เมื่อเร็ว ๆ นี้ รัฐบาลไทยได้เชิญสื่อมวลชนจากต่างประเทศมาเยี่ยมชมโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์อภิมหาโปรเจ็กท์นี้ ให้ทั่วโลกได้รับรู้ถึงความพยายามของรัฐบาล ที่จะยกระดับเศรษฐกิจของประเทศสู่ยุคอุตสาหกรรมใหม่ และเพื่อเป็นการช่วยประชาสัมพันธ์ดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลกให้เข้ามาลงทุนในโครงการแห่งความหวังนี้

นิคเคอิ เอเชียน รีวิว สื่อชั้นนำของญี่ปุ่น ได้เผยแพร่บทความ “THE SELLING OF THAILAND 4.0” เขียนโดย วิลเลียม เมลเลอร์ ผู้สื่อข่าวประจำฮ่องกง ซึ่งร่วมคณะมาด้วย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://asia.nikkei.com/Editor-s-Picks/Tea-Leaves/The-selling-of-Thailand-4.0
เนื้อหาของบทความกล่าวจิกกัดรัฐบาลทหารพอเป็นกระษัย ตามสไตล์สื่อประชาธิปไตย แต่ก็แอบชื่นชมด้วยว่า รัฐบาลได้แสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะปฏิรูปเศรษฐกิจ และมีทีท่าว่าจะทำสำเร็จ เพื่อยกระดับประเทศไปสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วภายใน 20 ปี หรือไม่เกินปี พ.ศ. 2580 แต่ไม่ว่าจะทำได้ตามเป้าประสงค์หรือไม่ อย่างน้อยในชั้นแรกนี้ ก็ประสบความสำเร็จในการสร้างความสนใจและความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้มากกว่าประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค

ผู้เขียนได้ยกตัวอย่างสัญญาณความก้าวหน้าของไทย จากการที่นักลงทุนทั่วโลกเข้ามาลงทุนในประเทศมากขึ้น อย่างเช่น แอร์บัสได้ร่วมทุนกับการบินไทยในการพัฒนาศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน ที่สนามบินอู่ตะเภา เพื่อให้เป็นฮับการบินของภูมิภาคแข่งกับสิงคโปร์
หรือการที่ไทยได้เข้าไปอยู่ในห่วงโซ่อุตสาหกรรมโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากกรณีที่โตโยต้า มอเตอร์ ประกาศขยายการลงทุนในประเทศไทย และผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อีก 5 ราย จับจองเข้ามาลงทุนในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า รวมมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท ทำให้ประเทศไทยยกสถานะเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 12 ของโลก
ในส่วนของศักยภาพภายในประเทศนั้น ไทยก็ยังเป็นผู้ผลิตอาหารชั้นนำของโลก ซึ่งส่วนหนึ่งต้องยกเครดิตให้เครือเจริญโภคภัณฑ์ ผู้นำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารรายใหญ่ ที่มีวิสัยทัศน์ในการเป็นครัวของโลก (Kitchen of the World) และเป็นบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์ตามเจตนารมณ์ของโครงการอีอีซีด้วย

