'สุขุม' บอก 'ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งให้คนอยู่กับที่' ชี้สามมิตรเคลื่อนไหวได้ กลุ่มอื่นต้องทำได้
https://www.matichon.co.th/politics/news_1087767
นาย
สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง แสดงความเห็นกรณีกลุ่มสามมิตรเคลื่อนไหวทางการเมือง พบปะประชาชนภาคอีสาน ขณะที่พรรคการเมืองอื่นไม่สามารถดำเนินการลักษณะนี้ได้ คสช. 2 มาตรฐานหรือไม่ว่า จริงๆ น่าจะช่วยกันเชียร์ให้กลุ่มอื่นทำบ้าง และไม่เห็นด้วยกับคำสั่งทำให้คนนั่งอยู่กับที่ หรือไม่ไปเล่นการเมือง ตนมองคนละอย่าง แทนที่จะยุให้เล่นงานกลุ่มสามมิตร เราต้องยุให้คนสู้ ออกมาทำกันมากๆ ดูว่าจะจับไหม
“เมื่อไม่เห็นด้วย ก็น่าจะสนับสนุนกับสิ่งที่กลุ่มสามมิตรทำ คือเล่นกันเปิดเผยดีกว่า เล่นกันเปิดหน้าชัดๆ จะได้รู้ว่าการเมืองจริงๆ ในอนาคตเป็นอย่างไร ขณะนี้ที่เล่นกันแบบนี้ แอบพูด แอบคิดกันอยู่ ก็ยังไม่รู้เลยว่าสามมิตรกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะอยู่ด้วยกันไหม ส่วนจะผิดกฎหมายหรือผิดคำสั่ง คสช.หรือไม่ ไม่ผิดหรอก คสช.บอกว่าไม่ผิด ไม่เห็นเขาทำอะไร ก็แสดงว่าไม่ผิด เมื่อไม่มีใครทักว่าผิด เขาทำได้ กลุ่มอื่นๆ ก็สามารถมีสิทธิทำได้เช่นกัน” นาย
สุขุมกล่าว
เมื่อถามว่า พฤติกรรมของกลุ่มสามมิตรถือว่าอยู่เหนือกฎหมายหรือไม่ นายสุขุมกล่าวว่า ไม่ได้มองว่าเป็นกฎหมาย เนื่องจากเป็นคำสั่งของกลุ่มคนยึดอำนาจ จะถือว่าเป็นกฎหมายได้อย่างไร เป็นเรื่องความเสมอภาค เรื่องการต่อสู้ ฉะนั้นเรื่องการเมืองต้องปล่อยให้คนมีเสรีภาพในการรวมกลุ่ม มีเสรีภาพในการแสวงหาหนทางต่างๆ ไม่ใช่มานั่งกำกับว่าคุณยังไม่ถึงเวลา
โพลหอค้าชี้ คนไทยรับไม่ได้รัฐบาลคอร์รัปชั่น ราชการต้วมเตี้ยมเปิดช่องทุจริต
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1088158
นาง
เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชันไทย (CSI) สำรวจในเดือนมิถุนายน 2561 พบว่า สถานการณ์คอร์รัปชั่นไทยโดยรวมอยู่ที่ 55 ปรับดีขึ้นจากการสำรวจเดือนธันวาคม 2560 อยู่ที่ 52 ทั้งนี้ ดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทยในปัจจุบันอยู่ที่ 54 จากก่อนหน้าที่ 51 และดัชนีแนวโน้มสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทยอยู่ที่ 56 จากเดิม 53 อย่างไรก็ตาม แม้ดัชนีโดยรวมจะปรับดีขึ้น แต่หากพิจารณารายละเอียด อย่างดัชนีปัญหาและความรุนแรงการคอร์รัปชั่นพบว่าอยู่ที่ 48 โดยดัชนียังต่ำกว่าระดับ 50 ชี้ว่ายังมีความกังวลเรื่องนี้ ด้านดัชนีการป้องกันการคอร์รัปชั่นอยู่ที่ 54 โดยความโปร่งใสและประสิทธิภาพการทำงานของภาครัฐมีแนวโน้มดีขึ้น ขณะที่การปรับปรุงขั้นตอนและกฎระเบียบการดำเนินงานของภาครัฐยังทรงตัว ดัชนีการปราบปรามการคอร์รัปชั่น อยู่ที่ 55 ซึ่งที่ดีขึ้นชัดเจนคือ การสร้างเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น ส่วนการตรวจสอบและลงโทษการคอร์รัปชั่นมีทิศทางดีขึ้น ทั้งนี้ ดัชนีการสร้างจริยธรรมและจิตสำนึก อยู่ที่ 64 สูงที่สุดตั้งแต่มีการสำรวจในปี 2553 หรือช่วง 8 ปี และแนวโนเมดีขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งกลุ่มข้าราชการ ผู้ประกอบการธุรกิจเอกชน และประชาชน
นาง
