สถาพรขอร้องให้กัปตันวันชนะปล่อยตัวเขาลงที่หมู่บ้านอาข่าซึ่งอยู่เหนือดอยแม่สลองขึ้นไปอีก แต่อยู่ต่ำกว่าและห่างจากถ้ำที่ทิ้งศพมาก ด็อกเตอร์หนุ่มให้เหตุผลว่า ที่ต้องการลงที่หมู่บ้านอาข่า เพราะตนมีเพื่อนชาวอาข่าอยู่ที่นั่น และอาจได้เบาะแสหรือข่าวคราวเรื่องน้องสาว บางทีเธออาจจะถูกส่งตัวไปปฏิบัติภารกิจในหมู่บ้านก็อาจเป็นได้ เพราะในเมืองหลวงและจังหวัดใหญ่ๆ ไม่มีข่าวใดๆเกี่ยวข้องกับเธอเลย
กัปตันวันชนะทำตามความประสงค์ของเพื่อนเก่าซึ่งบัดนี้ค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าเขาได้กลับมาเป็นเพื่อนของตนอีกครั้ง และบอกกับเขาว่า ถ้ามีเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือเรื่องด่วนใดๆ ให้รีบวิทยุหาตนทันที พร้อมกับมอบอาวุธและของใช้ที่จำเป็นให้
"ปืนเลเซอร์ นายจำเป็นต้องมี และ เครื่องพรางตัว กับกำไลเทเลพอร์ท นายอาจจะต้องได้ใช้ เก็บไว้นะเพื่อน" กัปตันบอกกับเขาขณะมอบของทีละอย่างๆให้
"นายทำเองเหรอเนี่ย เครื่องพรางตัวกับกำไลอันเนี้ย ?" สถาพรถามและมองหน้าเพื่อนด้วยความทึ่ง
"ใช่ เราทำเอง เครื่องพรางตัวสามารถทำให้นายกลายเป็นมนุษย์ล่องหนได้ประมาณสองชั่วโมงถ้าใช้อย่างต่อเนื่อง ส่วนกำไลเทเลพอร์ท มันจะส่งนายหายจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งแบบสุ่ม ห่างจากจุดเดิมประมาณสิบกิโล"
"เคยทดสอบการใช้งานแล้วเหรอ ?"
"เออ...เคยผ่านการใช้งานจริงมาแล้ว ลูกน้องเรา เคยใช้ตอนย้อนเวลาไปสมัยอเมริกายุคลินคอร์น และตอนไปเยอรมันในยุคฮิตเลอร์ ยังมีตอนไปเซฟประธานาธิปดีเคเนดี้อีก"
"เฮ้ย! พวกนาย ไปช่วย JFK ด้วยเหรอ ?" สถาพรร้องถามเสียงดังด้วยความทึ่งมากกว่าเดิม
"ใช่เพื่อน เราและลูกน้อง ได้เซฟทั้งอับราฮัม ลินคอร์น และจอห์น เอฟ เคเนดี้"
"งั้น ประวัติศาสตร์ ก็เปลี่ยนไปแล้วสิ ?"
"ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ที่เราเคยได้ยินมา มันเป็นไปได้สองสถาน คือหนึ่ง ประวัติศาสตร์เปลี่ยนจริง! สอง ประวัติศาสตร์ไม่เปลี่ยน แต่เกิดสิ่งที่เรียกว่า 'โลกคู่ขนาน!' ถ้าเป็นแบบที่สอง พวกเราก็คงอยู่ในอีกโลกหนึ่ง หรืออีกมิติหนึ่ง หรืออีกจักรวาลหนึ่ง ไม่มีใครรู้ชัดได้หรอก"
"ฮืมม....อะเมซซิ่ง!! บางที ถ้าไอน์สไตน์อยู่ในยุคนี้ เขาอาจจะตอบเราได้ก็ได้นะ" สถาพรกล่าวพลางจัดเก็บข้าวของใส่เป้สะพายหลัง พอจัดของเสร็จก็เข้าไปหาเอวา แล้วสวมกอดนางไว้แน่น จูบนางด้วยความรักสุดหัวใจ ก่อนจะบอกลาอีกครั้ง
"พี่ไปทำงานของพี่หละนะ น้องอยู่กับเพื่อนๆของพี่ รอพี่กลับมา พี่จะกลับมาให้เร็วที่สุด หลังจากทำงานเสร็จแล้ว นะจ๊ะ"
"ค่ะ พี่" นางพยักหน้าและทำตาละห้อย "น้องจะรอพี่ค่ะ"
สถาพรยิ้ม รู้สึกว่านางพูดภาษาไทยได้คล่องมากขึ้น สำเนียงก็ชัดเจนขึ้น คงเป็นเพราะกัปตันวันชนะและทุกคนช่วยสอนนางเป็นแน่ เขาหันมาทางเพื่อนรักอีกครั้ง
"ฝากเอวาด้วยอีกครั้งนะ"
"ไม่ต้องเป็นห่วงเพื่อน เราและทุกคนจะช่วยดูแลนางอย่างดี ตอนนี้นางพูดไทยเก่งขึ้นแล้วเห็นไหม"
