สิ่งที่โลกเข้าใจผิดเกี่ยวกับโกดัก....


  เรามีความเชื่อกันว่า โกดักนั้นยึดติดกับฟิล์มไม่ยอมเปลี่ยนผ่านสู่กล้องดิจิทัล แม้ว่าโกดักจะเป็นผู้คิดค้นกล้องดิจิทัลก็ตาม แต่ก็ไม่ยอมพัฒนากล้องดิจิทัลมุ่งมั่นขายแต่ฟิล์ม จนกระทั่งบริษัทอื่นทำกล้องดิจิทัลออกมาจนยึดตลาดไปได้ กว่าโกดักจะกลับใจพัฒนากล้องดิจิทัลก็สายเกินไปทำให้โกดักต้องล้มละลายในที่สุด
มีบทความจำนวนมากที่ยกให้โกดักเป็นบริษัทโลกเก่าที่ไม่ยอมปรับตัว จึงถูกเทคโนโลยีดิจิทัล disrupt จนล่มสลาย

แต่จริงอย่างนั้นหรือ?

ตอบได้ว่าไม่จริงเลยครับ โกดักไม่ได้พังเพราะเอาฟิล์มไม่เอาดิจิทัล

โกดักรู้ดีว่าดิจิทัลมาแน่ และเป็นผู้ผลิตกลุ่มแรกที่เข้าสู่อุตสาหกรรมภาพดิจิทัล โกดักลงทุนในระบบภาพดิจิทัลตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ มีโรงงานวิจัยพัฒนาและผลิตเซ็นเซอร์ของตัวเอง มีการวิจัยพัฒนาผลิตกล้องดิจิทัลหลายหลายรุ่นทุกระดับมาตลอดเป็นสิบปีตั้งแต่กล้องมือใหม่หัดถ่ายไปถึงกล้องโปรตัวละเป็นล้าน พร้อมกระบวนการพิมพ์ภาพแบบดิจิทัลครบวงจร


มีระบบงานพิมพ์ดิจิทัลทางการค้า อุตสาหกรรม ระบบการพิมพ์ผ่านเว็บ งานพิมพ์ที่บ้าน เพื่อรองรับกล้องดิจิทัล มีระบบ EasyShare เป็นกล้องที่มีแท่นอัตโนมัติที่วางกล้องดิจิทัลโกดักลงไปแล้วพิมพ์ภาพออกทางปริ้นเตอร์ได้ทันที สำหรับกล้องยี่ห้ออื่นโกดักก็นำเสนอฟีเจอร์ในการเลือกภาพจากกล้องแล้วมาร์กเพื่อที่เวลาสั่งพิมพ์จะสั่งพิมพ์ภาพที่มาร์กไว้โดยอัตโนมัติ (ฟีเจอร์นี้มีอยู่แทบทุกกล้องในโลก เพิ่งหายไปไม่กี่ปีหลังนี่เอง) หรือเอาการ์ดบันทึกภาพไปจิ้มที่ตู้คีออสโกดักแล้วพิมพ์รูปออกมาให้ มาตรฐานโฟโต้ซีดีเพื่อเก็บภาพนี่ก็ของโกดัก ยังมีระบบคอมมูนิตี้เว็บไซต์สำหรับแสดงภาพ ที่สั่งพิมพ์ผ่านเว็บได้โกดักก็เคยทำ

สรุปสั้นๆ ว่าโกดักมีโซลูชั่นการจัดการภาพดิจิทัลตั้งแต่จากกล้องไปจนการนำเสนอและการพิมพ์ลงกระดาษครบถ้วนทุกการใช้งานที่สุดเท่าที่โลกนี้เคยมีมา เพราะรู้ว่าโลกนี้กำลังเข้าสู่ยุคภาพดิจิทัลและโกดักก้าวไปรออยู่ก่อนแล้ว



ก่อนแค่ไหน?

