มทภ.2 โต้ ไม่ได้ไฟเขียว'สามมิตร'เคลื่อนไหว รับ มีบิ๊กทหารคุยนักการเมืองให้หนุนคสช.
https://www.matichon.co.th/politics/news_1097145
มทภ.2 ยัน ไม่ได้ไฟเขียว กลุ่มสามมิตร เคลื่อนไหว หลังถูกอ้างชื่อ ยัน ทำผิดดำเนินการ รับ มีทหารคุยฝ่ายการเมือง หนุน รบ.คสช. ชี้ ทำส่วนตัว
เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ที่โรงแรมนภาลัย จ.อุดรธานี พล.ท.
ธรากร ธรรมวินทร แม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสวบเรียบร้อย (กกล.รส.ทภ2) กล่าว ถึงการรักษาความสงบเรียบร้อยสถานการณ์การเมืองในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ในช่วงใกล้การเลือกตั้งว่า สถานการณ์ในพื้นที่ยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขณะนี้เรามีความชัดเจนในหลายๆด้าน ตนมั่นใจว่าทุกฝ่ายจะช่วยกันประคับประคองสถานการณ์ให้มีความสงบและเรียบร้อยไม่ทำให้เกิดความยุ่งยากในการปฏิบัติงาน นอกจากนี้เรายังมีความก้าวหน้าในเรื่องของการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการท่องเที่ยวการลงทุน สิ่งต่างๆเหล่านี้มีตัวเลขที่เป็นตัวชี้วัดอยู่ในระดับที่ดีขึ้น ถือเป็นเรื่องของการรักษาสภาวะแวดล้อมให้เกื้อกูลต่อการปฏิบัติงานทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการบริหารงานของรัฐบาลซึ่งกองทีพภาคที่ 2 ต้องรับผิดชอบดูแลความมั่นคงภายในและดูแลชายแดน ซึ่งเราติดตามสถานการณ์ทุกๆด้าน
พล.ท.
ธรากร กล่าวต่อว่า ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองในอดีต เช่น กลุ่มคนเสื้อแดงนั้น เขาก็ให้ความร่วมมือดีและไม่มีการปฏิบัติที่ทำให้เกิดความเสียหาย อยู่ในกรอบกติกา ก็ต้องขอบคุณทุกภาคส่วน โดยเฉพาะฝ่ายปกครองที่ช่วยกำกับดูแลรวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ทุกคนกำลังให้ความสนใจการแก้ไขหนี้นอกระบบและภัยธรรมชาติ
เมื่อถามว่า ความได้เปรียบทางด้านการเมืองภายหลัง กลุ่มสามมิตร อ้างชื่อ แม่ทัพภาคที่ 2 ไฟเขียว ให้เคลื่อนไหวทางการเมือง พล.ท.ธนากร กล่าวว่า ไม่มีไฟเขียว เขาก็ดำเนินการในส่วนของเขา ถือว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคลในการไปมาหาสู่การพบตามปกติ ทำกันอยู่แล้วโอกาสพบปะพูดคุยมีหลายช่องทาง เพียงแต่ว่ามีการติดตามหรือใช้การประชาสัมพันธ์ทำให้เป็นที่สนใจของประชาชน ยืนยันว่า หาก กลุ่มสามมิตร ทำผิดก็ต้องดำเนินการ ทั้งนี้ต้องดูที่เจตนาในการปฏิบัติ และเรามีเจ้าหน้าที่ติดตามกลุ่มการเมืองอยู่อยู่ ส่วนที่ตนถูกอ้างชื่อนั้น ได้แจ้งหน่วยที่รับผิดชอบในพื้นที่ไปแล้ว
ส่วนกระแสข่าวมีนายทหารระดับสูงของกองทัพภาคที่ 2 พูดคุยกับนักการเมืองให้สนับสนุน รัฐบาล คสช. ต่อ เป็นเรื่องส่วนตัว อาจจะรู้จักกันอยู่ ก็เป็นทำนองนั้นมากกว่า
เมื่อถามย้ำว่า การทำงานของกองกำลังรักษาความเรียบ จะเกิดการลักลั่นหรือไม่ หากต้องทำงานส่วนตัวด้วย พล.ท.ธนากร กล่าวว่า กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยก็ต้องดูในแง่ของการบังคับใช้กฎหมายเป็นหลัก หากไม่ผิดกฎหมาย ก็ต้องปล่อยไป เพราะเขาเข้ามาในส่วนตัว ซึ่งหลายๆกิจการ เขามาเยี่ยมผู้ประสบภัยก็สามารทำได้ ยืนยันไม่ใช่มาดูด สส.เป็น สิ่งคิดกันไป ดูเจตนาเป็นหลัก อย่างไรก็ตามเราก็ยังคงเข้มงวดเรื่องการชุมนุมเกิน 5 คนจนกว่า คสช.จะปลดล็อกการเมือง
พล.ท.
