ความสุขเล็กๆของเด็กโนปุ่น 私の小さな幸せ!

สวัสดีค่า พี่ๆน้องๆชาวพันทิปทุกคน ก่อนอื่นเราขอเกริ่นก่อนว่าเราเรียนอยู่คณะบริหารธุรกิจ สาขาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ ของสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่นนะคะ

หลายคนอาจจะเข้าใจผิดว่าไทย-ญี่ปุ่นต้องอยู่ดินแดง เพราะขนาดเราโบกแท็กซี่ แท็กซี่ยังทักเราว่า ดินแดงใช่ไหมครับน้อง ฮ่าๆๆ นั่นมันสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่นค่ะพี่ แต่จริงๆแล้วมอเราตั้งอยู่บนถนนพัฒนาการนะ จุดเด่นของมอเราคือมีการเรียนการสอนสไตล์ญี่ปุ่น ทุกๆคนจะได้เรียนภาษาญี่ปุ่น แม้ไม่มีพื้นฐานก็สามารถเรียนได้อย่างเข้าใจง่าย เพราะอาจารย์จะสอนเริ่มต้นตั้งแต่ศูนย์เลย และความพิเศษอีกอย่างของมอเราคือมีโครงการแลกเปลี่ยน มีทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาที่สนใจไปเรียนภาษาญี่ปุ่นหรือดูงานที่ประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย ซึ่งเราก็คิดว่าเป็นโอกาสดีสำหรับคนที่สนใจในวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างเรา


เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เราได้มีโอกาสไปเป็น Staff ดูแลนักศึกษาญี่ปุ่นที่มาเข้าค่ายแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่มอเราเป็นเวลา2อาทิตย์ ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาญี่ปุ่นได้เรียนรู้วัฒนธรรมไทยโดยผ่านการใช้ชีวิตแบบไทยๆ กินอาหารไทย และได้ทำกิจกรรมต่างๆร่วมกับเรา เราก็ขออนุญาตแบ่งปันประสบกาณ์ความสุขของเราในครั้งนี้นะคะ อยากให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆได้รู้ว่ามิตรภาพระหว่างประเทศก็แน่นแฟ้นไม่แพ้คนไทยด้วยกันเลย
วันแรกในตอนเช้าก็จะเป็นการแนะนำตัว กล่าวทักทายกันเล็กๆน้อยๆ ทำความรู้จักกัน แล้วก็เล่นเกมละลายพฤติกรรมกัน เช่นพวกเก้าอี้ดนตรี ใบ้คำ เหยียบลูกโป่ง ส่งต่อคำพูดกัน เอาขาหนีบขวด ทำให้ทุกๆคนรู้จักกันได้เร็วมาก ตั้งแต่วันแรกก็ดูเหมือนสนิทกันมานานเลยค่ะ ฮ่าๆๆ

