_ข่วงนี้มีข่าวกำลังดัง เรื่องเพิ่มอัตราค่าปรับ ก็ได้ไปอ่านความคิดเห็นตามเพจดังๆ
ซึ่งเสียงก็ถือว่าค่อนข้างเสมอกันเลย ระหว่างเห็นด้วยกับไม่เห็นด้วย
ส่วนตัวเอง ก็ค่อนไปทางเห็นด้วยนะครับ
อย่างน้อยเพราะตอนนี้เรายังไม่มีเครื่องมือให้คนตรวจ
เอามาสแกนชิพหรืออะไรที่ฝังลงบนตัวคนแล้ว ระบุได้ว่ามีบัตร/ได้รับอนุญาต
เลยต้องใช้วิธีดั้งเดิม คือการตรวจบัตร ที่เป็นวัสดุ/เอกสาร ที่ต้องพกไปเนี่ยล่ะ
_ทำไมถึงไม่พก?
ตอนแรกก็ตั้งข้อสงสัย แล้วก็ได้รู้ถึงสิ่งที่คาดคิด และไม่คาดคิดเยอะเลย
เช่น -ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ (แต่ก็เนียนๆตามน้ำไป ว่าไม่พก)
อันนี้น่าจะเป็นจุดประสงค์แรก ที่ออกกฏมาเพื่อป้องปรามเลย
เพราะตามหลักแล้ว ไม่มีใบอนุญาต ก็ห้ามขับขี่ลงบนถนนอยู่แล้ว
-มีแล้วแต่ขี้เกียจพก/ลืม
เรื่องลืมนี่พอเข้าใจได้นะครับ ใครๆก็มีโอกาสได้ แต่ที่สงสัยคือ
อย่างเรื่องขี้เกียจพกนี่ ทำไมเราพกเงิน พกมือถือ บัตร ATM กันได้
แต่กลับพกใบขับขี่ไปด้วยไม่ได้? มันก็ไม่ได้ใหญ่ไปกว่าบัตรอื่นๆเลย
ส่วนถ้าหล่นหาย อย่างน้อยก็ควรไปแจ้งความก่อนใช้รถนะ
-ไม่พกเพราะกลัวโดนขอตรวจแล้วถูกยึด
ตอนเข้าไปเจอครั้งแรกนี่ ไม่คาดคิดเลยนะ ว่าเออ มันมีเหตุผลแบบนี้ด้วย
-รอคิวการทำบัตร ที่แสนจะยาวนาน
อันนี้คิดว่า ก็คงต้องพัฒนาที่ระบบการจัดคิวน่ะล่ะครับ ขอให้ได้ทำเร็วๆ
.
_มีทางออกร่วมกันไหม?
นั่นสิครับ ทำยังไงให้ win win ทั้งผู้ตรวจ และผู้ได้รับการตรวจล่ะ?
-ถ้าเอาแบบไม่ต้องพกใบอะไรเลย ก็คงต้องใช้ฝังชิพลงในตัวแทนละมั้ง
โอกาสที่เป็นไปได้คงอีกยาวไกล
-ถ้าให้ใส่ข้อมูลลงใน app โทรศัพท์มือถือ
อันนี้น่าจะมีโอกาสเป็นไปได้นะ มีคนที่ขับขี่รถแล้วไม่พกมือถือรึเปล่า?
แต่ต้องเป็น app เฉพาะของราชการ หรือกรมการขนส่ง อะไรพวกนี้
เดี๋ยวนี้สัญญาณ 3G 4G ก็คงครอบคลุมทั่วไทยแล้วล่ะ
แบบเปิด app มาแล้ว ใส่ชื่อ สกุล หรือเลขบัตร รหัสผ่าน
ก็เข้าไปดูข้อมูลของคนนั้นๆได้เลย คล้ายสมุดหน้าเหลือง
(แต่บุคคลทั่วไปจะถูกจำกัดการใช้งาน เช่นให้ดูได้แต่ของตัวเอง)
เพื่อความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัว
ถ้าเป็นมือถือรุ่นเก่า ไม่ใช่ smart phone ก็พกใบขับขี่ไปด้วยเหมือนเดิม
.
