สวัสดีค่ะ ขอให้นามสมมติว่า เอ็ม นะค่ะ และแทนเค้าว่า พี
คือเอ็มกับพีเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ป.3อะค่ะ เราสนิทกันมาก
เราเรียนรร.เดียวกันตลอด จนขึ้นม.2 เอ็มต้องย้ายรร.ตามพ่อและแม่ไปจ.อื่น
ทำให้เราห่างกันแต่ก็ยังติดต่อกันอยู่บ้างผ่านทางfacebook
แต่ก็นานๆครั้งที่เราจะคุยกันด้วยต่างฝ่ายต่างมีเพื่อนใหม่
จนเมื่อตอนม.6 ตอนนั้นฐานะทางบ้านเอ็มไม่ค่อยดีทำให้มีทางเลือกเข้ามหาลัยไม่ค่อยมาก
จึงเลือกเรียนสถานศึกษาแห่งหนึ่งที่สามารถเรียนไปทำงานไปได้
และช่วงนั้นเองที่ทำให้เอ็มกับพีเริ่มกลับมาคุยกันบ่อยขึ้น
เราคุยถึงเรื่องที่เรียนที่เราอยากสมัครและคณะที่เราอยากเข้า
เราคุยกันบ่อยมากจนรู้สึกว่าบางทีเรื่องที่เราคุยกันมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเรียนเลยซักนิด
เราคุยกันบ่อยขึ้น โทรหากันบ่อยขึ้น วีดีโอคอลกันทิ้งไว้จนเช้า
จนถึงวันที่พีต้องขึ้นมาสอบที่กรุงเทพ เขาบอกว่าถ้าเขาสอบเสร็จ เขาจะมาหาเอ็มที่บ้าน
เอ็มก็ไปรับเค้า ระหว่างที่อยู่ด้วยกันพีเทคแคร์เอ็มดีมากทั้งๆที่เอ็มเป็นเจ้าของบ้านที่ต้องคอยดูแลพี
พีพาเอ็มขับรถเที่ยว พาไปไหว้พระ และใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น
จนเอ็มคิดว่ามันมาไกลเกินคำว่าเพื่อนไปมั้ย? จึงตัดสินใจพูดกับพีอย่างจิงจังด้วยความไม่อยากเสียเพื่อนคนนี้ไป
ว่า อยากให้เราเป็นเหมือนเดิม คือเป็นเพื่อนกัน ไม่ใช่อย่างตอนนี้ที่มันเหมือนเกินกว่าคำว่าเพื่อน
หลังจากนั้นพีก็กลับบ้านที่ต่างจ.ไป เอ็มรู้ว่าพีเสียใจมาก แต่ถ้าไม่ทำอย่างนี้เอ็มคิดว่าในอนาคต
พีคงเสียใจมากกว่านี้ หลังจากนั้นพีก็เหมือนจะหายๆไป แต่พอสักพักเราก็กลับมาคุยกันได้
แต่เหมือนเราจะได้ไม่ยุติความสัมพันธ์เกินเพื่อนนั้นลงเลย เรายังคุยกัน โทรหากัน
วีดิโอคอลคุยกันถึงเช้าเหมือนเคย แต่แค่เรายังใช่สถานะเดิมคือ เพื่อน
จนวันนึงเอ็มได้ไปเจอใครคนใหม่เขาคุยสนุก ดูเป็นกันเอง ดูนิสัยดี น่าคบหา
นั้นเป็นจุดเปลี่ยนระหว่างเอ็มกับพี เอ็มตัดสินใจบอกกับพีไปตรงๆว่าเอ็มมีคนคุยนะ และเอ็มก็คบกับเค้าแล้วนะ
หลังจากนั้นพีก็หายไปเลย แล้วเอ็มก็คบกับคนนั้นได้ไม่นานก็เลิก เอ็มรู้ตัวว่าเอ็มทำทุกอย่างพังหมด
ผ่านมาไม่นาน เอ็มก็ได้ข่าวว่าพีมีแฟนแล้ว เอ็มก็ดีใจกับเพื่อนนะ แต่ก็รู้สึกเสียใจเหมือนกัน
เอ็มก็เพิ่งจะรู้ว่าพอเสียพีไปแล้วมันไม่ดีเลย แต่มันก็ช้าไป พีมีแฟนแล้ว เอ็มทำอะไรไม่ได้แล้ว
จนเอ็มเริ่มเข้าเรียนปี1 ตอนนั้นกำลังจะถึงวันเกิดของพี เอ็มไม่เคยลืม
วันนั้นเป็นครั้งแรกหลังจากที่เราไม่ได้คุยกันมาเป็นปี หลังจากนั้นเราก็เริ่มกลับมาคุยกันปกติเหมือนตอนที่เป็นเพื่อนกัน
