เมื่อลูกวัยไม่ถึง 2 ขวบ ต้องผ่าตัดต่อมอะดีนอยด์

สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่านทุกท่าน
วันนี้ แม่อย่างเราขอมาแชร์ มาเล่าสู่กันฟังเรื่องประสบการณ์การพาลูกวัย 1.11 ขวบ เข้าห้องผ่าตัดเพื่อเอาต่อมอะดีนอยด์ออกค่ะ
ถามว่าทำไมถึงมาแชร์?? เพราะก่อนที่เราจะพาลูกเดินไปพบคุณหมอหูคอจมูกนั้น
เราพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับการผ่าตัดต่อมอะดีนอยด์ในเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 2 ขวบ แต่เราหาข้อมูลแทบไม่ได้
ที่เจอคือ 2 ขวบขึ้น และส่วนใหญ่ที่เจอเลยคือ ผ่ากันตอน 3+ ขวบขึ้นไป
วันนี้เราเลยตั้งใจมาแชร์ มาเล่าสู่กันฟัง ในเคสของเด็กเล็กค่ะ
โดยเราเริ่มเขียนเป็นบันทึกตั้งแต่ที่เราได้ตัดสินใจตอบคุณหมอว่าเราจะผ่า
ซึ่ง ณ ตอนที่เริ่มเขียนนี้ ลูกเราอายุ 1.8 ขวบค่ะ
คำเตือน :: กระทู้ยาวมาก


ที่มาที่ไปอาการของลูกเรา และกว่าจะพบว่าต่อมอะดีนอยด์โต
---------------------------------------------------------------------------
Part นี้ ขอร่ายยาวหน่อยนะคะ จะได้นึกภาพตามออก ว่าอาการจากน้อยไปมากของลูกเรานั้นเป็นอย่างไร
ซึ่งเราขอย้อนไปที่ลูกอายุยังไม่ถึงขวบ คือลูกเป็นหวัดบ่อยค่ะ เดี๋ยวเป็นเดี๋ยวหาย ทั้งขี้มูก เสมหะ น้ำตาไหล
ตอนแรกเราก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะคิดว่าลูกเราอยู่ Day Care ไม่ลูกฉันติดลูกเธอ ก็ลูกเธอติดลูกชั้น
เวลาไม่สบายที ก็ไปหาหมอ ได้ยาจำพวกยาฆ่าเชื้อ ซูโด เซอร์แทค ซิงกูแลร์ เฟลมแมก มากินตลอด
ไม่สบายที ก็กินยากันเป็นเดือน เพราะลูกหายช้ามากจนเสมหะลงหลอดลม

จนลูกมีอายุประมาณ 1.2 ขวบ ลูกเป็นถี่ขึ้น และแต่ละครั้ง ก็เป็นระยะเวลานานขึ้น
เป็นหวัดที กินยาฆ่าเชื้อ 2 สัปดาห์ หายหวัด 1 สัปดาห์ แล้วก็มาเป็นหวัดซ้ำอีก
แล้ว 2 ครั้งที่ว่านี้ เราได้เปลี่ยนคุณหมอ คุณหมอผิดสังเกตว่ามันบ่อยและเป็นนานเกินไป จึงส่งต่อไปหาคุณหมอภูมิแพ้

(1.4 ขวบ) คุณหมอภูมิแพ้ซักประวัติ และสั่งเจาะเลือดเพื่อหาค่าแพ้ IgE และนัดฟังผลอีก 2 สัปดาห์
พร้อมจ่ายยาเดิมที่เคยๆ กินอยู่ แต่เพิ่มยาเสริมภูมิมา 1 ตัว คือ Sykofen ให้กินทุกวัน และต้องล้างจมูกทุกวัน
พร้อมทั้งให้มาทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ด้วย
(Sykofen เป็นยาที่ช่วยบรรเทาและป้องกันอาการหอบหืด หรือหลอดลมหดเกร็งที่เกิดจากการแพ้ และการกินติดต่อกันเป็นระยะเวลานึง จะช่วยให้หลอดลมแข็งแรงขึ้น และลดความไวของหลอดลมต่อสิ่งกระตุ้นได้)
สรุปยาที่ลูกต้องกินทุกวัน Sykofen 1 มื้อ / เซอร์เทค 1 มื้อ / ซิงกูแลร์ 1 มื้อ ส่วนซูโด เฟลมแมก กินตามอาการ
และคุณหมอได้ถามว่า กลางคืน ลูกนอนปกติไหม? เราตอบว่าปกติค่ะ

