
ข้อมูล ข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวของสโมสร ลีดส์ ยูไนเต็ดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.facebook.com/lufcthailand/
1. ขาดคูป ขาดใจ
นัดนี้เป็นบทพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีในความสำคัญของกัปตันคูป เลียม คูเปอร์ ที่โชคร้ายได้รับบาดเจ็บในการวอร์มอัพก่อนลงสนาม ทำให้บิเอลซ่าต้องเปลี่ยนแผนจับเอา ลุค เอย์ลิ่งที่วันนี้รับหน้าที่เป็นกัปตันทีมแทนไปยืนเซ็นเตอร์ฝั่งซ้ายคู่กับเจ้าของวันเกิด เกตาโน เบราร์ดี้ ที่ครบรอบ 30 ปีในวันนี้พอดี
กลายเป็นว่าวันนี้ทีมเราลงสนามโดยใช้แบ๊กมายืนเซ็นเตอร์ทั้งคู่ เพราะพอนตุส ยานส์สัน เซ็นเตอร์อีกคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บที่หลังจากการซ้อมในวันก่อน ส่วนวิงแบ๊กขวา บิเอลซาก็ใช้บริการจากเจ้าหนู แช็คเคิลตันให้ลงมาประจำการ
การขาดเลียม คูเปอร์ นอกจากจะทำให้ต้องใช้งานคู่เซ็นเตอร์จำเป็นแล้ว ยังขาดคนบัญชาเกมรับอย่างแท้จริง เพราะตลอดเกมไม่เห็นว่าเอย์ลิ่งหรือเบราร์ดี้จะมีการส่งสัญญาณหรือตะโกนบอกกันในแผงหลังเลย ต่างคนต่างเล่นตามหน้าที่ ไม่มีการสอดประสานเหมือนในนัดที่ผ่านมาๆ
และด้วยความที่ไม่ได้เป็นเซ็นเตอร์อาชีพก็ดูจะเป็นปัญหาอีกครั้งกับการเล่นของเอย์ลิ่งหลังจากที่เราได้เห็นกันมาแล้วในนัดที่เจอกับโบลตัน เมื่อเจ้าตัวดูจะช้าไปกว่าคนอื่น 1 จังหวะทุกครั้งไป ทำให้คู่หูในแดนหน้าของเจ้าบ้านอย่างโอลิเวอร์ แม็คเบอร์นี่ย์และเบอร์ซันต์ เซลินา เล่นกันค่อนข้างสบาย
ทุกครั้งที่เจ้าบ้านทำเกมรุกขึ้นมาคู่เซ็นเตอร์ของเราดูจะลนลานไปหมด การเข้าบอลหรือการประกบตัวดูจะขาดๆเกินๆ นี่ยังไม่นับรวมถึงแช็คเคิลตันที่ลงมาเล่นเป็นวิงแบ๊กขวาแทนเอย์ลิ่ง ถึงแม้จะทำได้ดีในเกมรุก แต่เกมรับก็ดูหละหลวม จัดการกับปีกซ้ายของเจ้าบ้านไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นแม็คเคย์ และยิ่งหนักไปอีกเมื่อเจอกับความเร็วของมอนเตโร่ จนเป็นต้นเหตุนำไปสู่การเสียประตูที่ 2
------------------------------------------------------
2. ใบเหลืองที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง
แอดมินสังเกตว่าทีมเรามักจะเริ่มตั้งเกมและเล่นในสไตล์ของตัวเองได้ก็ต่อเมื่อผ่านพ้น 10 นาทีแรกของเกมไปแล้ว ในนัดนี้ก็เช่นกัน เมื่อเริ่มต้น 10 นาทีแรกที่เป็นฝั่งเจ้าบ้านบุกเข้าใส่ด้วยสไตล์การเล่นที่แทบจะถอดแบบมาจากเรา คือ กดดันตั้งแต่แดนหน้า เน้นครองบอล ผ่านบอลบนพื้นและเล่นเกมรุก