"อื้มม" เขาพยักหน้าและยิ้ม ก่อนจะโบกมือลาทุกคนแล้วเดินออกจากประตูยาน THE FUGITIVE
"เราไปก่อนหละ แล้วพบกันใหม่" จากนั้นก็หันไปโบกไม้โบกมือลาคนอื่นๆ ทุกคนในยาน "ผมไปก่อนนะครับทุกๆท่าน แล้วพบกันใหม่ครับ"
"โชคดีครับ คุณสถาพร" เอกตอบก่อนเพื่อน
"โชคดีค่ะ" สองสาวจอบยกับเล็กกล่าวพร้อมกัน
"ระวังตัวด้วยนะไอ้เสือ!" ประโยคนี้หนุ่มแซมเป็นคนกล่าว ตอนนี้เขากับด็อกเตอร์หนุ่มปรับความเข้าใจกันไปแล้ว
"ระวังตัวนะคะ น้า" สาวน้อยแอนนากล่าวต่อ ตามด้วยคุณแม่ของเธอ "ดูแลตัวเองให้ดีๆนะคะ คุณสถาพร"
"ขอให้หาน้องสาวเจอนะครับ คุณสถาพร" แอนดี้กล่าวอวยพรบ้าง
"โชคดีเพื่อน" กัปตันวันชนะกล่าวเป็นคนสุดท้าย
สถาพรเดินลงจากเทือกเขาสูง มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านอาข่าซึ่งอยู่เบื้องล่าง
เขาเดินไปเรื่อยๆ ผ่านต้นไม้ในป่าเขา จนกระทั่งมองเห็น "ประตูผี" ซึ่งเป็นทางเข้าหมู่บ้านอยู่ข้างหน้า
ทางฝ่ายกัปตันวันชนะและคณะ หลังจากที่สถาพรจากไปแล้ว ก็เริ่มประชุมกันภายในยาน THE FUGITIVE ซึ่งยังคงจอดอยู่บนเทือกเขาสันติคีรี บริเวณใกล้กับ "ถ้ำใหม่"
"เราจะเอายังไงกันดีครับ กับช่วงเวลานี้ ที่สถาพรกำลังไปสืบหาตัวน้องสาวของเค้าอยู่ ?" กัปตันเริ่มเปิดประเด็น
"ผมว่า ยานของเรา มีสมรรถนะเหนือกว่ายานปราบไพรีของพวกรัฐบาลแล้วนะครับ เหนือกว่ามากด้วย น่าจะลองลุยบุกเข้าไปหากองทัพมันซักตั้ง" หนุ่มแซมเสมอความคิดเห็นก่อนเพื่อน "อย่างน้อยๆ เราก็คงได้ทำลายกองกำลังของพวกมันไปได้บ้างแหละ ไม่มากก็น้อย"
"ผมเห็นด้วย" เอกกล่าวสนับสนุน "ยานของเราเหนือกว่าอากาศยานของฝ่ายรัฐบาลแน่นอน ถึงจะโดนยิงบ้างก็คงไม่เสียหายอะไรมาก อีกอย่าง เราก็มีฝ่ายชาวดาวเนโอโซรอสคอยช่วยอยู่ ยังไงพวกเราต้องชนะแน่นอนครับ จริงไหมครับคุณเอ็มม่า ?" อดีตมหาเปรียญเก้าประโยคหันไปถามคุณแม่ต่างดาว
"เอ้อ...เดี๋ยวนะคะ ต้องทำความเข้าใจกันหน่อย" เอ็มม่ายกมือขึ้นและกล่าวเบรค "ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการช่วยอัพเกรดยานลำนี้ก็ดี การช่วยอัพเกรดแอนดี้ก็ดี เป็นเพราะ ในยานลำนี้ มีดิฉันอยู่ค่ะ!"
"ก็ใช่น่ะสิครับ" แซมกล่าวสวนทันที โดยไม่ทันได้คิดถึง "นัย" ที่สาวต่างดาวกล่าว "นั่นแปลว่า ชาวเนโอโซรอสบนยานของพวกเขา พร้อมเสมอที่จะช่วยพวกเรา ในภารกิจที่พวกเราจะทำ ถูกไหมครับ ?"
"ไม่ใช่ค่ะ!!!" เอ็มม่าตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด "คุณกำลังเข้าใจผิดค่ะ คุณแซม"
"อ้าว!!!??" แซมอ้าปากหวอ "ผมเข้าใจผิดยังไงล่ะครับเนี่ย ?"
"คืออย่างนี้ค่ะ" ภรรยากัปตันเริ่มชี้แจง "ที่ชาวเนโอโซรอสได้ช่วยพวกคุณ เพราะพวกเขาเห็นว่าดิฉันอยู่ในยานลำนี้ ร่วมกับพวกคุณ แต่ว่า ดาวเนโอโซรอส มีกฏข้อบังคับอยู่ข้อหนึ่ง ซึ่งชาวเนโอโซรอสทุกคน ต้องปฏิบัติตาม ผู้ใดฝ่าฝืน ผู้นั้นจะถูกลงโทษ ถูกจองจำ ครึ่งหนึ่ง ของอายุขัยที่เหลืออยู่ในชีวิตค่ะ!!"
