http://www.share2trade.com/index.php?route=content/content&path=9&content_id=3407
เครื่องหมาย C ตราบาปตัวใหม่ ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยประกาศใช้ตั้งแต่ 2 กรกฎาคม 2561 เพื่อดูแลผู้ลงทุนเพิ่มเติม โดยผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมาเรียบร้อย ใช้ในกรณีที่ฐานะการเงิน และการดำเนินธุรกิจของบจ. มีการเปลี่ยนแปลงลดลงอย่างมีนัยสำคัญและเห็นว่า ควรมีเครื่องหมาย “C” (Caution) เพิ่มเติม เพื่อเตือนผู้ลงทุนเพิ่มความระมัดระวัง ศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุนหลักทรัพย์นั้นๆ โดยเกณฑ์ดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. เรียบร้อยแล้ว
และที่สำคัญ หลักทรัพย์ที่ขึ้นเครื่องหมาย “C” ต้องซื้อด้วยบัญชีเงินสด (Cash Balance) หุ้นที่จะขึ้นเครื่องหมาย จะมีประกาศให้ผู้ลงทุนทราบล่วงหน้า 1 วันทำการ และเพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับทราบข้อมูลและแนวทางแก้ไข โดยเจ้าของหุ้น จะต้องชี้แจงข้อมูลภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขึ้นเครื่องหมาย และทุกไตรมาส สำหรับระยะเวลาของการขึ้นเครื่องหมาย จะมีผลจนกว่าจะแก้ไขเหตุเป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งเป็นไปตามหลักการทั่วไปของการขึ้นเครื่องหมายประเภทอื่นๆ
บทเริ่มต้นของเครื่องหมาย C ในส่วนของนักลงทุนอาจจะกังวลบ้าง เพราะยังไม่คุ้นเคย แต่ต่อไปเครื่องหมายดังกล่าว จะเป็นสัญญาณบางอย่างที่ส่งถึงนักลงทุนบางคน บางกลุ่มได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุของบริษัทที่มีความเสี่ยงในฐานะทางการเงิน ซึ่งวิธีเดียวที่ทำได้เวลานี้ก็คือ "การเพิ่มทุน" เพื่อให้ส่วนของผู้ถือหุ้นกลับมาปกติ เพราะต้นเหตุคือ มีส่วนของผู้ถือหุ้นน้อยกว่า 50% ของทุนชำระแล้ว
ปกติหุ้นดังกล่าวไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหวอยู่แล้ว ทั้งด้านข่าว และก็ราคาหุ้น อาจจะมีบางตัวที่วันดี คืนดี อาจจะมีความคึกคักบ้าง บางตัวที่เตรียมตัวเล่น ก็โดนเตะตัดขากันไปก่อนหน้านี้ พอเจอเครื่องหมาย C เข้าไป เรียกได้ว่าปิดฝาโลง จนกว่าจะแก้ไขสำเร็จ
จะว่าไปงานนี้ถือว่าแก้ไขไม่ยาก แต่ลำบากตรงที่พฤติกรรมเดิมๆ อาจจะไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะบางรายเงียบมาก เราแทบไม่ทราบความเคลื่อนไหว อยู่ๆ จะมาประกาศเพิ่มทุนเพื่อแก้ปัญหา "ส่วนของผู้ถือหุ้นน้อยกว่า 50%" แล้วมาเรียกเพิ่มทุนจากรายย่อย มันก็กะไรอยู่ แต่ถ้าขาย PP น่าจะดีกว่า คือ ขายคนกันเองดีที่สุด เพราะถ้าเป็นรายย่อย ก็อยากจะบอกว่า ต้องมีของแถมที่คุ้มค่าหน่อย นั่นคือ "แจกวอแรนต์" ที่ดูทรงคุณค่า เอามาแล้วได้กำไรเนื้อๆ แบบนี้ ค่อยน่าสน