อย่างน้อยโกดักก็ go digital ตั้งแต่ยุคฟิล์มรุ่งเรืองตั้งแต่ปี 1991 พร้อมๆ กับฟูจิฟิล์มนั่นแหละ ก่อนนิคอน แคนนอน โอลิมปัส พานาโซนิคด้วยซ้ำ และสร้างชื่อ Kodak EasyShare จนยึดตลาดกล้องดิจิตอลได้ในยุคหนึ่ง ถ้าขานชื่อเรียกเข้าแถวกันแล้ว โกดักไม่ใช่เพียงแค่อยู่แถวหน้า แต่คือหนึ่งในหัวหอกที่บุกตะลุย disrupt ตลาดกล้องฟิล์มกับการอัดภาพจากฟิล์มแบบอนาล็อกก่อนใครเลยด้วยซ้ำ

ในปี 2005 คือปีที่กล้องดิจิทัลของโกดักครองตลาดกล้องถ่ายภาพมากถึง 22% เป็นอันดับหนึ่ง ชนะแคนอนอันดับสองที่ทำได้ 20% แค่ดูจากยอดขายก็แสดงให้เห็นแล้วว่าโกดักต้องทุ่มเทพยายามขนาดหนักในการสร้างและขายกล้องดิจิตัล จนกระทั่งเอาชนะบริษัทกล้องแท้ๆ อันดับหนึ่งของโลกที่มีรากฐานมายาวนานได้
ถ้าเราจะบอกว่าโกดักไม่สนใจตลาดกล้องดิจิทัล สนใจแต่ขายฟิล์ม ก็คงจะเหมือนกับเราพูดว่าปีสองปีนี้โซนี่ไม่เอาจริงเอาจังกับตลาดกล้องมิเรอเลสฟูลเฟรม เอาแต่ขายเครื่องเล่นเกมนั่นเอง



แต่ในปี 2005 ปีเดียวกันนั้นเองที่รายได้ของโกดักเริ่มเข้าสู่ภาวะขาดทุนเป็นครั้งแรก ทั้งที่กล้องดิจิทัลโกดักก็ขายดีที่สุดและขายดีต่อเนื่องมาหลายปี เซ็นเซอร์ก็ขายดีเช่นกัน กล้องยี่ห้อไหนๆ ก็ใช้เซ็นเซอร์โกดัก อนาคตก็น่าจะสดใส

แต่สิ่งที่โกดักเสียไปเมื่อกล้องดิจิตัลมาคือตลาดฟิล์มและการพิมพ์ภาพ ที่เป็นแกนกลางธุรกิจของโกดัก

ในความจริงแล้วนั้น แม้จะทุ่มเทอย่างหนักขนาดนั้นในยุคเปลี่ยนผ่านจากอนาล็อกเป็นดิจิทัล แต่โกดักก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับกล้องเป็นหลัก ถึงจะมีกล้องโกดักดิจิทัลเป็นสิบๆ ร้อยๆ รุ่น และในยุคหนึ่งยังครองตลาดเซ็นเซอร์รับภาพเหมือนโซนี่ในตอนนี้อีกด้วย ในยุคหนึ่งนั้นใครๆ ก็ใช้ CCD โกดัก (โกดักขายโรงงานเซ็นเซอร์ไปปี 2011 นี่เอง หลังจากทำมา 30 ปี เพื่อหาเงินกู้ชีพจากภาวะขาดทุน)


สิ่งที่โกดักให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งตลอดมาคือ “การพิมพ์ภาพ”


โกดักมองว่ากล้องเป็นแค่ทางผ่านไปหากระดาษ ไม่ว่าจะใช้กล้องฟิล์มหรือกล้องดิจิทัล จะใช้กล้องโกดักหรือยี่ห้ออื่น ไม่ว่าจะเป็นระบบภาพอนาล็อกหรือดิจิทัล จะลงสื่อไหน เส้นทางไหน สุดท้ายภาพที่ถ่ายมาก็ต้องมาจบที่งานพิมพ์ภาพของโกดักทั้งสิ้น
นั่นคือแก่นธุรกิจของโกดัก และเป็นสิ่งที่โกดักมองว่าคืออนาคตในยุคดิจิทัลของโกดัก