ธรากร กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องสร้างความปรองดองในพื้นที่ขณะนี้เกิดขึ้นแล้ว เนื่องจากโครงการประชานิยมเป็นการที่สร้างความสามัคคีปรองดองซึ่งทุกคนได้ร่วมคิดร่วมทางมารับรู้งานด้านต่างๆ ทั้งนี้อยากให้ประชาชนพึ่งตัวเอง เพราะ ข้าราชการทหารตำรวจ ยังไม่เพียงพอที่จะไปแก้ไขปัญหาหมดในทุกๆเรื่อง
เมื่อถามว่า ได้เก็บฐานข้อมูลประชาชนสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลอะไรบ้าง พล.ท.
ธรากร กล่าวหา ไม่ได้ไปเก็บโดยตรง เราอาศัยเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ แต่สามารถวิเคราะห์ได้จากการสอบถามทางตรงและทางอ้อมในหลายๆด้าน ไม่จำเป็นต้องไปทำแบบสอบถาม ส่วนที่เป็นคะแนนนิยมมากที่สุดคือโครงการที่เกิดผลดีต่อคุณภาพชีวิตสามารถจับต้องได้ใช้งานได้เปลี่ยนแปลงชีวิตเขาในระยะสั้นได้ดีขึ้น
อดีตส.ส.ปชป. รู้ทัน“บิ๊กตู่”ระบุวันเลือกตั้งแต่มีเงื่อนไข เตือนสังคมอย่าหลงเชื่อ
https://www.matichon.co.th/politics/news_1097411
อดีตส.ส.ปชป. รู้ทัน “บิ๊กตู่” ระบุวันเลือกตั้ง 24 ก.พ. แต่มีเงื่อนไข เตือนสังคมอย่าหลงเชื่อ เหตุ หลอกให้ความหวังปชช.มาหลายครั้ง ระบุชี้วันลต.ชัดเจนมาเลยอย่าติดโรคเลื่อน
เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม นาย
ไชยวัฒน์ ไตรยสุนันท์ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)กล่าวถึงกรณีพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ระบุว่าจะจัดการเลือกตั้งในวันที่ 24กุมภาพันธ์ 2562 แต่มีเงื่อนไขว่าถ้าไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ก็จะพิจารณาอีกครั้ง ว่า การกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปของพล.อ.
ประยุทธ์ครั้งนี้ถือว่า แปลกและแตกต่างจากทุกครั้ง ก่อนหน้านี้ที่เลื่อนมาแล้ว 4 ครั้ง และการที่พล.อ.
ประยุทธ์กำหนดวันเลือกตั้งว่าเป็นวันที่ 24 กุมภาพันธ์2562 ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ชุดใหม่ระบุ แต่ที่ยังเงื่อนไขเรื่องความไม่สงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ซึ่งน่าแปลกทั้งที่รัฐบาลของพล.อ.