ถ้าจะเตือนกันกรณีดังกล่าว ก็ต้องมาดูว่า ความเคลื่อนไหวของหุ้นนั้นๆ เป็นอย่างไร แผนการฟื้นกิจการเป็นอย่างไร ไม่ใช่แค่เพิ่มทุนเพื่อผลาญเงินเล่นเหมือนบางราย ที่เพิ่มทุนหลายครั้งจนหมดมุก ราคาหุ้นต่ำเตี้ยเลี่ยดินหาโอกาสฟื้นไม่มี แบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน เพราะเวลานี้ตลาดหุ้น คนเล่นหุ้น รู้ทันกันหมดแล้ว ใครดี ใครเลว ใครทำอะไร เพื่ออะไร และที่สำคัญที่สุด นักลงทุนต้องรู้จักสร้างบทเรียนให้กับบริษัทเหล่านั้นด้วย อย่าฟังแค่ลมปาก หรือเอกสารที่ส่งมาให้ แล้วให้เราใส่เงินอย่างเดียว แต่สุดท้าย เราก็ติดหุ้น ออกไม่ได้
บางคนบอก ไม่เพิ่มทุนให้เสียเปรียบ เพราะติดหุ้นอยู่ "คิดง่ายๆ ครับ" ราคาหุ้นบนกระดาน ถูกกว่าหุ้นเพิ่มทุนมั๊ย ถ้าอยากถัวเฉลี่ย ซื้อบนกระดานก็ได้ครับ มีค่าเท่ากัน
บางคนบอก ซื้อบนกระดานก็ "ไม่ได้วอแรนต์" ก็ลองคำนวนสัดส่วนดู ว่าคุณได้เท่าไหร่ คุ้มกันหรือไม่ กับการถูกล็อคเงิน เพราะถ้าเพิ่มทุนไปแล้ว กิจการไม่ดีขึ้น หุ้นไม่ขึ้นอีก แล้วบริษัทที่เราใส่เงินเข้าไป ทำตัวเหมือนเดิมอีก เพิ่มทุนแล้ว ก็ทำตัว "หายเข้ากลีบเมฆ" เงินเล็กน้อยที่ได้ เทียบกับเงินที่ต้องค้างเติ่งในหุ้นแล้วออกของไม่ได้ คัทก็ลำบาท มันคุ้มค่ากับเศษเงินที่เขาให้มาหรือไม่?
ระวัง!! จะได้ไม่คุ้มเสียนะครับ
จากนี้ไปผมเชื่อว่า ในบางรายที่รู้ตัวว่าอาจจะโดนเครื่องหมาย C แน่ๆ หลังประกาศงบไตรมาส 3 เพราะรอบแรกก็โดนไปแล้ว 24 บริษัท แน่นอน จะมีอีกแน่ๆ แต่ทำไงให้หลุดพ้น ก่อนเกิดเรื่อง ง่ายๆ ครับ ถ้าเป็นเหตุผลนี้ "ส่วนของผู้ถือหุ้นน้อยกว่า 50%" ก็ต้องเตรียมเพิ่มทุนเลยครับ แต่ครั้งนี้คงทำได้ดีกว่าเดิม นั่นคือ "ไล่ราคาหุ้น" เพื่อให้ได้ราคาหุ้นเพิ่มทุนที่สูงหน่อย เกมนี้จะสวยกว่า เกมการดูดเงินเพื่อสกัดเครื่องหมาย C แต่ต้องทำเนียนๆ ไม่งั้นอาจจะโดนยกรัง
จากนั้นเกมของเครื่องหมาย C จะเป็นเกมที่ถูกนำมาเล่นกันใหม่บนกระดาน ว่าหุ้นขึ้นเพราะอะไร และทำไมต้องทำ ประเภทบริษัทจดทะเบียน "นกรู้" คนทำเกมก็ "นกรู้" รวมไปถึงที่ปรึกษาทางการเงิน ก็ต้อง "นกรู้" เหมือนกัน แก้เกมกันก่อน เพื่อให้ได้เงินเข้าบริษัทเยอะๆ เพราะโดยปกติก่อนหน้าที่ จะเพิ่มทุนทีไร หุ้นขึ้นทุกที ขึ้นมายืนในราคาสูงๆ ก่อนจะได้ค่าเฉลี่ย สูงๆ ก่อนประกาศราคาขายหุ้นเพิ่มทุน และเพิ่มความคุ้มค่าไปอีกด้วยการแถม "วอร์แรนต์"
แต่ถ้าโดนขึ้นเครื่องหมาย C ก่อน คราวนี้ซวยครับ เพราะต้องซื้อด้วยเงินสด จะลากหุ้นก็ต้องใช้เงิน ใช้คน เรียกมวลชนก็ลำบาก เพราะเครื่องหมายนี้มีความเสี่ยงอยู่แล้ว หุ้นตัวอื่นมีเยอะแยะ ไม่เอาดีกว่า เรียกว่าเกมนี้หมดสนุก ต้องจำใจยอมรับสภาพความเป็นจริง