-มอบ(โยน)ให้เป็นหน้าที่ของผู้ผลิตรถ/ผู้ซื้อ
อันนี้ส่วนตัวแล้วคิดว่ามันน่าสนใจมากๆ และยังเชื่อมโยงกับกรณีอื่นๆได้
เช่นก่อนไขกุญแจ หรือกดปุ่ม สตาร์ทรถ ต้องสแกนใบขับขี่ และ/หรือ ลายนิ้วมือก่อน
อันนี้เชื่อว่ามีโอกาสเป็นไปได้อยู่นะครับ
จริงอยู่ว่า อาจจะทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่ม แต่ถ้าทำออกมาเยอะๆเป็นแสนเป็นล้านชิ้น
ราคามันก็คงเพิ่มมาไม่เท่าไหร่หรอก ยกตัวอย่างเช่น
มือถือเดี๋ยวนี้ก็มีระบบสแกนนิ้ว (เพื่อปลดล็อคเครื่อง หรือทำรายการต่างๆ)เยอะมากแล้ว
อย่าง GPS เมื่อไม่กี่ปีก่อน (สักช่วงปี2000) ดูเ็นของหายากและมีราคาแพง
ไม่น่าเชื่อว่าอีกไม่กี่ปีต่อมา จะลงมาอยู่ในสมาร์ทโฟน เกือบทุกเครื่องเลยนะ
กลับเข้าเรื่องกันต่อ ที่ต้องสแกนใบขับขี่ ก่อนสตาร์ทรถ
และอาจจะต้องเพิ่มการเช็คทุกๆ 1 ชั่วโมง หรือใกล้เคียง ก็ว่ากันไป
อาจจะเพิ่ม option เป่าลมหายใจ เพื่อเช็คระดับแอลกอฮอล์ด้วย
ถ้าไม่มีสิ่งพวกนี้ เครื่องก็จะดับ (หรือยังติดต่ออีกไม่เกิน 2-3 นาที)
แบบนี้คงเพิ่มความปลอดภัยของการใช้ถนนได้บ้าง
สิ่งที่อยากให้พ่วงมาอีกคือ ออกกฏให้รถที่ออกจากโรงงาน มีกล้องติดหน้ารถ
เพื่อตัวผู้ขับขี่เอง และคนรอบข้าง (เห็นว่าบางประเทศ บังคับใช้กฏนี้แล้ว)
.
ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คิดว่ามีอะไรที่น่าสนใจ และเป็นได้อีกบ้างครับ?
ความเห็นสำหรับคนที่รู้ตัวว่าทำหาย หรือลืมเอามา ควรทำอย่างไร
ส่วนตัวก็คิดว่า ไม่ต้องขับครับ จอดไว้ที่ไหนก็จอดทิ้งไว้ที่นั่น
ถ้านึกขึ้นได้กลางทาง ก็ไปให้ถึงจุดหมายก่อน
ขอบคุณครับ
## ว่าด้วยเรื่องการพกหรือไม่พกใบขับขี่ คิดว่ามีวิธีไหนช่วยได้บ้างครับ? bb
ซึ่งเสียงก็ถือว่าค่อนข้างเสมอกันเลย ระหว่างเห็นด้วยกับไม่เห็นด้วย
ส่วนตัวเอง ก็ค่อนไปทางเห็นด้วยนะครับ
อย่างน้อยเพราะตอนนี้เรายังไม่มีเครื่องมือให้คนตรวจ
เอามาสแกนชิพหรืออะไรที่ฝังลงบนตัวคนแล้ว ระบุได้ว่ามีบัตร/ได้รับอนุญาต
เลยต้องใช้วิธีดั้งเดิม คือการตรวจบัตร ที่เป็นวัสดุ/เอกสาร ที่ต้องพกไปเนี่ยล่ะ
_ทำไมถึงไม่พก?
ตอนแรกก็ตั้งข้อสงสัย แล้วก็ได้รู้ถึงสิ่งที่คาดคิด และไม่คาดคิดเยอะเลย
เช่น -ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ (แต่ก็เนียนๆตามน้ำไป ว่าไม่พก)
อันนี้น่าจะเป็นจุดประสงค์แรก ที่ออกกฏมาเพื่อป้องปรามเลย
เพราะตามหลักแล้ว ไม่มีใบอนุญาต ก็ห้ามขับขี่ลงบนถนนอยู่แล้ว
-มีแล้วแต่ขี้เกียจพก/ลืม
เรื่องลืมนี่พอเข้าใจได้นะครับ ใครๆก็มีโอกาสได้ แต่ที่สงสัยคือ
อย่างเรื่องขี้เกียจพกนี่ ทำไมเราพกเงิน พกมือถือ บัตร ATM กันได้
แต่กลับพกใบขับขี่ไปด้วยไม่ได้? มันก็ไม่ได้ใหญ่ไปกว่าบัตรอื่นๆเลย
ส่วนถ้าหล่นหาย อย่างน้อยก็ควรไปแจ้งความก่อนใช้รถนะ
-ไม่พกเพราะกลัวโดนขอตรวจแล้วถูกยึด
ตอนเข้าไปเจอครั้งแรกนี่ ไม่คาดคิดเลยนะ ว่าเออ มันมีเหตุผลแบบนี้ด้วย
-รอคิวการทำบัตร ที่แสนจะยาวนาน
อันนี้คิดว่า ก็คงต้องพัฒนาที่ระบบการจัดคิวน่ะล่ะครับ ขอให้ได้ทำเร็วๆ
.