ตอนกลางวันก็จะเป็นเมนูอาหารไทย บางคนก็กินเผ็ดได้ บางคนก็กินเผ็ดไม่ได้เลย การใช้ช้อนส้อมของพวกเขาก็จะลำบากหน่อยเพราะบ้านเขาจะใช้ตะเกียบกัน แต่เขาก็พยายามใช้ ปรับตัวได้ดีมากเลย ส่วนใหญ่พวกเราก็จะกินข้าวกล่องที่สั่งมาจากข้างนอกกัน หรือไม่ก็กินข้าวแถวๆเต็นท์ข้างๆมอค่ะ เขาก็ได้ลองกินอาหารไทยหลายอย่างนะ พวกแกงเผ็ดไรงี้ แต่เมนูที่พวกเขาชอบมากที่สุดจะเป็นข้าวมันไก่กับผัดไทย เขาบอกอร่อยยยมากกก
ส่วนตอนเย็นเราได้จัดWelcome Party ต้อนรับโดยการพาไปกินข้าวที่เรือเจ้าพระยาปริ้นเซสโดยมี Dress code คือสีขาว
ที่เลือกที่นี่เพราะอยากให้เพื่อนญี่ปุ่นได้สัมผัสได้ถึงความหรูหราและความยิ่งใหญ่ของการดินเนอร์บนเรือค่ะ ฮ่าๆๆ เราได้จองที่นั่งชั้นบนแบบไม่ได้เป็นห้องแอร์ให้พวกเขาได้เห็นถึงบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืน และทานอาหารอร่อยๆ
ในขณะที่เรือแล่นไปอย่างช้าๆ เราก็ได้ชมวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยามีสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงของไทยที่ประดับแสงไฟสวยงาม ได้แก่ พระบรมหาราชวัง วัดอรุณราชวราราม พระราชวังขุนพรหม วัดกัลยาณมิตร สะพานพระราม8 และอื่นๆอีกมากมาย แถมบนเรือได้มีดนตรีให้แดนซ์กันอีกด้วยนะ สตาฟทุกคนก็ชวนเพื่อนญี่ปุ่นออกไปเต้นด้วยกันเพื่อจะได้รู้จักกันมากขึ้น สนุกสนานเป็นกันเองมากๆทุกคนต่างเต้นจัดเต็มไม่มีใครยอมใครเลย ฮ่าๆๆ นี่แค่วันแรก สำหรับเราการไปเต้นบนดาดฟ้าเรือถือเป็นไฮไลท์ของคืนนั้นเลย!
คลาสเรียนตอนเช้าวันต่อมาก็จะเป็นหัวข้อเกี่ยวกับประเทศไทยค่ะ แนะนำประเทศไทยของเราว่าเป็นยังไง มีอะไรแตกต่างจากบ้านเขาบ้าง แล้วเขาต้องปรับตัวยังไงบ้าง แล้วลองให้เขามาพูดชื่อเต็มของกรุงเทพฯด้วย


ตอนกลางวันวันนี้เราให้พวกเขาได้ลองกินมะม่วงกันด้วย แล้วเขาก็ชอบมากๆเลย ชื่อเสียงมะม่วงของไทยเราดังไกลถึงญี่ปุ่น แต่ที่ญี่ปุ่นมะม่วงราคาแพงมาก ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้กินกัน แล้วพันธุ์มะม่วงที่ญี่ปุ่นก็จะเป็นคนละพันธุ์กับไทยด้วยค่ะ พันธุ์ต่างกัน รสชาติก็ต่างกันด้วยตามสภาพแวดล้อมการเพาะปลูก
เราชอบเวลาพวกเรากินข้าวด้วยกันมากเลย ได้คุยกัน ได้แลกเปลี่ยนภาษากัน ได้รู้จักกันและกันมากขึ้น เป็นอะไรที่สนุกมาก เราก็พูดภาษาญี่ปุ่นไม่คล่องหรอกงูๆปลาๆไป เพราะสาขาเราไม่ได้เน้นเรียนญี่ปุ่น เลยพอรู้บ้างแค่พื้นฐานระดับต้นๆ เราก็จะใช้อังกฤษบ้าง ญี่ปุ่นบ้าง ปนๆกันไป แต่ถ้าไม่รู้จริงๆก็ภาษาไทยปนภาษามือเลยค่ะ ฮ่าๆๆ เขาก็รู้เรื่องนะ คนญี่ปุ่นบางคนก็จะไม่ค่อยถนัดภาษาอังกฤษ เหมือนพวกเราก็จับๆคีย์เวิร์ดกันไป ใช้ภาษามือกันไป สนุกดีค่ะ ฮ่าๆๆ
ส่วนคลาสตอนบ่ายจะเป็นคลาสทำขนมไทย เราให้พวกเขาลองทำบัวลอย กล้วยบวชชีและลูกชุบกันค่า ลูกชุบคืองานดีมาก ปั้นสวยกว่าเราอีก เราปั้นได้แค่ ส้มกับดังโงะ หรืออะไรที่มันกลมๆง่ายๆ ฮ่าๆๆๆๆ คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะไม่ค่อยชอบกินหวาน แต่ก็มีบางคนชอบนะ แล้วแต่คนกันไป  ซึ่งขนมที่มีกะทิจะค่อนข้างหวานมาก ฮ่าๆๆ แต่ถ้าเป็นลูกชุบเขาก็กินได้อยู่นะ เพราะที่บ้านเขาก็มักจะมีพวกขนมที่มีส่วนผสมของถั่วแดงเป็นของหวาน เช่น อันปัง(ขนมปังไส้ถั่วแดง) ไดฟุกุ ซากุระโมจิ ไทยากิ เป็นต้น



