ปกติเราไม่มีอาการแพ้อาหารค่ะ (มีแต่ที่แม่เล่าให้ฟังว่าตอนเด็กๆ แพ้อาหารทะเล แต่โตขึ้นก็หายไปเอง) ออกกำลังเป็นประจำด้วยการเดินเร็ว มีว่ายน้ำบ้างนานๆ ครั้ง ซึ่งก่อนออกกำลังก็จะกินขนมนิดหน่อยประมาณ 2 ชม. ก่อนหน้าเพราะกลัวไม่มีแรง ขนมส่วนใหญ่ที่กินก็จะเป็นพวกขนมปัง ขนมกรุบกรอบบ้าง อะไรก็ได้ที่ทำให้อิ่ม ก็ออกกำลังได้ปกติมาตลอดนะคะ
เดิมเราไม่กินอาหารพวกกราโนลา เพราะรู้สึกว่ามันเหมือนอาหารนก แต่พอออกกำลังก็ไม่อยากกินอะไรที่มันไม่มีประโยชน์ เลยลองซื้อกราโนลาบาร์มากิน ล่าสุดไปเจออันนึงรสน้ำผึ้งเบอร์รี่ ชิมแล้วอร่อยดี เลยซื้อมาตุนไว้ที่โต๊ะทำงานเผื่อกินก่อนออกกำลัง ได้เรื่องเลยค่ะ
เรากินกราโนลาบาร์ไปช่วงก่อนสี่โมงเย็น แล้วก็ไปว่ายน้ำประมาณหกโมง-หนึ่งทุ่ม ว่ายแบบจริงจังคือหยุดพักเหนื่อยประมาณ 1 นาทีแล้วก็ว่ายต่อ ซึ่งน่าจะเป็นการออกกำลังที่หนักกว่าเดินเร็วที่เราทำประจำ เสร็จแล้วไปแช่ออนเซ็นต่ออีกสิบนาที อาบน้ำเสร็จก็ขับรถกลับบ้าน ไอ้ตอนขึ้นรถนี่แหละที่เริ่มมีอาการคันที่มือ ก็ยังงงว่าไปโดนอะไรมา แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร ยังขับรถต่อไป ไปได้อีกหน่อยลมพิษขึ้นทั้งตัว ก็คิดว่าน่าจะแพ้อะไรแน่แล้ว แต่ก็ยังคิดอยู่ว่าจะกลับบ้านเลยหรือแวะโรงพยาบาลใกล้บ้านให้หมอฉีดยาแก้แพ้ดี จริงๆ มีโรงพยาบาลก่อนขึ้นทางด่วนแต่ตอนนั้นไม่คิดว่าตัวเองเป็นอะไรมาก เลยขึ้นทางด่วนไปเลย ระหว่างทางก็คันมาก คันแบบแสบๆ ร้อนๆ ด้วย รู้ว่าอาการไม่ปกติแล้ว เลยตัดสินใจไปโรงพยาบาลค่ะ
ไปถึงโรงพยาบาล พอเดินก็เริ่มมีหน้ามืดบ้างแล้ว แต่ก็ยังทำเก่งนะ ไม่ได้ไปตรงห้องฉุกเฉิน ไปเคาน์เตอร์ลงทะเบียนเอง เพราะก็ยังไม่คิดว่าเป็นหนัก วัดความดันได้ประมาณ 85/50 พยาบาลยังถามว่าปกติความดันต่ำขนาดนี้มั้ย ก็บอกว่าค่อนข้างต่ำแต่ไม่ขนาดนี้นะ ตอนนั้นรู้ตัวแล้วว่าไม่น่าจะขับรถกลับบ้านไหวเลยโทรบอกแม่ให้มารับหน่อย
ระหว่างรอหมอก็รู้สึกหน้ามืดวืดๆ อีก ก็ไปบอกพยาบาล เลยได้แซงคิวพบหมอเลยค่ะ หมอซักถามอาการแล้วให้ฉีดยาแก้แพ้ แล้วก็นอนพักก่อน พอดีแม่มาถึงโรงพยาบาลแล้วโทรหาเรา เลยลุกไปรับโทรศัพท์เพื่อบอกแม่ว่าอยู่ตรงไหน ได้เรื่องเลย รู้สึกหน้ามืดเลยหาเก้าอี้แถวนั้นนั่ง แล้วก็หมดสติไปเลย รู้สึกตัวอีกทีตอนกำลังโดนเข็นไปห้องฉุกเฉินแล้ว
โดนฉีดอะเดรนาลินไปเข็มนึง แล้วก็ให้น้ำเกลือ เจ้าหน้าที่ที่ห้องฉุกเฉินดูแลดีมาก อธิบายว่าฉีดอะเดรนาลินแล้วอาจจะมีอาการสั่นนะ ไม่ต้องตกใจ ซึ่งพอฉีดยาก็อาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่คุณหมอให้แอดมิทเพื่อดูอาการคืนนึง เพราะอาจจะเกิดซ้ำได้ค่ะ