_มีทางออกร่วมกันไหม?
นั่นสิครับ ทำยังไงให้ win win ทั้งผู้ตรวจ และผู้ได้รับการตรวจล่ะ?
-ถ้าเอาแบบไม่ต้องพกใบอะไรเลย ก็คงต้องใช้ฝังชิพลงในตัวแทนละมั้ง
โอกาสที่เป็นไปได้คงอีกยาวไกล
-ถ้าให้ใส่ข้อมูลลงใน app โทรศัพท์มือถือ
อันนี้น่าจะมีโอกาสเป็นไปได้นะ มีคนที่ขับขี่รถแล้วไม่พกมือถือรึเปล่า?
แต่ต้องเป็น app เฉพาะของราชการ หรือกรมการขนส่ง อะไรพวกนี้
เดี๋ยวนี้สัญญาณ 3G 4G ก็คงครอบคลุมทั่วไทยแล้วล่ะ
แบบเปิด app มาแล้ว ใส่ชื่อ สกุล หรือเลขบัตร รหัสผ่าน
ก็เข้าไปดูข้อมูลของคนนั้นๆได้เลย คล้ายสมุดหน้าเหลือง
(แต่บุคคลทั่วไปจะถูกจำกัดการใช้งาน เช่นให้ดูได้แต่ของตัวเอง)
เพื่อความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัว
ถ้าเป็นมือถือรุ่นเก่า ไม่ใช่ smart phone ก็พกใบขับขี่ไปด้วยเหมือนเดิม
.
-มอบ(โยน)ให้เป็นหน้าที่ของผู้ผลิตรถ/ผู้ซื้อ
อันนี้ส่วนตัวแล้วคิดว่ามันน่าสนใจมากๆ และยังเชื่อมโยงกับกรณีอื่นๆได้
เช่นก่อนไขกุญแจ หรือกดปุ่ม สตาร์ทรถ ต้องสแกนใบขับขี่ และ/หรือ ลายนิ้วมือก่อน
อันนี้เชื่อว่ามีโอกาสเป็นไปได้อยู่นะครับ
จริงอยู่ว่า อาจจะทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่ม แต่ถ้าทำออกมาเยอะๆเป็นแสนเป็นล้านชิ้น
ราคามันก็คงเพิ่มมาไม่เท่าไหร่หรอก ยกตัวอย่างเช่น
มือถือเดี๋ยวนี้ก็มีระบบสแกนนิ้ว (เพื่อปลดล็อคเครื่อง หรือทำรายการต่างๆ)เยอะมากแล้ว
อย่าง GPS เมื่อไม่กี่ปีก่อน (สักช่วงปี2000) ดูเ็นของหายากและมีราคาแพง
ไม่น่าเชื่อว่าอีกไม่กี่ปีต่อมา จะลงมาอยู่ในสมาร์ทโฟน เกือบทุกเครื่องเลยนะ
กลับเข้าเรื่องกันต่อ ที่ต้องสแกนใบขับขี่ ก่อนสตาร์ทรถ
และอาจจะต้องเพิ่มการเช็คทุกๆ 1 ชั่วโมง หรือใกล้เคียง ก็ว่ากันไป
อาจจะเพิ่ม option เป่าลมหายใจ เพื่อเช็คระดับแอลกอฮอล์ด้วย
ถ้าไม่มีสิ่งพวกนี้ เครื่องก็จะดับ (หรือยังติดต่ออีกไม่เกิน 2-3 นาที)
แบบนี้คงเพิ่มความปลอดภัยของการใช้ถนนได้บ้าง
สิ่งที่อยากให้พ่วงมาอีกคือ ออกกฏให้รถที่ออกจากโรงงาน มีกล้องติดหน้ารถ
เพื่อตัวผู้ขับขี่เอง และคนรอบข้าง (เห็นว่าบางประเทศ บังคับใช้กฏนี้แล้ว)
.
ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว คิดว่ามีอะไรที่น่าสนใจ และเป็นได้อีกบ้างครับ?
ความเห็นสำหรับคนที่รู้ตัวว่าทำหาย หรือลืมเอามา ควรทำอย่างไร
ส่วนตัวก็คิดว่า ไม่ต้องขับครับ จอดไว้ที่ไหนก็จอดทิ้งไว้ที่นั่น
ถ้านึกขึ้นได้กลางทาง ก็ไปให้ถึงจุดหมายก่อน
ขอบคุณครับ