วันต่อมามีการเรียนภาษาไทยในตอนเช้าค่ะ เป็นคำศัพท์ง่ายๆที่ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน เช่น การแนะนำตัว วันต่างๆ การนับเลข พาหนะ การสั่งอาหาร การเขียนชื่อตัวเองในภาษาไทย แล้วก็มีการให้เขาลองแต่งประโยคแนะนำตัวเป็นภาษาไทยดู สำหรับคนญี่ปุ่นแล้ว ภาษาไทยค่อนข้างยากเลยค่ะ ทั้งการออกเสียงสระและพยัญชนะบางตัวที่ญี่ปุ่นไม่มี แต่เขาก็พูดสื่อสารพอได้ทีเดียว


ตอนกลางวันเราพาเพื่อนญี่ปุ่นไปช้อปปิ้งMBKเพื่อนญี่ปุ่นบอกว่าชอบที่นี้เพราะมีของที่ซื้อกลับไปฝากได้เยอะแยะไปหมดเลย และนี่เป็นของฝากที่คนญี่ปุ่นนิยมซื้อกลับไปโดยอิงจากข้อมูลของเพื่อนญี่ปุ่นเรานะ ความชอบก็จะแตกต่างกันไปแล้วแต่คน มาดูกันเลย!
ยาดม
เพื่อนญี่ปุ่นซื้อยาดมกลับไปเป็นแผงใหญ่ๆเลย เพราะยาดมที่ญี่ปุ่นแพงมาก เขาบอกดมเวลาง่วงๆหรือปวดหัวเวียนหัวแล้วสดชื่นดี
โจ๊กซอง

เรื่องมันมีอยู่ว่าเพื่อนเราไม่กินเผ็ดเลยทำให้กินมาม่าต้มยำกุ้งของเด็ดของดังของเมืองไทยไม่ได้ ฮ่าๆ ถ้ารสชาตอื่นๆก็ไม่ค่อยมีพิเศษอะไรไปกว่ามาม่าที่ญี่ปุ่น เราเลยแนะนำให้ลองกินโจ๊กดู เพราะที่ญี่ปุ่นไม่มีทั้งโจ๊กแบบซองแล้วก็แบบคัพ พอเพื่อนลองกินก็บอกว่าอร่อยมาก ติดใจซื้อกลับไปเป็นโหลเลยค่ะฮ่าๆๆ
ชาตรามือ

แน่นอนว่าญี่ปุ่นเป็นแหล่งชาเขียวอยู่แล้ว เมื่อนึกถึงชาเขียวต้องนึกถึงชาญี่ปุ่น! ฮ่าๆๆ แต่เมื่อมาเมืองไทยแล้ว ก็ต้องลองชาไทยกันสักหน่อย แล้วพอเขาได้ลองเท่านั้นแหละ หวานนนนเว่อออ อึ้งกันเป็นแถบ ฮ่าาๆๆ บางคนก็ไม่ชอบแต่บางคนก็ติดใจในความหวานอยากซื้อกลับบ้านไปชงกินเองเลยทีเดียว
กางเกงช้าง

วันที่ไปเดินเจเจกรีน เพื่อนเดินหาซื้อกางเกงช้างเลย ช่วงนี้กำลังอินเทรนด์มากๆ ไปไหนมาไหนก็เห็นทั้งชาวไทยชาวต่างชาติใส่กัน พอเจอเขาก็ซื้อกลับญี่ปุ่นกันคนละสองสามตัวเลย เขาบอกว่าจะเอาไว้ใส่หน้าร้อนที่ญี่ปุ่นจะได้สบายๆ กางเกงลายช้างสวย ใส่สบาย แถมราคาถูกอีกด้วย
ทุเรียนทอด

เราได้ลองถามเพื่อนญี่ปุ่นดูว่าชอบกินทุเรียนทอดไหม เขาก็ตอบว่าชอบกินนะ ตกใจกันละสิ อย่าพึ่งคิดว่าคนญี่ปุ่นจะไม่ชอบทุเรียนกันนะ ฮ่าๆๆ เพื่อนเราพากันไปเหมาทุเรียนทอด กลับไปฝากกันใหญ่เลย เรียกได้ว่าทุเรียนทอด กลายเป็นของฝากที่ต้องซื้อกลับไปญี่ปุ่นกันซะแล้ว แถมเพื่อนบอกเราว่าทุเรียนทอดราคาไม่แพงด้วย
มะม่วงอบแห้ง