นอกจากนั้นยังมีแรงขับเคลื่อนจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ที่ขยับขึ้นไปถึง 4.8% ในไตรมาสแรกของปีนี้ สูงที่สุดในรอบ 5 ปี และการที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับการยอมรับและต้อนรับอย่างอบอุ่นจากโลกตะวันตก
ความพยายามอย่างหนักของรัฐบาลที่จะใช้โครงการอีอีซียกระดับเศรษฐกิจของประเทศ นำร่องด้วยโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่จะประกาศผู้ชนะการประมูลในเดือนธันวาคมปีนี้ และเริ่มก่อสร้างได้ในเดือนมกราคมปีหน้า จะสำเร็จหรือไม่ ยังไม่อาจตอบได้ แต่อย่างน้อยประเทศไทยก็ยังดีกว่าอีกมากมายหลายประเทศ นาทีนี้จึงไม่มีอะไรต้องรอ สิ่งเดียวที่จำเป็นคือ การเดินหน้าลงมือทำตามที่ได้ป่าวประกาศไว้ แล้วความสำเร็จจะเป็นเรื่องรองที่ตามมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ที่มา: Mthai
แหล่งอ้างอิงข่าวภาษาไทย: http://oknation.nationtv.tv/blog/Libraryroom/2018/08/17/entry-1
แหล่งอ้างอิงข่าวภาษาอังกฤษ: https://asia.nikkei.com/Editor-s-Picks/Tea-Leaves/The-selling-of-Thailand-4.0
สื่อนอกชื่นชมอีอีซีส่งสัญญาณความสำเร็จ
นิคเคอิ เอเชียน รีวิว สื่อชั้นนำของญี่ปุ่น ได้เผยแพร่บทความ “THE SELLING OF THAILAND 4.0” เขียนโดย วิลเลียม เมลเลอร์ ผู้สื่อข่าวประจำฮ่องกง ซึ่งร่วมคณะมาด้วย [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เนื้อหาของบทความกล่าวจิกกัดรัฐบาลทหารพอเป็นกระษัย ตามสไตล์สื่อประชาธิปไตย แต่ก็แอบชื่นชมด้วยว่า รัฐบาลได้แสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะปฏิรูปเศรษฐกิจ และมีทีท่าว่าจะทำสำเร็จ เพื่อยกระดับประเทศไปสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วภายใน 20 ปี หรือไม่เกินปี พ.ศ. 2580 แต่ไม่ว่าจะทำได้ตามเป้าประสงค์หรือไม่ อย่างน้อยในชั้นแรกนี้ ก็ประสบความสำเร็จในการสร้างความสนใจและความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้มากกว่าประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค
ผู้เขียนได้ยกตัวอย่างสัญญาณความก้าวหน้าของไทย จากการที่นักลงทุนทั่วโลกเข้ามาลงทุนในประเทศมากขึ้น อย่างเช่น แอร์บัสได้ร่วมทุนกับการบินไทยในการพัฒนาศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน ที่สนามบินอู่ตะเภา เพื่อให้เป็นฮับการบินของภูมิภาคแข่งกับสิงคโปร์
หรือการที่ไทยได้เข้าไปอยู่ในห่วงโซ่อุตสาหกรรมโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากกรณีที่โตโยต้า มอเตอร์ ประกาศขยายการลงทุนในประเทศไทย และผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อีก 5 ราย จับจองเข้ามาลงทุนในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า รวมมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท ทำให้ประเทศไทยยกสถานะเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 12 ของโลก
ในส่วนของศักยภาพภายในประเทศนั้น ไทยก็ยังเป็นผู้ผลิตอาหารชั้นนำของโลก ซึ่งส่วนหนึ่งต้องยกเครดิตให้เครือเจริญโภคภัณฑ์ ผู้นำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารรายใหญ่ ที่มีวิสัยทัศน์ในการเป็นครัวของโลก (Kitchen of the World) และเป็นบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์ตามเจตนารมณ์ของโครงการอีอีซีด้วย
นอกจากนั้นยังมีแรงขับเคลื่อนจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ที่ขยับขึ้นไปถึง 4.8% ในไตรมาสแรกของปีนี้ สูงที่สุดในรอบ 5 ปี และการที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับการยอมรับและต้อนรับอย่างอบอุ่นจากโลกตะวันตก
ความพยายามอย่างหนักของรัฐบาลที่จะใช้โครงการอีอีซียกระดับเศรษฐกิจของประเทศ นำร่องด้วยโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่จะประกาศผู้ชนะการประมูลในเดือนธันวาคมปีนี้ และเริ่มก่อสร้างได้ในเดือนมกราคมปีหน้า จะสำเร็จหรือไม่ ยังไม่อาจตอบได้ แต่อย่างน้อยประเทศไทยก็ยังดีกว่าอีกมากมายหลายประเทศ นาทีนี้จึงไม่มีอะไรต้องรอ สิ่งเดียวที่จำเป็นคือ การเดินหน้าลงมือทำตามที่ได้ป่าวประกาศไว้ แล้วความสำเร็จจะเป็นเรื่องรองที่ตามมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้