ทำให้ฝั่งเราซึ่งก็มีปัญหาในแดนหลังตั้งแต่เริ่มเกมอยู่แล้ว ก็เสียขบวนต้องงัดเอาการทำฟาวล์มาใช้อยู่บ่อยๆ จนกระทั่งนาทีที่ 13 เจ้าบ้านทำเกมขึ้นมาฝั่งขวา ทำให้ฟิลลิปส์ต้องชะลอเกมด้วยการดึงผู้เล่นเจ้าบ้านเอาไว้และได้รับใบเหลืองทันที จะว่าไปกรรมการในนัดนี้ก็แจกใบเหลืองง่ายดายเหลือเกิน
และใบเหลืองใบนี้นี่เองที่ทำให้ผู้เล่นแดนหน้าของเจ้าบ้านเล่นกันได้แบบสบาย เพราะฟิลลิปส์แทบจะไม่กล้าแม้กระทั่งแตะตัวผู้เล่นเหล่านั้น และนำมาสู่การเสียประตูแรก เมื่อเรากำลังเดินเกมรุกและไปเสียบอลตรงก่อนถึงกรอบเขตโทษคู่ต่อสู้ ทำให้เราโดนลงโทษเหมือนที่เราเคยทำกับทีมอื่น ก็คือการโต้กลับอย่างรวดเร็ว(rapid turnover) การต่อบอลเพียง 4 ครั้งก่อนจะจบด้วยการยิงของแม็คเบอร์นีย์เป็นประตูที่สวยงามให้เจ้าบ้านออกนำ
เมื่อฟิลลิปส์ไม่สามารถเล่นในบทบาทที่เจ้าตัวได้รับมอบหมายได้ ทำให้มาร์เซโล บิเอลซาไม่รอช้าต้องเปลี่ยนตัวเค้าออกมาเพียงแค่ 4 นาทีหลังเสียประตูและส่งลูอิส เบเกอร์ ลงไปเล่นแทน และมอบหมายให้มาเธอุส คลีคห์มารับหน้าที่แทนฟิลลิปส์ ซึ่งเหมือนเป็นการลักพาตัวคลีคห์ออกไปจากเกมในทันที
------------------------------------------------------
3. คลีคห์ทำแทนไม่ได้
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เอล โลโค เพิ่งจะตอบคำถามสื่อว่าใครที่สามารถจะเล่นแทนฟิลลิปส์ได้บ้าง ก็มีทั้งฟอร์ชอว์, คลีคห์, ชอห์เนสซี่ หรือแม้กระทั่งเอย์ลิ่ง แต่ในวันนี้ฟอร์ชอว์ยังบาดเจ็บอยู่ ชอห์เนสซี่ก็ยังไม่พร้อมสำหรับชุดใหญ่ และเอย์ลิ่งก็ต้องทำหน้าที่แทนคูเปอร์ งานนี้ก็เลยต้องเป็นหน้าที่ของมาเธอุส คลีคห์ กองกลางเชิงสูงที่กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งในฤดูกาลนี้
คลีคห์เคยได้รับมอบหมายหน้าที่นี้มาแล้วในการเล่นเกมอุ่นเครื่องก่อนเปิดฤดูกาล แต่เจ้าตัวก็โชว์ฟอร์มในตำแหน่งนี้ได้ไม่ดีเท่ากับตำแหน่งกองกลางตัวเชื่อมเกมที่เล่นปกติ
ปัญหาของคลีคห์ในการเล่นตำแหน่งนี้ก็คือตำแหน่งการยืนและการเข้าชะลอเกมของคู่ต่อสู้ ด้วยรูปร่างและหุ่นของคลีคห์ที่ดูจะบางไปนิดในการเล่นตำแหน่งนี้ ทำให้เวลาต้องเข้าชะลอเกมคู่ต่อสู้ ด้วยการปะทะหรือแย่งบอลมักจะเป็นฝ่ายแพ้เสมอๆ บอลจึงไปถึงกองหลังของเราอย่างรวดเร็ว