ผลไม้อบแห้งต่างๆ ที่ญี่ปุ่นมีขายเหมือนกัน แต่ผลไม้อบแห้งของไทย ทั้งถูกและอร่อยมากกว่า เลยต้องซื้อกลับไปฝาก โดยเฉพาะมะม่วงอบแห้ง พอเพื่อนได้ชิมแล้วติดใจมากๆเลยค่า
ปล.เครดิตรูปของฝากจากกูเกิ้ลนะค้า
        นี่แหละของฝากที่เพื่อนญี่ปุ่นของเราซื้อกลับไปฝากกันนน แต่ละอย่างน่าสนใจทั้งนั้นเลยใช่ไหมล้าา ถ้าพี่ๆน้องๆคนไหนกำลังจะไปญี่ปุ่นก็สามารถซื้อของเหล่านี้ไปฝากกันได้นะคะ รับรองคนญี่ปุ่นชอบแน่นอนเลย แต่ละคนเสียเงินให้กับที่นี้เยอะมาก

มาต่อกับวันต่อมากันเลย! เข้าสู่วันที่4กันแล้วนะคะ วันนี้เป็นวันที่เราและเพื่อนๆคนญี่ปุ่นต้องตื่นกันเช้ามากๆ เพราะเรามีกิจกรรมร่วมกันคือไปปลูกป่ากันที่ บ้านไม้ชายเลนรีสอร์ท จังหวัดสมุทรสงคราม
พอถึงที่ เราก็ได้พาเพื่อนญี่ปุ่นไปทำกิจกรรมต่างๆ อย่างแรกเลยคือลุยโคลนปลูกป่าชายเลน สภาพทุกคนเลอะไปหมดเลยแถมเหนื่อยกับการที่จะเดินยังไงไม่ให้โดนโคลนดูด ฮ่าๆๆ แต่ต่อให้เหนื่อยยังไงเพื่อนญี่ปุ่นก็ชอบและสนุกกับการปลูกป่ามากๆ ทำให้เราและเพื่อนๆต่างก็สนุกและมีความสุขไปด้วย
กิจกรรมต่อมาเป็นการนั่งเรือดูวิถีชีวิตของชาวประมงชายฝั่งตำบลคลองโคลนและมีให้อาหารลิงแสมที่มีตามธรรมชาติด้วย
ถึงเวลาเที่ยงที่ต้องกินข้าว เราก็ได้เตรียมอาหารไทยที่ขึ้นชื่อ อร่อย และคิดว่าเพื่อนญี่ปุ่นได้ลองแล้วจะติดใจ เช่น น้ำพริกผักกับปลาทู พร้อมกับขนมหวานไทยซึ่งก็กินกันอย่างอร่อยและมีความสุข
เช้าวันต่อมาเป็นการเรียนรำไทยค่ะ มีแต่งชุดไทย แล้วก็สอนรำเพลงง่ายๆ รำวงมาตรฐานไทยเบื้องต้นค่ะแล้วก็ให้เขาลองครีเอทท่าจบเพลงดู ฮ่าๆๆ แล้วก็ออกมาเป็นแบบนี้



หลังกินข้าวกลางวันเราก็มีเซอไพรส์เล็กๆคือการบายศรีค่ะ การบายศรีเป็นประเพณีอย่างหนึ่งของคนไทย และคนลาว ด้วยความเชื่อที่ว่า ทุกคนเกิดมาพร้อมกับสิ่งนามธรรมอย่างหนึ่งที่เรียกกันว่า “ขวัญ” ซึ่งมีหน้าที่รักษาประคับประคองชีวิตและติดตามเจ้าของไปทุกหนแห่ง การทำพิธีสู่ขวัญจึงเป็นการเชิญขวัญที่หนีหายไปให้เข้ามาอยู่กับตัว และเชื่อว่าเป็นการส่งเสริมพลังใจให้เข้มแข็ง มีสติและไม่ประมาท ซึ่งทุกคนประทับใจกันมากๆ นี่คือสัญลักษณ์ของค่ายเรานะ มองดีๆจะมีรูปช้างอยู่ในหัวใจนะคะ ฮ่าๆ


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่