กลอนนี้เป็นกลอนที่ผมใช้ในเกมถุงมือ
แต่งขึ้นเมื่อตอนที่มีโอกาสไปทำธุระที่จังหวัดเชียงราย
เริ่มแรกมีแค่สองบทสุดท้าย
ต่อมาได้แต่งเพิ่มจนกลายเป็นหกบทเช่นนี้แล
เมื่อมาเยือนเชียงราย
แรกรู้จัก “เชียงราย” ในความหนาว
หัวใจผ่าวผิดแปลกเมื่อแรกเห็น
มนตราของภูเทือกดูเยือกเย็น
ทั้งลึกเร้นงดงามในความจำ
สายแดดอ่อนทะลุผ่านหมู่ม่านเมฆ
ความวิเวกหยิบยื่นความชื่นฉ่ำ
ทั้งป่าเปลี่ยวเขียวชอุ่มแหล่งอุ้มน้ำ
และเหลือล้ำสัตว์ป่าประดามี
ด้วยความร้อนแห่งใจที่ไห้โหย
คอยเฆี่ยนโบยเกินปลีกหรือหลีกหนี
จึงอุตส่าห์หอบตัวหัวใจนี้
มาพักที่เชียงรายคลายร้าวรอน
หมอกช่วยคลายความเจ็บด้วยเหน็บหนาว
ดับใจผ่าวให้สุขทุกข์ถ่ายถอน
แมกไม้มอบเมตตาและอาทร
เหมือนมารดรที่รับกลับลำเนา
ความร่มเย็นปกแผ่จากแม่ฟ้า
เมื่อได้มาโอบกอดกับยอดเขา
เมฆคลี่ตัวอ้อยอิ่งทิ้งร่มเงา
ขับที่เร่ารุ่มร้อนให้ผ่อนคลาย
ณ เหนือสุดผืนแผ่นดินแดนสยาม
อวลสุขท่ามไม้ดอกก่อนหมอกสลาย
เผื่อโชคดีมีรักมาทักทาย
จะทอดกายหนุนตักใครสักคน
เมื่อมาเยือนเชียงราย
แต่งขึ้นเมื่อตอนที่มีโอกาสไปทำธุระที่จังหวัดเชียงราย
เริ่มแรกมีแค่สองบทสุดท้าย
ต่อมาได้แต่งเพิ่มจนกลายเป็นหกบทเช่นนี้แล
เมื่อมาเยือนเชียงราย
แรกรู้จัก “เชียงราย” ในความหนาว
หัวใจผ่าวผิดแปลกเมื่อแรกเห็น
มนตราของภูเทือกดูเยือกเย็น
ทั้งลึกเร้นงดงามในความจำ
สายแดดอ่อนทะลุผ่านหมู่ม่านเมฆ
ความวิเวกหยิบยื่นความชื่นฉ่ำ
ทั้งป่าเปลี่ยวเขียวชอุ่มแหล่งอุ้มน้ำ
และเหลือล้ำสัตว์ป่าประดามี
ด้วยความร้อนแห่งใจที่ไห้โหย
คอยเฆี่ยนโบยเกินปลีกหรือหลีกหนี
จึงอุตส่าห์หอบตัวหัวใจนี้
มาพักที่เชียงรายคลายร้าวรอน
หมอกช่วยคลายความเจ็บด้วยเหน็บหนาว
ดับใจผ่าวให้สุขทุกข์ถ่ายถอน
แมกไม้มอบเมตตาและอาทร
เหมือนมารดรที่รับกลับลำเนา
ความร่มเย็นปกแผ่จากแม่ฟ้า
เมื่อได้มาโอบกอดกับยอดเขา
เมฆคลี่ตัวอ้อยอิ่งทิ้งร่มเงา
ขับที่เร่ารุ่มร้อนให้ผ่อนคลาย
ณ เหนือสุดผืนแผ่นดินแดนสยาม
อวลสุขท่ามไม้ดอกก่อนหมอกสลาย
เผื่อโชคดีมีรักมาทักทาย
จะทอดกายหนุนตักใครสักคน