เสาวณีย์ กล่าวว่า สาเหตุสำคัญที่สุดของการเกิดการทุจริตคอร์รัปชั่นในไทย 5 อันดับแรก คือ ความล่าช้า/ยุ่งยากของขั้นตอนในการดำเนินงานของราชการ กฎหมายเปิดโอกาสให้ใช้ดุลยพินิจเอื้อต่อการทุจริต ความไม่เข้มงวดของการบังคับใช้กฎหมายและกฎระเบียบ กระบวนการทางการเมืองขาดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ยาก ขาดกลไกการกำกับดูแลกิจการ/การตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ ส่วนรูปแบบการทุจริตคอร์รัปชันในสังคมไทยที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุดคือ การให้สินบน ของกำนัลหรือรางวัลต่าง ๆ รองลงมาคือ การทุจริตเชิงนโยบายโดยผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง การใช้ตำแหน่งทางการเมืองเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อพรรคพวก การจ่ายเงินเพื่อให้ได้ประโยชน์ในภายหลัง และการใช้ช่องโหว่ของกฎหมายเพื่อเอื้อต่อประโยชน์ส่วนตัว เป็นต้น ทั้งนี้ การสำรวจทัศนคติและจิตสำนึกต่อการทุจริตคอร์รัปชั่น คนไทยมีความเห็นว่ากรณีการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องไกลตัวมีเพียง 1% เท่านั้น ส่วน 99% ไม่เห็นด้วย ทั้งนี้ การที่รัฐบาลมีการทุรจิตคอร์รัปชั่นแต่มีผลงานที่ทำประโยชน์ให้สังคมเป็นเรื่องที่รับได้นั้น คนไทยมีความคิดเห็นเช่นเดียวกับเรื่องแรก ซึ่ง 1% ถือว่าน้อยมาก ดังนั้นพูดได้ว่าคนไทยรับไม่ได้ที่รัฐบาลมีการทุจริต ด้านการให้สินน้ำใจ(เงินพิเศษ) เล็ก ๆ น้อย ๆ แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นเรื่องที่ไม่เสียหาย ไม่เห็นด้วย 98% เห็นด้วยมีเพียง 2%
นาง
เสาวณีย์ กล่าวด้วยว่า ความสามารถที่จะทานทนต่อการทุจริตคอร์รัปชั่นของไทยมีแนวโน้มปรับดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดอยุ่ที่ 1.82 เป็นตัวเลขที่ลงมาต่ำกว่าระดับ 2.00 ในรอบ 8 ปี และถือเป็นระดับต่ำที่สุดจากการสำรวจที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นแนวโน้มที่ดี จะดีที่สุดหากสามารถลดระดับลงไปได้ถึง 0 คือเกลียดการทุจริตคอร์รัปชั่นและไม่สามารถทนต่อการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตั้งเป้าหมายที่จะลดลงให้เหลือ 0
“แนวโน้มดัชนี CSI ที่ปรับดีขึ้น คาดว่าจะส่งผลให้ดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชั่น หรือ CPI ของไทย ปรับดีขึ้นโดยการสำรวจล่าสุดไทยอยู่ในลำดับที่ 17 จาก 31 ประเทศ โดยมีคะแนนอยู่ที่ 37 คะแนน แต่ไทยเคยได้คะแนนสูงสุดที่ 38 คะแนน ดังนั้นการสำรวจรอบหน้าขึ้นอยู่กับว่าผู้สำรวจจะนำปัจจัยใดเข้ามาประเมิน โดยหากพิจารณาด้านกฎหมายไทยมีการปรับดีขึ้น แต่มีคะแนนที่เสียไปในส่วนที่ประเทศไทยไม่ได้เป็นประชาธิปไตย”
นาย
ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ขณะนี้สภาพแวดล้อม(อีโคซิสเต็ม)และความพร้อมในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นในไทยจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดถือว่ามีความพร้อมแล้ว โดยมีการแก้ไขกฎหมายต่างๆ ให้มีความถูกต้องชัดเจน ลดการใช้ดุลยพินิจลง ด้านประชาชน ผู้ประกอบการธุรกิจเอกชนและสื่อมวลชน มีความตระหนักรู้เรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นมากขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะเป็นแรงกดดันให้ภาครัฐจะต้องเข้ามาดูแลและแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างจริงจัง