"กฏข้อบังคับนั้น ว่าไงครับ ??" กัปตันวันชนะถามภรรยา
"โห.......ถูกจองจำเป็นเวลาครึ่งหนึ่งของอายุขัยที่เหลืออยู่!! โหดจังเลยค่ะ" สาวเล็กวิจารณ์และทำตาโต
"ใช่จ้ะ น้องเล็ก" เอ็มม่าตอบยิ้มๆ "และกฏข้อที่ว่านี้ก็คือ
ห้ามมิให้ชาวเนโอโซรอส เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในของดินแดนแห่งใดๆ บนดาวดวงไหนทั้งสิ้น ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม!! ยกเว้น สภาแห่งดวงดาวได้มีคำวินิจฉัยว่า ดินแดนแห่งนั้นบนดาวดวงนั้น มีอันตรายคุกคามต่อความสงบสุขของจักรวาลของพวกเราเท่านั้น พวกเราจึงจะเข้ามาร่วมต่อสู้ด้วย แต่ถ้าพวกเขาทะเลาะกันเอง อย่างเช่นในดินแดนของพวกคุณ หรือว่า ประเทศหนึ่งทำสงครามกับอีกประเทศหนึ่ง อย่างนี้ ชาวเนโอโซรอสเราจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยค่ะ!"
"ว้า......แย่จัง อดเลย" สาวจอยร้องคราง "นึกว่าจะได้พวกของพี่เอ็มมาช่วยกู้ชาติแล้วสิ!"
"นั่นสิครับ ผมก็นึกอย่างนั้น" เอกกล่าวแสดงความเสียดายอีกคน
"เดี๋ยวนะครับ...เมื่อกี้ คุณเอ็มบอกว่า ยุ่งเกี่ยวด้วยไม่ได้ ทั้งทางตรงหรือทางอ้อม" แซมเอ่ยขึ้นเพราะนึกอะไรขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง
"ใช่ค่ะ คุณแซม มีอะไรหรือคะ ?"
"คือ ผมสงสัยว่า แล้วอย่าง ยาน THE FUGITIVE ของพวกเราด้วย แอนดี้ด้วย ได้รับการปรับปรุง พัฒนา อัพเกรดจนมีประสิทธิภาพ มีสมรรถภาพก้าวหน้าขึ้น มันจะเข้าข่าย แทรกแซง หรือยุ่งเกี่ยวกับต่างแดนต่างดาวหรือเปล่าครับ ?"
"อืม...น่าคิดนะครับข้อนี้ ว่าไงครับที่รัก ?" กัปตันกล่าวพลางพยักหน้าหงึกๆ แล้วหันไปถามภรรยา
"เอ...อันนี้ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ วันชนะ" หล่อนส่ายหน้า "แต่เดาว่า เป็นเพราะฉันยังอยู่กับพวกคุณ พวกเขาจึงมาช่วยทำให้ อีกอย่างหนึ่ง พวกคุณก็มิได้ทำสงครามกับดินแดนใดๆ ประเทศไหนๆ นี่คะ ที่ผ่านมา เราเพียงปกป้องผู้บริสุทธิ์ แต่อย่างการขับไล่และต่อสู้กับมนุษย์ต่างดาวที่พวกคุณเรียกกันว่าเร็พไทเลี่ยนนั่น พวกเราทำได้ค่ะ เพราะพวกมันเป็นภัยคุกคามต่อจักรวาล เราจะปล่อยให้พวกมันยึดครองอียิปต์ไม่ได้ มิฉะนั้นพวกมันจะตั้งฐานทัพกันที่นั่น และก็คงจะลามปามไปหาดินแดนอื่นประเทศอื่น สุดท้ายก็คงจะยึดครองโลกแน่นอน"
กัปตันวันชนะทำท่าคิดหนัก ครู่หนึ่งจึงตั้งคำถามอีกหนึ่งคำถาม
"เอ็มม่า...ถ้าหากว่า ผม ตัดสินใจ พาพวกเรา บุกถล่มกองทัพ ด้วยยานลำนี้ คุณคิดว่ายานลำนี้จะรับการโจมตีจากกองทัพทั้งกองทัพได้ไหม ? และหลังจากเปิดศึกไปแล้ว ทางพวกคุณจะว่ายังไง ?"
สาวต่างดาวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบ
"อื้มม....กองทัพของชาติคุณ หมดทั้งกองทัพนะคะ แม้ว่ายานลำนี้อัพเกรดแล้วเหนือกว่าอากาศยานใดๆ แต่ก็มีเพียงลำเดียว และวิทยาการของชาวโลกก็ก้าวหน้าไปมาก อาวุธเลเซอร์พวกคุณก็มีใช้กันแล้ว ถ้า...สมมติว่า ยานของกองทัพสักยี่สิบลำขึ้นไป ร่วมกันยิงแสงเลเซอร์เข้าใส่ยานลำนี้พร้อมๆกัน ยานนี้แม้จะมีม่านบาเรียที่เข้มแข็ง แต่ก็จะต้านได้ไม่นาน สุดท้ายก็จะถูกเจาะเข้าถึงตัวยานจนได้ พวกเขายิงพวกเราให้ร่วงหรือให้ระเบิดกลางอากาศได้ค่ะ! เพราะโครงสร้างและระบบของยานลำนี้ มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่เป็นเทคโนโลยีของดาวเนโอโซรอส คิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วประมาณสิบกว่าเปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง THE FUGITIVE ยังเทียบไม่ได้กับยานของชาวเนโอโซรอสค่ะ ยังห่างชั้นกันมาก!!"
"แปลว่า ถ้าผมตัดสินใจบุก ก็คือ เสี่ยงที่จะถูกยิง ไม่มีทางชนะหรือครับ ?"