แต่ที่สำคัญที่สุด ที่ทำให้เค้าหายไปจากเกมก็คือการยืนตำแหน่ง ผู้เล่นในตำแหน่งนี้มีชื่อเรียกว่า deep lying midfielder หรือกองกลางที่ยืนต่ำมาก หน้ากองหลังและในบางครั้งต้องลงไปยืนเป็นเซ็นเตอร์ตัวที่ 3 แต่คลีคห์ไม่ยืนต่ำแบบที่ควรจะเป็น เค้ายังติดนิสัยตำแหน่งเดิมที่เค้าเล่นอยู่คือการพยายามทำเกมและพาบอลไปข้างหน้า ซึ่งไม่ใช่หน้าที่หลักของผู้เล่นในตำแหน่งนี้
เมื่อคู่ต่อสู้เล่นกดดันสูง ไล่บี้ตั้งแต่หน้าประตูของเรา แล้วคลีคห์ไม่ลงมายืนต่ำๆ ทำให้บอลจากแดนหลังส่งไปหาเค้าไม่ได้ พีค็อก-แฟร์เรลล์ ต้องส่งบอลไปด้านข้างหรือโยนยาว เช่นเดียวกับเบราร์ดี้และเอย์ลิ่งที่ต้องถ่ายบอลไปด้านข้างแทน เพราะคลีคห์ไม่ลงมารับบอล ส่งผลให้เราขึ้นเกมไม่ได้และคลีคห์ถูกตัดออกจากเกมไปโดยปริยาย
ถ้าเราสังเกตในนัดที่ผ่านๆมาบอลจากแดนหลังจะถูกส่งไปที่ฟิลลิปส์ เพื่อให้ฟิลลิปส์เลือกส่งบอลไปแดนหน้าว่าจะส่งตรงกลางหรือริมเส้น ทำให้ในหลายๆเกมฟิลลิปส์มีสถิติการสัมผัสบอลและจ่ายบอลที่สูงเป็นลำดับต้นๆของทีม แต่กับคลีคห์ในนัดเมื่อคืน เพียงเพราะเค้ายืนสูงเกินไปและเราไม่เห็นเค้าลงมายืนเป็นเซ็นเตอร์ตัวที่ 3 แม้แต่ครั้งเดียว ทำให้แดนกลางของเราเป็นอัมพาตไปในทันที
------------------------------------------------------
4. การแก้เกมที่รวดเร็ว
นี่คือสิ่งมาร์เซโล บิเอลซา แสดงให้เราได้เห็นว่าเค้าดูเกม คิดและประมวลผลงานตลอดเวลา เมื่อเค้าเห็นสิ่งที่ต้องแก้ไข เค้าก็ลงมือทำอย่างทันทีโดยไม่ลังเล ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนตัวฟิลลิปส์ออกตั้งปต่นาทีที่ 24 หรือการเปลี่ยนแจ๊ค แฮร์ริสันลงมาแทน อลิออสกี้ที่โชว์ฟอร์มไม่ออกตั้งแต่ช่วงต้นครึ่งหลัง และการกล้าเปลี่ยนดาวซัลโวของทีมอย่างเคมาร์ รูฟออก เพื่อหารูปแบบการเข้าทำแบบใหม่จากแพทริค แบมฟอร์ด สิ่งต่างๆเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นจอมแท็คติกและกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงของบิเอลซาได้เป็นอย่างดี
จริงอยู่ที่เราโชคดีไม่เสียประตูเพิ่ม แต่การที่เรายิงประตูได้ก็น่าจะมาจากฝีมือการแก้เกมของ เอล โลโค ด้วยเช่นกัน
------------------------------------------------------
5. โชค 3 ชั้น