จึงได้รู้ว่าพีเลิกกับแฟนแล้ว ตอนนั้นคือเอ็มดีใจมาก รู้ว่าไม่ดี แต่รู้สึกดีใจ รู้สึกว่าพีอาจจะกลับมาหาเอ็มได้
จนวันนึงเอ็มขอพีไปหาที่หอ พีก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ไม่ให้ค้างเพราะเดี๋ยวจะมีเพื่อนจากต่างจ.จะมาหาพี
ตอนนั้นก็คิดว่าไม่เป็นไรแค่ได้เจอได้คุยกันคงพอ แต่ว่าพอเจอหน้ากันจิงๆ มันก็ดีใจนะ แต่ก็รู้สึกอึดอัดนิดหน่อย
มันเหมือนไม่รู้จะมาทำอะไร ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรดี ในห้องของพียังมีทุกๆความทรงจำของแฟนเก่าเขา
ไม่ว่าจะอะไรในห้อง หรือแม้แต่ตอนที่เราออกไปกินข้าวด้วยกันจำได้ว่าตอนนั้นเอ็มถามพีว่า
มีร้านไหนมั้ยที่พียังไม่เคยไปกินกับแฟนของเค้า เหมือนเป็นคำถามสิ้นคิดที่ไม่น่าถามออกไปเลย
เพราะคำตอบที่ได้คือไม่มี วันนั้นทั้งวันเราไม่ได้ออกไปไหน ไม่ได้ทำอะไร แค่ออกไปกินข้าว
เสร็จแล้วก็กลับมานอนจมกับความคิดของตัวเอง แล้วก็ได้เวลากลับ วันนั้นเราไม่ได้คุยถึงเรื่องความสัมพันธ์ของเราเลย
จนตอนที่นั่งรถกลับ อยากร้องไห้มาก มันดูเหมือนจะกลับไปเป็นอย่างเดิมไม่ได้แล้ว
พีเหมือนจะพยายามเว้นระยะห่างจากเอ็มตลอดในระหว่างที่เราอยู่ด้วยกัน เขาเคยบอกว่าแฟนเก่าของเขา
ไม่ต้องการให้เขามายุ่งกับเอ็มอีก อยากบอกว่าโคตรเจ็บ แต่พูดไม่ได้ เราทำเขาเจ็บก่อน เราจึงส่งข้อความไปหาพี
ขอโทษสำหรับทุกๆอย่างและอยากขอคำว่าเพื่อนกลับคืนมาเพราะมันยังจะดีซะกว่าที่จะไม่มีพีเลย
พีก็รับคำขอโทษของเรานะ แต่เหมือนกับว่ามันก็ไม่ได้เหมือนเดิมอีกแล้ว พีไม่อยากคุยกะเรา
พีเคยบอกเราอยู่ครั้งนึงตอนเราโทรไปหาเค้าเพราะว่าคิดถึง เค้าบอกว่ายังไม่อยากคุยกับเรา
เราก็พอเข้าใจแต่บ้างครั้งมันก็รู้สึกคิดถึง คิดถึงมาก เราเลยคิดว่า ต่อจากนี้เราจะโทรไปหาพี แค่ปีละ 1 ครั้ง
ในวันเกิดของพี แค่นี้ก็คงพอ แต่เหมือนมันจะไม่พอ คนเรานี่โลภเนอะ ทั้งโง่ ทั้งโลภเลย
เอ็มอยากได้มากกว่าแค่โทรหาปีละครั้ง เอ็มอยากให้เค้ากลับมาเป็นของเอ็ม เอ็มก็ไม่รู้นะว่าเค้าจะมีแฟนใหม่ไปรึยัง
หรือว่าตอนนี้เค้าจะยังไม่มีใคร แต่ตลอดเวลาเกือบ3ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าเอ็มจะมีใคร แต่มันก็ไม่เคยไปรอดเลยซักคน
เอ็มรู้สึกเหมือนว่ามันยังไม่ใช่ และตลอดเวลานั่น เอ็มก็คิดถึงพีมาตลอด
เอ็มไม่แน่ว่าอย่างนี้คือรักแล้วรึเปล่า แต่เอ็มชอบความรู้สึกในตอนนั้นตอนที่เราโทรหากัน คุยกันเรื่องต่างๆ
เปิดคอลดันยันเช้ามากๆ ตอนนี้เลยอยากจะถามความคิดเห็นเพื่อนๆที่เข้ามาอ่าน ว่าเราควรทำยังไงต่อไปดี
ปล.เพิ่งจะรู้ก็วันนี้ ว่าเรื่องจิงมันยิ่งกว่านิยาย ยิ่งกว่าละครน้ำเน่าหลังข่าวที่ดูซะอีก
