๔๑๗. อถ ปจฺฉา กุรุเต โยคํ กิจฺเจ อาวาสุ สีทติ.
ถ้าทำความเพียรในกิจการล้าหลัง จะจมอยู่ในวิบัติ.
ขุ. ชา. วีส. ๒๗๔๓๔.
“โลกอันอะไรหุ้มห่อไว้ หากจะตามธรรม พวกเราต้องตามสำนวน ธรรม ซึ่งเห็นว่า คุยจ่อถามกัน ถามว่า “เพราะเหตุอะไร?” พระองค์ผู้ทรงเป็นผู้ตรัสเตือนบอกภัยใหญ่ของโลก นั้น พระองค์บอกอะไร, พวกเราจะต้องย้อนไปดู เพราะกลัวเรื่องตำรา เพราะเราไม่ค่อยนับถือ หรือบางท่านกลัวผิดพลาด อาจจะเป็นเพราะว่า รู้ว่า ตนเองมีหน้าที่ ที่อันที่แท้จริงกับตำรา, แล้วพวกเราถามอะไรกัน อ่านมาหลาย ๆ สิบข้อแล้ว เลยลืมไปเลย ฉะนั้นจะให้บอกว่า ใครสะดุดอันไหน ข้อไหนกับการค้นคว้า เหมือนไม่มี
ฉะนั้น เราพอแต่แค่เพลา ๆ ลง สมัยนี้สวดคำแปลมากขึ้น เอาภาษาลึกลับบาลีเกียดกันตั้งไว้ ไทยเราให้มีไว้แล้วบ้างเรื่องทางลง เราต้องสร้างภาษาอันเป็น ที่ซึ่งคนอาจจะว่า เป็นแต่สะเก็ดของเรานั้น ภาษาไทยเรา เราก็สวดด้วย เราก็เลยดีขึ้น ฉะนั้น ไทยเราก็ค่อย ๆ นับถือตัวเอง ตามความจริง ที่ก็เป็นจริง เพราะว่า ไทยเราปฏิบัติเอง เป็นศาสนาของเราตั้งเอง เมื่อครั้งที่เรายกขึ้นในศรีลังกา แล้วตอนนั้น ซึ่งมีเหลือแต่สามเณร, เราตั้งศาสนามานานแล้ว ไทยเราบางคนไม่ยอมคิดว่า เราทำเอง และไม่ค่อยรู้ว่า สะเก็ดของเรา จะเป็นได้เป็นถึงสะเก็ดเพชร สะเก็ดทอง ได้ตั้งศาสนาให้กับโลกมาแล้วก็ยังได้ พรมแดนแห่งสายน้ำสู่อันดามัน เราจึงเชื่อว่า ของพวกเรานี้ต่อไป ที่สุด จะเป็นที่ ที่เป็นทางปลาบปลื้มแก่คติชีวิต ในลูกหลานของเราภายหน้าเป็นอันดี เมื่อถึงที่ ที่เขารู้ทำดี ทำจริงแล้ว
แก่โลกนี้อันที่อะไรหุ้มห่อไว้ เราย่อมทราบกันดี และความมั่นคงในคันถธุระ ของใคร ใครก็ต้องทราบของตนดี พระพุทธเจ้าแนะนำข้อสังเกตว่า พระปัจเจกพุทธเจ้าเป็นนักปราชญ์ ก็เป็นจริง ที่พระเจ้าอชาตศัตรูให้มีศาสนาพุทธ และพระไตรปิฎก นำซึ่งคนสบถ! มีตนแต่ในสังคมทุกข์ ๆ ยาก ๆ จึงได้ว่า! เราจะไม่ต้องอดสาบานกันแล้ว จะไม่ต้องเรียนไตรเพทก็ได้, สังคมทุกข์ยากนั้น ก็ยังจะได้ประโยชน์จากทางหนังสือ ดั่งเห็นกันอยู่แล้วนี้ ซึ่งไม่ล้มเหลว และพวกเราเห็นแล้วว่า เป็นเพราะคุณแห่งอุปนิสัย ขององค์สมมุติ เป็นของพระพุทธเจ้า และของพระปัจเจกพุทธเจ้า ของเรา แท้ ๆ, ส่วนประเทศไทยเรานั้น คล้าย ๆ กันกับสมัยของพระเจ้าอชาตศัตรูด้วย แต่ว่า เป็นคุณของพระกษัตริย์แห่งประเทศของเรา กระทำความดีแล้ว ได้กลับคืนไปช่วยเขาบ้าง