นาย
มานะ นิมิตรมงคง เลขาธิการองค์กรค่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวว่า การติดตามสถานการณ์การทุจริตคอร์รัปชั่นในไทย ล่าสุดคือ กรณีการจัดซื้อดาวเทียม THEOS- 2 ซึ่งคณะผู้สังเกตการณ์ตามข้อตกลงคุณธรรมรวม 6 คน ที่องค์กรฯ ส่งเข้าไปร่วมสังเกตการณ์การจัดซื้อจัดจ้างโครงการดาวเทียมTHEOS – 2 มูลค่า 7 พันล้านบาท ของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) แต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานเจ้าของโครงการ ที่ไม่ให้ความสนใจต่อรายงานการแจ้งเตือนเกี่ยวกับปัญหาขั้นตอนกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง โดยพบว่ามีหลายประเด็นไม่เป็นไปตามข้อตกลงคุณธรรม จึงได้แจ้งขอลาออกทั้งหมด ซึ่งทราบว่าภาครัฐจะมีการชี้แจงในวันที่ 17 สิงหาคมนี้ ซึ่งทางองค์กรฯ จะรอติดตามดูข้อแถลงของทางภาครัฐก่อนจะมีความคิดเห็นต่อไป นอกจากนี้ยังมีกรณีการทุจริตคอร์รัปชั่น เช่น นมโรงเรียน อาหารกลางวัน เป็นต้น ก็ยังมีการติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องเช่นกัน
“ประชาชนมีการตื่นตัวเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นมากขึ้น ทำให้มีการร้องเรียนเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นเพิ่มขึ้นเป็น 5,000 คดีต่อปี จากช่วง 2-3 ปีก่อนที่มีการร้องเรียนอยู่ที่ประมาณ 2,000 คดีต่อปี ทั้งนี้ ประชาชนยังมีการติดตามเรื่องกรณีการทุจริตต่าง ๆ ใกลล้ชิด เช่น เงินทอนวัด นมโรงเรียน อาหารกลางวัน ”
JJNY : 6 in1 อ.สุขุมไม่เห็นด้วย/โพลหอการค้า/รื้อด่วนบ้านศาล/โอดทัวร์จีนลด/รับมือราคาอ้อยร่วง/62ข้าวโพดทะลัก
https://www.matichon.co.th/politics/news_1087767
นายสุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง แสดงความเห็นกรณีกลุ่มสามมิตรเคลื่อนไหวทางการเมือง พบปะประชาชนภาคอีสาน ขณะที่พรรคการเมืองอื่นไม่สามารถดำเนินการลักษณะนี้ได้ คสช. 2 มาตรฐานหรือไม่ว่า จริงๆ น่าจะช่วยกันเชียร์ให้กลุ่มอื่นทำบ้าง และไม่เห็นด้วยกับคำสั่งทำให้คนนั่งอยู่กับที่ หรือไม่ไปเล่นการเมือง ตนมองคนละอย่าง แทนที่จะยุให้เล่นงานกลุ่มสามมิตร เราต้องยุให้คนสู้ ออกมาทำกันมากๆ ดูว่าจะจับไหม
“เมื่อไม่เห็นด้วย ก็น่าจะสนับสนุนกับสิ่งที่กลุ่มสามมิตรทำ คือเล่นกันเปิดเผยดีกว่า เล่นกันเปิดหน้าชัดๆ จะได้รู้ว่าการเมืองจริงๆ ในอนาคตเป็นอย่างไร ขณะนี้ที่เล่นกันแบบนี้ แอบพูด แอบคิดกันอยู่ ก็ยังไม่รู้เลยว่าสามมิตรกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะอยู่ด้วยกันไหม ส่วนจะผิดกฎหมายหรือผิดคำสั่ง คสช.หรือไม่ ไม่ผิดหรอก คสช.บอกว่าไม่ผิด ไม่เห็นเขาทำอะไร ก็แสดงว่าไม่ผิด เมื่อไม่มีใครทักว่าผิด เขาทำได้ กลุ่มอื่นๆ ก็สามารถมีสิทธิทำได้เช่นกัน” นายสุขุมกล่าว
เมื่อถามว่า พฤติกรรมของกลุ่มสามมิตรถือว่าอยู่เหนือกฎหมายหรือไม่ นายสุขุมกล่าวว่า ไม่ได้มองว่าเป็นกฎหมาย เนื่องจากเป็นคำสั่งของกลุ่มคนยึดอำนาจ จะถือว่าเป็นกฎหมายได้อย่างไร เป็นเรื่องความเสมอภาค เรื่องการต่อสู้ ฉะนั้นเรื่องการเมืองต้องปล่อยให้คนมีเสรีภาพในการรวมกลุ่ม มีเสรีภาพในการแสวงหาหนทางต่างๆ ไม่ใช่มานั่งกำกับว่าคุณยังไม่ถึงเวลา