อยากกลับไปหาคนที่เคยทิ้งควรทำไง
คือเอ็มกับพีเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ป.3อะค่ะ เราสนิทกันมาก
เราเรียนรร.เดียวกันตลอด จนขึ้นม.2 เอ็มต้องย้ายรร.ตามพ่อและแม่ไปจ.อื่น
ทำให้เราห่างกันแต่ก็ยังติดต่อกันอยู่บ้างผ่านทางfacebook
แต่ก็นานๆครั้งที่เราจะคุยกันด้วยต่างฝ่ายต่างมีเพื่อนใหม่
จนเมื่อตอนม.6 ตอนนั้นฐานะทางบ้านเอ็มไม่ค่อยดีทำให้มีทางเลือกเข้ามหาลัยไม่ค่อยมาก
จึงเลือกเรียนสถานศึกษาแห่งหนึ่งที่สามารถเรียนไปทำงานไปได้
และช่วงนั้นเองที่ทำให้เอ็มกับพีเริ่มกลับมาคุยกันบ่อยขึ้น
เราคุยถึงเรื่องที่เรียนที่เราอยากสมัครและคณะที่เราอยากเข้า
เราคุยกันบ่อยมากจนรู้สึกว่าบางทีเรื่องที่เราคุยกันมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเรียนเลยซักนิด
เราคุยกันบ่อยขึ้น โทรหากันบ่อยขึ้น วีดีโอคอลกันทิ้งไว้จนเช้า
จนถึงวันที่พีต้องขึ้นมาสอบที่กรุงเทพ เขาบอกว่าถ้าเขาสอบเสร็จ เขาจะมาหาเอ็มที่บ้าน
เอ็มก็ไปรับเค้า ระหว่างที่อยู่ด้วยกันพีเทคแคร์เอ็มดีมากทั้งๆที่เอ็มเป็นเจ้าของบ้านที่ต้องคอยดูแลพี
พีพาเอ็มขับรถเที่ยว พาไปไหว้พระ และใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น
จนเอ็มคิดว่ามันมาไกลเกินคำว่าเพื่อนไปมั้ย? จึงตัดสินใจพูดกับพีอย่างจิงจังด้วยความไม่อยากเสียเพื่อนคนนี้ไป
ว่า อยากให้เราเป็นเหมือนเดิม คือเป็นเพื่อนกัน ไม่ใช่อย่างตอนนี้ที่มันเหมือนเกินกว่าคำว่าเพื่อน
หลังจากนั้นพีก็กลับบ้านที่ต่างจ.ไป เอ็มรู้ว่าพีเสียใจมาก แต่ถ้าไม่ทำอย่างนี้เอ็มคิดว่าในอนาคต
พีคงเสียใจมากกว่านี้ หลังจากนั้นพีก็เหมือนจะหายๆไป แต่พอสักพักเราก็กลับมาคุยกันได้
แต่เหมือนเราจะได้ไม่ยุติความสัมพันธ์เกินเพื่อนนั้นลงเลย เรายังคุยกัน โทรหากัน
วีดิโอคอลคุยกันถึงเช้าเหมือนเคย แต่แค่เรายังใช่สถานะเดิมคือ เพื่อน
จนวันนึงเอ็มได้ไปเจอใครคนใหม่เขาคุยสนุก ดูเป็นกันเอง ดูนิสัยดี น่าคบหา
นั้นเป็นจุดเปลี่ยนระหว่างเอ็มกับพี เอ็มตัดสินใจบอกกับพีไปตรงๆว่าเอ็มมีคนคุยนะ และเอ็มก็คบกับเค้าแล้วนะ
หลังจากนั้นพีก็หายไปเลย แล้วเอ็มก็คบกับคนนั้นได้ไม่นานก็เลิก เอ็มรู้ตัวว่าเอ็มทำทุกอย่างพังหมด
ผ่านมาไม่นาน เอ็มก็ได้ข่าวว่าพีมีแฟนแล้ว เอ็มก็ดีใจกับเพื่อนนะ แต่ก็รู้สึกเสียใจเหมือนกัน
เอ็มก็เพิ่งจะรู้ว่าพอเสียพีไปแล้วมันไม่ดีเลย แต่มันก็ช้าไป พีมีแฟนแล้ว เอ็มทำอะไรไม่ได้แล้ว
จนเอ็มเริ่มเข้าเรียนปี1 ตอนนั้นกำลังจะถึงวันเกิดของพี เอ็มไม่เคยลืม
วันนั้นเป็นครั้งแรกหลังจากที่เราไม่ได้คุยกันมาเป็นปี หลังจากนั้นเราก็เริ่มกลับมาคุยกันปกติเหมือนตอนที่เป็นเพื่อนกัน
จึงได้รู้ว่าพีเลิกกับแฟนแล้ว ตอนนั้นคือเอ็มดีใจมาก รู้ว่าไม่ดี แต่รู้สึกดีใจ รู้สึกว่าพีอาจจะกลับมาหาเอ็มได้
จนวันนึงเอ็มขอพีไปหาที่หอ พีก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ไม่ให้ค้างเพราะเดี๋ยวจะมีเพื่อนจากต่างจ.จะมาหาพี
ตอนนั้นก็คิดว่าไม่เป็นไรแค่ได้เจอได้คุยกันคงพอ แต่ว่าพอเจอหน้ากันจิงๆ มันก็ดีใจนะ แต่ก็รู้สึกอึดอัดนิดหน่อย
มันเหมือนไม่รู้จะมาทำอะไร ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรดี ในห้องของพียังมีทุกๆความทรงจำของแฟนเก่าเขา
ไม่ว่าจะอะไรในห้อง หรือแม้แต่ตอนที่เราออกไปกินข้าวด้วยกันจำได้ว่าตอนนั้นเอ็มถามพีว่า
มีร้านไหนมั้ยที่พียังไม่เคยไปกินกับแฟนของเค้า เหมือนเป็นคำถามสิ้นคิดที่ไม่น่าถามออกไปเลย
เพราะคำตอบที่ได้คือไม่มี วันนั้นทั้งวันเราไม่ได้ออกไปไหน ไม่ได้ทำอะไร แค่ออกไปกินข้าว
เสร็จแล้วก็กลับมานอนจมกับความคิดของตัวเอง แล้วก็ได้เวลากลับ วันนั้นเราไม่ได้คุยถึงเรื่องความสัมพันธ์ของเราเลย
จนตอนที่นั่งรถกลับ อยากร้องไห้มาก มันดูเหมือนจะกลับไปเป็นอย่างเดิมไม่ได้แล้ว
พีเหมือนจะพยายามเว้นระยะห่างจากเอ็มตลอดในระหว่างที่เราอยู่ด้วยกัน เขาเคยบอกว่าแฟนเก่าของเขา
ไม่ต้องการให้เขามายุ่งกับเอ็มอีก อยากบอกว่าโคตรเจ็บ แต่พูดไม่ได้ เราทำเขาเจ็บก่อน เราจึงส่งข้อความไปหาพี
ขอโทษสำหรับทุกๆอย่างและอยากขอคำว่าเพื่อนกลับคืนมาเพราะมันยังจะดีซะกว่าที่จะไม่มีพีเลย
พีก็รับคำขอโทษของเรานะ แต่เหมือนกับว่ามันก็ไม่ได้เหมือนเดิมอีกแล้ว พีไม่อยากคุยกะเรา
พีเคยบอกเราอยู่ครั้งนึงตอนเราโทรไปหาเค้าเพราะว่าคิดถึง เค้าบอกว่ายังไม่อยากคุยกับเรา
เราก็พอเข้าใจแต่บ้างครั้งมันก็รู้สึกคิดถึง คิดถึงมาก เราเลยคิดว่า ต่อจากนี้เราจะโทรไปหาพี แค่ปีละ 1 ครั้ง
ในวันเกิดของพี แค่นี้ก็คงพอ แต่เหมือนมันจะไม่พอ คนเรานี่โลภเนอะ ทั้งโง่ ทั้งโลภเลย
เอ็มอยากได้มากกว่าแค่โทรหาปีละครั้ง เอ็มอยากให้เค้ากลับมาเป็นของเอ็ม เอ็มก็ไม่รู้นะว่าเค้าจะมีแฟนใหม่ไปรึยัง
หรือว่าตอนนี้เค้าจะยังไม่มีใคร แต่ตลอดเวลาเกือบ3ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าเอ็มจะมีใคร แต่มันก็ไม่เคยไปรอดเลยซักคน
เอ็มรู้สึกเหมือนว่ามันยังไม่ใช่ และตลอดเวลานั่น เอ็มก็คิดถึงพีมาตลอด
เอ็มไม่แน่ว่าอย่างนี้คือรักแล้วรึเปล่า แต่เอ็มชอบความรู้สึกในตอนนั้นตอนที่เราโทรหากัน คุยกันเรื่องต่างๆ
เปิดคอลดันยันเช้ามากๆ ตอนนี้เลยอยากจะถามความคิดเห็นเพื่อนๆที่เข้ามาอ่าน ว่าเราควรทำยังไงต่อไปดี
ปล.เพิ่งจะรู้ก็วันนี้ ว่าเรื่องจิงมันยิ่งกว่านิยาย ยิ่งกว่าละครน้ำเน่าหลังข่าวที่ดูซะอีก