โลกอันอะไรหุ้มห่อ ก็เช่นนั้น เราไม่ต้องอธิบายอะไรลึกซึ้ง เพราะคำตอบมีอยู่แล้ว ว่า พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ไม่มีรอยในอากาศ ไม่มีรอยวาดในน้ำ ไม่มีคำจำหลักในหิน.” คำหลายบทสูตรรวมกัน จะเป็นดั่งนี้ ซึ่งดั่งนี้ พวกเราจะรู้ตลอด ว่าพระพุทธเจ้าตรัสถึงปราชญ์ผู้ทรงตำรา ที่จะสืบสถาปนาให้ผู้ทุกข์ ๆ ยาก ๆ ซึ่งอยู่นอกไตรเพท อย่างนั้น อย่างนั้น ๆ ก็ยังจะได้ประโยชน์ ในทางอยู่เป็นสุข, บทใบลานเปล่า ๆ ใบลานจารบอกไตรเพทอันนั้น ๆ ไม่มีที่เปล่า เพราะสังคายนาได้เขียน จารให้วิชาพุทธพจน์จารึกลงไปแล้ว แล้วย่อมจะไม่เป็นใบลานที่เปล่า
โจทนาสาราณียกร อันผู้ที่มีอุปสรรคจะไม่กระจ่าง ข้าพเจ้าสาราณียกร ที่ ๑ เป็นพวกก็แต่ที่มีหน้าที่ ที่จะยกมา ทำคำซึ่งความแปลกกันให้เปรียบกับสาแหรก ตามข้อบทข้อความตามถาม ตอบกันอย่างนั้น นำมาไว้ แก่ผู้ที่ยังไม่อาจจะสงบใจ แล้วจะไปเข้าสู่สมาคมดั่งนั้น เมื่อไม่ไป ก็ขอท่านจงมาอ่านที่นี่, ที่ซึ่งให้การตั้งประชุม ค้นคว้าในวิชาหนังสือ เป็นอย่างเดียวกัน ยกนำมาแล้ว, ที่ตอบถามกันอย่างมากที่สุด ในระยะเวลาที่ใกล้ เมื่อใครก็ตามยังเข้าไปสู่สมาคมนั้นไม่ได้ ก็จึงขอให้เข้ามาอ่านแต่ในที่นี้.”
ถ้าทำความเพียรในกิจการล้าหลัง จะจมอยู่ในวิบัติ.
ถ้าทำความเพียรในกิจการล้าหลัง จะจมอยู่ในวิบัติ.
ขุ. ชา. วีส. ๒๗๔๓๔.
“โลกอันอะไรหุ้มห่อไว้ หากจะตามธรรม พวกเราต้องตามสำนวน ธรรม ซึ่งเห็นว่า คุยจ่อถามกัน ถามว่า “เพราะเหตุอะไร?” พระองค์ผู้ทรงเป็นผู้ตรัสเตือนบอกภัยใหญ่ของโลก นั้น พระองค์บอกอะไร, พวกเราจะต้องย้อนไปดู เพราะกลัวเรื่องตำรา เพราะเราไม่ค่อยนับถือ หรือบางท่านกลัวผิดพลาด อาจจะเป็นเพราะว่า รู้ว่า ตนเองมีหน้าที่ ที่อันที่แท้จริงกับตำรา, แล้วพวกเราถามอะไรกัน อ่านมาหลาย ๆ สิบข้อแล้ว เลยลืมไปเลย ฉะนั้นจะให้บอกว่า ใครสะดุดอันไหน ข้อไหนกับการค้นคว้า เหมือนไม่มี
ฉะนั้น เราพอแต่แค่เพลา ๆ ลง สมัยนี้สวดคำแปลมากขึ้น เอาภาษาลึกลับบาลีเกียดกันตั้งไว้ ไทยเราให้มีไว้แล้วบ้างเรื่องทางลง เราต้องสร้างภาษาอันเป็น ที่ซึ่งคนอาจจะว่า เป็นแต่สะเก็ดของเรานั้น ภาษาไทยเรา เราก็สวดด้วย เราก็เลยดีขึ้น ฉะนั้น ไทยเราก็ค่อย ๆ นับถือตัวเอง ตามความจริง ที่ก็เป็นจริง เพราะว่า ไทยเราปฏิบัติเอง เป็นศาสนาของเราตั้งเอง เมื่อครั้งที่เรายกขึ้นในศรีลังกา แล้วตอนนั้น ซึ่งมีเหลือแต่สามเณร, เราตั้งศาสนามานานแล้ว