ต้องยอมรับตามตรงว่าเกมในนัดนี้ สวอนซีที่เป็นคู่แข่งลุ้นเลื่อนชั้นกับเราควรจะได้ 3 แต้มเป็นอย่างยิ่ง แต่ในเมื่อเราใช้โอกาสไม่เปลืองแปรเปลี่ยนเป็นประตูได้ก็ถือว่าเราก็ควรได้แต้มเช่นกัน และถือเป็น 1 แต้มที่สำคัญมาก นอกจากจะช่วยยืดสถิติไม่แพ้ใครออกไป ยังเป็นการตัดแต้มที่สวอนซีจะได้ รวมไปถึงช่วยให้กำลังใจของผู้เล่นและกองเชียร์ยังคงอยู่ไม่ลดน้อยลงไป การได้คะแนนในวันที่เราเล่นไม่ดี นี่เป็นคุณสมบัติที่ดีของทีมที่จะประสบความสำเร็จ และนี่คือโชคชั้นที่ 1
การเล่นกับสวอนซีในวันนี้ พวกเค้าได้เปิดเผยจุดอ่อนของเราออกมาให้ได้รับรู้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาของคู่เซ็นเตอร์ การรับมือกับปีกที่มีความเร็วสูง การเจอคู่ต่อสู้ที่จัดกองกลางมาเต็มแพ็ก การเล่นกับคู่ต่อสู้ที่เล่นไฮเพรซแบบเรา หรือการหาคนมาทดแทนตำแหน่งของฟิลลิปส์ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นจุดอ่อนที่เอล โลโคคงได้เห็นและต้องไปทำการบ้านอย่างหนัก การที่ได้รู้จุดอ่อนของตัวเองโดยที่ยังมีแต้มกลับออกไปนับเป็นโชคชั้นที่ 2
และโชคชั้นที่ 3 ก็คือ เราได้รู้จุดอ่อนของเราในขณะที่ตลาดยืมตัวผู้เล่นยังไม่ปิดตัวลง ซึ่งนี่น่าจะเป็นเหตุผลที่เราต้องกลับเข้าไปในตลาดอีกครั้ง เพื่อหาผู้เล่นมาแก้ไขจุดอ่อนต่างๆของเราต่อไปครับ
เก่งหลังเกม - อีเอฟแอลแชมเปี้ยนชิพ นัดที่ 4 สวอนซี ซิติ้ 2 - 2 ลีดส์ ยูไนเต็ด
ข้อมูล ข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวของสโมสร ลีดส์ ยูไนเต็ดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.facebook.com/lufcthailand/
1. ขาดคูป ขาดใจ
นัดนี้เป็นบทพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีในความสำคัญของกัปตันคูป เลียม คูเปอร์ ที่โชคร้ายได้รับบาดเจ็บในการวอร์มอัพก่อนลงสนาม ทำให้บิเอลซ่าต้องเปลี่ยนแผนจับเอา ลุค เอย์ลิ่งที่วันนี้รับหน้าที่เป็นกัปตันทีมแทนไปยืนเซ็นเตอร์ฝั่งซ้ายคู่กับเจ้าของวันเกิด เกตาโน เบราร์ดี้ ที่ครบรอบ 30 ปีในวันนี้พอดี
กลายเป็นว่าวันนี้ทีมเราลงสนามโดยใช้แบ๊กมายืนเซ็นเตอร์ทั้งคู่ เพราะพอนตุส ยานส์สัน เซ็นเตอร์อีกคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บที่หลังจากการซ้อมในวันก่อน ส่วนวิงแบ๊กขวา บิเอลซาก็ใช้บริการจากเจ้าหนู แช็คเคิลตันให้ลงมาประจำการ
การขาดเลียม คูเปอร์ นอกจากจะทำให้ต้องใช้งานคู่เซ็นเตอร์จำเป็นแล้ว ยังขาดคนบัญชาเกมรับอย่างแท้จริง เพราะตลอดเกมไม่เห็นว่าเอย์ลิ่งหรือเบราร์ดี้จะมีการส่งสัญญาณหรือตะโกนบอกกันในแผงหลังเลย ต่างคนต่างเล่นตามหน้าที่ ไม่มีการสอดประสานเหมือนในนัดที่ผ่านมาๆ