แต่ถ้ารายไหน มีแผนฟื้นฟูที่ดี และพร้อมจะ "เทิร์นอราวด์" งานนี้ก็น่าสนใจ เพราะถ้าพลิกกลับมามีกำไรได้จริงๆ เพิ่มทุนไปแล้ว วอร์แรนต์ไปแล้ว ก็มีโอกาสทำให้เราสามารถได้ผลตอบแทนที่ดีได้ ก็ต้องเลือกกันดีๆ เพราะเชื่อว่า เหตุผลสุดท้ายที่นี่ น่าสนใจที่สุด ไปดูกันที่แผนงานของบริษัท ว่าหลังจ่ายเงินเพิ่มทุนไปแล้ว จะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง หรือ จะกลับมาเป็นบริษัทที่ดีได้อย่างไร
"คำถามนี้ตอบลำบาก" เพราะเราต้องเลือก ต้องเฟ้นกันดีๆ เลือกธุรกิจ เลือกผู้บริหาร เลือก เลือก เลือก เลือกแล้ว เลือกอีกก่อนตัดสินใจ และพยายามหาข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมเข้ามา เพราะบางรายอาจจะเปลี่ยนเจ้าของ เปลี่ยนมือ เราก็ต้องดูว่า "ของจริงหรือเปล่า" หรือเข้ามาเพื่อเล่นหุ้น ปั่นหุ้น เพราะพฤติกรรมเดิมๆ ของหุ้นบางตัวใน 24 ตัวที่ว่า มีพฤติกรรมแบบนี้จริงๆ
งานนี้ ระวัง!! จะได้ไม่คุ้มเสีย แต่ถ้าอยากจะเสี่ยง ก็ตามใจทุกท่านครั้ง
////////////////////////////////////
ขอบคุณบทความจาก
www.facebook.com/Share2Trade/
www.share2trade.com
ติด C เพิ่มทุน ระวังได้ไม่คุ้มเสีย (โดย มิตร กัลยาณมิตร เว็บ Share2Trade)
เครื่องหมาย C ตราบาปตัวใหม่ ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยประกาศใช้ตั้งแต่ 2 กรกฎาคม 2561 เพื่อดูแลผู้ลงทุนเพิ่มเติม โดยผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมาเรียบร้อย ใช้ในกรณีที่ฐานะการเงิน และการดำเนินธุรกิจของบจ. มีการเปลี่ยนแปลงลดลงอย่างมีนัยสำคัญและเห็นว่า ควรมีเครื่องหมาย “C” (Caution) เพิ่มเติม เพื่อเตือนผู้ลงทุนเพิ่มความระมัดระวัง ศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุนหลักทรัพย์นั้นๆ โดยเกณฑ์ดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. เรียบร้อยแล้ว
และที่สำคัญ หลักทรัพย์ที่ขึ้นเครื่องหมาย “C” ต้องซื้อด้วยบัญชีเงินสด (Cash Balance) หุ้นที่จะขึ้นเครื่องหมาย จะมีประกาศให้ผู้ลงทุนทราบล่วงหน้า 1 วันทำการ และเพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับทราบข้อมูลและแนวทางแก้ไข โดยเจ้าของหุ้น จะต้องชี้แจงข้อมูลภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขึ้นเครื่องหมาย และทุกไตรมาส สำหรับระยะเวลาของการขึ้นเครื่องหมาย จะมีผลจนกว่าจะแก้ไขเหตุเป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งเป็นไปตามหลักการทั่วไปของการขึ้นเครื่องหมายประเภทอื่นๆ