ไทยเราบางคนไม่ยอมคิดว่า เราทำเอง และไม่ค่อยรู้ว่า สะเก็ดของเรา จะเป็นได้เป็นถึงสะเก็ดเพชร สะเก็ดทอง ได้ตั้งศาสนาให้กับโลกมาแล้วก็ยังได้ พรมแดนแห่งสายน้ำสู่อันดามัน เราจึงเชื่อว่า ของพวกเรานี้ต่อไป ที่สุด จะเป็นที่ ที่เป็นทางปลาบปลื้มแก่คติชีวิต ในลูกหลานของเราภายหน้าเป็นอันดี เมื่อถึงที่ ที่เขารู้ทำดี ทำจริงแล้ว
แก่โลกนี้อันที่อะไรหุ้มห่อไว้ เราย่อมทราบกันดี และความมั่นคงในคันถธุระ ของใคร ใครก็ต้องทราบของตนดี พระพุทธเจ้าแนะนำข้อสังเกตว่า พระปัจเจกพุทธเจ้าเป็นนักปราชญ์ ก็เป็นจริง ที่พระเจ้าอชาตศัตรูให้มีศาสนาพุทธ และพระไตรปิฎก นำซึ่งคนสบถ! มีตนแต่ในสังคมทุกข์ ๆ ยาก ๆ จึงได้ว่า! เราจะไม่ต้องอดสาบานกันแล้ว จะไม่ต้องเรียนไตรเพทก็ได้, สังคมทุกข์ยากนั้น ก็ยังจะได้ประโยชน์จากทางหนังสือ ดั่งเห็นกันอยู่แล้วนี้ ซึ่งไม่ล้มเหลว และพวกเราเห็นแล้วว่า เป็นเพราะคุณแห่งอุปนิสัย ขององค์สมมุติ เป็นของพระพุทธเจ้า และของพระปัจเจกพุทธเจ้า ของเรา แท้ ๆ, ส่วนประเทศไทยเรานั้น คล้าย ๆ กันกับสมัยของพระเจ้าอชาตศัตรูด้วย แต่ว่า เป็นคุณของพระกษัตริย์แห่งประเทศของเรา กระทำความดีแล้ว ได้กลับคืนไปช่วยเขาบ้าง
โลกอันอะไรหุ้มห่อ ก็เช่นนั้น เราไม่ต้องอธิบายอะไรลึกซึ้ง เพราะคำตอบมีอยู่แล้ว ว่า พระพุทธเจ้าตรัสว่า “ไม่มีรอยในอากาศ ไม่มีรอยวาดในน้ำ ไม่มีคำจำหลักในหิน.” คำหลายบทสูตรรวมกัน จะเป็นดั่งนี้ ซึ่งดั่งนี้ พวกเราจะรู้ตลอด ว่าพระพุทธเจ้าตรัสถึงปราชญ์ผู้ทรงตำรา ที่จะสืบสถาปนาให้ผู้ทุกข์ ๆ ยาก ๆ ซึ่งอยู่นอกไตรเพท อย่างนั้น อย่างนั้น ๆ ก็ยังจะได้ประโยชน์ ในทางอยู่เป็นสุข, บทใบลานเปล่า ๆ ใบลานจารบอกไตรเพทอันนั้น ๆ ไม่มีที่เปล่า เพราะสังคายนาได้เขียน จารให้วิชาพุทธพจน์จารึกลงไปแล้ว แล้วย่อมจะไม่เป็นใบลานที่เปล่า
โจทนาสาราณียกร อันผู้ที่มีอุปสรรคจะไม่กระจ่าง ข้าพเจ้าสาราณียกร ที่ ๑ เป็นพวกก็แต่ที่มีหน้าที่ ที่จะยกมา ทำคำซึ่งความแปลกกันให้เปรียบกับสาแหรก ตามข้อบทข้อความตามถาม ตอบกันอย่างนั้น นำมาไว้ แก่ผู้ที่ยังไม่อาจจะสงบใจ แล้วจะไปเข้าสู่สมาคมดั่งนั้น เมื่อไม่ไป ก็ขอท่านจงมาอ่านที่นี่, ที่ซึ่งให้การตั้งประชุม ค้นคว้าในวิชาหนังสือ เป็นอย่างเดียวกัน ยกนำมาแล้ว, ที่ตอบถามกันอย่างมากที่สุด ในระยะเวลาที่ใกล้ เมื่อใครก็ตามยังเข้าไปสู่สมาคมนั้นไม่ได้ ก็จึงขอให้เข้ามาอ่านแต่ในที่นี้.”