"ค่ะ!" เอ็มม่ากล่าวอย่างหนักแน่น "ภาษาไทยของคุณก็มีสุภาษิตอยู่ประโยคหนึ่งนี่คะ ว่าน้ำน้อย ย่อมแพ้ไฟ"
"แต่คุณอยู่กับผม อยู่กับพวกเรา ถ้ายานของเราถูกยิง พวกของคุณก็คงจะมาช่วย หรือเปล่าครับ ?"
"ก็คงช่วยให้รอดพ้น ช่วยเซฟ เท่านั้นแหละค่ะ แต่คงไม่ช่วยพวกคุณบุกโจมตีกองทัพของผู้ปกครองในประเทศของคุณแน่ๆ"
กัปตันวันชนะถอนใจเฮือก
"เอ็มม่า ผมหนักใจจริงๆครับ คุณก็รู้เรื่องภารกิจของพวกผมแล้ว"
"รู้ค่ะ รู้ดี และเข้าใจพวกคุณดี เห็นใจด้วยนะคะ" ภรรยาต่างดาวจับมือสามีขึ้นมาบีบ "คุณก็ต้องเข้าใจฉันด้วยนะคะ ฉันกลายเป็นคนที่อยู่ในท่ามกลางเสียแล้ว ฉันเป็นชาวเนโอโซรอส และเป็นภรรยาของคุณด้วย คุณตัดสินใจเอายังไงดีคะ จะลองบุกเข้าไปถล่มกองทัพรัฐบาลของพวกคุณก่อนไหม แล้วรอดูว่าทางพวกของฉันจะว่ายังไง ?"
"ผมไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เลย มันเหมือนกับจะใช้คุณเป็นเกราะกำบัง เป็นข้ออ้างให้พวกของคุณคอยช่วย..." แล้วเขาก็หันไปถามลูกน้องชายสองคน "คุณแซม คุณเอก ถ้าพวกคุณเป็นผม จะตัดสินใจยังไงดีแบบนี้ ?"
"ไม่รู้ครับผม ผมตัดสินใจไม่ได้ครับ" แซมส่ายหน้าตอบก่อน
"ผมก็เหมือนแซมครับ กัปตัน" เอกตอบตามมาและะทำหน้าเบ้
"เอาอย่างนี้ดีไหมคะ..." เอ็มม่าเสนอแนะ "ให้ฉันทำการติดต่อกับพวกของฉัน ฉันจะขอให้ทางสภาเนโอโซรอสอนุญาตให้ใช้กำลังมาช่วยพวกคุณ ฉันจะอธิบายว่าพวกคุณประสบกับเหตุการณ์อะไรมาบ้าง ได้รับความอยุติธรรรมเช่นไร ประชาชนในประเทศของคุณถูกกระทำอย่างไร ฉันยังอยู่กับคุณ กับพวกคุณ บางทีทางสภาอาจจะอนุมัติให้ความช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษก็ได้ ในระหว่างนี้พวกคุณก็รอก่อน อย่าเพิ่งไปโจมตีพวกนั้น รอฟังการตัดสินจากสภาของพวกฉันก่อน หลังจากนั้น ค่อยมาคุยกัน ตัดสินใจกันอีกที"
"เข้าท่าดีนะครับ กัปตัน" แซมกล่าวเห็นด้วย
"คุณล่ะเอก ว่าไง ?"
"ผมว่า น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วครับ" อดีตมหาเปรียญเก้าสนับสนุน
"คุณจอย คุณเล็ก คิดว่าไงครับ ?" กัปตันหันไปถามสองสาวบ้าง
"เห็นด้วยกับพี่เอ็มค่ะ"
"เอาตามที่พี่เอ็มว่าเถอะค่ะ"
จอยและเล็กตอบสนับสนุนกันตามลำดับ
กัปตันวันชนะเม้มปากขมวดคิ้ว แล้วหันไปหาแอนดี้ซึ่งยังมี "บาดแผล" จากปืนเลเซอร์ของสถาพรบนใบหน้า
"แอนดี้!"
"ครับ เจ้านาย" เขาหันขวับมาทันทีที่ถูกเรียก
"นาย พอจะทำการคำนวณได้ไหม ว่า ถ้าฉันขับยานลำนี้ไปต่อสู้กับพวกรัฐบาล โอกาสแพ้ชนะ เปอร์เซ็นต์ต่างกันเท่าไร ?"
"ได้ครับ" แอนดี้พยักหน้า หยุดนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วให้คำตอบ
"โอกาสแพ้ 98.23 เปอร์เซ็นต์ โอกาสชนะ 1.77 เปอร์เซ็นต์ครับผม!!"