หลังจากนั้นประมาณ 3 สัปดาห์ ไปหาหมอทางด้านโรคภูมิแพ้ ตรวจ skin prick test ตามฉลากกราโนลาบาร์แล้วก็สารก่อภูมิแพ้ตัวอื่นๆ ไม่พบว่าแพ้อะไร เลยเจาะเลือดเพื่อตรวจ IgE อีก ก็ไม่พบอะไรอีกเช่นกัน ซึ่งคุณหมอก็อธิบายว่า บางเคสก็หาสาเหตุไม่เจอแบบนี้แหละ กินอาหารอย่างเดียวไม่มีอาการ ออกกำลังอย่างเดียวก็ไม่มีอาการ ต้องทั้งกินและออกกำลังถึงจะมีอาการ แต่ของเราน่าจะเป็นผลมาจากการแพ้อาหาร ร่วมกับการออกกำลังกาย แถมยังไปแช่น้ำร้อนต่ออีก (สามเด้งเลย)
ปกติถ้าหาเจอว่าแพ้อะไรก็ให้งดอาหารเฉพาะชนิดนั้น นี่หาไม่เจอแต่รู้ว่ามันเกี่ยวกับการออกกำลัง ก็อย่ากินอะไรก่อนออกกำลังสักสี่ชั่วโมงแล้วกัน แต่ถ้าจำเป็นต้องกินก็ให้เลือกอาหารที่มันไม่ได้มีส่วนผสมหลากหลายอย่างกราโนลาบาร์ ให้กินเป็นอย่างๆ ไปเลยจะดีกว่า เช่น นม ข้าว ถ้าเกิดอาการอีกจะได้รู้ว่าแพ้อะไรแน่
ตอนนี้ก็เลยต้องพก epipen ติดตัวไว้ โดยเฉพาะเวลาออกกำลัง ถ้าเกิดผื่นขึ้นอีกก็ฉีดยาซะ แล้วไปโรงพยาบาล แล้วก็คิดว่าคงไม่ไปแช่น้ำร้อนหลังออกกำลังแล้วล่ะค่ะ
อาการที่เราเป็นนี่เราว่าโชคดีที่มันไม่ได้เกิดขึ้นเร็วมาก จากตอนที่เริ่มคันถึงโรงพยาบาลแล้วกว่าจะหน้ามืดนี่คือชั่วโมงกว่าๆ (อาจเป็นเพราะนั่งอยู่ตลอดด้วยมั้งคะ พอลุกแล้วถึงได้หน้ามืด) แล้วก็ยังดีที่ไม่มีอาการหายใจไม่ออกด้วย ไม่งั้นไม่รู้ว่าจะขับรถไปถึงโรงพยาบาลมั้ย
ช่วงนี้เราหาข้อมูลเกี่ยวกับอาการนี้ เลยคิดว่าเอามาแชร์ให้เพื่อนๆ ดีกว่าค่ะ
อาการแพ้รุนแรง (anaphylaxis) เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุคือ อาหาร ยา แมลง ซึ่งในส่วนของอาหารนี่ยังมีปัจจัยอื่นๆ กระตุ้นได้อีก เช่น การออกกำลัง อุณหภูมิ เป็นต้น มักจะเกิดอาการทันทีหลังจากได้รับสารก่อภูมิแพ้ หรืออาจถึงสองชั่วโมงถ้าแพ้จากการกิน
ที่เคยอ่านผ่านๆ ตาเกี่ยวกับการแพ้รุนแรงแบบนี้ ส่วนใหญ่จะเห็นจากเด็กๆ แพ้ถั่ว กินแล้วผื่นขึ้น หายใจไม่ออก พอมาเสิร์ชข้อมูลอ่านจริงจังถึงได้รู้ว่ามันมีแบบ exercise induced อย่างที่เราเป็นด้วย แต่อาการก็จะเหมือนกับ anaphylaxis ที่เกิดจากการแพ้อาหารทั่วไปแหละค่ะ เช่น
1. อาการทางระบบผิวหนังหรือเยื่อบุ เช่น ลมพิษทั่วตัว ผื่นแดง คัน มีอาการบวมของปากและลิ้นหรือเพดานอ่อน
2. อาการทางระบบทางเดินหายใจ เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล เสียงแหบ หอบเหนื่อย ออกซิเจนในเลือดลดลง
3. ความดันโลหิตลดลง กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นลม อุจจาระหรือปัสสาวะราด
4. อาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน
ถ้าเกิดอาการ 2 ข้อ จากข้างบนนี้ ให้รีบไปโรงพยาบาลเลย
แต่ที่เห็นชัดๆ คือจะมีลมพิษขึ้น เอาเป็นว่า ถ้ามีผื่นลมพิษขึ้นทั้งตัว ให้เตรียมตัวไปโรงพยาบาลเลยดีกว่าค่ะ