โพลหอค้าชี้ คนไทยรับไม่ได้รัฐบาลคอร์รัปชั่น ราชการต้วมเตี้ยมเปิดช่องทุจริต
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_1088158
นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชันไทย (CSI) สำรวจในเดือนมิถุนายน 2561 พบว่า สถานการณ์คอร์รัปชั่นไทยโดยรวมอยู่ที่ 55 ปรับดีขึ้นจากการสำรวจเดือนธันวาคม 2560 อยู่ที่ 52 ทั้งนี้ ดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทยในปัจจุบันอยู่ที่ 54 จากก่อนหน้าที่ 51 และดัชนีแนวโน้มสถานการณ์คอร์รัปชั่นไทยอยู่ที่ 56 จากเดิม 53 อย่างไรก็ตาม แม้ดัชนีโดยรวมจะปรับดีขึ้น แต่หากพิจารณารายละเอียด อย่างดัชนีปัญหาและความรุนแรงการคอร์รัปชั่นพบว่าอยู่ที่ 48 โดยดัชนียังต่ำกว่าระดับ 50 ชี้ว่ายังมีความกังวลเรื่องนี้ ด้านดัชนีการป้องกันการคอร์รัปชั่นอยู่ที่ 54 โดยความโปร่งใสและประสิทธิภาพการทำงานของภาครัฐมีแนวโน้มดีขึ้น ขณะที่การปรับปรุงขั้นตอนและกฎระเบียบการดำเนินงานของภาครัฐยังทรงตัว ดัชนีการปราบปรามการคอร์รัปชั่น อยู่ที่ 55 ซึ่งที่ดีขึ้นชัดเจนคือ การสร้างเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น ส่วนการตรวจสอบและลงโทษการคอร์รัปชั่นมีทิศทางดีขึ้น ทั้งนี้ ดัชนีการสร้างจริยธรรมและจิตสำนึก อยู่ที่ 64 สูงที่สุดตั้งแต่มีการสำรวจในปี 2553 หรือช่วง 8 ปี และแนวโนเมดีขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งกลุ่มข้าราชการ ผู้ประกอบการธุรกิจเอกชน และประชาชน
นางเสาวณีย์ กล่าวว่า สาเหตุสำคัญที่สุดของการเกิดการทุจริตคอร์รัปชั่นในไทย 5 อันดับแรก คือ ความล่าช้า/ยุ่งยากของขั้นตอนในการดำเนินงานของราชการ กฎหมายเปิดโอกาสให้ใช้ดุลยพินิจเอื้อต่อการทุจริต ความไม่เข้มงวดของการบังคับใช้กฎหมายและกฎระเบียบ กระบวนการทางการเมืองขาดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ยาก ขาดกลไกการกำกับดูแลกิจการ/การตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพ ส่วนรูปแบบการทุจริตคอร์รัปชันในสังคมไทยที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุดคือ การให้สินบน ของกำนัลหรือรางวัลต่าง ๆ รองลงมาคือ การทุจริตเชิงนโยบายโดยผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง การใช้ตำแหน่งทางการเมืองเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อพรรคพวก การจ่ายเงินเพื่อให้ได้ประโยชน์ในภายหลัง และการใช้ช่องโหว่ของกฎหมายเพื่อเอื้อต่อประโยชน์ส่วนตัว เป็นต้น ทั้งนี้ การสำรวจทัศนคติและจิตสำนึกต่อการทุจริตคอร์รัปชั่น คนไทยมีความเห็นว่ากรณีการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องไกลตัวมีเพียง 1% เท่านั้น ส่วน 99% ไม่เห็นด้วย ทั้งนี้ การที่รัฐบาลมีการทุรจิตคอร์รัปชั่นแต่มีผลงานที่ทำประโยชน์ให้สังคมเป็นเรื่องที่รับได้นั้น คนไทยมีความคิดเห็นเช่นเดียวกับเรื่องแรก ซึ่ง 1% ถือว่าน้อยมาก ดังนั้นพูดได้ว่าคนไทยรับไม่ได้ที่รัฐบาลมีการทุจริต ด้านการให้สินน้ำใจ(เงินพิเศษ) เล็ก ๆ น้อย ๆ แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นเรื่องที่ไม่เสียหาย ไม่เห็นด้วย 98% เห็นด้วยมีเพียง 2%