"โอย..." "โอ๋ยโหย......" สองสาวร้องครางพร้อมกัน
"โอเค! เอ็ม...คุณติดต่อกับพวกของคุณเถอะครับ ตกลงผมจะรอฟังคำตอบ"
"ตกลงค่ะ จะไปทำการติดต่อเดี๋ยวนี้" พูดจบ คุณแม่ต่างดาวก็ลุกขึ้นจากที่นั่ง จูงมือลูกสาวไปยังห้องนักบิน
"แอนดี้" กัปตันวันชนะหันมาพูดกับแอนดรอยด์อัจฉริยะอีกครั้ง
(มีต่อครับ)
💫🕛💫 "หลงกาล" Episode-45 : ภาคอวสาน ตอนที่ 3 💫🕛💫
สถาพรขอร้องให้กัปตันวันชนะปล่อยตัวเขาลงที่หมู่บ้านอาข่าซึ่งอยู่เหนือดอยแม่สลองขึ้นไปอีก แต่อยู่ต่ำกว่าและห่างจากถ้ำที่ทิ้งศพมาก ด็อกเตอร์หนุ่มให้เหตุผลว่า ที่ต้องการลงที่หมู่บ้านอาข่า เพราะตนมีเพื่อนชาวอาข่าอยู่ที่นั่น และอาจได้เบาะแสหรือข่าวคราวเรื่องน้องสาว บางทีเธออาจจะถูกส่งตัวไปปฏิบัติภารกิจในหมู่บ้านก็อาจเป็นได้ เพราะในเมืองหลวงและจังหวัดใหญ่ๆ ไม่มีข่าวใดๆเกี่ยวข้องกับเธอเลย
กัปตันวันชนะทำตามความประสงค์ของเพื่อนเก่าซึ่งบัดนี้ค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าเขาได้กลับมาเป็นเพื่อนของตนอีกครั้ง และบอกกับเขาว่า ถ้ามีเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือเรื่องด่วนใดๆ ให้รีบวิทยุหาตนทันที พร้อมกับมอบอาวุธและของใช้ที่จำเป็นให้
"ปืนเลเซอร์ นายจำเป็นต้องมี และ เครื่องพรางตัว กับกำไลเทเลพอร์ท นายอาจจะต้องได้ใช้ เก็บไว้นะเพื่อน" กัปตันบอกกับเขาขณะมอบของทีละอย่างๆให้
"นายทำเองเหรอเนี่ย เครื่องพรางตัวกับกำไลอันเนี้ย ?" สถาพรถามและมองหน้าเพื่อนด้วยความทึ่ง
"ใช่ เราทำเอง เครื่องพรางตัวสามารถทำให้นายกลายเป็นมนุษย์ล่องหนได้ประมาณสองชั่วโมงถ้าใช้อย่างต่อเนื่อง ส่วนกำไลเทเลพอร์ท มันจะส่งนายหายจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งแบบสุ่ม ห่างจากจุดเดิมประมาณสิบกิโล"
"เคยทดสอบการใช้งานแล้วเหรอ ?"
"เออ...เคยผ่านการใช้งานจริงมาแล้ว ลูกน้องเรา เคยใช้ตอนย้อนเวลาไปสมัยอเมริกายุคลินคอร์น และตอนไปเยอรมันในยุคฮิตเลอร์ ยังมีตอนไปเซฟประธานาธิปดีเคเนดี้อีก"
"เฮ้ย! พวกนาย ไปช่วย JFK ด้วยเหรอ ?" สถาพรร้องถามเสียงดังด้วยความทึ่งมากกว่าเดิม
"ใช่เพื่อน เราและลูกน้อง ได้เซฟทั้งอับราฮัม ลินคอร์น และจอห์น เอฟ เคเนดี้"
"งั้น ประวัติศาสตร์ ก็เปลี่ยนไปแล้วสิ ?"
"ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ที่เราเคยได้ยินมา มันเป็นไปได้สองสถาน คือหนึ่ง ประวัติศาสตร์เปลี่ยนจริง! สอง ประวัติศาสตร์ไม่เปลี่ยน แต่เกิดสิ่งที่เรียกว่า 'โลกคู่ขนาน!' ถ้าเป็นแบบที่สอง พวกเราก็คงอยู่ในอีกโลกหนึ่ง หรืออีกมิติหนึ่ง หรืออีกจักรวาลหนึ่ง ไม่มีใครรู้ชัดได้หรอก"
"ฮืมม....อะเมซซิ่ง!! บางที ถ้าไอน์สไตน์อยู่ในยุคนี้ เขาอาจจะตอบเราได้ก็ได้นะ" สถาพรกล่าวพลางจัดเก็บข้าวของใส่เป้สะพายหลัง พอจัดของเสร็จก็เข้าไปหาเอวา แล้วสวมกอดนางไว้แน่น จูบนางด้วยความรักสุดหัวใจ ก่อนจะบอกลาอีกครั้ง
"พี่ไปทำงานของพี่หละนะ น้องอยู่กับเพื่อนๆของพี่ รอพี่กลับมา พี่จะกลับมาให้เร็วที่สุด หลังจากทำงานเสร็จแล้ว นะจ๊ะ"
"ค่ะ พี่" นางพยักหน้าและทำตาละห้อย "น้องจะรอพี่ค่ะ"