ถ้ามัวแต่รีรอ อาจจะเป็นหนักถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย
อาการแพ้รุนแรงแบบ Anaphylaxis อาจเกี่ยวกับการออกกำลังกายได้นะ
เดิมเราไม่กินอาหารพวกกราโนลา เพราะรู้สึกว่ามันเหมือนอาหารนก แต่พอออกกำลังก็ไม่อยากกินอะไรที่มันไม่มีประโยชน์ เลยลองซื้อกราโนลาบาร์มากิน ล่าสุดไปเจออันนึงรสน้ำผึ้งเบอร์รี่ ชิมแล้วอร่อยดี เลยซื้อมาตุนไว้ที่โต๊ะทำงานเผื่อกินก่อนออกกำลัง ได้เรื่องเลยค่ะ
เรากินกราโนลาบาร์ไปช่วงก่อนสี่โมงเย็น แล้วก็ไปว่ายน้ำประมาณหกโมง-หนึ่งทุ่ม ว่ายแบบจริงจังคือหยุดพักเหนื่อยประมาณ 1 นาทีแล้วก็ว่ายต่อ ซึ่งน่าจะเป็นการออกกำลังที่หนักกว่าเดินเร็วที่เราทำประจำ เสร็จแล้วไปแช่ออนเซ็นต่ออีกสิบนาที อาบน้ำเสร็จก็ขับรถกลับบ้าน ไอ้ตอนขึ้นรถนี่แหละที่เริ่มมีอาการคันที่มือ ก็ยังงงว่าไปโดนอะไรมา แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร ยังขับรถต่อไป ไปได้อีกหน่อยลมพิษขึ้นทั้งตัว ก็คิดว่าน่าจะแพ้อะไรแน่แล้ว แต่ก็ยังคิดอยู่ว่าจะกลับบ้านเลยหรือแวะโรงพยาบาลใกล้บ้านให้หมอฉีดยาแก้แพ้ดี จริงๆ มีโรงพยาบาลก่อนขึ้นทางด่วนแต่ตอนนั้นไม่คิดว่าตัวเองเป็นอะไรมาก เลยขึ้นทางด่วนไปเลย ระหว่างทางก็คันมาก คันแบบแสบๆ ร้อนๆ ด้วย รู้ว่าอาการไม่ปกติแล้ว เลยตัดสินใจไปโรงพยาบาลค่ะ
ไปถึงโรงพยาบาล พอเดินก็เริ่มมีหน้ามืดบ้างแล้ว แต่ก็ยังทำเก่งนะ ไม่ได้ไปตรงห้องฉุกเฉิน ไปเคาน์เตอร์ลงทะเบียนเอง เพราะก็ยังไม่คิดว่าเป็นหนัก วัดความดันได้ประมาณ 85/50 พยาบาลยังถามว่าปกติความดันต่ำขนาดนี้มั้ย ก็บอกว่าค่อนข้างต่ำแต่ไม่ขนาดนี้นะ ตอนนั้นรู้ตัวแล้วว่าไม่น่าจะขับรถกลับบ้านไหวเลยโทรบอกแม่ให้มารับหน่อย
ระหว่างรอหมอก็รู้สึกหน้ามืดวืดๆ อีก ก็ไปบอกพยาบาล เลยได้แซงคิวพบหมอเลยค่ะ หมอซักถามอาการแล้วให้ฉีดยาแก้แพ้ แล้วก็นอนพักก่อน พอดีแม่มาถึงโรงพยาบาลแล้วโทรหาเรา เลยลุกไปรับโทรศัพท์เพื่อบอกแม่ว่าอยู่ตรงไหน ได้เรื่องเลย รู้สึกหน้ามืดเลยหาเก้าอี้แถวนั้นนั่ง แล้วก็หมดสติไปเลย รู้สึกตัวอีกทีตอนกำลังโดนเข็นไปห้องฉุกเฉินแล้ว
โดนฉีดอะเดรนาลินไปเข็มนึง แล้วก็ให้น้ำเกลือ เจ้าหน้าที่ที่ห้องฉุกเฉินดูแลดีมาก อธิบายว่าฉีดอะเดรนาลินแล้วอาจจะมีอาการสั่นนะ ไม่ต้องตกใจ ซึ่งพอฉีดยาก็อาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่คุณหมอให้แอดมิทเพื่อดูอาการคืนนึง เพราะอาจจะเกิดซ้ำได้ค่ะ
