ่มโจร นั้นก็เพื่อให้ขุนพันธ์ได้ได้เรียนรู้มุมมองใหม่ๆจากสังคมที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ทำให้ขุนพันธ์ในภาคนี้จะมีมิติที่ซับซ้อนและเติบโตขึ้นกว่าเดิมมาก ในด้านการลำดับเรื่องราวก็จัดวางได้ดีทำให้เราเขาใจว่าอะไรเกิดก่อนเกิดหลังและเชื่อมโยงกันไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เช่นตัวละครแบบนั้นไปเจอเหตุการณ์แบบนี้เลยทำให้มีการเดินทางไปตรงนั้นและก็เจอคนนี้ อะไรประมานนี้ครับ ไม่ใช่สะเปะสะปะข้ามไปข้ามมาเหมือนภาคแรก
นอกจากตัวบทจะมีประเด็นที่น่าสนใจและนำเสนอออกมาได้ดีแล้ว ภาคนี้ยังพยายามทำให้บทมีความเข้มข้นและลุ่มลึกขึ้นมากกว่าภาคแรก ทั้งจากด้านของตัวละครที่แต่ละคนต่างก็มีปมและเรื่องราวอันซับซ้อนเป็นของตัวเอง การที่หนังดึงตัวละครจากหลายๆเรื่องราวหลายๆความคิดมารวมกันย่อมทำให้เกิดConflictที่รุนแรงและเพิ่มความเข้มข้นให้กับหนังเป็นเท่าตัว รวมไปถึงการที่หนังมีตื้นลึกหนาบางมากกว่าที่เราคิด พูดง่ายๆก็คือหนังมีปมที่ซับซ้อนซ่อนอยู่ในเนื้อเรื่องโดยที่เราก็คาดไม่ถึง และเมื่อมันมีการTwistเกิดขึ้นเราจะรับรู้ได้ทันทีถึงความฉลาดและแยบยลแบบสุดๆของหนังภาคนี้เลย
และอีกจุดที่ไม่ชมก็คงไม่ได้เพราะเป็นจุดที่สร้างเสน่ห์ให้กับหนังชุดนี้มาตั้งแต่ภาคแรก และเป็นจุดที่ผมชอบมากๆอีกด้วย นั้นก็คืออารมณ์แบบหนังWesternที่ถูกใส่เข้ามา ซึ่งผมมองว่าเขาน่าจะเล่นใหญ่กว่าภาคแรกอีกนะ เพราะหนังแทบจะมีความเป็นWesternซ่อนอยู่ในทุกอณูเลย เห็นได้ชัดสุดก็จากการตีความ3คาแรคเตอร์หลัก(ไม่รู้ผมคิดไปเองป่าวนะ) ขุนพันธ์(นายอำเภอ) เสือใบ(คาวบอย) เสือฝ้าย(หัวหน้ากองโจร) ซึ่งก็เป็นรูปแบบคาแรคเตอร์พื้นฐานที่เรามักจะเห็นกันได้บ่อยๆจากหนังแนวWesternเลยใช่มะ เอาเป็นว่าเราจะได้เห็นองค์ประกอบทุกอย่างเท่าที่หนังWesternเรื่องนึงควรจะมีอยู่ในเรื่องนี้หมดนั้นแหละ ไม่ว่าจะเป็นฉากแอ็คชั่นโชว์ความเก๋า ความดิบเถื่อนรุนแรงของการต่อสู้และสภาพสังคม ฉากสาดกระสุนสุดเดือดของแก๊งโจร ฉากในบาร์ ฉากขี่ม้าเท่ๆ และอีกมากมาย ซึ่งด้วยความที่ภาพลักษณ์ของหนังมันก็เหมาะแกการทำเป็นแนวนี้อยู่แล้ว ดังนั้นพอผู้กำกับเขายิ่งจัดเต็มใส่ไม่ยั้งมันก็ทำให้ตัวหนังดูมีเสน่ห์และเอกลักษณ์ที่ชัดเจนมากขึ้นไปเลย