สถาพรยิ้ม รู้สึกว่านางพูดภาษาไทยได้คล่องมากขึ้น สำเนียงก็ชัดเจนขึ้น คงเป็นเพราะกัปตันวันชนะและทุกคนช่วยสอนนางเป็นแน่ เขาหันมาทางเพื่อนรักอีกครั้ง
"ฝากเอวาด้วยอีกครั้งนะ"
"ไม่ต้องเป็นห่วงเพื่อน เราและทุกคนจะช่วยดูแลนางอย่างดี ตอนนี้นางพูดไทยเก่งขึ้นแล้วเห็นไหม"
"อื้มม" เขาพยักหน้าและยิ้ม ก่อนจะโบกมือลาทุกคนแล้วเดินออกจากประตูยาน THE FUGITIVE
"เราไปก่อนหละ แล้วพบกันใหม่" จากนั้นก็หันไปโบกไม้โบกมือลาคนอื่นๆ ทุกคนในยาน "ผมไปก่อนนะครับทุกๆท่าน แล้วพบกันใหม่ครับ"
"โชคดีครับ คุณสถาพร" เอกตอบก่อนเพื่อน
"โชคดีค่ะ" สองสาวจอบยกับเล็กกล่าวพร้อมกัน
"ระวังตัวด้วยนะไอ้เสือ!" ประโยคนี้หนุ่มแซมเป็นคนกล่าว ตอนนี้เขากับด็อกเตอร์หนุ่มปรับความเข้าใจกันไปแล้ว
"ระวังตัวนะคะ น้า" สาวน้อยแอนนากล่าวต่อ ตามด้วยคุณแม่ของเธอ "ดูแลตัวเองให้ดีๆนะคะ คุณสถาพร"
"ขอให้หาน้องสาวเจอนะครับ คุณสถาพร" แอนดี้กล่าวอวยพรบ้าง
"โชคดีเพื่อน" กัปตันวันชนะกล่าวเป็นคนสุดท้าย
สถาพรเดินลงจากเทือกเขาสูง มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านอาข่าซึ่งอยู่เบื้องล่าง
เขาเดินไปเรื่อยๆ ผ่านต้นไม้ในป่าเขา จนกระทั่งมองเห็น "ประตูผี" ซึ่งเป็นทางเข้าหมู่บ้านอยู่ข้างหน้า
ทางฝ่ายกัปตันวันชนะและคณะ หลังจากที่สถาพรจากไปแล้ว ก็เริ่มประชุมกันภายในยาน THE FUGITIVE ซึ่งยังคงจอดอยู่บนเทือกเขาสันติคีรี บริเวณใกล้กับ "ถ้ำใหม่"
"เราจะเอายังไงกันดีครับ กับช่วงเวลานี้ ที่สถาพรกำลังไปสืบหาตัวน้องสาวของเค้าอยู่ ?" กัปตันเริ่มเปิดประเด็น
"ผมว่า ยานของเรา มีสมรรถนะเหนือกว่ายานปราบไพรีของพวกรัฐบาลแล้วนะครับ เหนือกว่ามากด้วย น่าจะลองลุยบุกเข้าไปหากองทัพมันซักตั้ง" หนุ่มแซมเสมอความคิดเห็นก่อนเพื่อน "อย่างน้อยๆ เราก็คงได้ทำลายกองกำลังของพวกมันไปได้บ้างแหละ ไม่มากก็น้อย"
"ผมเห็นด้วย" เอกกล่าวสนับสนุน "ยานของเราเหนือกว่าอากาศยานของฝ่ายรัฐบาลแน่นอน ถึงจะโดนยิงบ้างก็คงไม่เสียหายอะไรมาก อีกอย่าง เราก็มีฝ่ายชาวดาวเนโอโซรอสคอยช่วยอยู่ ยังไงพวกเราต้องชนะแน่นอนครับ จริงไหมครับคุณเอ็มม่า ?" อดีตมหาเปรียญเก้าประโยคหันไปถามคุณแม่ต่างดาว
"เอ้อ...เดี๋ยวนะคะ ต้องทำความเข้าใจกันหน่อย" เอ็มม่ายกมือขึ้นและกล่าวเบรค "ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการช่วยอัพเกรดยานลำนี้ก็ดี การช่วยอัพเกรดแอนดี้ก็ดี เป็นเพราะ ในยานลำนี้ มีดิฉันอยู่ค่ะ!"
"ก็ใช่น่ะสิครับ" แซมกล่าวสวนทันที โดยไม่ทันได้คิดถึง "นัย" ที่สาวต่างดาวกล่าว "นั่นแปลว่า ชาวเนโอโซรอสบนยานของพวกเขา พร้อมเสมอที่จะช่วยพวกเรา ในภารกิจที่พวกเราจะทำ ถูกไหมครับ ?"
"ไม่ใช่ค่ะ!!!" เอ็มม่าตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด "คุณกำลังเข้าใจผิดค่ะ คุณแซม"
"อ้าว!!!??" แซมอ้าปากหวอ "ผมเข้าใจผิดยังไงล่ะครับเนี่ย ?"
"คืออย่างนี้ค่ะ" ภรรยากัปตันเริ่มชี้แจง "ที่ชาวเนโอโซรอสได้ช่วยพวกคุณ เพราะพวกเขาเห็นว่าดิฉันอยู่ในยานลำนี้ ร่วมกับพวกคุณ แต่ว่า ดาวเนโอโซรอส มีกฏข้อบังคับอยู่ข้อหนึ่ง ซึ่งชาวเนโอโซรอสทุกคน ต้องปฏิบัติตาม ผู้ใดฝ่าฝืน ผู้นั้นจะถูกลงโทษ ถูกจองจำ ครึ่งหนึ่ง ของอายุขัยที่เหลืออยู่ในชีวิตค่ะ!!"