(1.4 ขวบ) เมื่อถึงวันนัดฟังผลเลือดใน 2 สัปดาห์ถัดมา ปรากฏว่า ลูกเราแพ้ไข่ทั้งฟอง แป้งสาลีเกือบแพ้ ตัวอื่น ๆ ไม่ขึ้น
ที่ทำให้เรารู้สึกแย่ คือ ที่ผ่านมา เราให้ลูกกินไข่ทุกวัน ทำให้ลูกเป็น ๆ หาย ๆ อยู่แบบนี้นั้น
ซึ่งต่อจากนี้ ทั้งแม่ทั้งลูกต้องงดกินไข่ไปก่อน เนื่องจากลูกเรายังกินนมแม่
และคุณหมอได้ถามเราอีกว่า กลางคืน ลูกนอนปกติไหม? เราตอบว่าปกติ (แม่ยังไม่รู้ตัวอีก TT)
คุณหมอให้กินยาเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติม Sykofen เป็น 2 มื้อ เช้า-เย็น อีก 2 เดือนนัดใหม่

(1.6 ขวบ) ไปพบคุณหมอตามนัด เล่าอาการให้ฟัง
โดยตลอด 2 เดือน ที่รอตามนัด เราสังเกต-บันทึกอาการลูกในแต่ละคืน
ตั้งแต่งดไข่ เรื่องหวัดเรารู้สึกว่าดีขึ้น ไม่มีน้ำมูก แต่เราเริ่มเอะใจเรื่องการนอน เรื่องการหายใจของลูก
“ทำไมไม่เป็นหวัด แต่ยังนอนหายใจเหมือนคนคัดจมูก เหมือนคนแน่นจมูกตลอดคืน น้ำมูกก็ไม่มี”
ซึ่งจริง ๆ เราก็เห็นมานานแล้ว ตั้งแต่ก่อนขวบซะอีกว่าลูกเรานอนหายใจแรง เหมือนคนคัดจมูกทั้ง ๆ ที่สบายดี ไม่ได้ป่วย
แล้วช่วงกลางวันที่ตื่น เค้าจะหายใจแรงมาก เหมือนคนเหนื่อย (คุณหมอวัคซีนเคยทักเรื่องนี้ แต่ไม่ได้ทำไรต่อ)
ส่วนกลางคืนเวลาหลับ เค้าจะนอนหายใจสะดุด (หายใจสั้น ๆ ไม่เต็มปอด)
และมีภาวะการหยุดหายใจไปชั่วขณะ ซึ่งเราเองก็เคยเห็นด้วยตามาแล้ว
เรารอดูจนลูกตื่น สะดุ้ง หรือหายใจเฮือกเพราะหยุดหายใจนานไป และตัดสินใจถ่ายคลิปเก็บไว้
พอครั้งนี้ เมื่อคุณหมอถามว่า นอนปกติไหม? เราตอบเลยว่าไม่ปกติ (หมอไม่ถาม ก็กะจะบอกหมอเอง)
นั้นแหละค่ะ เราถึงได้เล่าให้คุณหมอฟังว่าเราสังเกตเห็นลูกหายใจแรงเหมือนคนคัดจมูกมานานแล้ว
แต่จะได้ยินเสียงหายใจแรง ๆ และมีการหยุดหายใจเฉพาะตอนนอนหงายเท่านั้น
พอจับตะแคง หนุนหมอน หรือนอนคว่ำ จะไม่ได้ยินเสียง ซึ่งในคลิปที่ให้คุณหมอดู มีความยาว 1.26 นาที
แต่ลูกเราหยุดหายใจไป 2-3 ครั้ง โดยรอบที่หยุดนานที่สุด มากกว่า 10 วินาที
คุณหมอตรวจดูโพรงจมูกไม่บวม ทอนซิลไม่บวม คุณหมอเปรย ๆ เรื่องต่อมอะดีนอยด์
พร้อมทั้งจ่ายยาเดิม และให้ Nasonex มาพ่นวันละครั้ง นัดใหม่อีก 1 เดือน