และด้วยความที่ไม่ได้เป็นเซ็นเตอร์อาชีพก็ดูจะเป็นปัญหาอีกครั้งกับการเล่นของเอย์ลิ่งหลังจากที่เราได้เห็นกันมาแล้วในนัดที่เจอกับโบลตัน เมื่อเจ้าตัวดูจะช้าไปกว่าคนอื่น 1 จังหวะทุกครั้งไป ทำให้คู่หูในแดนหน้าของเจ้าบ้านอย่างโอลิเวอร์ แม็คเบอร์นี่ย์และเบอร์ซันต์ เซลินา เล่นกันค่อนข้างสบาย
ทุกครั้งที่เจ้าบ้านทำเกมรุกขึ้นมาคู่เซ็นเตอร์ของเราดูจะลนลานไปหมด การเข้าบอลหรือการประกบตัวดูจะขาดๆเกินๆ นี่ยังไม่นับรวมถึงแช็คเคิลตันที่ลงมาเล่นเป็นวิงแบ๊กขวาแทนเอย์ลิ่ง ถึงแม้จะทำได้ดีในเกมรุก แต่เกมรับก็ดูหละหลวม จัดการกับปีกซ้ายของเจ้าบ้านไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นแม็คเคย์ และยิ่งหนักไปอีกเมื่อเจอกับความเร็วของมอนเตโร่ จนเป็นต้นเหตุนำไปสู่การเสียประตูที่ 2
------------------------------------------------------
2. ใบเหลืองที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง
แอดมินสังเกตว่าทีมเรามักจะเริ่มตั้งเกมและเล่นในสไตล์ของตัวเองได้ก็ต่อเมื่อผ่านพ้น 10 นาทีแรกของเกมไปแล้ว ในนัดนี้ก็เช่นกัน เมื่อเริ่มต้น 10 นาทีแรกที่เป็นฝั่งเจ้าบ้านบุกเข้าใส่ด้วยสไตล์การเล่นที่แทบจะถอดแบบมาจากเรา คือ กดดันตั้งแต่แดนหน้า เน้นครองบอล ผ่านบอลบนพื้นและเล่นเกมรุก
ทำให้ฝั่งเราซึ่งก็มีปัญหาในแดนหลังตั้งแต่เริ่มเกมอยู่แล้ว ก็เสียขบวนต้องงัดเอาการทำฟาวล์มาใช้อยู่บ่อยๆ จนกระทั่งนาทีที่ 13 เจ้าบ้านทำเกมขึ้นมาฝั่งขวา ทำให้ฟิลลิปส์ต้องชะลอเกมด้วยการดึงผู้เล่นเจ้าบ้านเอาไว้และได้รับใบเหลืองทันที จะว่าไปกรรมการในนัดนี้ก็แจกใบเหลืองง่ายดายเหลือเกิน
และใบเหลืองใบนี้นี่เองที่ทำให้ผู้เล่นแดนหน้าของเจ้าบ้านเล่นกันได้แบบสบาย เพราะฟิลลิปส์แทบจะไม่กล้าแม้กระทั่งแตะตัวผู้เล่นเหล่านั้น และนำมาสู่การเสียประตูแรก เมื่อเรากำลังเดินเกมรุกและไปเสียบอลตรงก่อนถึงกรอบเขตโทษคู่ต่อสู้ ทำให้เราโดนลงโทษเหมือนที่เราเคยทำกับทีมอื่น ก็คือการโต้กลับอย่างรวดเร็ว(rapid turnover) การต่อบอลเพียง 4 ครั้งก่อนจะจบด้วยการยิงของแม็คเบอร์นีย์เป็นประตูที่สวยงามให้เจ้าบ้านออกนำ
เมื่อฟิลลิปส์ไม่สามารถเล่นในบทบาทที่เจ้าตัวได้รับมอบหมายได้ ทำให้มาร์เซโล บิเอลซาไม่รอช้าต้องเปลี่ยนตัวเค้าออกมาเพียงแค่ 4 นาทีหลังเสียประตูและส่งลูอิส เบเกอร์ ลงไปเล่นแทน และมอบหมายให้มาเธอุส คลีคห์มารับหน้าที่แทนฟิลลิปส์ ซึ่งเหมือนเป็นการลักพาตัวคลีคห์ออกไปจากเกมในทันที