หลังจากนั้นประมาณ 3 สัปดาห์ ไปหาหมอทางด้านโรคภูมิแพ้ ตรวจ skin prick test ตามฉลากกราโนลาบาร์แล้วก็สารก่อภูมิแพ้ตัวอื่นๆ ไม่พบว่าแพ้อะไร เลยเจาะเลือดเพื่อตรวจ IgE อีก ก็ไม่พบอะไรอีกเช่นกัน ซึ่งคุณหมอก็อธิบายว่า บางเคสก็หาสาเหตุไม่เจอแบบนี้แหละ กินอาหารอย่างเดียวไม่มีอาการ ออกกำลังอย่างเดียวก็ไม่มีอาการ ต้องทั้งกินและออกกำลังถึงจะมีอาการ แต่ของเราน่าจะเป็นผลมาจากการแพ้อาหาร ร่วมกับการออกกำลังกาย แถมยังไปแช่น้ำร้อนต่ออีก (สามเด้งเลย)
ปกติถ้าหาเจอว่าแพ้อะไรก็ให้งดอาหารเฉพาะชนิดนั้น นี่หาไม่เจอแต่รู้ว่ามันเกี่ยวกับการออกกำลัง ก็อย่ากินอะไรก่อนออกกำลังสักสี่ชั่วโมงแล้วกัน แต่ถ้าจำเป็นต้องกินก็ให้เลือกอาหารที่มันไม่ได้มีส่วนผสมหลากหลายอย่างกราโนลาบาร์ ให้กินเป็นอย่างๆ ไปเลยจะดีกว่า เช่น นม ข้าว ถ้าเกิดอาการอีกจะได้รู้ว่าแพ้อะไรแน่
ตอนนี้ก็เลยต้องพก epipen ติดตัวไว้ โดยเฉพาะเวลาออกกำลัง ถ้าเกิดผื่นขึ้นอีกก็ฉีดยาซะ แล้วไปโรงพยาบาล แล้วก็คิดว่าคงไม่ไปแช่น้ำร้อนหลังออกกำลังแล้วล่ะค่ะ
อาการที่เราเป็นนี่เราว่าโชคดีที่มันไม่ได้เกิดขึ้นเร็วมาก จากตอนที่เริ่มคันถึงโรงพยาบาลแล้วกว่าจะหน้ามืดนี่คือชั่วโมงกว่าๆ (อาจเป็นเพราะนั่งอยู่ตลอดด้วยมั้งคะ พอลุกแล้วถึงได้หน้ามืด) แล้วก็ยังดีที่ไม่มีอาการหายใจไม่ออกด้วย ไม่งั้นไม่รู้ว่าจะขับรถไปถึงโรงพยาบาลมั้ย
ช่วงนี้เราหาข้อมูลเกี่ยวกับอาการนี้ เลยคิดว่าเอามาแชร์ให้เพื่อนๆ ดีกว่าค่ะ
อาการแพ้รุนแรง (anaphylaxis) เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุคือ อาหาร ยา แมลง ซึ่งในส่วนของอาหารนี่ยังมีปัจจัยอื่นๆ กระตุ้นได้อีก เช่น การออกกำลัง อุณหภูมิ เป็นต้น มักจะเกิดอาการทันทีหลังจากได้รับสารก่อภูมิแพ้ หรืออาจถึงสองชั่วโมงถ้าแพ้จากการกิน
ที่เคยอ่านผ่านๆ ตาเกี่ยวกับการแพ้รุนแรงแบบนี้ ส่วนใหญ่จะเห็นจากเด็กๆ แพ้ถั่ว กินแล้วผื่นขึ้น หายใจไม่ออก พอมาเสิร์ชข้อมูลอ่านจริงจังถึงได้รู้ว่ามันมีแบบ exercise induced อย่างที่เราเป็นด้วย แต่อาการก็จะเหมือนกับ anaphylaxis ที่เกิดจากการแพ้อาหารทั่วไปแหละค่ะ เช่น
1. อาการทางระบบผิวหนังหรือเยื่อบุ เช่น ลมพิษทั่วตัว ผื่นแดง คัน มีอาการบวมของปากและลิ้นหรือเพดานอ่อน
2. อาการทางระบบทางเดินหายใจ เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล เสียงแหบ หอบเหนื่อย ออกซิเจนในเลือดลดลง
3. ความดันโลหิตลดลง กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นลม อุจจาระหรือปัสสาวะราด
4. อาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน
ถ้าเกิดอาการ 2 ข้อ จากข้างบนนี้ ให้รีบไปโรงพยาบาลเลย
แต่ที่เห็นชัดๆ คือจะมีลมพิษขึ้น เอาเป็นว่า ถ้ามีผื่นลมพิษขึ้นทั้งตัว ให้เตรียมตัวไปโรงพยาบาลเลยดีกว่าค่ะ
ถ้ามัวแต่รีรอ อาจจะเป็นหนักถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย