ถ้าจีนยอมแพ้สงครามการค้าครั้งนี้ง่ายๆ คงถึงขั้นสูญเสียดินแดน

มาสนับสนุน ให้กับ คห.13  ให้ข้อมูลได้ตรงตามข้อเท็จจริง  แทบไม่มีอะไรต้องเพิ่มเติม  แต่อยากจะสรุปและให้ข้อมูลเบื้องลึกเพิ่มนิดหน่อยสำหรับคนที่เชียร์อเมริกาดังนี้คือ

จีนไม่ได้เอาเปรียบอเมริกานะ  ที่อ้างว่าขาดดุลนะ ถ้าดูแต่การสั่งซื้อส่งออกนะใช่  แต่อย่าลืมว่าสินค้าที่อเมริกาสั่งเข้านะ เป็นสินค้าที่บริษัทอเมริกาไปลงทุนผลิต หรือสั่งซื้อมา   ดูง่ายๆ ไอโฟน  จีนได้แค่ $ 9  อเมริกาได้ไปเยอะสุด รองไปก็เกาหลี ญี่ปุ่น และไต้หวัน  ในภาคบริการจีนขาดดุลมหาศาลให้กับอเมริกาเช่นกัน   อเมริกานะไม่มียอมเสียเปรียบแน่นอน  

การที่อเมริกาเปิดสงครามการค้ากับจีน  ประเด็นหลักจริงๆ คือ

1.ไม่ต้องการให้โปรเจค "Made in China 2025"   สำเร็จลุล่วงตามแผนที่วางไว้  เพราะอเมริกาและ EU รู้ว่าจีนพร้อมทางเทคโนโลยี่ และมีความสามารถที่จะผลิตสินค้าไฮเทคเข้ามาเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับผู้บริโภคในตลาดโลก  พูดง่ายๆ จีนจะเข้ามาเป็นคู่แข่งที่สำคัญ  แทนที่จะเป็นแค่ฐานผลิต  

2.ต้องการดิสเครดิท และสร้างความปั่นป่วนให้กับรัฐบาลจีน ที่ต้องการเร่งปฏิรูป และสะสางปัญหาภายในประเทศ  

จีนต้องเร่งปฏิรูปเศรษฐกิจภายในประเทศ ยกระดับสินค้าทางเทคโนโลยี่ในตลาดโลก  แต่เดิมจีนช่วงเปิดประเทศใหม่ๆ จนถึงปัจจุบัน เป็นแค่เพลย์กราวด์ ของประเทศมหาอำนาจ ในการผลิตสินค้าอุปโภค บริโภคในราคาถูก ทำให้ภาพลักษณ์ของสินค้าจีนในสายตาชาวโลกส่วนใหญ่คือสินค้าที่ราคาถูกด้อยคุณภาพ  แต่ในความเป็นจริง  จีนผลิตสินค้าตามคุณภาพและราคาที่พ่อค้าคนกลางต้องการ  พูดง่ายๆ คือ พ่อค้าคนกลางเป็นคนสั่งว่าต้องการสินค้าอะไร มีงบเท่าไหร่  คุณภาพก็เป็นไปตามราคา  

ประเทศมหาอำนาจตะวันตกไม่ต้องการให้จีนเปลี่ยนจากเป็นแค่ฐานการผลิต  ขายแรงงานถูกๆ  แต่ไม่ต้องการให้มายืนเทียบเท่าในผลิตสินค้าคุณภาพดี สินค้าไฮเทค หรือคิคค้นนวตกรรมใหม่ๆ    แต่กลุ่มคนที่เสพข่าวด้านเดียว โดยไม่ได้ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง  จะพากันเข้าใจตามที่อเมริกาหรือประเทศมหาอำนาจทั้งหลายบอกไว้   ว่าจีนทำการค้าแบบไม่แฟร์ เพราะให้เงินสนับสนุนให้สินค้าจีน มาขาดในตลาดโลกในราคาถูก  ทำให้จีนได้ดุลการค้าจำนวนมหาศาลกับอเมริกาและยุโรป  แต่จริงๆแล้วมันมีอะไรมากกว่านั้น   เหมือนกันกับที่อเมริกาบีบแคนาดา เม็กซิโก และยุโรปเรื่อง Steel & Aluminium  

ข้อเท็จจริงคือ  รัฐบาลทุกประเทศโนโลกให้เงินสนับสนุนภาคเอกชน   เพื่อช่วยขยายตลาดในรูปแบบต่างๆ   ทำให้มีความสามารถที่จะแข่งขันในด้านราคา  และส่งสินค้าไปขายในตลาดโลกทั้งนั้น  การเข้าถึงข้อมูลในทุกๆด้าน จะทำให้วิเคราะห์และเข้าใจสถานะการณ์ต่างๆ ได้ดี   ที่ว่าจีนเข้ามาขโมยเทคโนโลยี่ หรือข้อมูลข่าวสารก็เช่นกัน  ทำกันทุกประเทศ  อย่าลืมว่าจีนโดยปิดประเทศมา 50 ปี  ถ้าจะมาเริ่มต้นจากศูนย์มันก็เป็นไปไม่ได้   (ในอดีตจีนมีความรุ่งเรืองมากมาก่อน ถ้าไม่โดนรุมกินโต๊ะ จีนพัฒนาไปถึงไหนแล้ว)  ญี่ปุ่นเองก็ทำแบบนี้เหมือนกัน แต่อเมริกาให้ท้าย เลยไม่มีใครว่าอะไร  เหมือนที่ให้ท้ายซาอุดิอารเบีย  ทั้งๆที่ เข้าไปสนับสนุนการก่อการร้ายในเยเมน และในหลายพื้นที่ในอาฟาริกาตะวันตก ไม่เห็นใครจะกล้าว่าอะไร

ในการเจรจาระหว่างจีนกับอเมริกา ในรอบที่ผ่านมา  จีนยอมให้อเมริกาได้หน้า  จีนยอมเปิดตลาดภายในประเทศให้เอกชนเข้าไปตั้งบริษัทได้มากขึ้น  และจะสั่งซื้อสินค้าจากอเมริกามากขึ้น แต่อเมริกาไม่ยอม  อเมริกาต้องการให้จีนเลื่อนโครงการ "Made in China 2025" ออกไปอย่างไม่มีกำหนด  ซึ่งจีนยอมไม่ได้    นอกจากนี้ อเมริกาต้องการสร้างอุปสรรคให้กับ  President Xi ที่จะสะสางระบบภายในและปฏิรูปเศรษฐกิจจีนให้สามารถผึ่งพิงตัวเองได้มากขึ้น   จีนรู้ว่ายอมไม่ได้   เพราะจีนเห็นบทเรียนที่อเมริกาเองบีบญี่ปุ่นในปี คศ. 1985 โดยอ้างว่าญี่ปุ่นได้ดุลการค้ามากไป  ญี่ปุ่นต้องยอมและทำให้เสถียรภาพทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นคลอนแคลนมาจนถึงปัจจุบัน

จีนคงพยายามเต็มความสามารถที่จะผ่าอุปสรรคไปให้ได้  แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการโดนรุมกินโต๊ะแบบนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น (จีนเข้าร่วม และช่วยเหลือในการรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่สอง ในฝ่ายพันธมิตร แต่จีนก็โดนกระทำอยู่ตลอด)  
  
ดูที่อเมริกา ทำกับญี่ปุ่น จีน แล้วก็ลองย้อนมามองตัวเองบ้าง ลองมองกลับไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตจนถึงปัจจุบัน  เราไม่ควรปักใจว่า ประเทศใคๆ จะเป็นคนดี เป็นฮีโร่มาช่วยตลอดไป  อย่าเข้าใจว่าผิดคิดว่า มีฝ่ายธรรมะ กับฝ่ายอธรรม ในเวทีการเมืองโลก ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร  ทุกประเทศต้องทำเพื่อประโยชน์ของประเทศตนเองทั้งนั้น  ไทย และประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามอเมริกา ยกให้เป็นพี่ใหญ่  ถามว่า เราเองก็เช่นกัน อเมริกา และประเทศมหาอำนาจตะวันตก ต้องการให้เราเป็นได้แค่ฐานการผลิต  คือเจริญแบบช้าๆ อย่ารู้ทัน อย่าฉลาดมาก  

เราไม่จำเป็นต้องเลือกข้าง แต่ควรจะมีส่วนสร้างสมดุลย์ในเวทีโลก  เพราะเราต้องดูประโยชน์ของประเทศเราเป็นหลักเช่นกัน