------------------------------------------------------
3. คลีคห์ทำแทนไม่ได้
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เอล โลโค เพิ่งจะตอบคำถามสื่อว่าใครที่สามารถจะเล่นแทนฟิลลิปส์ได้บ้าง ก็มีทั้งฟอร์ชอว์, คลีคห์, ชอห์เนสซี่ หรือแม้กระทั่งเอย์ลิ่ง แต่ในวันนี้ฟอร์ชอว์ยังบาดเจ็บอยู่ ชอห์เนสซี่ก็ยังไม่พร้อมสำหรับชุดใหญ่ และเอย์ลิ่งก็ต้องทำหน้าที่แทนคูเปอร์ งานนี้ก็เลยต้องเป็นหน้าที่ของมาเธอุส คลีคห์ กองกลางเชิงสูงที่กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งในฤดูกาลนี้
คลีคห์เคยได้รับมอบหมายหน้าที่นี้มาแล้วในการเล่นเกมอุ่นเครื่องก่อนเปิดฤดูกาล แต่เจ้าตัวก็โชว์ฟอร์มในตำแหน่งนี้ได้ไม่ดีเท่ากับตำแหน่งกองกลางตัวเชื่อมเกมที่เล่นปกติ
ปัญหาของคลีคห์ในการเล่นตำแหน่งนี้ก็คือตำแหน่งการยืนและการเข้าชะลอเกมของคู่ต่อสู้ ด้วยรูปร่างและหุ่นของคลีคห์ที่ดูจะบางไปนิดในการเล่นตำแหน่งนี้ ทำให้เวลาต้องเข้าชะลอเกมคู่ต่อสู้ ด้วยการปะทะหรือแย่งบอลมักจะเป็นฝ่ายแพ้เสมอๆ บอลจึงไปถึงกองหลังของเราอย่างรวดเร็ว
แต่ที่สำคัญที่สุด ที่ทำให้เค้าหายไปจากเกมก็คือการยืนตำแหน่ง ผู้เล่นในตำแหน่งนี้มีชื่อเรียกว่า deep lying midfielder หรือกองกลางที่ยืนต่ำมาก หน้ากองหลังและในบางครั้งต้องลงไปยืนเป็นเซ็นเตอร์ตัวที่ 3 แต่คลีคห์ไม่ยืนต่ำแบบที่ควรจะเป็น เค้ายังติดนิสัยตำแหน่งเดิมที่เค้าเล่นอยู่คือการพยายามทำเกมและพาบอลไปข้างหน้า ซึ่งไม่ใช่หน้าที่หลักของผู้เล่นในตำแหน่งนี้
เมื่อคู่ต่อสู้เล่นกดดันสูง ไล่บี้ตั้งแต่หน้าประตูของเรา แล้วคลีคห์ไม่ลงมายืนต่ำๆ ทำให้บอลจากแดนหลังส่งไปหาเค้าไม่ได้ พีค็อก-แฟร์เรลล์ ต้องส่งบอลไปด้านข้างหรือโยนยาว เช่นเดียวกับเบราร์ดี้และเอย์ลิ่งที่ต้องถ่ายบอลไปด้านข้างแทน เพราะคลีคห์ไม่ลงมารับบอล ส่งผลให้เราขึ้นเกมไม่ได้และคลีคห์ถูกตัดออกจากเกมไปโดยปริยาย
ถ้าเราสังเกตในนัดที่ผ่านๆมาบอลจากแดนหลังจะถูกส่งไปที่ฟิลลิปส์ เพื่อให้ฟิลลิปส์เลือกส่งบอลไปแดนหน้าว่าจะส่งตรงกลางหรือริมเส้น ทำให้ในหลายๆเกมฟิลลิปส์มีสถิติการสัมผัสบอลและจ่ายบอลที่สูงเป็นลำดับต้นๆของทีม แต่กับคลีคห์ในนัดเมื่อคืน เพียงเพราะเค้ายืนสูงเกินไปและเราไม่เห็นเค้าลงมายืนเป็นเซ็นเตอร์ตัวที่ 3 แม้แต่ครั้งเดียว ทำให้แดนกลางของเราเป็นอัมพาตไปในทันที