บทเริ่มต้นของเครื่องหมาย C ในส่วนของนักลงทุนอาจจะกังวลบ้าง เพราะยังไม่คุ้นเคย แต่ต่อไปเครื่องหมายดังกล่าว จะเป็นสัญญาณบางอย่างที่ส่งถึงนักลงทุนบางคน บางกลุ่มได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุของบริษัทที่มีความเสี่ยงในฐานะทางการเงิน ซึ่งวิธีเดียวที่ทำได้เวลานี้ก็คือ "การเพิ่มทุน" เพื่อให้ส่วนของผู้ถือหุ้นกลับมาปกติ เพราะต้นเหตุคือ มีส่วนของผู้ถือหุ้นน้อยกว่า 50% ของทุนชำระแล้ว
ปกติหุ้นดังกล่าวไม่ค่อยมีการเคลื่อนไหวอยู่แล้ว ทั้งด้านข่าว และก็ราคาหุ้น อาจจะมีบางตัวที่วันดี คืนดี อาจจะมีความคึกคักบ้าง บางตัวที่เตรียมตัวเล่น ก็โดนเตะตัดขากันไปก่อนหน้านี้ พอเจอเครื่องหมาย C เข้าไป เรียกได้ว่าปิดฝาโลง จนกว่าจะแก้ไขสำเร็จ
จะว่าไปงานนี้ถือว่าแก้ไขไม่ยาก แต่ลำบากตรงที่พฤติกรรมเดิมๆ อาจจะไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะบางรายเงียบมาก เราแทบไม่ทราบความเคลื่อนไหว อยู่ๆ จะมาประกาศเพิ่มทุนเพื่อแก้ปัญหา "ส่วนของผู้ถือหุ้นน้อยกว่า 50%" แล้วมาเรียกเพิ่มทุนจากรายย่อย มันก็กะไรอยู่ แต่ถ้าขาย PP น่าจะดีกว่า คือ ขายคนกันเองดีที่สุด เพราะถ้าเป็นรายย่อย ก็อยากจะบอกว่า ต้องมีของแถมที่คุ้มค่าหน่อย นั่นคือ "แจกวอแรนต์" ที่ดูทรงคุณค่า เอามาแล้วได้กำไรเนื้อๆ แบบนี้ ค่อยน่าสน
ถ้าจะเตือนกันกรณีดังกล่าว ก็ต้องมาดูว่า ความเคลื่อนไหวของหุ้นนั้นๆ เป็นอย่างไร แผนการฟื้นกิจการเป็นอย่างไร ไม่ใช่แค่เพิ่มทุนเพื่อผลาญเงินเล่นเหมือนบางราย ที่เพิ่มทุนหลายครั้งจนหมดมุก ราคาหุ้นต่ำเตี้ยเลี่ยดินหาโอกาสฟื้นไม่มี แบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน เพราะเวลานี้ตลาดหุ้น คนเล่นหุ้น รู้ทันกันหมดแล้ว ใครดี ใครเลว ใครทำอะไร เพื่ออะไร และที่สำคัญที่สุด นักลงทุนต้องรู้จักสร้างบทเรียนให้กับบริษัทเหล่านั้นด้วย อย่าฟังแค่ลมปาก หรือเอกสารที่ส่งมาให้ แล้วให้เราใส่เงินอย่างเดียว แต่สุดท้าย เราก็ติดหุ้น ออกไม่ได้
บางคนบอก ไม่เพิ่มทุนให้เสียเปรียบ เพราะติดหุ้นอยู่ "คิดง่ายๆ ครับ" ราคาหุ้นบนกระดาน ถูกกว่าหุ้นเพิ่มทุนมั๊ย ถ้าอยากถัวเฉลี่ย ซื้อบนกระดานก็ได้ครับ มีค่าเท่ากัน
บางคนบอก ซื้อบนกระดานก็ "ไม่ได้วอแรนต์" ก็ลองคำนวนสัดส่วนดู ว่าคุณได้เท่าไหร่ คุ้มกันหรือไม่ กับการถูกล็อคเงิน เพราะถ้าเพิ่มทุนไปแล้ว กิจการไม่ดีขึ้น หุ้นไม่ขึ้นอีก แล้วบริษัทที่เราใส่เงินเข้าไป ทำตัวเหมือนเดิมอีก เพิ่มทุนแล้ว ก็ทำตัว "หายเข้ากลีบเมฆ" เงินเล็กน้อยที่ได้ เทียบกับเงินที่ต้องค้างเติ่งในหุ้นแล้วออกของไม่ได้ คัทก็ลำบาท มันคุ้มค่ากับเศษเงินที่เขาให้มาหรือไม่?
ระวัง!! จะได้ไม่คุ้มเสียนะครับ
จากนี้ไปผมเชื่อว่า ในบางรายที่รู้ตัวว่าอาจจะโดนเครื่องหมาย C แน่ๆ หลังประกาศงบไตรมาส 3 เพราะรอบแรกก็โดนไปแล้ว 24 บริษัท แน่นอน จะมีอีกแน่ๆ แต่ทำไงให้หลุดพ้น ก่อนเกิดเรื่อง ง่ายๆ ครับ ถ้าเป็นเหตุผลนี้ "ส่วนของผู้ถือหุ้นน้อยกว่า 50%" ก็ต้องเตรียมเพิ่มทุนเลยครับ แต่ครั้งนี้คงทำได้ดีกว่าเดิม นั่นคือ "ไล่ราคาหุ้น" เพื่อให้ได้ราคาหุ้นเพิ่มทุนที่สูงหน่อย เกมนี้จะสวยกว่า เกมการดูดเงินเพื่อสกัดเครื่องหมาย C แต่ต้องทำเนียนๆ ไม่งั้นอาจจะโดนยกรัง
จากนั้นเกมของเครื่องหมาย C จะเป็นเกมที่ถูกนำมาเล่นกันใหม่บนกระดาน ว่าหุ้นขึ้นเพราะอะไร และทำไมต้องทำ ประเภทบริษัทจดทะเบียน "นกรู้" คนทำเกมก็ "นกรู้" รวมไปถึงที่ปรึกษาทางการเงิน ก็ต้อง "นกรู้" เหมือนกัน แก้เกมกันก่อน เพื่อให้ได้เงินเข้าบริษัทเยอะๆ เพราะโดยปกติก่อนหน้าที่ จะเพิ่มทุนทีไร หุ้นขึ้นทุกที ขึ้นมายืนในราคาสูงๆ ก่อนจะได้ค่าเฉลี่ย สูงๆ ก่อนประกาศราคาขายหุ้นเพิ่มทุน และเพิ่มความคุ้มค่าไปอีกด้วยการแถม "วอร์แรนต์"
แต่ถ้าโดนขึ้นเครื่องหมาย C ก่อน คราวนี้ซวยครับ เพราะต้องซื้อด้วยเงินสด จะลากหุ้นก็ต้องใช้เงิน ใช้คน เรียกมวลชนก็ลำบาก เพราะเครื่องหมายนี้มีความเสี่ยงอยู่แล้ว หุ้นตัวอื่นมีเยอะแยะ ไม่เอาดีกว่า เรียกว่าเกมนี้หมดสนุก ต้องจำใจยอมรับสภาพความเป็นจริง
แต่ถ้ารายไหน มีแผนฟื้นฟูที่ดี และพร้อมจะ "เทิร์นอราวด์" งานนี้ก็น่าสนใจ เพราะถ้าพลิกกลับมามีกำไรได้จริงๆ เพิ่มทุนไปแล้ว วอร์แรนต์ไปแล้ว ก็มีโอกาสทำให้เราสามารถได้ผลตอบแทนที่ดีได้ ก็ต้องเลือกกันดีๆ เพราะเชื่อว่า เหตุผลสุดท้ายที่นี่ น่าสนใจที่สุด ไปดูกันที่แผนงานของบริษัท ว่าหลังจ่ายเงินเพิ่มทุนไปแล้ว จะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง หรือ จะกลับมาเป็นบริษัทที่ดีได้อย่างไร
"คำถามนี้ตอบลำบาก" เพราะเราต้องเลือก ต้องเฟ้นกันดีๆ เลือกธุรกิจ เลือกผู้บริหาร เลือก เลือก เลือก เลือกแล้ว เลือกอีกก่อนตัดสินใจ และพยายามหาข่าวอื่นๆ เพิ่มเติมเข้ามา เพราะบางรายอาจจะเปลี่ยนเจ้าของ เปลี่ยนมือ เราก็ต้องดูว่า "ของจริงหรือเปล่า" หรือเข้ามาเพื่อเล่นหุ้น ปั่นหุ้น เพราะพฤติกรรมเดิมๆ ของหุ้นบางตัวใน 24 ตัวที่ว่า มีพฤติกรรมแบบนี้จริงๆ
งานนี้ ระวัง!! จะได้ไม่คุ้มเสีย แต่ถ้าอยากจะเสี่ยง ก็ตามใจทุกท่านครั้ง
////////////////////////////////////
ขอบคุณบทความจาก
www.facebook.com/Share2Trade/
www.share2trade.com