อย่างสุดท้ายที่อยากจะชมก็คือไอเดียหลักของหนังเรื่องการหยิบความเชื่อทางไสยศาสตร์มาแสดงออกให้มันดูแฟนตาซี ผมชอบนะที่เขาไม่ได้พยายามขายความเป็นไสยศาสตร์แบบโต้งๆดื้อๆอย่างที่หนังไทยแนวๆนี้หลายเรื่องชอบทำ แต่นำเสนอให้มันเป็นเหมือนกับเวทมนตร์หรือพลังพิเศษที่สามารถฝึกฝนกันได้ และผมชอบการที่บทแบ่งให้แต่ละคนมีวิชาที่ต่างกันมันทำให้เกิดความหลากหลายและน่าตื่นตามากขึ้น อย่างเวลาที่ตัวละครมาสู้กันเราก็จะได้เห็นการบัฟกันของวิชานั้นวิชานี้มันก็ยิ่งน่าสนุกและน่าลุ้นไปอีก เหมือนเราดูนารูโตะและสนุกกับการได้เห็นตัวละครนั้นมีวิชานินจาแบบนี้มาสู้กับไอ้คนนี้ที่มีวิชาแบบนั้นอะไรประมานนี้แหละครับ โดยรวมก็คือเขาถ่ายทอดความเป็นไสยศาสตร์ออกมาได้แบบน่าสนุกและดูไม่เชยเลย
เอาละถึงผมจะชมมาตั้งมากมายแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสียนะครับ สิ่งที่อยากจะติเลยคือรายละเอียดของเนื้อเรื่องบางส่วนที่ยังอาจจะขยี้ได้มากกว่านี้และความสัมพันธ์ของตัวละครบางตัวที่ก็ไม่รู้ว่าจะเล่าไปทำไม อย่างแรกผมว่าเนื้อเรื่องในส่วนของตัวละครเสือใบกับทับทิมน่าจะขยี้ได้มากกว่านี้นะคือหนังก็ทำให้เราได้เข้าใจเหตุผลแหละว่า2ตัวละครนี้มารักกันได้ยังไง แต่อย่างว่าแหละเราเข้าใจก็จริงแต่เราไม่รู้สึกตามไง ส่วนนึงก็เพราะหนังมีตัวละครเยอะและต้องแบ่งไปเล่าตัวนี้ทีตัวนั้นที ทำให้ช่วงเวลาที่เราได้เห็นความสัมพันธ์ของเสือใบกับทับทิมนั้นมีน้อยลงเลยกลายเป็นว่าเราจึงไม่ค่อยอินกับคู่นี้เท่าไร พอถึงฉากสำคัญของทั้งคู่ผมเลยเฉยๆไปเลย รวมถึงปมของเสือฝ้ายที่ผมว่าน่าจะลงไปได้ลึกกว่านี้นะแบบว่าหนังยังไม่ค่อยเคลียร์เท่าไรว่าอะไรที่ทำให้เสือฝ้ายมีความต้องการแบบนั้น และอีกความสัมพันธ์ก็คือตัวละครขุนพันธ์กับบุษราซึ่งนอกจากหนังจะไม่ให้ความชัดเจนด้วยนะว่าอะไรที่ทำให้คู่นี้มันรักกัน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่มันก็ดูจะไม่ค่อยมีประโยชน์กับหนังเท่าไรด้วย เหมือนเล่าแบบให้คนดูจิ้นๆไปงั้นๆ สุดท้ายปลายทางของทั้งคู่มันก็จบแบบงงๆด้วยนะ หรือว่าผู้กำกับเขาต้องการทิ้งปมนี้ไปในภาคต่อหรือป่าว? อันนี้ก็คงต้องรอดูต่อไป
ปล.ในด้านการแสดงผมไม่ขอพูดถึงเพราะแสดงได้ดีทุกคนอยู่แล้วครับ แต่ที่เซอร์ไพรส์ผมสุดก็คงเป็น เป้ในบทเสือใบ ไม่คิดเลยว่าเป้จะแสดงได้ดีและดูเป็นธรรมชาติขนาดนี้ แต่อาจจะเป็นเพราะผมชอบตัวละครแนวคาวบอยกวนๆอย่างงี้อยู่แล้วก็ได้ สำหรับในด้านแอ็คชั่นก็ทำได้ดีตามมาตรฐานเลยครับมันส์ถึงใจมากๆ
แนะนำให้ไปดูกันครับสนุกมาก ^^
ยังมีรีวิวหนังเรื่องอื่นๆอีกมากเข้าไปอ่านกันในเพจได้เลยนะครับ
https://www.facebook.com/ReviewMoviesStudio/
( ชอบกดไลท์ ใช่กดแชร์ เป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะ >< )
อันนี้youtubeครับ
https://www.youtube.com/channel/UCezvYsjsEqVaGeta32fikqA?view_as=subscriber