ประยุทธ์มาจากคสช. ที่ทำการรัฐประหารยึดอำนาจถือเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดและเข้ามาบริหารบ้านเมืองกว่า 4 ปีแล้ว แต่ตัวหัวหน้าคสช. ที่เป็นนายกฯเองยังพูดถึงความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง เท่ากับว่าท่านกำลังยอมรับว่า ที่คสช. ยึดอำนาจมาบริหารเองนานกว่า 4 ปี แต่ยังไม่สามารถทำให้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อยเช่นนั้นหรือไม่
“ผมอยากบอกสังคมว่า อย่าพึ่งตั้งความหวังหรือเชื่อถือคำพูดไปทั้งหมด เพราะที่นายกฯกล้ากำหนดวันเลือกตั้งครั้งนี้ เนื่องจากรู้ว่าประชาชนต่างรอคอยความหวังว่าจะมีชีวิตที่ดีขึ้น หลังจากมีการเลือกตั้งแล้ว อยากบอกว่า รัฐบาล และ คสช. จะจัดเลือกตั้งเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ผมไม่อยากให้มาบอกล่วงหน้าแต่อ้างเงื่อนไขต่างๆนานา ที่สามารถเลื่อนออกไปได้อีก มันก็เหมือนกับการหลอกให้ความหวังกับประชาชนไปเรื่อยๆ เพราะหากมีความจริงใจว่า จะพร้อมจัดเลือกตั้งเมื่อใดก็ขอให้ประกาศกำหนดวันให้ชัดเจน โดยไม่ติดโรคเลื่อน ไม่มีเงื่อนไขต่างๆจะดีกว่า แต่ถ้าจะให้ดีที่สุด คสช. ต้องปลดล็อกพรรคการเมืองก่อน อย่ารอความพร้อมของพรรคการเมืองที่จะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ และคสช. ให้กลับมาเป็นนายกฯหรือรัฐบาลต่อในอนาคต เพราะพรรคการเมืองส่วนใหญ่ขณะนี้ต่างมีความพร้อมกันหมดแล้วรอเพียงการปลดล็อกทางการเมืองเท่านั้น” นาย
ไชยวัฒน์ กล่าว
แสบ!! สหภาพนิสิต-นศ.หิ้วซุปไก่สกัดบุกกระทรวง หวังมอบให้รมต.กิน ท้วงร่างกม.ใหม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_1097470
เพจ สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย โพสต์ข้อความ ระบุว่า วันนี้ ตัวแทนสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) ประกอบด้วยแกนนำนศ.จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฯลฯ ได้เดินทางไปกระทรวงศึกษาธิการเพื่อทวงถามความคืบหน้าเรื่องร่างกฎกระทรวงฯ ฉบับใหม่ ที่มีลักษณะ
“ควบคุม” ชีวิต มากกว่าจะ
“คุ้มครอง” สวัสดิภาพของนักเรียนและนิสิตนักศึกษา และไม่ได้ผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของนักเรียนนักศึกษา
“เราได้เล็งเห็นว่ากระทรวงศึกษาธิการอาจไม่มีทักษะและประสบการณ์จัดกระบวนการรับฟังความคิดเห็นได้อย่างเหมาะสม เพราะไม่ได้รับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อนโยบายต่าง ๆ ของกระทรวงบ่อยนัก เราจึงได้เรียนเชิญรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการมาลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นต่อร่างกฎกระทรวงดังกล่าวของนักเรียนและนิสิตนักศึกษา ในวันศุกร์ที่ 31 นี้ ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยทางกระทรวงฯ ได้ตอบกลับว่าจะมีการลงพื้นที่ดังกล่าว” เพจดังกล่าว ระบุ
เพจดังกล่าว ยังระบุอีกว่า
“ทั้งนี้ เราได้เตรียม “แบรนด์ ซุปไก่สกัด” ไปมอบให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อเสริมกำลังความคิด ให้ท่านได้ไตร่ตรองดี ๆ เรื่องร่างกฎกระทรวงฯ ต่อไป น่าเสียดายที่ท่านไม่รับน้ำใจนี้ไว้ #ไม่เอากฎกระทรวงศึกษาธิการ”
ด้านนาย
พริษฐ์ แกนนำของกลุ่ม ได้แชร์ข้อความออกไป พร้อมระบุว่า ”
น่าเสียดายที่ท่านรัฐมนตรีไม่ยอมกินแบรนด์นะครับ วันหลังเอาเป็นเพพทีนน่าจะตอบโจทย์กว่า”
เพจดังแฉ ท่อระบายน้ำงบไทยนิยมยั่งยืน 2แสน ทำเหมือนผักชีโรยหน้า
https://www.matichon.co.th/politics/news_1097741
วันนี้ (22ส.ค.) เพจ
ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน ได้โพสต์ภาพและข้อความ ระบุว่า มีข้อมูลที่ส่อให้เห็นว่าอาจจเกิดการทุจริต โดยระบุว่าเป็นโครงการ ท่อระบายน้ำจากงบไทยนิยม ยั่งยืน
“นี่คือสภาพการวางท่อระบายน้ำ ของหมู่บ้านห้วยคุ้มสันติภาพ ต.งิ้ว อ.เทิง จ.เชียงราย ระยะทาง 50 เมตร งบ 2 แสนบาท ตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน เริ่มทำต้นเดือนกรกฎาคม เสร็จปลายเดือน ระหว่างการก่อสร้าง ปรากฎว่าวางท่อโดยไม่เททรายหยาบและคอนกรีตหยาบ เพื่อรองพื้นปรับระดับก่อน จนชาวบ้านทักท้วงก็เลยมาเทคอนกรีตเพียงบางจุด ทำเหมือนผักชีโรยหน้า พอเทเสร็จปูนยังไม่ทันแห้งก็วางท่อและกลบทับเลย ส่วนเรื่องราคาทีมช่างลองคำนวณค่าวัสดุคร่าว ๆ มีค่าทรายหยาบปรับพื้นหนา 5 ซม. คิดเป็นเงิน 2,500 บาท คอนกรีตปรับระดับหนา 5 ซม. คิดเป็นเงิน 3,500 บาท ท่อระบายน้ำ ค.ส.ล. ขนาดศก. 0.4 ม. ยาว 1 ม. ตกท่อละไม่เกิน 700 บาท จำนวน 50 ท่อ คิดเป็นเงิน 35,000 บาท และค่ายาแนวรอยต่ออีกประมาณ 3,000 บาท รวมแล้วราคาน่าจะราว ๆ 5 หมื่นบาทเท่านั้น (ไม่รวมค่าแรงและค่าแบคโฮ)”
https://www.facebook.com/Watchdog.ACT/photos/a.372914529407289/2037320542966671/?type=3&theater
ครอบครัว"น้องเมย"ร้องสอบหมอปมดองอวัยวะทำกระทบคดี
https://www.dailynews.co.th/politics/662031
ครอบครัวน้องเมย ร้องแพทยสภา ตรวจสอบพฤติกรรมหมอรพ.พระมงกุฎฯ ปมดองอวัยวะ ทำกระทบคดีความหรือไม่
เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ที่แพทยสภา ครอบครัวของนักเรียนเตรียมทหารภัคพงษ์ ตัญกาญจน์ ที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 ต.ค.2560 นำเอกสารหลักฐานรายงานการตรวจชันสูตรพลิกศพของรพ.พระมงกุฏเกล้า และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อแพทยสภา หลังจากแพทย์ประจำรพ.พระมงกุฎเกล้า ดองอวัยวะน้องเมยกระทบกับการพิสูจน์หลักฐาน และส่งผลกระทบกับคดี โดยมีนิติกรประจำแพทยสภาเป็นผู้รับมอบหนังสือ โดยระบุว่าจะเสนอคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงพิจารณาต่อไป
นางสาว
สุพิชา ตัญกาญจน์ พี่สาวน้องเมย กล่าวว่า การเดินทางมาวันนี้เพื่อนำหลักฐานมายื่นต่อแพทยสภา เพื่อขอทราบหลักการชันสูตร และเก็บอวัยวะ ชิ้นส่วนของศพ หลังจากที่แพทย์ประจำรพ.พระมงกุฏเกล้า ผู้ทำการชันสูตรไม่ให้ที่ยังไม่มีความละเอียดรอบคอบในการลงความเห็นการเสียชีวิต และไม่แจ้งสาเหตุที่ไม่ยอมส่งมอบอวัยวะที่สูญหายให้กับญาติ แต่ส่งให้ภายหลังหลังจากมีการดองอวัยวะไปแล้ว ซึ่งชิ้นส่วนบางชิ้นไม่สามารถตรวจสอบหาความเชื่อมโยงได้ ทำให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นผู้ชันสูตรรอบต่อมาไม่สามารถระบุได้ว่าชิ้นส่วนอวัยวะดังกล่าวเป็นของใคร จึงไม่สามารถระบุการเสียชีวิตได้ และส่งผลต่อสำนวนคดีและการส่งสำนวนให้ศาล ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้แพทยสภาตรวจสอบจริยธรรมของแพทย์ผู้ทำการชันสูตรศพผู้เสียชีวิตจากรพ.พระมงกุฏเกี่ยวกับการปฏิบัติดังกล่าวด้วย
นางสาว
สุพิชา กล่าวต่อว่า เรื่องคดีความตอนนี้ผ่านมา 10 เดือนแล้ว แต่คดีไม่มีความคืบหน้า หลายครั้งที่มีการทวงถามไปหรือขอความร่วมมือกับทางกองทัพก็มักจะไม่ได้รับความร่วมมืออย่างเต็มที่ จึงอยากเรียกร้องให้ทางกองทัพออกมาแสดงความจริงใจโดยการให้ความร่วมมือในการดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด อย่างไรก็ตามทางครอบครัวยังมีความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม แต่คิดว่าก็ยังคงล่าช้าเกินไป.