------------------------------------------------------
4. การแก้เกมที่รวดเร็ว
นี่คือสิ่งมาร์เซโล บิเอลซา แสดงให้เราได้เห็นว่าเค้าดูเกม คิดและประมวลผลงานตลอดเวลา เมื่อเค้าเห็นสิ่งที่ต้องแก้ไข เค้าก็ลงมือทำอย่างทันทีโดยไม่ลังเล ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนตัวฟิลลิปส์ออกตั้งปต่นาทีที่ 24 หรือการเปลี่ยนแจ๊ค แฮร์ริสันลงมาแทน อลิออสกี้ที่โชว์ฟอร์มไม่ออกตั้งแต่ช่วงต้นครึ่งหลัง และการกล้าเปลี่ยนดาวซัลโวของทีมอย่างเคมาร์ รูฟออก เพื่อหารูปแบบการเข้าทำแบบใหม่จากแพทริค แบมฟอร์ด สิ่งต่างๆเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นจอมแท็คติกและกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงของบิเอลซาได้เป็นอย่างดี
จริงอยู่ที่เราโชคดีไม่เสียประตูเพิ่ม แต่การที่เรายิงประตูได้ก็น่าจะมาจากฝีมือการแก้เกมของ เอล โลโค ด้วยเช่นกัน
------------------------------------------------------
5. โชค 3 ชั้น
ต้องยอมรับตามตรงว่าเกมในนัดนี้ สวอนซีที่เป็นคู่แข่งลุ้นเลื่อนชั้นกับเราควรจะได้ 3 แต้มเป็นอย่างยิ่ง แต่ในเมื่อเราใช้โอกาสไม่เปลืองแปรเปลี่ยนเป็นประตูได้ก็ถือว่าเราก็ควรได้แต้มเช่นกัน และถือเป็น 1 แต้มที่สำคัญมาก นอกจากจะช่วยยืดสถิติไม่แพ้ใครออกไป ยังเป็นการตัดแต้มที่สวอนซีจะได้ รวมไปถึงช่วยให้กำลังใจของผู้เล่นและกองเชียร์ยังคงอยู่ไม่ลดน้อยลงไป การได้คะแนนในวันที่เราเล่นไม่ดี นี่เป็นคุณสมบัติที่ดีของทีมที่จะประสบความสำเร็จ และนี่คือโชคชั้นที่ 1
การเล่นกับสวอนซีในวันนี้ พวกเค้าได้เปิดเผยจุดอ่อนของเราออกมาให้ได้รับรู้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาของคู่เซ็นเตอร์ การรับมือกับปีกที่มีความเร็วสูง การเจอคู่ต่อสู้ที่จัดกองกลางมาเต็มแพ็ก การเล่นกับคู่ต่อสู้ที่เล่นไฮเพรซแบบเรา หรือการหาคนมาทดแทนตำแหน่งของฟิลลิปส์ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นจุดอ่อนที่เอล โลโคคงได้เห็นและต้องไปทำการบ้านอย่างหนัก การที่ได้รู้จุดอ่อนของตัวเองโดยที่ยังมีแต้มกลับออกไปนับเป็นโชคชั้นที่ 2
และโชคชั้นที่ 3 ก็คือ เราได้รู้จุดอ่อนของเราในขณะที่ตลาดยืมตัวผู้เล่นยังไม่ปิดตัวลง ซึ่งนี่น่าจะเป็นเหตุผลที่เราต้องกลับเข้าไปในตลาดอีกครั้ง เพื่อหาผู้เล่นมาแก้ไขจุดอ่อนต่างๆของเราต่อไปครับ