มันคือแนวคิดที่วิวัฒน์มาจาก "ไม่ว่าจะใช้ฟิล์มหรือใช้กล้องอะไร เมื่อถ่ายแล้วก็ต้องมาล้างฟิล์มอัดภาพที่ร้านโกดัก" แบบในยุคฟิล์มแบบนั้นเลย

ซึ่งนั่นคือความผิดพลาดอันใหญ่หลวงของโกดัก

โกดักพนันแบบทุ่มสุดตัวว่า ไม่ว่าจะฟิล์มหรือดิจิทัล ไม่ว่าจะใช้ภาพอย่างไรเพื่อจุดประสงค์ใดจะส่วนตัวหรือใช้งานทางการค้าผู้ใช้ก็จะพิมพ์ภาพลงบนกระดาษเสมอ (แม้กระทั่งกรอบรูปดิจิทัลโกดักก็ยังมีฟีเจอร์พิมพ์ภาพเลย)
โกดักเตรียมระบบโซลูชั่นงานพิมพ์ภาพเพื่อรองรับโลกดิจิทัลที่หลากหลายเครื่องพิมพ์นับร้อยๆ รุ่น ทั้งระดับโรงพิมพ์ ทั้งรูปแบบธุรกิจรองรับนับสิบๆ แบบ และยังมีบริการสำหรับรองรับผู้ใช้ทั่วไปตามบ้าน ตามสำนักงาน และการค้าอีกหลายสิบแบบ สร้างระบบงานรองรับการพิมพ์ดิจิทัลไว้ครบตั้งแต่ผลิตเซ็นเซอร์ ทำกล้อง การเก็บและใช้ภาพ ตั้งแต่รูปยังอยู่ในกล้องไปจนถึงขั้นตอนท้ายสุดคือพิมพ์ลงกระดาษ



ทุกการกระทำของโกดักในรอบ 20 ปี ชัดเจนอย่างยิ่งว่าดำเนินไปในทางที่ว่า “ทำทุกสิ่งที่นำไปสู่การพิมพ์ภาพลงบนกระดาษ” คือ core value ของโกดัก ไม่เว้นแม้แต่ระบบภาพดิจิทัลที่จะมาแทนฟิล์มและกระบวนการล้างอัดภาพแบบอนาล็อกที่เคยเป็นมา

แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงของยุคดิจิทัลคือ “ผู้ใช้ไม่พิมพ์ภาพ”
ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์แบบอนาล็อกหรือดิจิทัล แม้แต่การพิมพ์ภาพทางค้าในยุคดิจิทัลก็น้อย ยิ่งส่วนตัวยิ่งน้อยไปอีก


ประมาณปี 2003 – 2004 กำไรของโกดักเริ่มถดถอยลง และถึงกับขาดทุนในปี 2005 และติดลบตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ถึงตอนนั้นยอดขายกล้องโกดักก็อยู่แถวหน้าของผู้ผลิตกล้องดิจิทัลในโลกนี้แล้ว แต่ยอดขายจากกล้องก็ชดเชยยอดขายฟิล์มและการพิมพ์ภาพที่หายไปไม่ทัน ฟิล์มก็ขายได้น้อยลง ยิ่งงานพิมพ์ภาพที่หวังว่าจะเป็นอนาคตยิ่งแย่สาหัส เพราะผู้ใช้ไม่พิมพ์ภาพกลับนิยมดูจากจอภาพมากกว่า

พูดได้ว่าตอนนั้นโกดักเจ๊งทั้งๆ ที่อยู่ในตำแหน่งผู้นำตลาดกล้องดิจิทัลนี่แหละ

ยิ่งไปกว่านั้นการลงทุนและการปูทางนับร้อยนับพันล้านดอลล่าร์ทุกปีอย่างต่อเนื่องนับสิบปี เพื่อเอารูปลงกระดาษ ระเบิดหายกลายเป็นอากาศไปในทันทีที่สมาร์ตโฟนเข้ามาเริ่มจากไอโฟนในปี 2007 ผู้ใช้ดู แชร์ เก็บภาพ บนสมาร์ตโฟน โดยไม่ผ่านกระดาษ แม้ว่าโกดักจะตอบสนองโดยการทำเว็บคอมมูนิตี้เพื่อแสดงภาพ แต่ก็เป็นเพียงส่วนขยายของงานพิมพ์เท่านั้น ฟีเจอร์หลักในเว็บคือการสั่งพิมพ์ภาพออนไลน์อยู่ดี ไม่ใช่การนำเสนอภาพแบบตัดขาดจากการพิมพ์ภาพแบบที่เราคุ้นกันในยุคเฟสบุ๊ค