(1.7 ขวบ) ครั้งนี้ ก็เหมือนเดิม เล่าอาการให้คุณหมอฟัง ครั้งนี้เราโฟกัสที่เรื่องนอนแล้วหยุดหายใจ
เรายังรู้สึกว่าลูกนอนหลับหายใจเหมือนเดิม แถมได้คลิปลูกหยุดหายใจไปฝากคุณหมอเพิ่มอีก
คุณหมอจึงเปรย ๆ ว่าอาจจะต้องส่งต่อคุณหมอหูคอจมูก หรือคุณหมอระบบหายใจในเด็ก เพื่อทำ X-ray คอดูต่อมอะดีนอยด์
แต่คุณหมอขอลองอีกซักตั้ง ให้ทานยาต่ออีก 1 เดือน เพิ่มพ่น Nasonex เป็นวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น นัดต่ออีก 1 เดือน
และก่อนจะพบคุณหมอภูมิแพ้ครั้งนี้ ลูกมีอาการ แก้วหูทะลุ 2 ครั้ง ภายใน 3 สัปดาห์
แต่ตอนนั้นไม่ได้เอะใจเช่นกัน คิดว่าน้ำเข้าหูเฉย ๆ

(1.8 ขวบ) เมื่อใกล้ถึงวันนัดหมอภูมิแพ้ ตอนนี้ล่ะค่ะ ที่เราเริ่มอดรนทนไม่ไหวแล้ว
ลูกครืดคราดหนัก มีเสมหะติดคอ กินยาจะ 1 เดือนแล้วก็ไม่ดีขึ้น
ต้องพาไปพบคุณหมอท่านอื่นก่อนวันนัด โดน Suction ไป 1 ครั้ง และลูกกรนหนักขึ้น
ชนิดที่ว่านอนหงายปุ๊ป เสียงกรนมาปั๊ป และดังมากจนพ่อเค้าก็นอยด์ (เอาไปแข่งกรนกับพ่อ)
จับคว่ำก็กรน ต้องจับหนุนหมอน ก็พอเงียบได้บ้าง แต่ก็... นะ เด็กนอนดิ้นไปทั่ว
ลูกตื่นมาร้องทั้งคืน เราเองก็ต้องคอยตื่นมาจัดท่านอนใหม่ จนเรารู้สึกเสียงกรนลูกหลอนมาก เลยตัดสินใจพาลูกไปหาคุณหมอหูคอจมูก
ซึ่อก่อนที่จะไป เราพยายามหาข้อมูลการผ่าตัดในเคสของเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 2 ขวบ แต่ก็หาไม่ได้เลย ตามที่กล่าวมาข้างต้น ปรึกษากับสามีว่าเอาไงกันดี สับสนกันทั้งคู่
ตัดสินใจไปหาคุณหมอหูคอจมูกก่อน ด้วยความคิดที่ว่า คงต้องทำ Sleep test ก่อนแน่ ๆ ซึ่งมันน่าจะต้องใช้เวลา
แต่เมื่อได้พบคุณหมอจริง ๆ คุณหมอส่องกล้องดูทางจมูก พบว่า ต่อมอะดีนอยด์ลูกโตมากกว่า 90%
ซึ่งคุณหมอบอกว่า “มันเลยจุดที่ต้องทำ Sleep test ไปแล้วนะแม่ และมีทางรักษาตอนนี้ คือ การผ่าตัด”
เราถามคุณหมอกลับไปว่า “มีโอกาสต่อมจะยุบไหมคะ”
คุณหมอตอบกึ่งถามกึ่งอธิบายว่า “กินยา พ่นยา แบบบเต็มที่เป็นเดือน ๆ ขนาดนี้แล้ว ถ้าย้อนจากประวัติจริง ๆ ก็กินกันตั้งแต่ก่อนขวบด้วยซ้ำ กินทีก็เป็นเดือน แล้วแม่รู้สึกว่านอนดีขึ้นบ้างไหม” (ฉึก!! คำถามแทงใจแม่ เหมือนโดนมีดปักกลางอก)
“ถึงต่อให้ต่อมมันยุบลงหรือโตน้อยกว่านี้ แต่ถ้าลูกยังนอนแบบนี้ ก็ต้องเอาออกเหมือนกัน หมออยากให้แม่ดูที่อาการเค้าเป็นหลัก” ซึ่งอาการที่ว่านี้ คือการนอนแล้วหยุดหายใจ

เราเลยขอคุณหมอเพื่อกลับมาคุย มา Discuss กับที่บ้านกันก่อน โดยคำนึงถึงประโยชน์ของลูกเป็นสำคัญ
ว่าถ้าจะผ่า จะไปผ่าที่ไหน ไหนจะเรื่องลางานเฝ้าลูก ประกันใช้ได้ไหม
และรวมไปถึงภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับลูกถ้าเรายังไม่ยอมผ่า ยื้อเวลาไปเรื่อย ๆ
ผลสรุปคือ ผ่า ค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่