JJNY : 7in1 มทภ.2 โต้/รู้ทัน“บิ๊กตู่”/หิ้วซุปไก่สกัดบุกกท./ท่อไทยนิยม/บ้านน้องเมยร้องสอบหมอ/จีดีพีสวยหรู/น้ำตาลล้น
https://www.matichon.co.th/politics/news_1097145
มทภ.2 ยัน ไม่ได้ไฟเขียว กลุ่มสามมิตร เคลื่อนไหว หลังถูกอ้างชื่อ ยัน ทำผิดดำเนินการ รับ มีทหารคุยฝ่ายการเมือง หนุน รบ.คสช. ชี้ ทำส่วนตัว
เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ที่โรงแรมนภาลัย จ.อุดรธานี พล.ท.ธรากร ธรรมวินทร แม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสวบเรียบร้อย (กกล.รส.ทภ2) กล่าว ถึงการรักษาความสงบเรียบร้อยสถานการณ์การเมืองในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ในช่วงใกล้การเลือกตั้งว่า สถานการณ์ในพื้นที่ยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขณะนี้เรามีความชัดเจนในหลายๆด้าน ตนมั่นใจว่าทุกฝ่ายจะช่วยกันประคับประคองสถานการณ์ให้มีความสงบและเรียบร้อยไม่ทำให้เกิดความยุ่งยากในการปฏิบัติงาน นอกจากนี้เรายังมีความก้าวหน้าในเรื่องของการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการท่องเที่ยวการลงทุน สิ่งต่างๆเหล่านี้มีตัวเลขที่เป็นตัวชี้วัดอยู่ในระดับที่ดีขึ้น ถือเป็นเรื่องของการรักษาสภาวะแวดล้อมให้เกื้อกูลต่อการปฏิบัติงานทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการบริหารงานของรัฐบาลซึ่งกองทีพภาคที่ 2 ต้องรับผิดชอบดูแลความมั่นคงภายในและดูแลชายแดน ซึ่งเราติดตามสถานการณ์ทุกๆด้าน
พล.ท.ธรากร กล่าวต่อว่า ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองในอดีต เช่น กลุ่มคนเสื้อแดงนั้น เขาก็ให้ความร่วมมือดีและไม่มีการปฏิบัติที่ทำให้เกิดความเสียหาย อยู่ในกรอบกติกา ก็ต้องขอบคุณทุกภาคส่วน โดยเฉพาะฝ่ายปกครองที่ช่วยกำกับดูแลรวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ทุกคนกำลังให้ความสนใจการแก้ไขหนี้นอกระบบและภัยธรรมชาติ
เมื่อถามว่า ความได้เปรียบทางด้านการเมืองภายหลัง กลุ่มสามมิตร อ้างชื่อ แม่ทัพภาคที่ 2 ไฟเขียว ให้เคลื่อนไหวทางการเมือง พล.ท.ธนากร กล่าวว่า ไม่มีไฟเขียว เขาก็ดำเนินการในส่วนของเขา ถือว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคลในการไปมาหาสู่การพบตามปกติ ทำกันอยู่แล้วโอกาสพบปะพูดคุยมีหลายช่องทาง เพียงแต่ว่ามีการติดตามหรือใช้การประชาสัมพันธ์ทำให้เป็นที่สนใจของประชาชน ยืนยันว่า หาก กลุ่มสามมิตร ทำผิดก็ต้องดำเนินการ ทั้งนี้ต้องดูที่เจตนาในการปฏิบัติ และเรามีเจ้าหน้าที่ติดตามกลุ่มการเมืองอยู่อยู่ ส่วนที่ตนถูกอ้างชื่อนั้น ได้แจ้งหน่วยที่รับผิดชอบในพื้นที่ไปแล้ว
ส่วนกระแสข่าวมีนายทหารระดับสูงของกองทัพภาคที่ 2 พูดคุยกับนักการเมืองให้สนับสนุน รัฐบาล คสช. ต่อ เป็นเรื่องส่วนตัว อาจจะรู้จักกันอยู่ ก็เป็นทำนองนั้นมากกว่า
เมื่อถามย้ำว่า การทำงานของกองกำลังรักษาความเรียบ จะเกิดการลักลั่นหรือไม่ หากต้องทำงานส่วนตัวด้วย พล.ท.ธนากร กล่าวว่า กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยก็ต้องดูในแง่ของการบังคับใช้กฎหมายเป็นหลัก หากไม่ผิดกฎหมาย ก็ต้องปล่อยไป เพราะเขาเข้ามาในส่วนตัว ซึ่งหลายๆกิจการ เขามาเยี่ยมผู้ประสบภัยก็สามารทำได้ ยืนยันไม่ใช่มาดูด สส.เป็น สิ่งคิดกันไป ดูเจตนาเป็นหลัก อย่างไรก็ตามเราก็ยังคงเข้มงวดเรื่องการชุมนุมเกิน 5 คนจนกว่า คสช.จะปลดล็อกการเมือง