นางเสาวณีย์ กล่าวด้วยว่า ความสามารถที่จะทานทนต่อการทุจริตคอร์รัปชั่นของไทยมีแนวโน้มปรับดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดอยุ่ที่ 1.82 เป็นตัวเลขที่ลงมาต่ำกว่าระดับ 2.00 ในรอบ 8 ปี และถือเป็นระดับต่ำที่สุดจากการสำรวจที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นแนวโน้มที่ดี จะดีที่สุดหากสามารถลดระดับลงไปได้ถึง 0 คือเกลียดการทุจริตคอร์รัปชั่นและไม่สามารถทนต่อการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตั้งเป้าหมายที่จะลดลงให้เหลือ 0
“แนวโน้มดัชนี CSI ที่ปรับดีขึ้น คาดว่าจะส่งผลให้ดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชั่น หรือ CPI ของไทย ปรับดีขึ้นโดยการสำรวจล่าสุดไทยอยู่ในลำดับที่ 17 จาก 31 ประเทศ โดยมีคะแนนอยู่ที่ 37 คะแนน แต่ไทยเคยได้คะแนนสูงสุดที่ 38 คะแนน ดังนั้นการสำรวจรอบหน้าขึ้นอยู่กับว่าผู้สำรวจจะนำปัจจัยใดเข้ามาประเมิน โดยหากพิจารณาด้านกฎหมายไทยมีการปรับดีขึ้น แต่มีคะแนนที่เสียไปในส่วนที่ประเทศไทยไม่ได้เป็นประชาธิปไตย”
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ขณะนี้สภาพแวดล้อม(อีโคซิสเต็ม)และความพร้อมในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นในไทยจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดถือว่ามีความพร้อมแล้ว โดยมีการแก้ไขกฎหมายต่างๆ ให้มีความถูกต้องชัดเจน ลดการใช้ดุลยพินิจลง ด้านประชาชน ผู้ประกอบการธุรกิจเอกชนและสื่อมวลชน มีความตระหนักรู้เรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นมากขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะเป็นแรงกดดันให้ภาครัฐจะต้องเข้ามาดูแลและแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างจริงจัง
นายมานะ นิมิตรมงคง เลขาธิการองค์กรค่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวว่า การติดตามสถานการณ์การทุจริตคอร์รัปชั่นในไทย ล่าสุดคือ กรณีการจัดซื้อดาวเทียม THEOS- 2 ซึ่งคณะผู้สังเกตการณ์ตามข้อตกลงคุณธรรมรวม 6 คน ที่องค์กรฯ ส่งเข้าไปร่วมสังเกตการณ์การจัดซื้อจัดจ้างโครงการดาวเทียมTHEOS – 2 มูลค่า 7 พันล้านบาท ของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) แต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานเจ้าของโครงการ ที่ไม่ให้ความสนใจต่อรายงานการแจ้งเตือนเกี่ยวกับปัญหาขั้นตอนกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง โดยพบว่ามีหลายประเด็นไม่เป็นไปตามข้อตกลงคุณธรรม จึงได้แจ้งขอลาออกทั้งหมด ซึ่งทราบว่าภาครัฐจะมีการชี้แจงในวันที่ 17 สิงหาคมนี้ ซึ่งทางองค์กรฯ จะรอติดตามดูข้อแถลงของทางภาครัฐก่อนจะมีความคิดเห็นต่อไป นอกจากนี้ยังมีกรณีการทุจริตคอร์รัปชั่น เช่น นมโรงเรียน อาหารกลางวัน เป็นต้น ก็ยังมีการติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องเช่นกัน
“ประชาชนมีการตื่นตัวเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นมากขึ้น ทำให้มีการร้องเรียนเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นเพิ่มขึ้นเป็น 5,000 คดีต่อปี จากช่วง 2-3 ปีก่อนที่มีการร้องเรียนอยู่ที่ประมาณ 2,000 คดีต่อปี ทั้งนี้ ประชาชนยังมีการติดตามเรื่องกรณีการทุจริตต่าง ๆ ใกลล้ชิด เช่น เงินทอนวัด นมโรงเรียน อาหารกลางวัน ”