"กฏข้อบังคับนั้น ว่าไงครับ ??" กัปตันวันชนะถามภรรยา
"โห.......ถูกจองจำเป็นเวลาครึ่งหนึ่งของอายุขัยที่เหลืออยู่!! โหดจังเลยค่ะ" สาวเล็กวิจารณ์และทำตาโต
"ใช่จ้ะ น้องเล็ก" เอ็มม่าตอบยิ้มๆ "และกฏข้อที่ว่านี้ก็คือ ห้ามมิให้ชาวเนโอโซรอส เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในของดินแดนแห่งใดๆ บนดาวดวงไหนทั้งสิ้น ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม!! ยกเว้น สภาแห่งดวงดาวได้มีคำวินิจฉัยว่า ดินแดนแห่งนั้นบนดาวดวงนั้น มีอันตรายคุกคามต่อความสงบสุขของจักรวาลของพวกเราเท่านั้น พวกเราจึงจะเข้ามาร่วมต่อสู้ด้วย แต่ถ้าพวกเขาทะเลาะกันเอง อย่างเช่นในดินแดนของพวกคุณ หรือว่า ประเทศหนึ่งทำสงครามกับอีกประเทศหนึ่ง อย่างนี้ ชาวเนโอโซรอสเราจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยค่ะ!"
"ว้า......แย่จัง อดเลย" สาวจอยร้องคราง "นึกว่าจะได้พวกของพี่เอ็มมาช่วยกู้ชาติแล้วสิ!"
"นั่นสิครับ ผมก็นึกอย่างนั้น" เอกกล่าวแสดงความเสียดายอีกคน
"เดี๋ยวนะครับ...เมื่อกี้ คุณเอ็มบอกว่า ยุ่งเกี่ยวด้วยไม่ได้ ทั้งทางตรงหรือทางอ้อม" แซมเอ่ยขึ้นเพราะนึกอะไรขึ้นมาได้อย่างหนึ่ง
"ใช่ค่ะ คุณแซม มีอะไรหรือคะ ?"
"คือ ผมสงสัยว่า แล้วอย่าง ยาน THE FUGITIVE ของพวกเราด้วย แอนดี้ด้วย ได้รับการปรับปรุง พัฒนา อัพเกรดจนมีประสิทธิภาพ มีสมรรถภาพก้าวหน้าขึ้น มันจะเข้าข่าย แทรกแซง หรือยุ่งเกี่ยวกับต่างแดนต่างดาวหรือเปล่าครับ ?"
"อืม...น่าคิดนะครับข้อนี้ ว่าไงครับที่รัก ?" กัปตันกล่าวพลางพยักหน้าหงึกๆ แล้วหันไปถามภรรยา
"เอ...อันนี้ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ วันชนะ" หล่อนส่ายหน้า "แต่เดาว่า เป็นเพราะฉันยังอยู่กับพวกคุณ พวกเขาจึงมาช่วยทำให้ อีกอย่างหนึ่ง พวกคุณก็มิได้ทำสงครามกับดินแดนใดๆ ประเทศไหนๆ นี่คะ ที่ผ่านมา เราเพียงปกป้องผู้บริสุทธิ์ แต่อย่างการขับไล่และต่อสู้กับมนุษย์ต่างดาวที่พวกคุณเรียกกันว่าเร็พไทเลี่ยนนั่น พวกเราทำได้ค่ะ เพราะพวกมันเป็นภัยคุกคามต่อจักรวาล เราจะปล่อยให้พวกมันยึดครองอียิปต์ไม่ได้ มิฉะนั้นพวกมันจะตั้งฐานทัพกันที่นั่น และก็คงจะลามปามไปหาดินแดนอื่นประเทศอื่น สุดท้ายก็คงจะยึดครองโลกแน่นอน"
กัปตันวันชนะทำท่าคิดหนัก ครู่หนึ่งจึงตั้งคำถามอีกหนึ่งคำถาม
"เอ็มม่า...ถ้าหากว่า ผม ตัดสินใจ พาพวกเรา บุกถล่มกองทัพ ด้วยยานลำนี้ คุณคิดว่ายานลำนี้จะรับการโจมตีจากกองทัพทั้งกองทัพได้ไหม ? และหลังจากเปิดศึกไปแล้ว ทางพวกคุณจะว่ายังไง ?"
สาวต่างดาวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบ
"อื้มม....กองทัพของชาติคุณ หมดทั้งกองทัพนะคะ แม้ว่ายานลำนี้อัพเกรดแล้วเหนือกว่าอากาศยานใดๆ แต่ก็มีเพียงลำเดียว และวิทยาการของชาวโลกก็ก้าวหน้าไปมาก อาวุธเลเซอร์พวกคุณก็มีใช้กันแล้ว ถ้า...สมมติว่า ยานของกองทัพสักยี่สิบลำขึ้นไป ร่วมกันยิงแสงเลเซอร์เข้าใส่ยานลำนี้พร้อมๆกัน ยานนี้แม้จะมีม่านบาเรียที่เข้มแข็ง แต่ก็จะต้านได้ไม่นาน สุดท้ายก็จะถูกเจาะเข้าถึงตัวยานจนได้ พวกเขายิงพวกเราให้ร่วงหรือให้ระเบิดกลางอากาศได้ค่ะ! เพราะโครงสร้างและระบบของยานลำนี้ มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่เป็นเทคโนโลยีของดาวเนโอโซรอส คิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วประมาณสิบกว่าเปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง THE FUGITIVE ยังเทียบไม่ได้กับยานของชาวเนโอโซรอสค่ะ ยังห่างชั้นกันมาก!!"