พล.ท.ธรากร กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องสร้างความปรองดองในพื้นที่ขณะนี้เกิดขึ้นแล้ว เนื่องจากโครงการประชานิยมเป็นการที่สร้างความสามัคคีปรองดองซึ่งทุกคนได้ร่วมคิดร่วมทางมารับรู้งานด้านต่างๆ ทั้งนี้อยากให้ประชาชนพึ่งตัวเอง เพราะ ข้าราชการทหารตำรวจ ยังไม่เพียงพอที่จะไปแก้ไขปัญหาหมดในทุกๆเรื่อง
เมื่อถามว่า ได้เก็บฐานข้อมูลประชาชนสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลอะไรบ้าง พล.ท.ธรากร กล่าวหา ไม่ได้ไปเก็บโดยตรง เราอาศัยเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ แต่สามารถวิเคราะห์ได้จากการสอบถามทางตรงและทางอ้อมในหลายๆด้าน ไม่จำเป็นต้องไปทำแบบสอบถาม ส่วนที่เป็นคะแนนนิยมมากที่สุดคือโครงการที่เกิดผลดีต่อคุณภาพชีวิตสามารถจับต้องได้ใช้งานได้เปลี่ยนแปลงชีวิตเขาในระยะสั้นได้ดีขึ้น
อดีตส.ส.ปชป. รู้ทัน“บิ๊กตู่”ระบุวันเลือกตั้งแต่มีเงื่อนไข เตือนสังคมอย่าหลงเชื่อ
https://www.matichon.co.th/politics/news_1097411
อดีตส.ส.ปชป. รู้ทัน “บิ๊กตู่” ระบุวันเลือกตั้ง 24 ก.พ. แต่มีเงื่อนไข เตือนสังคมอย่าหลงเชื่อ เหตุ หลอกให้ความหวังปชช.มาหลายครั้ง ระบุชี้วันลต.ชัดเจนมาเลยอย่าติดโรคเลื่อน
เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม นายไชยวัฒน์ ไตรยสุนันท์ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ระบุว่าจะจัดการเลือกตั้งในวันที่ 24กุมภาพันธ์ 2562 แต่มีเงื่อนไขว่าถ้าไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ก็จะพิจารณาอีกครั้ง ว่า การกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไปของพล.อ.ประยุทธ์ครั้งนี้ถือว่า แปลกและแตกต่างจากทุกครั้ง ก่อนหน้านี้ที่เลื่อนมาแล้ว 4 ครั้ง และการที่พล.อ.ประยุทธ์กำหนดวันเลือกตั้งว่าเป็นวันที่ 24 กุมภาพันธ์2562 ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ชุดใหม่ระบุ แต่ที่ยังเงื่อนไขเรื่องความไม่สงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ซึ่งน่าแปลกทั้งที่รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์มาจากคสช. ที่ทำการรัฐประหารยึดอำนาจถือเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดและเข้ามาบริหารบ้านเมืองกว่า 4 ปีแล้ว แต่ตัวหัวหน้าคสช. ที่เป็นนายกฯเองยังพูดถึงความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง เท่ากับว่าท่านกำลังยอมรับว่า ที่คสช. ยึดอำนาจมาบริหารเองนานกว่า 4 ปี แต่ยังไม่สามารถทำให้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อยเช่นนั้นหรือไม่