สิ่งที่โกดักยังยึดถือและยึดติดตลอดมาไม่ใช่ฟิล์มถ่ายภาพแต่เป็นการพิมพ์ภาพ และโกดักไม่เคยปรับทิศทางของตัวเองเลย เมื่อทิศทางของโกดักไม่สอดคล้องกับทิศทางโลกหุ้นบริษัทโกดักก็ย่อมกลายเป็นขยะไปในเวลาไม่นาน


ในโลกของกล้องดิจิทัล โกดักไม่ได้แพ้เพราะยึดติดกับฟิล์มถ่ายภาพครับ แต่แพ้เพราะยึดติดกับกระดาษพิมพ์ภาพ

ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาแม้จะขายกล้องดิจิทัลและฟิล์มถ่ายภาพไปมหาศาลติดอันดับโลก เราเองก็เห็นว่าโกดักเป็นบริษัทฟิล์มและการถ่ายภาพ
แต่โกดักกลับไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นบริษัทกล้องหรือบริษัทฟิล์ม โกดักมองว่าตัวเองเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญเรื่องการพิมพ์ภาพลงกระดาษ ไม่ว่าจะพิมพ์ภาพจากฟิล์มในยุคอนาล็อก หรือในยุคดิจิทัลก็ตาม

ปัจจุบัน อีสต์แมน-โกดัก กลายสภาพไปเป็น โกดักอลาริส ที่ตัดขาดทุนขายธุรกิจที่ไม่ใช่แกนหลักออกไป  สิ่งที่เหลือในตอนนี้นอกจากฟิล์มกับการล้างอัดภาพที่เป็นมรดกเก่า ที่เหลือคือระบบภาพดิจิทัลกับงานพิมพ์ภาพ และโกดักก็ยังคงเอาพริ้นเตอร์กับโซลูชั่นระบบพิมพ์ภาพระดับโปรมาออกบู๊ตงานกล้อง งานถ่ายภาพทั่วโลกอยู่เสมอ ในงานโฟโต้แฟร์บ้านเราก็ยังมาอยู่เรื่อยๆ
แม้จะล้มลุกคลุกคลานเข้าสู่การเปลี่ยนผ่านต้องล้มละลายขายธุรกิจอื่นไปหมด แต่แก่นแท้ของโกดักคือการเอารูปลงกระดาษเสมอมา และหลายสิบปีผ่านไปโกดักก็ไม่เคยเปลี่ยนแนวทางเลยแม้แต่น้อย

.

Reference
Kodak is the largest digital camera retailer in the US, raking in up to $5.7bn in sales.
https://www.independent.co.uk/news/business/analysis-and-features/the-moment-it-all-went-wrong-for-kodak-6292212.html

Kodak tops U.S. digital-camera market (Kodak generated more annual sales from digital imaging than from film-based photography for the first time)
http://www.nbcnews.com/id/11258928/ns/technology_and_science-tech_and_gadgets/t/kodak-tops-us-digital-camera-market/

Kodak sells image sensor business to Platinum Equity
https://www.reuters.com/article/us-eastmankodak/kodak-sells-image-sensor-business-to-platinum-equity-idUSTRE7A708720111108

https://www.businesswire.com/news/home/20040824005343/en/Kodak-Acquire-Image-Sensor-Business-National-Semiconductor

โกดักซื้อธุรกิจ CMOS มาเพื่อต่อยอดเทคโนโลยี CCD ของตัวเอง
Kodak to Acquire Image Sensor Business from National Semiconductor; Enhances Kodak's capabilities to provide CMOS Image Sensors targeted to Consumer Markets

https://www.facebook.com/notes/dhapana-bandhupanich/%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%9C%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%81/1875271259192890/
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่