"แปลว่า ถ้าผมตัดสินใจบุก ก็คือ เสี่ยงที่จะถูกยิง ไม่มีทางชนะหรือครับ ?"
"ค่ะ!" เอ็มม่ากล่าวอย่างหนักแน่น "ภาษาไทยของคุณก็มีสุภาษิตอยู่ประโยคหนึ่งนี่คะ ว่าน้ำน้อย ย่อมแพ้ไฟ"
"แต่คุณอยู่กับผม อยู่กับพวกเรา ถ้ายานของเราถูกยิง พวกของคุณก็คงจะมาช่วย หรือเปล่าครับ ?"
"ก็คงช่วยให้รอดพ้น ช่วยเซฟ เท่านั้นแหละค่ะ แต่คงไม่ช่วยพวกคุณบุกโจมตีกองทัพของผู้ปกครองในประเทศของคุณแน่ๆ"
กัปตันวันชนะถอนใจเฮือก
"เอ็มม่า ผมหนักใจจริงๆครับ คุณก็รู้เรื่องภารกิจของพวกผมแล้ว"
"รู้ค่ะ รู้ดี และเข้าใจพวกคุณดี เห็นใจด้วยนะคะ" ภรรยาต่างดาวจับมือสามีขึ้นมาบีบ "คุณก็ต้องเข้าใจฉันด้วยนะคะ ฉันกลายเป็นคนที่อยู่ในท่ามกลางเสียแล้ว ฉันเป็นชาวเนโอโซรอส และเป็นภรรยาของคุณด้วย คุณตัดสินใจเอายังไงดีคะ จะลองบุกเข้าไปถล่มกองทัพรัฐบาลของพวกคุณก่อนไหม แล้วรอดูว่าทางพวกของฉันจะว่ายังไง ?"
"ผมไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เลย มันเหมือนกับจะใช้คุณเป็นเกราะกำบัง เป็นข้ออ้างให้พวกของคุณคอยช่วย..." แล้วเขาก็หันไปถามลูกน้องชายสองคน "คุณแซม คุณเอก ถ้าพวกคุณเป็นผม จะตัดสินใจยังไงดีแบบนี้ ?"
"ไม่รู้ครับผม ผมตัดสินใจไม่ได้ครับ" แซมส่ายหน้าตอบก่อน
"ผมก็เหมือนแซมครับ กัปตัน" เอกตอบตามมาและะทำหน้าเบ้
"เอาอย่างนี้ดีไหมคะ..." เอ็มม่าเสนอแนะ "ให้ฉันทำการติดต่อกับพวกของฉัน ฉันจะขอให้ทางสภาเนโอโซรอสอนุญาตให้ใช้กำลังมาช่วยพวกคุณ ฉันจะอธิบายว่าพวกคุณประสบกับเหตุการณ์อะไรมาบ้าง ได้รับความอยุติธรรรมเช่นไร ประชาชนในประเทศของคุณถูกกระทำอย่างไร ฉันยังอยู่กับคุณ กับพวกคุณ บางทีทางสภาอาจจะอนุมัติให้ความช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษก็ได้ ในระหว่างนี้พวกคุณก็รอก่อน อย่าเพิ่งไปโจมตีพวกนั้น รอฟังการตัดสินจากสภาของพวกฉันก่อน หลังจากนั้น ค่อยมาคุยกัน ตัดสินใจกันอีกที"
"เข้าท่าดีนะครับ กัปตัน" แซมกล่าวเห็นด้วย
"คุณล่ะเอก ว่าไง ?"
"ผมว่า น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วครับ" อดีตมหาเปรียญเก้าสนับสนุน
"คุณจอย คุณเล็ก คิดว่าไงครับ ?" กัปตันหันไปถามสองสาวบ้าง
"เห็นด้วยกับพี่เอ็มค่ะ"
"เอาตามที่พี่เอ็มว่าเถอะค่ะ"
จอยและเล็กตอบสนับสนุนกันตามลำดับ
กัปตันวันชนะเม้มปากขมวดคิ้ว แล้วหันไปหาแอนดี้ซึ่งยังมี "บาดแผล" จากปืนเลเซอร์ของสถาพรบนใบหน้า
"แอนดี้!"
"ครับ เจ้านาย" เขาหันขวับมาทันทีที่ถูกเรียก
"นาย พอจะทำการคำนวณได้ไหม ว่า ถ้าฉันขับยานลำนี้ไปต่อสู้กับพวกรัฐบาล โอกาสแพ้ชนะ เปอร์เซ็นต์ต่างกันเท่าไร ?"
"ได้ครับ" แอนดี้พยักหน้า หยุดนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วให้คำตอบ "โอกาสแพ้ 98.23 เปอร์เซ็นต์ โอกาสชนะ 1.77 เปอร์เซ็นต์ครับผม!!"
"โอย..." "โอ๋ยโหย......" สองสาวร้องครางพร้อมกัน
"โอเค! เอ็ม...คุณติดต่อกับพวกของคุณเถอะครับ ตกลงผมจะรอฟังคำตอบ"
"ตกลงค่ะ จะไปทำการติดต่อเดี๋ยวนี้" พูดจบ คุณแม่ต่างดาวก็ลุกขึ้นจากที่นั่ง จูงมือลูกสาวไปยังห้องนักบิน
"แอนดี้" กัปตันวันชนะหันมาพูดกับแอนดรอยด์อัจฉริยะอีกครั้ง
(มีต่อครับ)