“ผมอยากบอกสังคมว่า อย่าพึ่งตั้งความหวังหรือเชื่อถือคำพูดไปทั้งหมด เพราะที่นายกฯกล้ากำหนดวันเลือกตั้งครั้งนี้ เนื่องจากรู้ว่าประชาชนต่างรอคอยความหวังว่าจะมีชีวิตที่ดีขึ้น หลังจากมีการเลือกตั้งแล้ว อยากบอกว่า รัฐบาล และ คสช. จะจัดเลือกตั้งเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ผมไม่อยากให้มาบอกล่วงหน้าแต่อ้างเงื่อนไขต่างๆนานา ที่สามารถเลื่อนออกไปได้อีก มันก็เหมือนกับการหลอกให้ความหวังกับประชาชนไปเรื่อยๆ เพราะหากมีความจริงใจว่า จะพร้อมจัดเลือกตั้งเมื่อใดก็ขอให้ประกาศกำหนดวันให้ชัดเจน โดยไม่ติดโรคเลื่อน ไม่มีเงื่อนไขต่างๆจะดีกว่า แต่ถ้าจะให้ดีที่สุด คสช. ต้องปลดล็อกพรรคการเมืองก่อน อย่ารอความพร้อมของพรรคการเมืองที่จะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ และคสช. ให้กลับมาเป็นนายกฯหรือรัฐบาลต่อในอนาคต เพราะพรรคการเมืองส่วนใหญ่ขณะนี้ต่างมีความพร้อมกันหมดแล้วรอเพียงการปลดล็อกทางการเมืองเท่านั้น” นายไชยวัฒน์ กล่าว
แสบ!! สหภาพนิสิต-นศ.หิ้วซุปไก่สกัดบุกกระทรวง หวังมอบให้รมต.กิน ท้วงร่างกม.ใหม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_1097470
เพจ สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย โพสต์ข้อความ ระบุว่า วันนี้ ตัวแทนสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) ประกอบด้วยแกนนำนศ.จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฯลฯ ได้เดินทางไปกระทรวงศึกษาธิการเพื่อทวงถามความคืบหน้าเรื่องร่างกฎกระทรวงฯ ฉบับใหม่ ที่มีลักษณะ “ควบคุม” ชีวิต มากกว่าจะ “คุ้มครอง” สวัสดิภาพของนักเรียนและนิสิตนักศึกษา และไม่ได้ผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของนักเรียนนักศึกษา
“เราได้เล็งเห็นว่ากระทรวงศึกษาธิการอาจไม่มีทักษะและประสบการณ์จัดกระบวนการรับฟังความคิดเห็นได้อย่างเหมาะสม เพราะไม่ได้รับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อนโยบายต่าง ๆ ของกระทรวงบ่อยนัก เราจึงได้เรียนเชิญรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการมาลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นต่อร่างกฎกระทรวงดังกล่าวของนักเรียนและนิสิตนักศึกษา ในวันศุกร์ที่ 31 นี้ ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยทางกระทรวงฯ ได้ตอบกลับว่าจะมีการลงพื้นที่ดังกล่าว” เพจดังกล่าว ระบุ
เพจดังกล่าว ยังระบุอีกว่า “ทั้งนี้ เราได้เตรียม “แบรนด์ ซุปไก่สกัด” ไปมอบให้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อเสริมกำลังความคิด ให้ท่านได้ไตร่ตรองดี ๆ เรื่องร่างกฎกระทรวงฯ ต่อไป น่าเสียดายที่ท่านไม่รับน้ำใจนี้ไว้ #ไม่เอากฎกระทรวงศึกษาธิการ”
ด้านนายพริษฐ์ แกนนำของกลุ่ม ได้แชร์ข้อความออกไป พร้อมระบุว่า ” น่าเสียดายที่ท่านรัฐมนตรีไม่ยอมกินแบรนด์นะครับ วันหลังเอาเป็นเพพทีนน่าจะตอบโจทย์กว่า”
เพจดังแฉ ท่อระบายน้ำงบไทยนิยมยั่งยืน 2แสน ทำเหมือนผักชีโรยหน้า
https://www.matichon.co.th/politics/news_1097741
วันนี้ (22ส.ค.) เพจ ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน ได้โพสต์ภาพและข้อความ ระบุว่า มีข้อมูลที่ส่อให้เห็นว่าอาจจเกิดการทุจริต โดยระบุว่าเป็นโครงการ ท่อระบายน้ำจากงบไทยนิยม ยั่งยืน
“นี่คือสภาพการวางท่อระบายน้ำ ของหมู่บ้านห้วยคุ้มสันติภาพ ต.งิ้ว อ.เทิง จ.เชียงราย ระยะทาง 50 เมตร งบ 2 แสนบาท ตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืน เริ่มทำต้นเดือนกรกฎาคม เสร็จปลายเดือน ระหว่างการก่อสร้าง ปรากฎว่าวางท่อโดยไม่เททรายหยาบและคอนกรีตหยาบ เพื่อรองพื้นปรับระดับก่อน จนชาวบ้านทักท้วงก็เลยมาเทคอนกรีตเพียงบางจุด ทำเหมือนผักชีโรยหน้า พอเทเสร็จปูนยังไม่ทันแห้งก็วางท่อและกลบทับเลย ส่วนเรื่องราคาทีมช่างลองคำนวณค่าวัสดุคร่าว ๆ มีค่าทรายหยาบปรับพื้นหนา 5 ซม. คิดเป็นเงิน 2,500 บาท คอนกรีตปรับระดับหนา 5 ซม. คิดเป็นเงิน 3,500 บาท ท่อระบายน้ำ ค.ส.ล. ขนาดศก. 0.4 ม. ยาว 1 ม. ตกท่อละไม่เกิน 700 บาท จำนวน 50 ท่อ คิดเป็นเงิน 35,000 บาท และค่ายาแนวรอยต่ออีกประมาณ 3,000 บาท รวมแล้วราคาน่าจะราว ๆ 5 หมื่นบาทเท่านั้น (ไม่รวมค่าแรงและค่าแบคโฮ)”
https://www.facebook.com/Watchdog.ACT/photos/a.372914529407289/2037320542966671/?type=3&theater
ครอบครัว"น้องเมย"ร้องสอบหมอปมดองอวัยวะทำกระทบคดี
https://www.dailynews.co.th/politics/662031
ครอบครัวน้องเมย ร้องแพทยสภา ตรวจสอบพฤติกรรมหมอรพ.พระมงกุฎฯ ปมดองอวัยวะ ทำกระทบคดีความหรือไม่
เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ที่แพทยสภา ครอบครัวของนักเรียนเตรียมทหารภัคพงษ์ ตัญกาญจน์ ที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 ต.ค.2560 นำเอกสารหลักฐานรายงานการตรวจชันสูตรพลิกศพของรพ.พระมงกุฏเกล้า และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อแพทยสภา หลังจากแพทย์ประจำรพ.พระมงกุฎเกล้า ดองอวัยวะน้องเมยกระทบกับการพิสูจน์หลักฐาน และส่งผลกระทบกับคดี โดยมีนิติกรประจำแพทยสภาเป็นผู้รับมอบหนังสือ โดยระบุว่าจะเสนอคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงพิจารณาต่อไป
นางสาวสุพิชา ตัญกาญจน์ พี่สาวน้องเมย กล่าวว่า การเดินทางมาวันนี้เพื่อนำหลักฐานมายื่นต่อแพทยสภา เพื่อขอทราบหลักการชันสูตร และเก็บอวัยวะ ชิ้นส่วนของศพ หลังจากที่แพทย์ประจำรพ.พระมงกุฏเกล้า ผู้ทำการชันสูตรไม่ให้ที่ยังไม่มีความละเอียดรอบคอบในการลงความเห็นการเสียชีวิต และไม่แจ้งสาเหตุที่ไม่ยอมส่งมอบอวัยวะที่สูญหายให้กับญาติ แต่ส่งให้ภายหลังหลังจากมีการดองอวัยวะไปแล้ว ซึ่งชิ้นส่วนบางชิ้นไม่สามารถตรวจสอบหาความเชื่อมโยงได้ ทำให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นผู้ชันสูตรรอบต่อมาไม่สามารถระบุได้ว่าชิ้นส่วนอวัยวะดังกล่าวเป็นของใคร จึงไม่สามารถระบุการเสียชีวิตได้ และส่งผลต่อสำนวนคดีและการส่งสำนวนให้ศาล ดังนั้นจึงอยากเรียกร้องให้แพทยสภาตรวจสอบจริยธรรมของแพทย์ผู้ทำการชันสูตรศพผู้เสียชีวิตจากรพ.พระมงกุฏเกี่ยวกับการปฏิบัติดังกล่าวด้วย
นางสาวสุพิชา กล่าวต่อว่า เรื่องคดีความตอนนี้ผ่านมา 10 เดือนแล้ว แต่คดีไม่มีความคืบหน้า หลายครั้งที่มีการทวงถามไปหรือขอความร่วมมือกับทางกองทัพก็มักจะไม่ได้รับความร่วมมืออย่างเต็มที่ จึงอยากเรียกร้องให้ทางกองทัพออกมาแสดงความจริงใจโดยการให้ความร่วมมือในการดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด อย่างไรก็ตามทางครอบครัวยังมีความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม แต่คิดว่าก็ยังคงล่าช้าเกินไป.